กองทุนมีไว้เพื่อ leveling ราคาน้ำมันไม่ให้ผันผวนรวดเร็วและหนักหน่วงเกินไปนัก
คนทั่วไปอย่างเรา ๆ เวลาที่น้ำมันแพงแล้วกองทุนมันมาช่วยหน่วงให้น้ำมันขึ้นราคาช้าลง อันนี้เราชอบ ก็เข้าใจ
แต่การที่จะทำอย่างนั้นได้ มันก็ต้องอาศัยเงินที่เก็บไว้เป็นเหมือน buffer เอาออกมาชดเชยก่อน
ซึ่งเงินตรงนี้มันเก็บเข้ามาตอนที่น้ำมันถูกลงนี่แหละ
ตอนนี้ราคาน้ำมันใกล้กันมาก ๆ ใครไม่อยากเติม E85 ก็ไม่เป็นไรนี่ครับ จะเติมอะไรก็เติมไป
ยังไง volume การใช้ E85 มันน้อย มันก็ดึงเงินชดเชยจากน้ำมันชนิดอื่นมาน้อยลงอยู่แล้ว
ผมถึงอยากให้ดูเรื่อง volume ประกอบด้วยไงครับ ซึ่งถ้าเงินชดเชย x volume มันไม่มาก
ต่อให้ยกเลิกไป ราคาน้ำมันที่เหลือก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงเยอะอยู่ดี แต่สิ่งที่จะหายไปเลยคือ
ระบบการกลั่น การขาย และรถ spec นี้จะหายไปจากการผลิต ซึ่งในวันข้างหน้า ถ้าราคาน้ำมัน
กลับไปแพงเหมือนเดิม แล้วเราอยากเอาสิ่งเหล่านี้กลับมาก มันก็เหมือนกับเป็นการไปเริ่มใหม่ไงครับ
การที่จะรักษาระบบการกลั่น E85 นั้นสามารถทำได้ แต่ทำไมถึงไม่สะท้อนต้นทุนราคาที่แท้จริง ถ้าทำอย่างตรงไปตรงมาใครจะใคร่ใช้ E85 ก็ใช้ไป การเบียดเบียนนำเงินจากผู้ใช้น้ำมันชนิดอื่นไปโป่ะให้กับผู้ใช้น่ำมัน E85 ไม่ว่าvolumnจะเป็นเท่าไหร่ก็ไม่สมควร
การใช้เงินกองทุนตั้งแต่ตอนนี้ จำนวนเงินกองทุนน้ำมันก็ร่อยหรอลง แทนที่จะมีเงินเก็บเป็นจำนวนมากนำมาพยุงราคาน้ำมันตอนที่เกิดวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันขึ้นมาจริงๆ เงินที่สามารถจะนำไปใช้บรรเทาปัญหาราคาน้ำมันแพงก็จะมีน้อยลง แทนที่จะสามารถชดเชยราคาน้ำมันในภาวะวิกฤตออกไปได้ 2 ปี ก็อาจจะเหลือแค่ 6 เดือน เป็นต้น ถึงตอนนั้นก็ต้องเก็บเงินเข้ากองทุนในอัตราสูง การlevelling ก็ไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพราะถ้าเงินมีน้อย รัฐก็ลดราคาลงได้น้อย
สถานการณ์ตอนนี้ก็เหมือนคนเก็บเงินแบบเก็บไปใช้ไป แล้วเมื่อไหร่จะรวย เมื่อไหร่จะมีเงินออมเพือไปใช้แก้ไขชีวิตในวันข้างหน้า
สิ่งที่กระทรวงพลังงานกระทำอยู่นี้คือการบิดเบือนกลไกราคาตลาด ซึ่งการบิดเบือนนี้มันไม่ได้มีประโยชน์กับประชาชน แต่มีประโยชน์กับกลุ่มทุนเอทานอลและน้ำมันปาล์ม เป็นการเล่นแร่แปรธาตุเพือนำเงินออกจากกองทุนน้ามันอย่างถูกกฏหมาย
"การที่จะรักษาระบบการกลั่น E85 นั้นสามารถทำได้ แต่ทำไมถึงไม่สะท้อนต้นทุนราคาที่แท้จริง"ถ้าสะท้อนต้นทุนราคาที่แท้จริง มันก็ไม่เป็นการรักษาระบบการกลั่น E85 น่ะสิครับ
แต่เท่าที่ดูจากการขึ้นลงราคาทุกวันนี้เขาก็พยายามที่จะสะท้อนต้นทุนอยู่ถึงแม้จะไม่ 100% ก็ตาม
ดังจะเห็นได้จาก น้ำมันชนิดอื่น ๆ ขึ้นลงกันทีละ 50-60สต. แต่ E85 ขยับครั้งละ 30สต.
แม้ว่าจะไม่ได้สะท้อนต้นทุน 100% ยังมีการอุ้มกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้พยายามที่จะถ่างราคาให้ห่างกัน
อยู่ในระดับเดิมครับ
ส่วนที่ผมเขื่อว่าสิ่งที่ทางพลังงานทำอยู่คือเอา volume มาคิดรวมด้วย
เพราะผมคิดว่า volume E85 เมื่อเทียบกับน้ำมันชนิดอื่นมันน่าจะเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า
ดังนั้นถ้าตัด E85 ออก เอาเม็ดเงินที่ชดเชยกลับมาคืน volume น้ำมันชนิดอื่น
มันอาจทำให้ราคาน้ำมันชนิดอื่นถูกลงได้แค่ไม่กี่สิบสต.ต่อลิตร ก็เป็นได้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น
มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรนอกจากได้ความสะใจ
ข้อมูลส่วนใหญ่ที่คนเอามาแชร์กัน มันมักจะเป็นราคาต่อลิตรที่ทำให้คนทั่วไปมักจะคิดว่า
มันเป็นการชดเชยกันลิตรต่อลิตร ซึ่งจะสร้างความไม่พอใจให้คนเสพข้อมูลได้เยอะ
แต่ผมแทบไม่เคยเห็น volume ที่จะทำให้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเมื่อเอา volume เข้ามาคำนวณด้วยแล้ว
มันถูกดึงจากน้ำมันชนิดอื่น ๆ ไปอุ้มอยู่เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ลิตรละเท่าไหร่ครับ
ผมสังเกตว่า การเสพข้อมูลจากสื่อในปัจจุบันนั้น มันต้องมองด้วยว่าสื่อที่นำข้อมูลมาเสนอต้องการอะไร
บ่อยครั้งที่เอามาเผยแพร่กันแบบไม่ครบถ้วนด้วยมีเจตนาแฝงอะไรบางอย่างอยู่
สมัยนี้ เราจะคิดว่าการให้ข้อมูลเท็จเป็นสิ่งที่ไม่ดีอย่างเดียวไม่ได้แล้วครับ
เพราะมีคนหัวใสอีกมาก ที่อ้างว่าไม่ได้ให้ข้อมูลเท็จ ข้อมูลที่ให้มานั้นเป็นความจริง
แต่เอาความจริงแค่าบางส่วนมาเผยแพร่ ไม่ได้ให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน
เพื่อหวังให้คนรับสารเข้าใจผิดก็มีไม่น้อยทีเดียว
แล้วคนพวกนี้มักจะอ้างว่า ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณการตีความของผู้รับสารครับ