ทำไมนะ คนไทยถึงชอบด่า..ชอบตำหนิคนอื่นอยู่ร่ำไป ทำไมเราชอบมองสิ่งต่างๆนอกตัวเราเป็นตัวแปรซะหมด
ทำไมเราไม่ให้ตัวเราเป็นตัวแปรซะเองล่ะ...
อย่างน้อยเอาเฉพาะกลุ่ม ชนชนใน HLM เรานี่ล่ะ.. วิถีแห่ลความพอดี..เดินทางสายกลาง
เราซื้อได้..โดยไม่เดือดร้อนตัวเอง ไม่เดือดร้อนคนอื่นและสำนึกถึงความรับผิดชอบ ไม่โลภมาก
ส่วนนโยบายมันก็เป็นแค่สิ่งสมมติขึ้นมาทั้งนั้น เราแน่ใจหรือครับว่ามันจะทำให้คุณภาพชีวิตเราดีขึ้นจริง หากเราฟุ่มเฟือย
ไม่เชื่อ...คุณลองดูสิครับ ว่าชนกลุ่มไหนเป็นหนี้มากที่สุดและทำให้เกิดหนี้เสียมากที่สุด
กลุ่มที่มีความรู้ มีเงินเดือน มีรถหรูๆ มีบ้านสวยๆ กลุ่มข้าราชการ หรือว่ากลุ่มเกษตรกร ?
สำหรับนโยบายนี้ผมคิดอย่างนี้ครับ
ข้อดี..
1. ให้โอกาสคนที่อยากมีรถคันแรกด้วยน้ำพักน้ำแรง บรรเทาความเดือดร้อนระดับหนึ่ง
2. ยอดการผลิตรถเพิ่มขึ้น การจ้างงานเพิ่มขึ้น การแข่งขันทางเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น โอกาสที่จะได้รถดีๆก็มีมากขึ้น
3. วงจรการใช้รถเร็วขึ้น (รถเก่าๆ เศษเหล็ก จะน้อยลง)
ข้อเสีย
1. ปริมาณรถในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดรถติดมากขึ้น มลภาวะเพิ่มขึ้น
2. วิกฤติพลังงาน
3. เกิดหนี้ในระบบเพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลใก้เกิดหนี้เสีย
ทีนี้ลองมาดูกันว่า เราจะหาทางออกหรือจัดการกับข้อเสียได้อย่างไร
1. วิศกรรมการจราจรและการจัดการ
2. Flex. Fule or Eco car
3. ดอกเบี้ยต่ำ-เงินดาวส์สูง , ดอกเบี้ยสูงมาก-เงินดาวส์ต่ำ พูดง่ายๆคือคนที่จะซื้อรถจะต้องรู้จักออมว่างั้นเหอะ
ไม่ต้องจำกัดเวลาว่าจะต้องถอยรถช่วงปี 55 หรอก... ถึงปี 60 เลย
ทุกปัญหามีทางออกครับ
สำคัญคือ การเปิดรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นก่อน
เราเอง.. ก็ต้องแสดงความคิดเห็นในทางสร้างสรรค์ ดีกว่าแสดงความคิดเพื่อทำลายยยยยยยยยย