พวกคุณกำลังมาผิดทางกันหมด
อาวุธของประเทศด้านการค้าก็คือกำหนดกรอบของกฎหมาย และกำแพงภาษี
แต่ถ้าผลประโยชน์ของยักษ์ใหญ่ที่อยู่ภายในหละ?
ดูจากขนาดตัวถังรถอีโคคาร์ที่ระบุในกฎหมาย รึจะขนาด taxi ที่กำหนดไว้
ก็ต้องยอมรับกันหละ ว่าผู้ผลิตรายใหญ่มีความเกี่ยวข้องในการกำหนดทิศทางพวกนี้
ยังไม่พูดถึงพวกได้รับผลประโยชน์จากการลงทุน ด้านภาษี หรือส่งออก
ที่จะต้องมีแพลนส่งให้รัฐรับรู้ตัวเลขประมาณการเหมือนที่ได้ยินมาก็ 3 ปีล่วงหน้าอย่างน้อย
ส่วนเทคโนโลยี ถ้าไม่มีแมสโปรดักชั่นของรายใหญ่มารองรับ
การนำมาใช้จริงของรายย่อยก็ยิ่งยากด้านราคา
ผมว่าข้อนี้ต่างหากที่คล้ายการกีดกันของรายใหญ่
ดูจากอีลอน มัสก์ ที่มีอิทธิพลด้านแบตรถยนต์ว่าในช่วง 3-5 ปีจะไปได้ถึงไหน?
ขนาดต่างประเทศทั้งดันทั้งผลักทั้งลาก ยังได้ประมาณที่เห็นๆกัน
ส่วนตัวมองว่ารถ ev ยังคงเหมาะกับการใช้ในเมืองเป็นหลักมากกว่า
รอให้ทางลูกรังหมดประเทศก่อน ถึงจะเหมาะใช้รถ ev กันแพร่หลายอย่างจริงจัง
ขอบคุณครับ พอเห็นภาพบางส่วนขึ้นมาบ้าง
ถ้าในแง่กรอบกฏหมาย และกำแพงภาษี อันนี้ผมว่าหลาย ๆ ประเทศ รวมทั้งประเทศเรา
ก็ออกกฏหมายและปรับลดภาษีให้เอื้ออำนวยต่อรถ EV และ HV แล้ว
ส่วนในแง่เทคโนโลยี และต้นทุนในแง่ของ mass production ก็คงเป็นเรื่องที่ว่ารายใหญ่นั้น
ย่อมได้เปรียบจริง ๆ นั่นแหละครับ ตราบเท่าที่รายใหญ่ยังไม่ลงมาเล่น ราคาแบบแมสก็คงยังไม่เกิด
ตลาดก็ยังคงเป็นส่วนของเฉพาะกลุ่มไป
แต่มองดูแล้วก็ยังไม่เห็นว่าผู้มีอิทธิพลทางด้านน้ำมันและบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่จะมีบทบาทอะไรใน 2 ส่วนนี้ครับ
อันนี้คุยกันเล่นๆนะครับ
บ.น้ำมันในไทย เทียบระดับโลกก็ยังเป็นแค่รายยุ่ย (รายใหญ่ ย่อม ย่อย ยุ่ย)
ตอนนี้กำแพงที่กีดกัน shale gas ยังอยู่ที่ 70 us
ผู้ส่งออกน้ำมันก็ยังคงจับมือกันไม่ให้ราคาสูงจน shale gas ได้เกิด
เชื้อเพลิงน้ำมันถึงยังอยู่อีกพักใหญ่ๆๆ
(*คือมองว่าขนาดเชื่อเพลิงทดแทนแบบ shale gas ยังเกิดไม่ได้เลย
จึงต้องมาดูประเด็นถัดๆมาเพิ่มเข้าไปอีก)
ฉะนั้นกำแพงตัวหลักๆของการกีดกัน ev ผมมองว่ายังคงเป็นเทคโนโลยีของมันเอง
กับนิสัยการใช้งานของคนทั่วไปมากกว่าครับ
ตราบใดที่ยังใช้เวลาชาร์จไม่เร็วไปกว่าเวลาที่ใช้เติมน้ำมันตอนนี้
กับการใช้งานของคนทั่วไปที่ยังคงเข้าหาเส้นทางที่สะดวก ง่าย และรวดเร็วกว่า (ถูกกว่าด้วย)
คงยังไม่สามารถเกิดได้เต็มตัวแน่นวล
ซึ่งปัจจัยด้านราคาเชื้อเพลิงที่ผู้ส่งออกน้ำมันรวมตัวกันกำหนด
คงกำลังวางแผนรับมือกันน่าดูหละครับ กับทิศทางที่กำลังจะมาถึง
ก็จะคล้ายกีดกันทางอ้อมใหญ่ๆกันเลยทีเดียว
พอคนเริ่มลดการใช้น้ำมัน --> ทำราคาน้ำมันถูกลง --> คนกลับมาใช้น้ำมัน
--> คนผลิตแบตเตอรี่แมสเกิดไม่ได้ --> เลี้ยงราคาน้ำมัน
แบต ก็ได้แต่รอเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกในราคาที่ถูกลงนี่หละครับ รอดูกันไป