3000 CC มันฟุ่มเฟือยตรงที่มัน ซดน้ำมันเยอะกว่าน่ะซิครับ
ในประเทศที่นิยมเคครื่องใหญ่ๅ ผมก็เห็นแต่เมกา และ ตะวันออกกลางที่ พื้นฐานด้านพลังงานเขาแตกต่างจากบ้านเราครับ
เมืองไทยประเทศใหญ่กว่า California ติ้ดนึง จะมีซักกี่คนที่ต้องขับรถเดินทางไกลๆในชีวิตประจำวันซักเท่าไหร่กันเชียว
แม้แต่ในเมกาเอง เทรนด็เรื่องการ down size เครื่องยนตร์ในรถ mass production ก็เริ่มมาแล้ว
ผมว่าคุณ จขกท. ลองพิจารณาประเทศในยุโรปบ้างว่า ความนิยมรถขนาดใหญ่ และ เกิน 3000 CC มีเยอะขนาดไหน
ทั้งนี้ทั้งนั้น เมืองไทย เป็นประเทศที่ยังต้องอาศัยภาษีทางอ้อม เช่น VAT, ภาษีสรรพสาทิต มาใช้ในการพัฒนาประเทศน่ะครับ
เพราะงั้นการเก็บภาษีสิ่งที่ฟุ่มเฟือย เกินความจำเป็น ยังจำเป็นอยู่มากๆครับ
ส่วนเรื่อง Losing competitiveness และ over-protectionism ผมกลับมองว่าส่วนนึงมันอยู่ที่คุณภาพผู้บริโภคบ้านเราด้วยครับ
ดูตัวอย่าง Mercedes ที่ผมให้ไปด้านบนนะครับ
SLK350 ใช้เครื่อง V6 3.5l 39.8 mpg ขณะที่ co2 emission อยู่เพียง 167 g/km
SLK55AMG ใช้เครื่อง Small block V8 5.5l 33.6mpg ขณะที่ co2 emission อยู่เพียง 195 g/km
เทียบกับดีเซล เสียงดัง คานแข็งแหนบ ขวัญใจไทยแลนด์
Vigo 3.0 ใช้เครื่องแทรคเตอร์ 3.0l ทำได้ 32.8-36.7MPG ขณะที่ co2 emission 227g/km
ผมสงสัยว่า จริงๆแล้ว ระหว่าง เบนซินบล็อก 3000+ กับ พวกกะบะดีเซลเสียงดัง แหนบ ใครประหยัดกว่ากัน เพราะเห็น myth ที่อ้างว่าดีเซลประหยัดสุดๆ ปล่อยไอเสียน้อย ไม่จริงซะแล้วมั้ง
ส่วนคำอ้างของพวกรัฐ ว่าต้องปกป้องสุดโต่ง เก็บภาษีหนักๆนี้ฟังไม่ขึ้นฮะ อ้างมา 40 กว่าปี จนตอนนี้อุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มย้ายไปที่อื่น
ขอแย้งอีกเรื่องนะครับ คุณเอารถคนละระดับที่ต่างกันสุดขั้วมาวัดไม่ได้นะครับ เบนซ์แบรนด์หรูราคาขายแพงกว่าเทคโนโลยีดีกว่ายิ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า แล้วslkมันน้ำหนักเบากว่าvigoตั้งเยอะ มันเทียบกันไม่ได้หรอกครับ ใจจริงผมก็ไม่มีปัญหากับกฏหมายนี้ แต่แค่ไม่อยากสนับสนุนให้คนไทยมีค่านิยมใช้ของฟุ่มเฟือยโดยไม่จำเป็น ซื้อแค่พอขับก็พอ
เทียบกันเรื่องเครื่องยนต์ล้วนๆ ต้องการให้เห็นภาพชัดๆ ผมเลยเอาตัวอย่างให้เห็น ดีเซลที่หลายคนอวยว่าประหยัดสุดๆ มาเทียบกับเบนซินบล็อกใหญ่ที่พวก over-protectionsim เชื่อว่ากินจุมาเทียบกัน ผลออกมาแบบนี้ คงกระจ่างดีนะครับว่า ดีเซลที่พวกคุณอวยกันสุดๆ มันใช้น้ำมันมากกว่าหรือเท่าๆกับพวกเบนซินบล็อกโต แถมปล่อยมลพิษมากกว่าอีก ส่วนที่ราคากะบะแหนบมันถูกกว่าก็เพราะ subsidy ล้วนๆ
ถ้าคุณอยากได้ตัวอย่างใกล้เคียงกันมากกว่านี้ เดี่ยวจัดให้ได้ครับ
Fortuner 3.0 D4D vs Fortuner 4.0V6
Fortuner 3.0 ดีเซล 25.9-26.8 mpg Co2 emission 228g/km
Fortuner 4.0 เบนซิน ทำได้ 30.6-35.4 mpg Co2 emission 309g/km
ถ้ามอง การกินน้ำมันอย่างเดียวล้วนๆเหมือนที่คุณ localgame โต้มาตลอดในเม้นบนๆ ดีเซลแพ้ครับ
ข้อสรุป ดีเซลไม่ใช่ประหยัดกว่าเบนซินบล็อกใหญ่ และเผลอๆอาจพ่นควันพิษมากกว่าเบนซินบล็อกใหญ่หลายๆคันอีก ฉะนั้นความเชื่อผิดๆในไทยแลนด์นี้โดน demyth เรียบร้อยซะแล้น