Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: TheStig ที่ เมษายน 08, 2017, 22:06:59
-
หลังจากไปทดลองขับมาครับ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
ชอบการขับขี่ของ Everest 2.2 คือขับดีกว่า พวงมาลัยเบาสบาย ช่วงล่างดี ความปลอดภัยดีกว่า มีแอร์แบ็ครอบคัน ภายในดูน่าใช้ แต่ศูนย์ และการซ่อมบำรุงในระยะยาวอาจไม่ดีเท่า อีซุซุ(รึป่าว)
ส่วน Mu-X 1.9 ขับพอใช้ได้ช่วงล่างไม่ดีเท่าเอสเวอร์เรส พวงมาลัยหนักไปหน่อย แต่ชอบที่บอกกันต่อๆมาว่าศูนย์บริการดี รถทน ซ่อมงาน อะไหล่ถูก
ตอนนี้ตัดสินใจไม่ถูกครับ ขอคำแนะนำครับผม หรือจากข้างบนมีตัวเลือกอื่นไหมครับ
-
ถ้าใช้งานคนเดียว ไม่ใช่รถใช้กันหลายมือแบบใช้ในบริษัท ผมเลือก Ford Everest ในกลุ่มน่าตาดูดีที่สุด ภายในดูดีที่สุดครับ
-
เหมือนเลือกระหว่างสมรรถนะกับความสบายใจนะครับ
ถ้างบเหลือๆ ไม่คิดมาก ขับ EV มีความสุขกว่า
ถ้างบไม่มาก เอาประหยัดทั้งน้ำมัน ประหยัดทั้งค่าดูแล Mu-X คุ้มกว่า
-
ถ้าชีวิตต้องเหลือแค่ 2 ตัวเลือกนี้จริงๆ ผมอาจจะยอมไป Everest 2.2 แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า อนาคตน่ากลัวเสี่ยงสุด
-
สูสีครับ ได้อย่างเสียอย่าง แต่เสียดายทั้งคู่ 1.3m ได้เครื่อง Lowpower แต่ก็พอจะขุนแรงข้างนอกได้ ไม่มอง FTN 2.4 ได้ทั้ง2ทางไม่ต้องกังวลอะไร มีเพาเวอร์โหมดกับ Paddle Shift ไว้ขับมันส์ๆ ด้วย
-
2.2 ตัวล่างในคลับมีหลายคนผ่าน แสน KM ไปแล้ว ก็ไม่เห็นอะไรที่ดีเฟคแย่ๆครับ 2.2 ตัวล่างปี 2015 มีเสียงท่ออ่อนไอเสียดัง กับ EGR แค่นั้น
-
isuzu บริการหลังการขายดีจริง เรื่องความถูงผมนังมองเฉยๆ แต่ก็ถูกกว่าฟอร์ดไม่ต่ำกว่า 30%แน่นอน โดยเฉพาะค่าแรง
เป็นผมเลือก mux ครับ ขับแล้วสบายใจ ยิ่งใช้คุณจะยิ่งชอบเพราะก็ดูคุณเป็นคนง่ายๆสบายๆนะ
-
คุณต้องใช้อารมณ์เลือกสิ่งที่ชอบก่อน ไม่เช่นนั้น นั่งมองรถที่เราชอบแต่ไม่ได้ซื้อมาครอบครอง ด้วยความเสียดาย และเสียใจ แต่ใช้เหตุผลมาคิดถึงข้อจำกัด อย่างเรื่องศูนย์ เรื่องอะไหล่ ส่วนตัวผมมองว่าโลกแคบลงมามาก ทุกอย่างมีคำตอบในโซเชียล คุณไม่ได้เป็นคนแรก และคนเดียวที่ใช้มัน อย่าให้ความกลัวมาบดบังปัญญาที่คนเราทุกคนมี เลือกในสิ่งที่ชอบ แล้วยอมรับกับสิ่งที่เลือก ก่อนหน้าผมก็ใช้แต่เจ้าตลาด จนเปลี่ยนมาค่ายลองดู ไม่ผิดหวัง อยู่กันมาสองสามปี มีความสุขดี ถ้ารถคันนี้ไม่ใช่คันเดียว และคันแรก แนะนำให้ลองเปลี่ยนความคิดดู สิ่งแปลกใหม่ ดี ดีมีอีกเยอะ ไม่มีอะไรดีที่สุด... มีแต่สิ่งที่ถูกใจ และคุ้มค่ากับเรามากที่สุด
-
เป็นผมเลือก Everest ครับผม เราต้องขับมันบ่อยๆ ตอนนี้ก็ออกมาได้สักพัก ช่างน่าจะพอรู้วิธีแก้ วิธีตรวจสอบสาเหตุแล้วนะครับ
-
คุณต้องใช้อารมณ์เลือกสิ่งที่ชอบก่อน ไม่เช่นนั้น นั่งมองรถที่เราชอบแต่ไม่ได้ซื้อมาครอบครอง ด้วยความเสียดาย และเสียใจ แต่ใช้เหตุผลมาคิดถึงข้อจำกัด อย่างเรื่องศูนย์ เรื่องอะไหล่ ส่วนตัวผมมองว่าโลกแคบลงมามาก ทุกอย่างมีคำตอบในโซเชียล คุณไม่ได้เป็นคนแรก และคนเดียวที่ใช้มัน อย่าให้ความกลัวมาบดบังปัญญาที่คนเราทุกคนมี เลือกในสิ่งที่ชอบ แล้วยอมรับกับสิ่งที่เลือก ก่อนหน้าผมก็ใช้แต่เจ้าตลาด จนเปลี่ยนมาค่ายลองดู ไม่ผิดหวัง อยู่กันมาสองสามปี มีความสุขดี ถ้ารถคันนี้ไม่ใช่คันเดียว และคันแรก แนะนำให้ลองเปลี่ยนความคิดดู สิ่งแปลกใหม่ ดี ดีมีอีกเยอะ ไม่มีอะไรดีที่สุด... มีแต่สิ่งที่ถูกใจ และคุ้มค่ากับเรามากที่สุด
ของผมสลับกับคุณเลย แปลกดี ทั้งที่ความเห็นคุณมีเหตุผลนะ ใช่อยู่ ผมไม่ใช่คนเดียวที่มีปัญหาจริงๆในรถหลายคัน แต่ผมกลับต้องขายรถค่ายรองที่ใช่อารมณ์ซื้อมาเหมือนกัน
คันแรกคือ all new triton ที่มันไม่มีแรงบิดและเครื่องดับตอนบรรทุก ผมใช้อยู่ปีเดียวขายทิ้ง ไปออกรีโว่ ขับโคตรสบายใจเลย เพราะมันไม่ดับแล้วแม้จะเนินไหนต่อไหน บรรทุกเป็นตันปล่อยครัทช์ ไม่ต้องเหยียบคันเร่งก็ไม่ดับ ผิดกับtriton ที่ผมเติมคันเร่งยังวูบดึงลงมาดับ แต่บริษัทก็ไม่รับผิดชอบอะไรเพราะมันเป็นปกติของtriton
ส่วนอีกคัน ford fiesta ผมยังไม่ขายอต่คิดจะขายตลอดเวลา ไม่ต้องบอกว่ามีปัญหาอะไรนะ ผมแค่ยิ้มๆแล้วบอกว่ามันก็เป็นเหมือนที่เค้าเป็นกันแหละ เฮ๊อ... แก้ปัญหาได้มั๊ยในโลกที่แคบลง
บางครั้งโลกที่แคบลงก็ทำร้ายเราเหมือนกันนะ อย่าง all new trtonเนี่ยเคสเลวร้ายในชีวิตผมเลย แต่ในโลกที่แคบลงไม่มีใครไฟท์เลย ทั้งที่เค้าก็เป็นกัน
อย่างเฟียสต้า ไฟท์กัน แต่ผมไม่ไฟท์นะ แล้วจบป่ะ... ก็ไม่
-
Everest ครับ สำหรับผม Mu-x แย่ที่สุดในรถกลุ่มเดียวกัน แต่เหมือนมิตรรักแฟนเพลงเยอะเลยขายดิบขายดี
-
เปิด ford มาเดียวก็เจอมุข รถสำรอง ฮ้าๆ ชอบก็เอาเถอะคับ ซื้อรถอยุ่กับรถ รถไม่ต้องซ่อมไม่เคยเสีย ผมไม่เคยเห็น
-
ถ้าที่บ้านมีรถสำรองใช้ก็แนะนำออก ev ครับ
แต่ถ้าไม่มีก็ต้องไปเจ้าตลาดหรือเลือกที่มีศูนย์บริการดีๆครับ
จะได้สบายใจเวลาใช้งาน
-
เดี๋ยวนี้เข้าศูนย์ Ford ช่างก็ โอเคนะ
-
ถ้าเทียบตัวรถแล้ว ev ดีกว่าเกือบทุกด้านครับ ยกเว้นอัตราเร่ง ประหยัดน้ำมัน เข้าออกเบาะแถว 3 mu x ทำได้ดีกว่า
ส่วนปัญหาของตัวรถ มีด้วยกันทุกยี่ห้อครับเพียงแต่ของ mu-x จะน้อยกว่า และเมื่อมีปัญหา ศูนย์ของ isuzu ดูแลลูกค้าได้ดีกว่าครับ
-
คหสต.ผม ถ้าคู่นี้เลือก Everest ครับ รถถูกใจแต่มีปัญหายังพอมีหนทางแก้ได้
ผมมองว่าทำให้มีความสุขกับการใช้งานและครอบครอง จะดีกว่าใช้รถที่ไม่ค่อยชอบนะครับ
-
เปนผมไป EVR
-
รถทุกรุ่นต่างมีปัญหาแตกต่างกันไปครับ ตั้งแต่ปัญหาเล็กๆถึงปัญหาใหญ่
Everest เป็นรถที่ดีครับ ช่วงแรกๆใช้งานไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่โฉมนี้ออกมาสักพักแล้ว อีก 1-2 ปี คงมีรุ่น MC ออกมา
Mu-X MC ไม่ได้แย่นะครับ เพียงแค่ว่างานออกแบบภายใน ยังสร้างความแตกต่างจากรถกระบะได้มากเท่าไร ดูเก่าไปหน่อย
-
สูสีครับ ได้อย่างเสียอย่าง แต่เสียดายทั้งคู่ 1.3m ได้เครื่อง Lowpower แต่ก็พอจะขุนแรงข้างนอกได้ ไม่มอง FTN 2.4 ได้ทั้ง2ทางไม่ต้องกังวลอะไร มีเพาเวอร์โหมดกับ Paddle Shift ไว้ขับมันส์ๆ ด้วย
ไม่รู้ผมเข้าใจผิดหรือเปล่าว่าเบรคของ ev เป็นดิสค์เบรคทั้งสี่ล้อ
แต่ ftn เป็นดิสค์เบรคแค่ล้อหน้า หรือว่ามีรุ่นย่อยที่ต่างกัน
ถ้าเป็นอย่างที่ผมเข้าใจ ทำไมถึงเอามาเทียบกันได้ ระหว่างรถดิสค์เบรคกับดรัมเบรค
ถ้าเข้าใจผิดก็ขออภัยด้วยครับ
-
หลายคน หลายคันของ Ford ขอบโดยไม่เจอ defect ก็สบายใจไป ส่วน mu-x ถ้าได้ 3.0 น่าใช้กว่านะ แต่ซื้อรถมาใช้ ไม่เสียกินข้าวลิงดีที่สุด ถึงจะเป็น ev ถ้าไม่เจอปัญหาระหว่างใช้ แม้ 0 จะไม่โดนใจหลายคน แต่เป็นรถที่น่าซื้อมาใช้มากครับ
-
ผมชอบ EVREST ครับ
แต่ด้านอัตราเร่ง กับ การประหยัดน้ำมัน มันไม่ถูกใจ ยังขาดๆ
พิจารณา PAJERO ตัวกลางด้วยไหมครับ
อัตราเร่งดีกว่า ประหยัดน้ำมันกว่าEVEREST
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=58045.0
-
ผมใช้มาสด้า เข้าศูนย์เดียวกับฟอร์ด
เวลาเข้าศูนย์ ผมมักจะทักทายและพูดคุยกับคนอื่นๆ ที่ไม่เคยรู้จัก เพื่อที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน (เพราะไม่อยากเอาตัวเองเป็นมาตรฐาน ในการวัดเรื่องการบริการของศูนย์)
หลายๆคนก็มักจะบ่น เรื่องการบริการของศูนย์ ยิ่งถ้าคนที่เคยใช้ยี่ห้อที่ศูนย์บริการดีๆ มาก่อน ก็ค่อนข้างจะติดลบ
ดังนั้น ถ้าจะเลือกฟอร์ด ก็ให้เผื่อใจไว้ก่อนครับ
ถ้าเข้าไปแล้ว บริการไม่ได้แย่อย่างที่เขาว่ากัน ก็จะรู้สึกดี
ถ้าบริการแย่ อย่างที่เขาว่ากัน ก็จะได้ไม่เสียความรู้สึกมาก เพราะเราเผื่อใจไว้แล้วตั้งแต่ต้นครับ
-
สูสีครับ ได้อย่างเสียอย่าง แต่เสียดายทั้งคู่ 1.3m ได้เครื่อง Lowpower แต่ก็พอจะขุนแรงข้างนอกได้ ไม่มอง FTN 2.4 ได้ทั้ง2ทางไม่ต้องกังวลอะไร มีเพาเวอร์โหมดกับ Paddle Shift ไว้ขับมันส์ๆ ด้วย
ไม่รู้ผมเข้าใจผิดหรือเปล่าว่าเบรคของ ev เป็นดิสค์เบรคทั้งสี่ล้อ
แต่ ftn เป็นดิสค์เบรคแค่ล้อหน้า หรือว่ามีรุ่นย่อยที่ต่างกัน
ถ้าเป็นอย่างที่ผมเข้าใจ ทำไมถึงเอามาเทียบกันได้ ระหว่างรถดิสค์เบรคกับดรัมเบรค
ถ้าเข้าใจผิดก็ขออภัยด้วยครับ
เราเทียบที่ segment รถ เรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ก็มีดีมีด้อยเป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปครับ
ไม่อย่างนั้น City/Jazz รุ่นท็อป (6 airbags) จะบอกว่าเทียบกับ Vios รุ่นท็อป (2 airbags) ไม่ได้?
-
หลังจากไปทดลองขับมาครับ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
ชอบการขับขี่ของ Everest 2.2 คือขับดีกว่า พวงมาลัยเบาสบาย ช่วงล่างดี ความปลอดภัยดีกว่า มีแอร์แบ็ครอบคัน ภายในดูน่าใช้ แต่ศูนย์ และการซ่อมบำรุงในระยะยาวอาจไม่ดีเท่า อีซุซุ(รึป่าว)
ส่วน Mu-X 1.9 ขับพอใช้ได้ช่วงล่างไม่ดีเท่าเอสเวอร์เรส พวงมาลัยหนักไปหน่อย แต่ชอบที่บอกกันต่อๆมาว่าศูนย์บริการดี รถทน ซ่อมงาน อะไหล่ถูก
ตอนนี้ตัดสินใจไม่ถูกครับ ขอคำแนะนำครับผม หรือจากข้างบนมีตัวเลือกอื่นไหมครับ
ตัดคำว่าอะไหล่ถูกไปก่อนครับ ตอนนี้ ISUZU ค่าบริการและอะไหล่แพงขึ้นมากหลังจากหมดประกันแล้ว แพงกว่าแบบเห็นเห็น
ข้อดีที่เห็นของ ISUZU 1.9 ที่ดีกว่า Everest คือ ภาษีถูกกว่า การบริการในศูนย์ดีกว่าฟอร์ด ประหยัดน้ำมันกว่า นอกนั้นเป็นรองครับ บ้านผมน้องชายกำลังจะออก ISUZU 1.9 อาทิตย์นี้ รถวิ่งแล้วกำลังไม่ค่อยมี รอรอบ เห็นเพื่อนที่ใช้อยู่ภาคเหนือ ว่าขึ้นเขาไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ คันนี้คงไม่เน้นเอาไปเที่ยวภาคเหนือจะเอารถเก่าคันอื่นไปแทน คันนี้ 1.9 คงจะเอาไว้วิ่งกทม ฉะเชิงเทราเป็นหลักครับ เน้นประหยัดกับสมัยนิยมมากกว่า
-
หลังจากไปทดลองขับมาครับ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
ชอบการขับขี่ของ Everest 2.2 คือขับดีกว่า พวงมาลัยเบาสบาย ช่วงล่างดี ความปลอดภัยดีกว่า มีแอร์แบ็ครอบคัน ภายในดูน่าใช้ แต่ศูนย์ และการซ่อมบำรุงในระยะยาวอาจไม่ดีเท่า อีซุซุ(รึป่าว)
ส่วน Mu-X 1.9 ขับพอใช้ได้ช่วงล่างไม่ดีเท่าเอสเวอร์เรส พวงมาลัยหนักไปหน่อย แต่ชอบที่บอกกันต่อๆมาว่าศูนย์บริการดี รถทน ซ่อมงาน อะไหล่ถูก
ตอนนี้ตัดสินใจไม่ถูกครับ ขอคำแนะนำครับผม หรือจากข้างบนมีตัวเลือกอื่นไหมครับ
ตัดคำว่าอะไหล่ถูกไปก่อนครับ ตอนนี้ ISUZU ค่าบริการและอะไหล่แพงขึ้นมากหลังจากหมดประกันแล้ว แพงกว่าแบบเห็นเห็น
ข้อดีที่เห็นของ ISUZU 1.9 ที่ดีกว่า Everest คือ ภาษีถูกกว่า การบริการในศูนย์ดีกว่าฟอร์ด ประหยัดน้ำมันกว่า นอกนั้นเป็นรองครับ บ้านผมน้องชายกำลังจะออก ISUZU 1.9 อาทิตย์นี้ รถวิ่งแล้วกำลังไม่ค่อยมี รอรอบ เห็นเพื่อนที่ใช้อยู่ภาคเหนือ ว่าขึ้นเขาไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ คันนี้คงไม่เน้นเอาไปเที่ยวภาคเหนือจะเอารถเก่าคันอื่นไปแทน คันนี้ 1.9 คงจะเอาไว้วิ่งกทม ฉะเชิงเทราเป็นหลักครับ เน้นประหยัดกับสมัยนิยมมากกว่า
ตามสเปค 1.9 แรงม้า แรงบิด มากกว่า 2.5 (ตัวเก่า) อีกนะครับ ทำไมถึงไม่มีแรงขึ้นเขา
ผมก็ไปทดลองขับ mu x 1.9 มา ถึงแม้จะไม่ได้ลองขับขึ้นทางชันๆ แต่ความรู้สึกในอัตราเร่ง ผมว่ามันขึ้นเขาได้ดีกว่าปิคอัพยุคก่อนๆ ด้วยซ้ำ
การขับรถเกียร์ออโต้ ขึ้น/ลงเขา ควรใช้โหมดแมนนวลนะครับ
-
ไม่มีข้อมูลอะไรมากมาย ไม่ตัดสินว่า คันไหน ดีกว่า คันไหน
แค่จะมาบอก สิ่งที่ตัวเองสังเกตเห็น ว่า มันผิดธรรมชาติ
Everest น้ำหนักรถเปล่า มันหนักมากผิดปกติ เพราะน้ำหนักรถเปล่า หนัก 2,4xx โล
รถแบบเดียวกันของยี่ห้อ-รุ่นอื่นๆ ไม่ว่าจะ Fortuner , Mu-X , Pajerosport , Trailblazer มันหนักแค่ราวๆ 2,100 โล เท่านั้น
ผมว่า มันเว่อร์เกินไปหน่อย เออ...ถ้ามันแข็งแรงกว่าเค้า ปลอดภัยกว่าเค้า (ผลทดสอบการชน ได้คะแนนดีกว่า ทนทานกว่า แข็งแรงกว่า) ก็ว่าไปอย่าง
แต่นี่ เห็นที่มีคลิปทดสอบการชนตามมาตรฐาน เห็นมาแล้ว 3 รุ่น ทุกรุ่น แข็งแรงได้ 5 ดาวหมด แต่ก็แสดงว่า Everest มันเกินไป หนัก เทอะทะ เปลืองน้ำมัน
ลองไปเช็คดูแล้วกัน
-
เท่าที่อ่านมา ผมรู้สึกว่า จขกท กังวลใจที่จะเลือก ส่วนนึงเพราะศูนย์บริการ ทำให้ลังเล
ถ้าเอาสบายใจ ก็เลือก MU-X ไปครับ รถยังต้องอยู่กับเราไปอีกหลายปี ถ้าใช้ Ford แล้วกังวลไปตลอด จะใช้รถแบบมีความสุขได้ยังไง
-
เรื่องศุนย์บริการ เรื่องค่าอะไหล่ ISUZU ดีกว่าแน่นอนครับ กับคำถามที่ท่านลังเล
ขึ้นอยู่กับ จขกท. จะให้น้ำหนักในการเลือกครับว่า จะให้น้ำหนักไปที่รถหรือบริการหลังการขาย เพราะทั้งสองอย่างอยู่กับเราตลอดการใช้งาน
ส่วนตัวใช้ Isuzu อยู่เป็นคันแรกคันเดียวที่ใช้มา 9 ปี ตัวรถที่ผมใช้ ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ เรื่องศูนย์บริการ ประทับใจมาก มีครั้งหนึ่ง
ผมขับรถเข้าไป แล้วบอกว่า เข้ามาเปลี่ยน SCV Valve โดยที่รถผมไม่เคยมีปัญหาอะไร และไม่มีเอกสารแจ้ง ทางศูนย์ตอบสั้นๆ โดยไม่ถามอะไรผมสักคำว่า
"นั่งรอสักครู่ครับ" เปลี่ยนให้เลยฟรี ล่าสุดเพิ่งเปลี่ยนชุด ปั้มครัทช์บน ลูกหมากปีกนก ยางหูแหนบ สายพานเครื่อง สายพานแอร์ ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าค่าอะไหล่แพงหรือเปล่า แต่พอดีน้องที่ทำงานรถ Mazda BT50 pro มีปัญหาครัทช์(รถยังไม่ถึง 3 ปี) เฉพาะชุดปั้มครัทช์ ราคาพอๆกับทั้งหมดที่ผมเปลี่ยน
บางอย่างเวลามันเสียขึ้นมา มันแพงมากๆ ถ้าอยู่ในประกันก็แล้วไป (แต่ในทางกลับกับ เอะทำไมมันเสียไวจัง) แต่ถ้าหมดประกันแล้ว มันหนักครับ
ขึ้นอยู่กับ จขกท. แล้วหละว่าจะให้น้ำหนักเรื่องอะไร? ส่วนตัวผมใช้รถนาน ยาวๆ ผมเลือกบริการหลังการขาย เพราะมันคือค่าใช้จ่าย ความสบายใจ และไม่จุกจิก
ส่วน จขกท. ชอบที่ตัวรถ ผมว่าก็เลือกที่รถ จะได้สบายใจ
-
FTN 2.4V 1.399 THB ออปชั่นขาดนิด เกินหน่อย แต่สบายใจไปอีก 10-15 ปี
-
เอาแบบชิลๆ Mu-x ครับ เหตุผลคือ คำตอบครับ Isuzu
-
เลือกรถ เหมือนเลือกเมีย ได้มาครอบครองแล้ว ดีหรือไม่ดี ก็ต้องทนอยู่กับมันไปตลอด :D :D :D
-
มาถามที่นี่ยังไงท่านก็คงได้คำตอบว่าmu-x ไปหละครับ ห้าๆ
-
เลือกที่ชอบ และถูกใจครับ
-
บ้านอยู่ห่างไกล ทุรกันดาร ระยะทางห่างจากศูนย์บริการมากมั้ยถ้าไม่ เลือกคันที่ชอบ ทั้ง 2 คันมีดีคนละอย่าง คุณจะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังครับ
ถ้าใช่เลือก Mu x
และคุณคิดว่าจะใช้รถคันนี้นานเท่าไหร่ ถ้าเกิน 10 ปี Mu x น่าจะดูอุ่นใจกว่า
-
??? ??? :o
มาถามที่นี่ยังไงท่านก็คงได้คำตอบว่าmu-x ไปหละครับ ห้าๆ
---------- >> ไม่ต้องที่นี่หรอกฮะท่าน ถามที่ไหนๆ เขาก็ตอบ Isuzu ครับ
สมมติว่า ถ้าเอา Mu-X เริ่มเก่าหน่อย ไปซ่อมศูนย์แถวๆร่มเกล้าเนี่ย
อยากรู้ว่าช่างจะกล้าอ้างว่า "รออะไหล่" อะไรแบบนี้ไหม
คือแบบว่าคลังอะไหล่มันอลังการมากๆเลยนะ คนซื้อไปคงอุ่นใจพิลึกเลย มียี่ห้อไหนคลังยิ่งใหญ่กว่านี้ไหมเนี่ย
ในทำนองเดียวกันกับว่ามีเงินราว 2ล้าน3แสน จะให้ไปซื้อรถหรูอะไรดี
(คันแรกในชีวิต เคยขับแต่รถญี่ปุ่น) ใครๆในนี้ก็ตอบว่าไปซื้อรถเบนซ์น่ะละท่าน