Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: pom007 ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 00:09:55

หัวข้อ: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: pom007 ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 00:09:55
ผมเพิ่งซื้อรถ Honda Civic มาประมาณ 1 เดือนครับ  ออกป้ายแดงกับศูนย์ Honda สุวรรณภูมิ
ตอนแรกก็ลังเลครับ  ว่าจะซื้อ Lancer EX ดีรึเปล่า  แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจออก Civic ครับ

เรื่องของเรื่องมันก็อยู่ที่เสียงต๊อกๆ มาจากเครื่องยนต์ ที่ปันเรื่องเป็นราวโพสอยู่ตามเว็ปต่างๆนี่แหละ
รับรถมาตอนแรก  ก็ขับดีมากมายอย่างใจหวัง

แต่แล้ว 3 อาทิตย์ผ่านไป (วิ่งครบพันกิโลพอดี) ..... เสียงมันก็มาครับ  แถมค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ  เศร้ามากครับ
วันนี้ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า  เอารถไปเข้าศูนย์ Honda สุวรรณภูมิ  (บ้านผมอยู่พระราม 5  แต่ดันไปซื้อศูนย์สุวรรณภูมิ เพราะเห็นแก่ประกันชั้นหนึ่ง)
หัวหน้าช่างมาฟังเสียงเหมือนรู้งาน  เสียงดังชัดมาก  พร้อมบอกว่าเป็นกันหลายคันแล้ว  รอคิวเปล๊่ยนเครื่องอย่างเดียว
เทศรถเสร็จ  ก็กลับมาห้องพักลูกค้าคุยกับพนักงานรับรถต่อ  เค้าบอกว่ายังไม่แน่ใจว่าเสียงดังจริงรึเปล่า 
ต้องรอช่างเทคนิคจาก Honda ศูนย์ใหญ่มาตรวจสอบ

ได้ยินแต่นี้  โกรธควันออกหูเลยครับ  เมื่อกี๊นี้หัวหน้าช่างยังบอกอยู่เลยว่าเสียงเครื่องดัง  ไอ้นี่มาจากไหน  ไม่ได้ไปฟังด้วยซะหน่อย  บอกไม่รู้ดังรึเปล่า
ผมเลยบอกให้ไปตามผู้จัดการคุย  รู้มั้ยครับ  มันบอกว่าไง......มันบอกว่าผู้จัดการลา 1 เดือนครับ  (ผู้จัดการเป็นผู้ชาย   ลาคลอดเหรอครับน้อง)
ผมเลยบอกว่าถ้าผู้จัดการไม่อยู่   ให้ไปตามรองผู้จัดการมาคุย   ทีนี้ละครับผู้จัดการที่ลากลับมาทำงานซะงั้น

คุยกับผู้จัดการอยู่พักนึง  ก็ได้ความว่ารถรุ่นนี้มีอาการนี้กันหลายคัน  ต้องให้ช่างเทคนิคจาก Honda มาตรวจสอบ
แต่ส่วนใหญ่  ถ้าเพิ่งออกรถไปไม่นาน  ก็จะได้เปลี่ยนเครื่องใหม่  ถ้าออกไปนานแล้ว  ใช้ผ่าเครื่องเปลี่ยนเสื้อสูบใหม่
ผู้จัดการเลยบอกว่า  วันจันทร์จะโทรแจ้งว่านัดคิวช่างเทคนิคได้วันไหน  จะได้เอารถเข้าไปตรวจสอบอีกที
พนักงานรับรถคนเดิมพูดเสริมมาอีกครับว่า  ไม่ต้องเป็นห่วง  อาการนี้เป็นอาการปกติ  ไม่ส่งผลอะไรกับเครื่องยนต์  (ไม่มีผลแล้วเปลี่ยนเครื่องทำไมครับพี่น้อง)
ควันออกหู  ด่าไปอีกยกใหญ่  ซื้อรถคันเหยียบล้านนะ
ขับรถออกจากโชว์รูมสัก 10 นาทีก็ได้รับโทรศัพท์ว่านัดช่างให้เรียบร้อยแล้ว  ได้วันอังคารตอน 10 โมง ศูนย์พระราม 5  (อันนี้บอกผู้จัการศูนย์ไปว่าสะดวก ศูนย์พระราม 5)

วันอังคารก็คงต้องเตรียมตัว  เตรียมใจไปคุยกับช่างเทคนิคอีก  ไม่รู้ว่าผลออกมาจะเป็นยังไง

ไม่คิดเลยว่า Honda จะมีมาตรฐานกานประกอบรถยนต์ที่แย่ขนาดนี้
ปํญหาเรื่องอื่นยังพอรับได้ครับ  แต่ปัญหาเครื่องยนต์นี่  รับไม่ได้จริงๆ
ถ้าแก้ไม่หาย  สงสัยต้องลาขาดครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: MyName ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 00:21:09
ลองอ่านประกอบดูคับ
Credit : Civic FD Thailand
http://www.civicfdthailand.com/ipb_forum/index.php?act=announce&f=10&id=24

สต. อ่านแล้ว บอกได้คำเดียวคับ "จุก" สนิทเลย
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: Lovely_Car ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 00:21:28
ใจเย็นนะครับ ทุกปัญหามีทางแก้ครับ

ผมก็ใช้FD MCเหมือนคุณล่ะครับ แต่สงสัยรถผมคงจะโชคดีมีปัญหาแค่เรื่องกลิ่นแอร์ กับโช้ครั่ว แต่ตอนนี้ก็แก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ

เข้าใจครับว่าเจอเรื่องแบบนี้เป็นใครก็โมโห

เอาใจช่วยนะครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: BBOnLY ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 00:27:18
ใจเย็นๆครับ อย่างน้อยทางศูนย์เค้าแก้ปัญหาได้ดีในระดับหนึ่งละครับ แต่เพียงพนังงานพูดจาไม่เข้าหูเท่านั้นเอง
งานนี้เป็นเรื่องของทางฮอนด้าละครับว่าจะแก้ปัญหาในเรื่องของตัวเครื่องยนต์ในรุ่นต่อๆไปอย่างไรและดีขนาดไหน
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 00:42:39
ไม่รับผิดชอบเล้ยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: nonpatan ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 00:54:21
ผมก็ว่าครับรับผิดชอบน้อยไป อีกทั้งยังปัดความรับผิดชอบอีก(ที่บอกว่าผู้จัดการไม่มี) ผมว่าถ้าผิดก็หาทางออกให้ลูกค้าสิ ไม่ต้องพูดจาไม่ได้เรื่องอย่างงั้น ผมว่าถ้ามีความจริงใจในการแก้ปัญหาลูกค้าเขาไม่ว่าอะไรหรอก ไม่ใช่ปัด และก็โกหก ผมละเกลียดนักพวกแบบนี้
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: J!MMY ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 01:04:10
ได้ยินมาว่า ศูนย์ ปทุมธานี บริการดีกว่ากัเยอะแยะ


ลองย้ายศูนย์ ดูไหมครับ

อีกอย่าง เรื่องนี้ คุยกับ CRM ไปเลยน่าจะสบายใกว่าคุยกับดีลเลอร์ ครับ

เดี๋ยวจะมีเคส ที่ ฮอนด้า บางพลี ทำรถผมเป็นรอยถอกเล็กๆ นั่นอีกเหมือนกัน
รอก่อน รอก่อน
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: Satanic za' ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 01:07:44
ผมขอบายคนนึงล่ะครับ รุ่นนี้
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: boykung ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 01:24:31
สรุปก็ไม่รับผิดชอบนิหว่า จากจดหมายเนี่ย

ความจริงต้องเรียกเปลี่ยนทุกคันที่มีเสียงแล้ว
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: bourne ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 05:10:30
ขอแสดงความเสียใจครับ เข้าใจครับง่าเราไม่ได้ขอรถเขามาขับฟรีๆ เราก็จ่ายเงินที่หาได้จากน้ำพักน้ำแรงชองเราเอง
เจออย่างนี้ก็เป็นใครก็เซ็งครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: GUDJA-MAN ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 05:48:35
รุ่นไหนหรอครับ 1.8 หรือ 2.0
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: Can ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 07:28:52
อ่านจดหมายนั่นแล้วตกใจจริงๆ แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าฮอนด้าปัดความรับผิดชอบ

ถ้าเรื่องนี้เกิดในประเทศอื่นที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐเป็นคนของประชาชนอย่างแท้จริง ฮอนด้าเรียกคืนรถไปนานแล้ว

ใครลองไปถามผู้จัดการคนที่ตอบจดหมายซีครับว่าดดยทั่วไปเสียงเกิดขึ้นได้อย่างไร แหล่งกำเนิดเสียงทำตัวต่างกันอย่างไรระหว่างเสียงเบาและเสียงดัง มาอ้างว่าบางคันเสียงดังก็ต้องถามว่าเพลาและข้อเหวี่ยงหมุนต่างกันอย่างไร

เสียงที่เราได้ยินนั้นเกิดจากการสั่นสะเทือนของอากาศในช่วงความถี่ที่หูเราสามารถได้ยินได้ อากาศจะสั่นได้จะต้องมีแหล่งที่ทำให้มันสั่น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่นลำโพง เสียงที่ดังแผ่นไดอะแฟรมของลำโพงจะเคลื่อนตัวเป็นระยะน้อยกว่าเสียงดัง

เมื่อเสียงเกิดจากเพลาข้อเหวี่ยงก็แสดงว่าเพลาข้อเหวี่ยงทำงานไม่ราบเรียบทำให้เกิดการสั่นขึ้น จะทำให้เกิดการสึกหรอมากกว่าปกติแน่นอน

ที่น่าตกใจคือ บริษัทระดับฮอนด้าแต่ตอบคำถามแบบแม่บ้านที่รู้แต่เรื่องทำกับข้าว กล่าวคือ อ้างสาเหตุโดยไม่มีการใช้เครื่องมือตรวจสอบ ที่ว่าไม่มีการใช้เครื่องมือตรวจสอบคือ การอ้างว่า เสียงเกิดเมื่อรอบต่ำ

ไอ๊หยา.. อย่างที่บอกในตอนต้นว่า เสียงเกิดจากการสั่นสะเทือนของอากาศในช่วงความถี่ที่หูเราได้ยิน ถ้าความถี่สูงกว่านั้นหูเราจะไม่ได้ยิน นอกเสียจากว่าหูเราจะดีเป็นหูหมา(อันนี้พูดเล่น) จะต้องมีการใช้เครื่องวัดมาตรวจสอบ การที่เราไม่ได้ยินหรือไม่เห็นไม่สามารถสรุปได้ว่าไม่มีอาการนั้น ถ้าเกิดจากเพลาอย่างที่ว่า ที่ความเร็วสูงก็จะมีเสียง อันที่จริงถ้ามีการเอาเครื่องมือมาวัดความถี่เสียงที่เกิดแล้วเทียบกับรอบเครื่องที่เห็นจากเกย์วัดรอบ ก็จะสรุปได้ว่าในหนึ่งรอบหมุนของเครื่องจะทำให้เดเสียงความถี่ใด จากนั้นเราก็จะคาดหมายได้เลยว่าเสียงจะเบาลงเมื่อรอบเครื่องเท่าใดและเราจะไม่ได้ยินที่รอบเครื่องเท่าใด แต่ไม่ได้แปลว่าหาย

และว่าไปตามความจริง ยิ่งรอบเครื่องสูงก็จะยิ่งอันตราย เพราะจะสึกหรอมากขึ้น

เจ้าของรถควรรวมตัวกันร้องเรียนได้แล้ว เรียกร้องให้มีการพิสูจน์ ผู้จัดการฝ่ายเทคนิคควรมีความรู้พื้นฐานทางฟิสิคส์ที่ดีกว่านี้

ก่อนจบขอติงเจ้าของกระทู้หน่อยว่า หัวข้อกระทู้ควรเขียนให้ถูก

เรื่องน่าเศร้า ไม่ใชเรื่องหน้าเศร้า ภาษาไทยของเราอยากให้ช่วยกันใช้ให้ถูก ไม่อยากให้เว็บเราเป็นแหล่งเผยแพร่ภาษาไทยที่ผิดๆ เท่าที่ดูก็เห็นสมาชิกที่กำลังเรียนอยู่หลายคน ไม่อยากให้น้องๆจำภาษาที่ผิดๆไปใช้ อยากให้ทุกคนช่วยกันหน่อย ถ้าผิดเพราะพิมพ์ผิดถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ผิดเพราะใช้คำผิดนี่ควรหลีกเลี่ยง
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: pom007 ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 07:59:20
รุ่นไหนหรอครับ 1.8 หรือ 2.0

รุ่น 1.8 ครับ  แต่เท่าที่ดูใน civicfdthailand รุ่น 2.0 ก็มีเป็นเหมือนกัน
สรุปเป็นทุกรุ่น  ล็อตหลังๆยิ่งเยอะ
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: pom007 ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 08:07:21
อ่านจดหมายนั่นแล้วตกใจจริงๆ แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าฮอนด้าปัดความรับผิดชอบ

ถ้าเรื่องนี้เกิดในประเทศอื่นที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐเป็นคนของประชาชนอย่างแท้จริง ฮอนด้าเรียกคืนรถไปนานแล้ว

ใครลองไปถามผู้จัดการคนที่ตอบจดหมายซีครับว่าดดยทั่วไปเสียงเกิดขึ้นได้อย่างไร แหล่งกำเนิดเสียงทำตัวต่างกันอย่างไรระหว่างเสียงเบาและเสียงดัง มาอ้างว่าบางคันเสียงดังก็ต้องถามว่าเพลาและข้อเหวี่ยงหมุนต่างกันอย่างไร

เสียงที่เราได้ยินนั้นเกิดจากการสั่นสะเทือนของอากาศในช่วงความถี่ที่หูเราสามารถได้ยินได้ อากาศจะสั่นได้จะต้องมีแหล่งที่ทำให้มันสั่น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่นลำโพง เสียงที่ดังแผ่นไดอะแฟรมของลำโพงจะเคลื่อนตัวเป็นระยะน้อยกว่าเสียงดัง

เมื่อเสียงเกิดจากเพลาข้อเหวี่ยงก็แสดงว่าเพลาข้อเหวี่ยงทำงานไม่ราบเรียบทำให้เกิดการสั่นขึ้น จะทำให้เกิดการสึกหรอมากกว่าปกติแน่นอน

ที่น่าตกใจคือ บริษัทระดับฮอนด้าแต่ตอบคำถามแบบแม่บ้านที่รู้แต่เรื่องทำกับข้าว กล่าวคือ อ้างสาเหตุโดยไม่มีการใช้เครื่องมือตรวจสอบ ที่ว่าไม่มีการใช้เครื่องมือตรวจสอบคือ การอ้างว่า เสียงเกิดเมื่อรอบต่ำ

ไอ๊หยา.. อย่างที่บอกในตอนต้นว่า เสียงเกิดจากการสั่นสะเทือนของอากาศในช่วงความถี่ที่หูเราได้ยิน ถ้าความถี่สูงกว่านั้นหูเราจะไม่ได้ยิน นอกเสียจากว่าหูเราจะดีเป็นหูหมา(อันนี้พูดเล่น) จะต้องมีการใช้เครื่องวัดมาตรวจสอบ การที่เราไม่ได้ยินหรือไม่เห็นไม่สามารถสรุปได้ว่าไม่มีอาการนั้น ถ้าเกิดจากเพลาอย่างที่ว่า ที่ความเร็วสูงก็จะมีเสียง อันที่จริงถ้ามีการเอาเครื่องมือมาวัดความถี่เสียงที่เกิดแล้วเทียบกับรอบเครื่องที่เห็นจากเกย์วัดรอบ ก็จะสรุปได้ว่าในหนึ่งรอบหมุนของเครื่องจะทำให้เดเสียงความถี่ใด จากนั้นเราก็จะคาดหมายได้เลยว่าเสียงจะเบาลงเมื่อรอบเครื่องเท่าใดและเราจะไม่ได้ยินที่รอบเครื่องเท่าใด แต่ไม่ได้แปลว่าหาย

และว่าไปตามความจริง ยิ่งรอบเครื่องสูงก็จะยิ่งอันตราย เพราะจะสึกหรอมากขึ้น

เจ้าของรถควรรวมตัวกันร้องเรียนได้แล้ว เรียกร้องให้มีการพิสูจน์ ผู้จัดการฝ่ายเทคนิคควรมีความรู้พื้นฐานทางฟิสิคส์ที่ดีกว่านี้

ก่อนจบขอติงเจ้าของกระทู้หน่อยว่า หัวข้อกระทู้ควรเขียนให้ถูก

เรื่องน่าเศร้า ไม่ใชเรื่องหน้าเศร้า ภาษาไทยของเราอยากให้ช่วยกันใช้ให้ถูก ไม่อยากให้เว็บเราเป็นแหล่งเผยแพร่ภาษาไทยที่ผิดๆ เท่าที่ดูก็เห็นสมาชิกที่กำลังเรียนอยู่หลายคน ไม่อยากให้น้องๆจำภาษาที่ผิดๆไปใช้ อยากให้ทุกคนช่วยกันหน่อย ถ้าผิดเพราะพิมพ์ผิดถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ผิดเพราะใช้คำผิดนี่ควรหลีกเลี่ยง

ใช่แล้วครับ  Honda ชี้แจงเรื่องนี้เหมือนลูกค้าเป็นแค่แม่บ้านธรรมดา
เดี๋ยวเจอช่างเทคนิควันอังคาร  หากยังมาชี้แจงแบบนี้อีกผมคงสวนกลับ  พร้อมกับด่าไปอีกรอบ
ผมเป็นวิศวกรนะครับ  สิ่งที่เอามาอ้างอิง+ชี้แจง  ควรมีเหตุผลมารองรับมากกว่านี้หน่อย  ไม่ใช่คิดแต่จะปัดความรับผิดชอบ
ถ้ายังไม่เป็นที่น่าพอใจ  สงสัยต้องบุกสำนักงานใหญ่ครับ

ส่วนเรื่องการใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง  ต้องขอโทษทีครับ
พยายามระวังแล้ว  แต่ยังพลาด  คราวหลังจะระวังให้มากขึ้น
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: ????????? ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 08:12:54
^
^
^
เวลาไปคุยกับ 0อีก อยากแนะนำให้ อย่าใช่อารมณ์นะครับ ใช้เหตุผลหักล้างให้มากๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: FyGI ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 08:53:45
ช่วงนี้ได้ยินเรื่อง ฮอนด้า บ่อยมาก

แถมมีจม. ออกจากฮอนด้าอีก ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรดี

ผมก็ใช้ฮอนด้า ความรู้สึกบางเรื่องเหมือน จขกท ครับ



กลับไปใช้รถมือสองสบายใจกว่า
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: TurBoZ ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 09:24:21
สู้ๆคับ เป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: chai99 ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 09:46:23
ทำไมเป็นอย่างนี้
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 11:19:50
เรื่องน่าเศร้า ไม่ใชเรื่องหน้าเศร้า ภาษาไทยของเราอยากให้ช่วยกันใช้ให้ถูก ไม่อยากให้เว็บเราเป็นแหล่งเผยแพร่ภาษาไทยที่ผิดๆ เท่าที่ดูก็เห็นสมาชิกที่กำลังเรียนอยู่หลายคน ไม่อยากให้น้องๆจำภาษาที่ผิดๆไปใช้ อยากให้ทุกคนช่วยกันหน่อย ถ้าผิดเพราะพิมพ์ผิดถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ผิดเพราะใช้คำผิดนี่ควรหลีกเลี่ยง

ใช่ครับ เว็บสโมสรคนใช้รถบางแห่ง ก็เขียนกันทำให้มันอ่านลำบากจนไม่ค่อยอยากจะเข้าครับ
อ่านอะไรในเว็บนี้ไม่เครียดสายตาเลย
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: sirisak_ac118 ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 12:10:24
กรรมของผู้บริโภคจริงๆ เอาใจช่วยนะครับ :)
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: koruru ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 12:35:45
ผมสงสัยว่า ทำไมปัญหานี้เป็นกันเกือบทุกคัน
แต่ civic รุ่นนี้ ก็ยังเป็นรถที่ขายดีอันดับหนึ่ง
เหมือนกับว่าลูกค้าที่ซื้อไปบางท่าน จะรับปัญหานี้
กันได้ เมื่อเทียบกับข้อดีของ civic รุ่นนี้

แต่สำหรับผม ต้องเปลี่ยนเครื่องอย่างเดียว แบบนี้
รับไม่ได้จิงๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: aood!e ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 13:23:23
เรียนท่านสมาชิกทุกท่าน

 ผมเป็นหนึ่งในการรอคำตอบจากทางHonda ใช้Civic FD รถวิ่งมา 35000km.
 1.8
เจอปัญหาดังนี้ที่ทางHonda โยนปัญหาให้ ลูกค้า
  ดังนี้ คือกินยางด้านในทั้งสองข้างด้านหลัง  (สภาพการใช้รถของผมคือขับคนเดียว ไม่ได้ติดตั้งgas ใดๆทั้งสิ้น ลมยางเช็คทุกอาทิตย์ สภาพถนนใน กทม.)
ลักษณะของดอกยางคือเป็นบั่งๆฟันปลา ไม่เรียบ ขณะใช้มือลูปผิวดอกยางด้านใน ทั้งสองเส้น ด้านหลัง
ได้เข้าไปที่ศูนย์เพิ่อขอแจ้งซ่อม เกิดความผิดปรกติของช่วงล่างว่าให้ช่วยหาสาเหตุของการเกิดปัญหาดังกล่าว
      แต่ทางช่างแจ้งว่าเป็นที่ยาง  งง มากๆครับ ยางของ Michelin pilot (ล้อยางเดิมติดรถไม่ได้เปลี่ยนแม็กใดๆเลย)
มันบอกว่าให้ไปเครมที่Michelin พระเจ้า โยนไปเห็นๆ แล้ว ตูจะไปบอกMichelin ยังไง.......!!!!!!ว่าสาเหตุเกิดจากยางพี่เค้า เป็นปัญหาที่ลูกค้าต้องไปติดต่อเองงั้นเหรอฟ่ะ
ผมได้นำรถออกจากศูนย์ ความหวังของผมตอนนี้คือขับไปที่ร้านช่วงล่างที่ สนิทกันเพื่อตรวจสอบจากเฮี่ย ข้างถนน
เฮี่ยเค้าดูประมาณไม่ถึง5 นาที  บอกว่าเป็นที่โช๊คอัพ เสีย ทำให้ยางเป็นลักษณะเช่นนี้
ผมจึงขอให้ทางเฮี่ยตรวจสอบโช๊คอัพอย่างละเอียดว่ามีรอยซึมของน้ำมันที่บริเวณโช๊คอัพหรือไม่  ผลปรากฏว่าเป็นรอยเลอะออกมา แต่ไม่มาก แต่ก็ยังไม่สรุปว่าเป็นที่โช๊คอัพ เพราะไม่กล้าให้ที่ร้านเฮี่ยถอดออกมาดูข้างนอก  กลัวว่าหากกลับไปที่ศุนย์อีกครั้ง กลัวมันหาว่าเราไปสลับโช๊คอัพที่เสียมาขอทำเครม
ผมจึงรถไปที่ร้านยางอีกครั้งที่ Tyre Plus เพื่อเปลี่ยนยางหลัง และที่นี่ได้ให้คำปรึกษาของสาเหตุที่ทำในยางเป็นบั่งฟันปลาด้านใน เกิดจาก โช๊คอัพมีปัญหา
ผมจึงเปลี่ยนยางทั้งสองเส้น ด้วยที่ว่าจะต้องเดินทางไปต่างจังหวัด
หลังจากเปลี่ยนยางผมได้กลับไปที่ศูนย์honda เจ้ากรรมนั่้นอีกครั้ง เพื่อที่จะนำยางไปให้เจ้าหน้าที่ honda ตรวจสอบ และขอเคลมโช๊ดอัพและยางด้วย
แต่ทางHonda แจ้งผมกลับมาว่า  ทางhonda ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วว่า ปัญหาที่เกิดเกิดจะสภาพการใช้งานของลูกค้า สภาพรถอยู่ในสภาพปรกติ
แล้วอันที่ยางมันเป็นอย่างงั้นแสดงว่า เป็นความผิดของตูงั้นเหรอ ฟ่ะ

นี่เหรอ รถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่แม่งไม่เป็นมิตรกับลูกค้า เลย ซ่วย เฮงซ่วย

หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: Pan Paitoonpong ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 14:10:32
เท่าที่อ่านมาคงต้องขอถอนหายใจยาวๆ..เห้อ.

ถึงแม้ผมจะชื่นชนในการออกแบบและเทคโนโลยีของฮอนด้า แต่พักหลังๆมานี่ทำไมผมกลับมีความรู้สึกกังวลใจเวลารู้ว่าใครสักคนจะซื้อฮอนด้า

รถของคนที่ผมรู้จัก และเจอกันที่ร้านกาแฟประจำ ออกรถป้ายแดงมาล้านกลางๆเพื่อที่จะพบว่าสีรถพ่นมาไม่เรียบร้อยเลย
เหมือนกับพ่นแบบรีบๆลวกๆ พอไปเคลมกับทางโรงงาน โรงงานบอกให้คุณไปเคลมกับดีลเลอร์เอาเอง เพราะเป็นความรับผิดชอบของดีลเลอร์
ที่ต้องตรวจสอบสภาพรถก่อนส่งมอบให้ลูกค้า

รถ FD ของคุณตั้มในนี้ ผมก็รู้จักสนิทกันดีเพราะเป็นเพื่อนของ Tee_Abuser (ที่ปรึกษาเรื่องการแต่งรถประจำตัวผมเลยล่ะคนนี้) ก็มีปัญหากับเครื่องยนต์ โรคต๊อกๆเช่นกัน นี่คือรถใหม่นะครับ

ES คันสีเงินของแม่ผม ออกมาจากดีลเลอร์พร้อมน้ำมัน 1/4 ถัง และฝาถังน้ำมันที่เปิดไม่ได้
CR-V ปี 2003 ของพ่อผมใช้ไปได้ 2 ปี แอร์อัตโนมัติติงต๊อง เปิดเบอร์ 1 เป่าลมยังก็ป๊ามันเป็นไ้ต้ฝุ่น เปิดเบอร์ 3 ดันไม่เป่าลมสักดอก
คอมแอร์เสียบ่อยมาก ขนาดเบิกศูนย์แท้ๆ พอประกันหมดปุ๊บมันเสียเลย
ES สีดำของพี่สาวผมออกมาจากศูนย์พร้อมกับน็อตยึดคอนโซลที่แทบไม่ได้ขันเลย ดังตลอดเวลาที่วิ่ง


ดังนั้น เวลาจะให้ผมแนะนำอะไรกับใคร ผมจะบอกว่าฮอนด้า ผมก็กลัวโดนด่าเหมือนกันนะครับว่าทำไมแนะรถอย่างนี้ให้เขา

แต่ถ้าเป็นคนที่รู้เรื่องรถ ชอบรถอยู่แล้ว ผมมักจะไม่กลัวที่จะแนะนำ เพราะคนเหล่านี้ส่วนมากเข้าใจดีว่าอะไรคือความผิดพลาดของส่วนไหน
ไม่โทรมาด่าผมให้เสียอารมณ์ ดูอย่างคุณถัง กับ Civic 2.0 ของเขา..รถคันนั้นเป็นรถที่ใช้โอเค ปัญหาไม่มาก แต่ขับสนุก อุปกรณ์โอเค
วิ่งดีกว่าที่คาด ถ้าไม่ใช่ว่าจนล่ะก็ป่านนี้ผมก็เอามาคันนึงแล้ว

แต่กับคนอื่นที่ซื้อรถมาเพื่อใช้ ไม่ได้เก่งเรื่องรถ แถมอาจตกเป็นเหยื่อให้โดนหลอกโป้ปดไม่ยอมรับผิดชอบอะไรทำนองนี้ ผมจนใจจนต้องบอกไปเสมอว่า ไอ้ที่ชั้นบอกว่ามันดีน่ะ..มันก็คือรถคันที่ชั้นลองมานะ มันเป็นแบบนั้น แต่ถ้าเป็นรถเธอ มันอาจจะมีอะไรเสียขึ้นมา ชั้นไม่รู้นะเว้ย


ในช่วงนี้ผมอาจจะยังมีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ของฮอนด้าเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวใจอยู่ แต่มันจะดีกว่านี้มากถ้าผมสามารถแนะนำให้พ่อผมซื้อฮอนด้าคันต่อไปได้โดยที่มั่นใจว่ามันถูกประกอบและทำมาอย่างดี...ช่างหัวเรื่องวัสดุผมไม่สน แต่ขอให้มันทำงานได้ดีโดยไร้ข้อผิดพลาด และถ้ามีพลาด ก็ขอให้มันแก้ได้ง่าย ไว และมีการรับผิดชอบด้วยความรู้สึกของคนที่เข้าใจหัวอกคนเพิ่งออกรถใหม่บ้าง

แค่นั้น ผมจะไม่ลังเลที่จะเอาฮอนด้าคันที่น่าเบื่อในบ้านไปเทิร์นออกฮอนด้าคันใหม่
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: Terng ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 17:21:53
ขอแสดงความเสียใจด้วยจริงๆครับ - -"

ครั้งนึงผมก็เกือบเลือกมันมาใช้ละ เพราะมันสวยเนี่ยแหละ

สุดท้ายผมเลือกความสบายใจแทน เพราะเห็นของเพื่อนหลายๆคันเจอปัญหา + ความงี่เง่าของศูนย์ โดยเฉพาะศูนย์ที่เดียวกันนั่นแหละครับ(สุวรรณภูมิ) ทำให้ผมตัดสินใจ ไม่ซื้อมัน (คิดว่าผมโง่)
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: Eak ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 21:26:45
ขอตอบบ้างครับ บอกตามตรงปัญหาเดียวกันที่เจอ ไป O ที่ซื้อก็ตอบไม่ได้ (ต่างจว ติดกทมนี่แหละ) มาที่ O กทม สุขุมวิทย์ ทำท่าว่าจะรู้ก็ไม่กล้าตอบ รอช่างใหญ่มาเช็ค ว่าจะเปลี่ยนให้เปล่า วันที่นัดมาเจอ มีตั้ง 6 คันครับ อาการเหมือนกัน สรุป คันของเราต้องเปลี่ยนเครื่อง (คันอื่นไม่รู้ถามมันดูมันบอกว่าไม่รู้เดี๋ยวจะบอกเจ้าของรถเอง) แต่เมื่อไรไม่รู้ แล้วจะโทรมาแจ้งเอง (ตอบเหมือนบอกว่า (เมิงไม่ต้องโทรมาตามนะ)  ผมว่า 90 % เป็นหมดครับ 

O ที่ซื้อไม่รับผิดชอบเลย ถามว่าตอนเปลี่ยนเครื่องมีรถให้ใช้เปล่า ดูมันตอบ บริษัทไม่มีนโยบายครับ

หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: Disk™ ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 21:32:46
ขอแสดงความเสียใจด้วยจริงๆครับ - -"

ครั้งนึงผมก็เกือบเลือกมันมาใช้ละ เพราะมันสวยเนี่ยแหละ

สุดท้ายผมเลือกความสบายใจแทน เพราะเห็นของเพื่อนหลายๆคันเจอปัญหา + ความงี่เง่าของศูนย์ โดยเฉพาะศูนย์ที่เดียวกันนั่นแหละครับ(สุวรรณภูมิ) ทำให้ผมตัดสินใจ ไม่ซื้อมัน (คิดว่าผมโง่)

ก็เลยเลือกคันที่อยู่ในรูปใช่ไหมครับ ^^
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ พฤศจิกายน 01, 2009, 21:35:19
ที่ขายดีอยู่เป็นเพราะว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่รู้ถึงปัญหานี่อ่ะดิครับ ส่วนใหญ่คนที่รู้ก็ต้องหาข้อมูลเบื้องลึกหรือดูเว็บทั้งนั้น ไม่รู้ว่ามันมีปัญหาใกล้เคียงกับจุดเดือดของ CRV ที่เคยทุบในอดีตแค่ไหนแล้ว  :-X

ว่ากันถึงเรื่องปัญหาต่างๆของรถยนต์มันวัดออกมาแน่นอนเลยยากมากๆ เพราะความพึงพอใจแต่ละคนมันต่างกัน บางคนมีลักษณะของ brand loyalty มีปัญหามากแค่ไหนก็รักยี่ห้อนี่ บางคนเห็นคุณค่าของเงินที่จ่ายไปเป็นใหญ่ บางคนตัดสินเอาว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีผลกระทบมากแค่ไหน มันคิดแทนกันยาก

ฟอร์ดของผมออกมาคันแรกๆพบว่ามีปัญหาเยอะเหมือนกันเช่นสปอยเลอร์พ่นสีสากเป็นเม็ดๆ กันชนหลังก็มีรอบสีฉีกนิดๆ(คนประกอบคงใช้ทรีนดันให้เข้ากันจนสีฉีกเลย) ขึ้นเนินสูงยางกระจกลั่นเหมือนตัวถังบิด แถมด้วยแอร์เหม็นในบางเวลาอีกต่างหาก แต่ผมมองว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเพราะคุณค่าในส่วนที่รถควรจะเป็นยังทำงานได้ดีอยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ TDCI มันเกิดเปรี้ยวงอแงอย่างซีวิคขึ้นมาจะจะเล่นงานฟอร์ดให้น่าดูชมเลย จะเอาไปจอดประจานป่าวประกาศหน้าศูนย์ใหญ่และมอเตอร์โชว์แล้วราดน้ำมันจุดไฟเผาห้องเครื่องบุชายัญทั้งน้ำตามันซะเลย ฮ่ะๆๆๆๆ   ;D

ผมคิดว่าปัญหานี้แต่ละคนควรจะหาทางออกที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุดและสบายใจที่สุดด้วย แต่อยากให้จำไว้ว่าผู้บริโภคต้องยืนอยู่เหนือผู้ค้าเสมอ อย่าได้เป็นเบี้ยล่างให้มันกดขี่เอาเปรียบครับ  >:(
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: flyboy ที่ พฤศจิกายน 02, 2009, 00:23:13
เรื่องยางหลังกินยางด้านในนี่ ผมยังสงสัยว่ามันเป็นที่ช็อคอัพหรือว่าเกิดจากมุมล้อที่เค้าตั้งไว้กันแน่ครับ เพราะมองจากด้านหลังจะเห็นชัดเลยว่าล้อหลังจะแบะออก ซึ่งโดยปกติมันก็น่าจะกินยางด้านในมากกว่า อันนี้ผมเข้าใจถูกมั๊ยครับ
ตัวผมก็ใช้ FD ตัว minor changed โชคดีที่ยังไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวรถและเครื่องยนต์เลยหลังจากใช้มาเกือบปี วิ่งไปหมื่นนิดๆ
อ่านเจอในคลับ FD แล้วก็เล่นเอาจิตตกไปหลายวัน ขับแต่ละทีปิดแอร์ปิดวิทยุนั่งฟังเสียงเครื่องมันอย่างเดียวเลย  :(
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: Blur ที่ พฤศจิกายน 02, 2009, 00:40:58
เปลี่ยนเป็นดีลเลอร์ ก็ดิ่งลงจริงๆครับ
เลือกได้คงไม่ใช้อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: Cool Runner ที่ พฤศจิกายน 02, 2009, 08:54:00
ปัญหาเสียงต๊อกๆจากเครื่องถ้าเป็นอย่างที่จดหมายบอก
แสดงว่าคุณภาพการผลิตเสื้อสูบ การ Machining ไม่ได้ตามสเป็ค แต่ยังเอามาประกอบในรภมันก็เลยมีปัญหาตามมา
"เสียงจากการหมุนของเพลาข้อเหวี่ยงบนเมนแบริ่งเนี่ยนะไม่ส่งผลกับประสิทธิภาพและการทำงานของเครื่อง" ช่างกล้าบอกมาได้
เห็นน้องที่อยู่ไลน์ Machining เสื้อสูบมันก็เคยบ่นให้ฟังเหมือนกันว่างานที่หลุดสเป็คไปไม่มากก็ยังเอาไปประกอบ
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: gateaux ที่ พฤศจิกายน 02, 2009, 09:13:09
เรื่องยางหลังกินยางด้านในนี่ ผมยังสงสัยว่ามันเป็นที่ช็อคอัพหรือว่าเกิดจากมุมล้อที่เค้าตั้งไว้กันแน่ครับ เพราะมองจากด้านหลังจะเห็นชัดเลยว่าล้อหลังจะแบะออก ซึ่งโดยปกติมันก็น่าจะกินยางด้านในมากกว่า อันนี้ผมเข้าใจถูกมั๊ยครับ
ตัวผมก็ใช้ FD ตัว minor changed โชคดีที่ยังไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวรถและเครื่องยนต์เลยหลังจากใช้มาเกือบปี วิ่งไปหมื่นนิดๆ
อ่านเจอในคลับ FD แล้วก็เล่นเอาจิตตกไปหลายวัน ขับแต่ละทีปิดแอร์ปิดวิทยุนั่งฟังเสียงเครื่องมันอย่างเดียวเลย  :(

  ถ้ากินยางด้านในสม่ำเสมอ เป็นเพราะมุมล้อที่ตั้งครับ  แต่ถ้ากินเป็นบั้งๆ  ละก้อ โช้คอัพเสีย

  ผมมองว่า ปัญหาต๊อกๆ  คงไม่ได้เกิดกับคนหมู่มาก และในหมู่คนที่เกิดบางคนก้อไม่รู้เรื่องบ้าง(สาวๆ ชอบ FD เยอะนะครับ และมั่นใจว่าส่วนใหญ่ขับอย่างเดียว)  ไม่สนใจบ้าง เพราะเข้าไปก้ออัดเพลงดังๆ มันส์ๆ และบางส่วนตราบใดที่
รถยังวิ่งได้ละก้อ มันก้อยังโอเคอยู่  ดังนั้น ไม่แปลกอะไรครับ ที่ผู้ผลิต ยังคงเฉยชา กับปัญหาที่เกิดขึ้น 
  ระหว่างเรียกคืนรถ เปลี่ยนเครื่อง  ผมเชื่อว่า ผู้ผลิตรายนี้ เลือกดีล กับลูกค้าที่โวยวายเป็นรายๆมากกว่า  อนาคต ปัจจุบัน  ดูได้จากอดีตเสมอครับ  คนไทยลืมง่ายใครๆ ก้อรู้ จากยอดขายที่รูดมหาราชในตอนนั้น ใช้เวลาไม่เท่าไหร่
อัด Presenter กู้หน้า โฆษณากู้หน้า อัดแคมเปญราคามันเข้าไป  ไม่ช้าคนไทยก้อลืม กลับไปให้เค้าร้อยจมูกตามเดิม 
  เรื่องพื้นๆแบบนี้ ไม่บอกผมก้อรู้เลยว่า ถ้าเป็นผู้ผลิต จะเลือกดีลกับลูกค้าคนไทยแบบไหนดี
 
 นี่ละครับ นิสัยคนไทย ไม่รักกัน ไม่รวมกลุ่ม ไม่ปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง และคิดว่าปัญหาคนอื่นเป็นธุระไม่ใช่  ถ้าวันนั้น ผู้บริโภค เรายืนอยู่ที่ ไม่เอาผู้ผลิตรายนั้น  คุณว่า วันนี้ จะมีผู้ผลิตรายไหน กล้าหือกับผู้บริโภคคนไทยอีกครับ
 
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: J!MMY ที่ พฤศจิกายน 02, 2009, 11:40:20
ปัญหาคือ ที่ผ่านมา พอจะรวมกลุ่มกันทีไร ไอ้คนที่รวมตัวกันก็มักจะมีปัญหากันเอง ขัดแย้งกันเอง แตกคอกันเอง ทุกที
ก็เลยไปไม่รอดสักเท่าใดนัก ถ้าเรียกร้องในแนวข้ามาคนเดีว ส่วนใหญ่กลับจะจบเรื่องง่ายกว่า

สิ่งที่บริษัทรถยนต์ "แทบทุกค่าย" เขามอง เวลา ลูกค้าเจอเคส คือ อยากแค่ให้ ลูกค้าจบเรื่องไป
เพราะเขากลัวเสียชื่อเสียง จึงมักพยายาม ดีให้ดีๆ ให้เรื่องมันจบไปโดยเร็วที่สุด
แต่ไอ้ยี่ห้อที่อยากจะให้ลูกค้า จบเรื่องไป "อย่างเข้าใจ และสบายใจอย่างแท้จริงนั้น" เดี๋ยวนี้ แม้จะยังมี แต่หายากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะวิธีการมองลูกค้าของ คนในบริษัทรถเอง นั้น ต้องยอมรับกันเลยว่า มันไม่ดีอย่างก่อนแล้ว

ฮอนด้า เอง อย่าง ซิตี้ ผม ใช้มา ตัวรถหนะ มันไม่มีปัญหาอะไรเลย
อย่างมาก มีเสียงดัง โว้งๆๆ บ้าง บนพื้นถนนยางมะตอ ยในบางครั้ง
ซึ่งเสียงนั้ มันก็มาจากยาง GoodYear Excellence ที่ติดรถล็อต 2 มานั่นละ
คุณภาพประกอบ คันของผม ค่อนข้างโชคดี ไม่มีปัญหาครับ

แต่ ไอ้ที่งุดหงิดมากที่สุดคือ คุณภาพในการทำสี...บางมาก
เจออะไรนิดอะไรหน่อย ก็กระเทาะ อย่างง่ายดาย

แถมซ้ำร้าย ศูนย์ ฮอนด้า บางพลีเอง ก็เพิ่งจะทำรถผมเป็นรอย แม้จะเล็ก แต่มันก็คือรอย เห็นเด่นชัดมาก
เพราะมันอยู่บนานประตูหลังขวา

แม้ว่า ผู้ดูแล จะขอโทษขอโพยผมเป็นอย่างดี รับผิดชอบให้ อย่างดี
และผมพอจะยอมรับได้
แต่ มันจะดีกว่าไหม ถ้าทุกคนระวัง ไม่ให้มันเกิดขึ้น?
หัวข้อ: Re: เรื่องหน้าเศร้ากับ Honda Civic
เริ่มหัวข้อโดย: DENTE ที่ พฤศจิกายน 02, 2009, 12:59:58
เป็นรถที่มีรูปทรงสวยงาม  แต่มันมาพร้อมกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับ

ลูกค้าหลายราย  ซึ่งทางฝ่ายผลิตน่าจะมีการแสดงสปิริตรับผิดชอบ

แต่ดูแล้วอยู่ที่ความสามารถของผู้ร้องเรียน (เป็นงั้นไป)  หวังว่าทางสคบ.

คงจะช่วยได้บ้าง  มิฉะนั้นก็คงต้องร่วมกันเลิกซื้อ เลิกใช้รถยี่ห้อนี้กันครับ