Specification
โตโยต้า พรีอุส เจน 3 ได้ปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่หมด และเพิ่มความจุจาก 1.5 เป็น 1.8 ลิตร ดังนี้
2ZR-FXE หัวฉีด EFI
4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VVT-i
ความจุกระบอกสูบ 1797 cc
ความกว้าง x ระยะชัก 80.5 88.3 มม.
กำลังอัด 13.0 ต่อ 1
ลักษณะการจุดระเบิดเป็น Atkinson Cycle
กำลังสูงสุด 99 แรงม้า ที่5200 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่4000 รอบ/นาที
ความจุถังน้ำมัน 45 ลิตร
เชื้อเพลิงขั้นต่ำ เบนซิน 91 กับแก็สโซฮอลล์ 91 E10
**รถคันนี้ ไม่รองรับน้ำมัน E20จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร แรงดัน 650 โวลต์
80 แรงม้า 207 นิวตันเมตร
แบตเตอรรี่ที่ใช้เก็บประจุไฟยังคงเป็น นิกเกิ้ลเมทัลไฮดราย ที่มีขนาดเล็กลงจากรุ่นก่อนๆ
ซ่อนไว้ในด้านหลังเบาะหลังของรถ และแบ็ตเตอร์รี่เสริมไฮบริดซึ่งทำหน้าทีจ่ายไฟ 12V
และระบบไฟต่างๆ วางไว้ที่ท้ายรถ แบตเตอร์รี่ทั้ง 2 ไม่ต้องห่วงว่ามันจะร้อน
เพราะมีช่องระบายอากาศจากห้องโดยสารเข้ามาทางที่นั่งหลังขวา
แบตเตอร์รี่เสริมไฮบริด 12V จะอยู่ที่ท้ายรถ โดยรุ่นนี้เป็นแบบพิเศษเฉพาะรถไฮบริด
ซึ่งเอาแบตทั่วไปมาแทนไม่ได้ ทางโตโยต้าจึงรับประกันให้ 3 ปี 1แสนโล
แต่เชื่อเถอะ ซักวันหนึ่งก้ต้องมี 3rd party ผลิตออกมาในราคาที่ถูกลง
ระบบไฮบริดของ Prius จะทำงานแบบนี้
-เมื่อรถออกตัวแบบเนิบๆ ช้าๆ จะเคลื่อนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
-ถ้าออกไฟแดงเร็วๆ หรือเร่งแซง เครื่องจะติดขึ้นมาทันทีเพื่อเพิ่มกำลังให้รถ
-ความเร็วคงที่ เครื่องยนต์จะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า อย่างละครึ่ง
-การถอนคันเร่ง หรือการเบรคเพื่อลดความเร็ว ไฟจะถูกชาร์จเข้าแบต
-เมื่อติดไฟแดง รถจะดับเครื่อง และใช้พลังงานจากแบตแทน จนกว่าจะเหลือ 2 ขีด ถึงจะติดเครื่องอีกทีเพื่อชาร์จไฟ
ผลที่ได้คือเผาผลาญน้ำมันได้น้อยกว่ารถทั่วๆไปและวิ่งได้ระยะทางมากกว่า
ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าถูกเชื่อมกับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติไฟฟ้า E-CVT
อัดตราทดตั้งต้น 2.683
เฟืองท้าย 3.267
ข้อเสียของเกียร์ไฟฟ้ารุ่นนี้มีเพียงแค่ จอดเกียร์ว่างไม่ได้
แต่นั่นก็ทำให้ลดการไปเที่ยวช้อปปิ้งตามห้างในเมืองได้โดยไม่จำเป็น
และวางแผนก่อนการไปตามที่ต่างๆล่วงหน้า (เพราะต้องมีที่จอดแบบซอง เหอๆๆๆ)
โหมดการขับขี่มมีให้ด้วยกัน 4 แบบ
1. Normal ขับขี่ปกติทั่วไป การทำงานเป็นไฟตามปกติของระบบไฮบริด ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น
2. Eco Mode มีการเช็ตให้รถวิ่งอืดลง เน้นที่การใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก
เหมาะสำหรับการคลานต่ำไปตามสภาพจราจร แต่ถ้าหากเจอถนนโล่งๆ แนะให้กลับมา
Normal ตามเดิม ไม่ควรใช้โหมดนี้ ลากสังขารรถมากเกินไป
3. Power Mode เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานอย่างเต็มกำลัง รถพุ่งออกตัวอย่างเห็นได้ชัด
ราวกับมีคนเอาแส้ไปฟาดลิ้นปีกผีเสื้อ เหมาะมากในกรณีที่ต้องทำเวลา แต่ก็สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงใช่ย่อย
4. EV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ใช้ได้ต่อเมื่อมีแบต 3 ขีดขึ้นไป
หากแบตเหลือน้อยหรือความเร็วสูงกว่า 50 Km/h ระบบจะยกเลิกให้เอง