ถ้าถามผมนะ ผมตอบในมุมของลูกค้า 100%
รถจะขาย ต่อให้เป็นเครื่องยนต์สันดาบ หรือ EV ก็แล้วแต่ การตั้งราคา ควรจะอยู่ในช่วงราคาที่รับได้ หรือ จะอิงตามราคา seg ต่อ seg ของรถทุกวันนี้ก็ได้
อย่างเช่น
- B-EV ก็มาสัก 600K-800K ไม่ใช่มา ล้านกลาง เกือบ 2 ล้าน ก็เกินไป
- C-EV ก็มาสัก 800K-1.2M มาเกิน 2 ล้าน เอาไปขายคนอื่น ผมไม่ซื้อ
- D-EV ราคา 1.4-1.8M เปิดมาเกือบ 3 ล้าน เอาไปไกลๆ
แบบนี้ผมว่าก็ขายได้
ทำไมนะเหรอ?
ผมว่า ไม่ช้าก็เร็ว ยังไง EV ก็ต้องมาแทนเครื่องยนต์สันดาบ หรือ Hybrid หรือ PHEV อยู่ดี ถ้าราคากระโดดมากๆ สุดท้ายภาระก็อยู่กับคนซื้อ เพราะถ้าจำเป็นต้องซื้อก็ต้องซื้ออยู่ดี
โอเคละ ในตอนนี้ราคาอาจจะแพงอยู่ ในอนาคตน่าจะถูกลง และ ณ ตอนนั้น สิ่งอำนวยความสะดวก บริการต่างๆ และ การซ่อมแซมรถ EV ก็จะเกิดตามมาเรื่อยๆ เอง
ถ้าถาม ณ วันนี้ ผมยกตัวอย่างเช่น Honda FIT EV ถ้าขาย 800,000 ตอนนี้ ซื้อไหม? คำตอบ => ผมซื้อแน่นอน
หรือ Toyota CH-R EV มาในราคา 1,200,000 ซื้อไหม? คำตอบ => ผมซื้อครับ
ส่วนเหตุผลที่ว่า จะผลิตที่ไหน ประกอบใน ประกอบนอก ภาษี โน่น นี่ นั้น อย่างที่ผมบอกตอนต้น ในฐาน ผู้บริโภค หรือ ผู้ซื้อ ผมไม่สนใจ ขอแค่ยี่ห้อที่มั่่นใจ ราคา make sense ผมก็โอเคละ