Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: OnitsukaP ที่ ตุลาคม 08, 2019, 13:31:11
-
สวัสดีครับพี่ๆ ผมทีครับ
ตอนนี้กำลังจะซื้อรถคันนึง และชอบ BMW มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
เลยอยากถามพี่ๆในนี้หน่อยครับว่า BMW 320d E90 SE 2009 มีปัญหาจุกจิ๊กอะไรบ้างไหม
และถ้าเป็นตัว BMW X3 xDrive20d 2.0 SUV 2009 มีปัญหาจุกจิ๊กอะไรบ้างไหม
ปล.
1.ไม่เลือกรถยุโรปใหม่มือ 1. เพราะว่าการเงินไม่ถึง
2.ส่วนรถญี่ปุ่นโครงสร้างบางกว่าเลยกลัวว่าเจออุบัติเหตุหนัก (จากที่เป็นข่าวมา)
ขอบคุณครับ
-
รถคันแรกรึเปล่าครับ
ถ้ารถคันแรกไม่แนะนำอย่างยิ่งครับ ควรซื้อรถญี่ปุ่นมือ 1 ดีกว่า เพราะมันจุกจิกแน่นอน
ไม่งั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นจอดมากกว่าใช้งาน ค่าบำรุงรักษาก็โหดครับ เพราะหมด BSI ไปเรียบร้อย ใช้ไปใช้มา แอร์ไม่เย็น ระวังเจอค่าตู้แอร์ 6-7 หมื่น นะครับ (ศูนย์)
รถอายุขนาดนี้ ควรจะเป็นรถสำรองครับ ไม่ใช่รถหลัก
อ้อ หลังซื้อก็อาจจะมีกำเงินเย็นไว้อีกสักแสน สองแสนนะครับ เพราะคงต้องมีซ่อมแน่นอน
ปล. อุบัติเหตุหนัก รถไหนก็ตายได้เหมือนกันครับ รถญี่ปุ่นใหม่ๆมือ 1 ระบบความปลอดภัยก็ไม่ใช่ก๊องแก๊ง
-
ผมว่า E90 เพื่อนเยอะนะครับ ถือว่าน่าสนใจแหละ
แต่ว่าการดูแล รักษาด้วยอายุขนาดนี้ของรถยุโรป นี่ไม่แน่ใจจริงๆ
หลายๆ เสียงบอกว่าต้องมีเงินในระดับนึงเลย ที่จะดูแลมัน
ส่วนเรื่องญี่ปุ่นบอบบางนี่ผมว่าไม่นะ ถ้าตามหลักการที่ให้แรงกระแทกกระจายไปทั่วคันรถ
เพื่อรักษาสมดุลของห้องโดยสาร ผมว่ามันก็ make sense ที่รักษาชีวิตเรานะครับ
-
e90 ดีเซลมันก็ไม่ได้จุกจิดขนาดนั้น ขับดีด้วย แต่มาบอกว่าการเงินไม่ถึงเนี่ย การเซอวิสไม่น่ารอด อยากได้จริงๆ 320i ค่าซ่อมจะถูกกว่า น่าพอเล่นไหว
แต่รถปีประมาณนี้ในกลุ่ม ผมให้ lexus is250 น่าเล่นสุด ทั้งการบำรุงรักษาสไตล์โตโยต้า การขับขี่ก็ไม่ได้แย่กว่าบีเอ็ม ยิ่งเสียงเครื่อง v6 เพราะกว่าฟังดีเซลแยอะ
-
ซื้อ e90 ใช้ในเมืองทุกวันมาสองปีกว่าละครับ แนะนำว่า ถ้าใจรักจริงๆ พยายามหารถที่มีประวัติบำรุงรักษาพวก ช่วงล่าง แอร์ ระบบหล่อเย็นเกียร์ พอซื้อปุ๊บ เปลี่ยนของเหลว เก็บงานให้ครบครับ ตั้งงบไว้ 1 แสนสำหรับเก็บ สำรองงบซ่อมฉุกเฉินแบบพร้อมจ่ายไว้ซัก 2-5 หมื่น ที่เหลือใช้ยาวๆ เน้นเรื่องของเหลว น้ำหล่อเย็นที่ต้องใส่ใจมันหน่อย ที่เหลือใช้งานสบายครับ รถแข็ง นิ่ง ซัดไวๆได้ ไม่สะดุดรอยต่อถนน คลื่น คอสะพานแน่นอน
-
320d e90โอเคอยู่ครับ
หารถที่มีประวัติการดูแลดีๆ
พอได้มาปุ๊บ กำเงินสัก5หมื่นเข้าอู่ดีๆ ให้เค้าเปลี่ยนของเหลวทุกอย่าง
รวมถึงวัสดุสิ้นเปลืองตามระยะทั้งหมด
และให้เช็คส่วนอื่นๆว่าอะไรใกล้พังบ้าง ให้เปลี่ยนเลย แนะนำให้ใช้อะไหลแท้มือ1
แพงหน่อยแต่จบ แล้วเตรียมเงินไว้ปีละ4-5หมื่นไว้ซ่อม ไม่เกินนี้
รถดี ขับดี ใช้ยาวๆครับ
-
ขอบคุณพี่ๆทุกคนครับ :) :)
ใจอยากได้ BMW มาก ถือว่าเป็นสิ่งที่ได้ทำตามความฝันไว้ประสบความสำเร็จ 1 อย่าง
ถามต่อหน่อยครับเครื่องยนต์แบบดีเซลจะสามารถวิ่งไปได้ถึงเฉลี่ยประมาณกี่โล ถึง 5แสนไหมครับ อ่ะครับ
แล้วเรื่องจุกจิ๊กของรุ่น 320d e90 มีอะไรบ้างครับ
ขอบคุณครับ
-
จากข้อ2ลองดูเล็กซัสไหมครับ?โครงสร้างแข็งแรงไม่แพ้รถยุโรปแต่รอบการซ่อมบำรุงระยะห่างกว่ารถยุโรป :-X
ปัญหาประจำตัวลองถามจากในกลุ่ม siam bimmer distric ดูจะมีกลุ่มไลน์คนใช้อยู่ :) ถ้าดูรถมือสองควรจะต้องสืบประวัติให้แน่ใตว่าไม่เคยชนหนักมาหรือว่าเจ้าของซุกซนจนมีอาการประจำตัวขึ้นมา (ไปรีแมพเอาแรงมากๆแล้วรถมีปัญหาแล้วขายทิ้ง) ผมมีกลุ่มไลน์ช่วยสืบประวัติรถมือสองแนะนำได้ ;D รถมือสองมันผ่านการใช้งานมาแล้วเตรียมทุนทรัพย์สำหรับซ่อมแซมเผื่อไว้ครับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ยางแท่นเครื่อง ยางแท่นเกียร์ ผ้าเบรคจานเบรค ช่วงล่าง พัดลม วาล์วน้ำ ปั๊มน้ำ เทอร์โมสตรัท พวกนี้เตรียมเปลี่ยนด้เลย :)
-
ขอตอบจากมุมคนหาข้อมูลในการซื้อ bmw มือสองมาเกือบปี แล้วเพิ่งได้ 320d e92 มานะครับ
1.ซ่อมแพงไหม >> ข้อนี้แปรผันกับสภาพรถที่ได้มาครับ ผมได้รถสภาพค่อนข้างดีมาแม้จะวิ่งเยอะไปหน่อยก็ตาม(แต่หารระยะทางต่อปีแล้วน้อยนะ วิ่ง120000 ปี 2008 ตกปีละ หมื่นนิดๆ) ก็เลยไม่มีอะไรมาก
ประเด็นสำคัญของการซื้อ bmw มือสอง หรือยุโรปมือสองหลักๆคือหาอู่ที่เชื่อใจได้และซ่อมจบครับ bmw ค่าอะไหล่และค่าบำรุงไม่ได้แพงไปกว่า accord camry หรือ ranger คันเก่าผมเทา่าไหร่เลยนะ แพงกว่ากันในหลักพัน-2พันเอง แต่ที่คนติดภาพ bmw ซ่อมแพง ส่วนใหญ่จะเกิดจากการโดนอู่ฟันยับมาครับ บางคนโดนเป็นแสนทั้งๆที่ซ่อมจริงๆไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำก็มี เพราะงั้นการหาอู่สำคัญ ขอแค่ของเหลวไม่ขาด เซอร์วิสถึงเป็นอันใช้ได้ครับสำหรับดีเซล
ถามว่าจุกจิกไหม ดีเซลไม่ค่อยจุกจิกครับ แต่!!! ดีเซล N47 เนี่ย(อยู่ใน 320d e90 2008+) มันมีปัญหานึงครับซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของเครื่อง คือ Timing Chain ครับ ซึ่ง 80% มีโอกาสเกิดขึ้น ไม่มีวิธีป้องกัน แต่ของเหลวอย่าขาดก็ช่วยยืดระยะได้ก่อนที่มันจะมีปัญหา แต่เมื่อมีปัญหามันก็ส่งสัญญานให้เรานะ เพราะเสียงเครื่องจะดังมาก มีปัญหาแล้วรีบแก้ก่อนจะสายก็จะทำให้เราไม่เสียค่าซ่อมที่แพงมากๆหากมันขาดครับ
ส่วน e90 ก็จะมีมูเล่หน้าที่ถ้ายังไม่เปลี่ยนก็ควรเปลี่ยนซะเด้อ
2. X3 กับ E90 ไม่น่าจะอยู่ในระยะราคาเดียวกันนี่ครับ ยังไงถ้าจะเล่น e90 แนะนำให้หา 2010+ LCI msport ละครับ คุ้มมากๆ
หลักๆคือดูแลมันเยอะหน่อยในเรื่องของของเหลว อย่าขาด เอาใจใส่รถก็โอเคแล้วครับ พยายามอย่าเข้า0 แล้วก็หาข้อมูลเยอะๆทำการบ้านเยอะๆ ผมเองก้น่าจะโดนคอมแอร์หลวมเนี่ยตอนนี้5555 ตามระยะเวลามันครับ เก่าละ
ขอให้มีความสุขกับใบพัดฟ้านะครับ :)
-
ทำใจเรื่องซ่อมครับ ถ้างบตึงมือเเล้ว ลำบากเเน่
รถอายุ 10 ปี เฉลี่ยให้เเบบกลางๆ ปีละ 25,000 โลก็วิ่งมา 250,000 กิโลเเล้ว ไงก็เจอรายการซ่อมไหญ่ๆที่รออยู่ นอกจากเจ้าของเก่าทำไปเเล้วก็โชคดีไป
ถ้าเจอรถไมล์น้อยๆอย่าเพิ่งดีใจ ระวังไว้ก่อนเลยครับ 90% กรอไมล์
-
ผมเองก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน จากไม่เคยขับรถยุโรปเลย แต่ด้วยใจชอบ bmw มาตั้งแต่เด็กๆพอมีโอกาสก็เลยไปลองหา BMW มือสองมาใช้บ้างเหมือนกัน
เรื่องซ่อมแซม ผมว่า ก็คงเหมือนๆกับรถทั่วไปละครับ ค่อยๆซ่อมเก็บไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็รู้ที่ทำ รู้ที่ทำกันไปเอง
ส่วนอันนี้เป็นเวปเอาไว้เช็คอะไหล่ครับ เอาเลขตัวถังรถใส่เข้าไปก็จะเปิดดูอะไหล่ได้หมด พาร์ทนัมเบอร์ เดียวกันสามารถนำพาร์ทนี้ไปเบิกห้างได้เลยครับ
https://www.realoem.com/
-
ขอบคุณพี่ๆหลายๆคนที่แนะนำข้อมูลมากครับ
ได้ความรู้เรื่อง BMW ใบพัดสีฟ้าขึ้นมาเยอะเลย
:) :) :)
-
ผมชอบค่ายใบพัดมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ก็ยังชอบ
อยากซื้อมือสองตั้งแต่หลายปีก่อน แต่พอหาข้อมูล เจอเรื่องค่าดูแล กับเรื่องจุกจิก สำหรับผมที่ไม่เก่งเรื่องการซ่อมบำรุงด้วยตัวเอง รวมถึงอยู่ ตจว ด้วย เลยขอชมอยู่ห่างๆครับ
ส่วนตัว ถ้าจะซื้อ BM มือสอง คงต้องมีรถหลักก่อนครับ
-
จัดไปครับ คันแรกผมก็ BMW เหมือนกัน แต่ซื้อมือสองจากเพื่อนเลยไว้ใจได้ มีปัญหาจุ้กๆจิีกๆบ้างระหว่างใช้ แต่ก็มีความสุขครับ ได้วิ่งหาอะไหล่เอง วิ่งหาอู่เอง ถ้าชอบอะไรมันก็สุขครับ แต่แฟนบ่น 555
-
e90 ยังน่าใช้และสบายกระเป๋ากว่าเยอะครับ e83 ขับสี่อะไหล่หายากกว่าและชิ้นส่วนเยอะกว่าจุกจิกกว่าแน่นอนแม้ว่าจะรหัส n47 เดียวกัน อย่างพวกเฟืองขับ เพลากลาง ที่เคยมีปัญหากันมา วิ่งเท่ากันแต่ซ่อมต่างกัน
อะไหล่เชียงกงทั้งสองรุ่นมีเพียบ มองไปทางไหนเห็นแต่หัวตัดe90 หาง่ายแพร่หลายต่างจังหวัดก็ยังพอหาได้ครับไม่น่าหนักใจเท่ากับช่างและอู่ที่จะฝากผีฝากไข้ ถ้ามีไว้ใจได้ฝีมือดีจัดได้เลยครับ
-
จากเท่าที่อ่านมาหลายๆที่ เล่นรถยุโรปมือสอง ต้องเข้าใจรถ และต้องมีอู่ที่ไว้ใจได้เลยจริงๆครับ และต้องดูแลแบบถึงจริงๆ
แต่ในราคาของ 320d e90 ถ้าตัว LCI นี่ ผมว่ารถญี่ปุ่น อย่าง camry accord ก็ไม่ได้ดูด้อยกว่านะ และได้ปีที่ใหม่กว่าด้วย อยู่ที่ว่าถ้าอยากได้มาลองเล่นดูสักครั้ง มีรถใช้ประจำอยู่แล้ว ถ้าในมุมของผม ก็นะ สักครั้งในชีวิตกับ bmw ก็จัดไปเลยครับ ผมก็ชอบตัว e90 เหมือนกัน
-
e90 320d หรือ 318i/320i ได้หมดขึ้นกับงบเลยครับ
คุ้มค่ามากมายครับ แต่แนะนำให้ซื้อ e90 LCI ที่ฝากระโปรงเป็น V-shape นะครับ
ลองดูราคาตลาด 500k-600k ถือว่าคุ้มมากๆ หารถใช้น้อยๆ รถระดับนี้ส่วนมากเข้าศุนย์กันหมด
หารถที่มีประวัติศูนย์ดีๆหน่อยครับ ช้าๆได้รถคันงาม
ถ้าได้มาแล้วก็เก็บตังรอไว้เลยครับ ยังไงคันหน้าก็คงหนี BMW ไม่รอด :-X :-X
-
รถคันแรกรึเปล่าครับ
ถ้ารถคันแรกไม่แนะนำอย่างยิ่งครับ ควรซื้อรถญี่ปุ่นมือ 1 ดีกว่า เพราะมันจุกจิกแน่นอน
ไม่งั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นจอดมากกว่าใช้งาน ค่าบำรุงรักษาก็โหดครับ เพราะหมด BSI ไปเรียบร้อย ใช้ไปใช้มา แอร์ไม่เย็น ระวังเจอค่าตู้แอร์ 6-7 หมื่น นะครับ (ศูนย์)
รถอายุขนาดนี้ ควรจะเป็นรถสำรองครับ ไม่ใช่รถหลัก
อ้อ หลังซื้อก็อาจจะมีกำเงินเย็นไว้อีกสักแสน สองแสนนะครับ เพราะคงต้องมีซ่อมแน่นอน
ปล. อุบัติเหตุหนัก รถไหนก็ตายได้เหมือนกันครับ รถญี่ปุ่นใหม่ๆมือ 1 ระบบความปลอดภัยก็ไม่ใช่ก๊องแก๊ง
+1 ใช่เลยครับ