Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: U9WS ที่ พฤศจิกายน 18, 2019, 16:13:08
-
ค่ายรถทั้งยุโรปและญี่ปุ่นเบรกลงทุน เบนซ์ ล้มแผนทำตลาด EQC รถยนต์ไฟฟ้า 100% ในไทยแบบไม่มีกำหนด ชี้รัฐบาลส่งเสริมไม่ถูกจุด ระบุทุ่มลงทุนโรงงานแบตเตอรี่แค่รองรับกลุ่มรถไฮบริด และปลั๊ก-อิน ไฮบริด หลายค่ายขู่ย้ายฐานไปจีน
https://www.prachachat.net/motoring/news-392401
-
ญี่ปุ่นไปแล้ว ถ้ายุโรปไปด้วยนี่ไม่ต้องนึกถึงอนาคตอุตสาหกรรมกลุ่มนี้ในบ้านเราละ ส่วนจีนนะเหรอ เขานำเข้าทั้งคันด้วยภาษีพิเศษได้อยู่แล้ว จะลงทุนหรือไม่ยังไม่ต้องคิดเยอะ แต่แรงงานในระบบโดนไปเรียบร้อย
-
ยอดส่งออกมูลค่าอันดับหนึ่ง
คือยานยนต์นะ ไม่ใช่ยาง กับ ข้าว
ถ้าปล่อยให้หลุด ระยะยาว ไม่ดีแน่ๆ
-
เอาที่สบายใจเลยครับ
ไปไหนก็ไป แรงงานในประเทศเค้าจะได้มาทำงานอื่นที่มีค่ามากกว่า
แต่เจอบางค่ายที่เคยบอกว่า นโยบายรัฐไม่เป็นธรรม สุดท้ายกลับมาหาเค้กก้อนเดิมในวันที่สาย มันก็หมายถึงการสูญเสียโอกาสมหาศาลของตัวเองเหมือนกัน
-
พาดหัวซะน่ากลัว จริงๆคือไม่ลงทุนเพราะทำมาก็ไม่เกิด ...
รถไฮบริจวิ่งในเมืองไทยยังไม่นิยม
แค่ EV ราคาล้านต้นอย่าง MG ขายได้ 300 กว่าคันเอง ...
มาโทษรัฐไม่ทำสถานี ทำมาแล้วให้ชาจน์ฟรี พวกพี่ก็ขนมกรุบเลยดิ ...
สร้างสถานีชาจ์นในโชว์รูมตัวเองให้มันเพียงพอกับลูกค้าตัวเองก่อน ค่อยมาโทษคนอื่นเถอะพี่ ...
-
อีกปัญหาคือรัฐยังไม่อนุญาตให้ทำ Fast Charge เลยทำให้ตลาดรถไฟฟ้าไม่โตอย่างที่ควรจะเป็นด้วย มีแต่จุดชาร์จธรรมดา รอเป็นชั่วโงถึงจะเต็ม ใครจะใช้รถไฟฟ้าหละ
นี่ยังไม่รวมรัฐไม่สนับสนุนรถไฟฟ้าเท่าที่ควร กับปัญหาภาษีปัญญาอ่อนอีก
-
ผมว่าไม่แน่ครับ คนไทยเจ็บๆ มักจะเกิดอะไรใหม่ๆ ถ้าหนีไปจริง อาจจะทำใก้เราเพิ่งพาตัวเองได้ก็เป็นได้ และควรจะเป็นตั้งนานแล้ว
-
MG ZS EV มุ่งสู่ 2,000 คันแล้ว
BENZ ไปลงทุนรถไฟฟ้าที่จีน แล้วมาขายไทย ตามรอย MG
ในแง่การลงทุนนับว่าคุ้มค่านะครับ
เมื่อไหร่หลายๆประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยขวา มี FTA 0% กับจีน
เมื่อนั้นก็ไม่ต้องลงทุนไทยแล้ว ไปลงทุนจีน
ผลิตที่เดียวเลย ส่งรถมาขายไทยเอา
-
รถยนต์เป็นสินค้าสำคัญที่ทำให้เราค้าขายเกินดุลย์ มาตลอด จนบาทแข็งถึงแม้เศรษฐกิจจะอ่อนแอ
แต่ถ้ารัฐวางนโยบายแบบนี้ เมื่อหมดยุครถน้ำมัน อีกหน่อยเราจะเป็นเศรษฐกิจขาลงแบบ เวเนซูเอล่าไหมนี่
-
"ประเทศไทยมีข้อตกลงทางการค้ากับจีน ซึ่งสามารถนำรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเข้ามาขายได้ เสียภาษี 0% เปิดโอกาสให้รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนทะลักเข้ามาได้ง่ายขึ้น จุดนี้ทำให้บริษัทแม่กำลังพิจารณาเรื่องการลงทุนใหม่ โดยมีแนวคิดหันไปลงทุนในจีน เพื่อผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์พวงมาลัยขวา แล้วเอาเข้ามาขายในประเทศไทยแทน"
ก็ในเมื่อนำเข้าทั้งคันก็ได้ภาษี 0% อยู่แล้ว จะมาตั้งโรงงานในไทยทำไมล่ะ ตั้งในจีนที่มีตลาดใหญ่กว่า แถมมี Economy of scale ด้วย นำเข้าก็ฟรีไม่มีภาษี
นโยบายแบบนี้แหละที่ทำลายอุตสาหกรรมไทย
-
เอาเหตผลจริงๆ ก็คือลงทุนในไทยแล้วค่าแรง ค่าครองชีพ ค่าปฏิบัติการมันแพง
ยินดีกับเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามได้เลยปักเสาสร้างโรงงานแล้วครับ ขยายต่อในโฮจิมินอีกไม่นานเกินรอได้เห็น
พรรคพวกที่ทำโรงงานทอผ้าที่เคยย้ายไปจากไทยตอนปรับค่าแรง ตอนนี้โรงงานผลิตชิ้นส่วนก็ตามไปด้วย โรงงานอะไหล่รถที่เหลือในไทยต้องพัฒนาตัวเองสู้กับสภาวะค่าครองชีพแพง
ขึ้นค่าแรง ไม่มีincentive จบครับปิดประตูนักลงทุน นักลงทุนเขามองแค่เม็ดเงิน ต้องลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย กฎง่ายๆ
-
อีกปัญหาคือรัฐยังไม่อนุญาตให้ทำ Fast Charge เลยทำให้ตลาดรถไฟฟ้าไม่โตอย่างที่ควรจะเป็นด้วย มีแต่จุดชาร์จธรรมดา รอเป็นชั่วโงถึงจะเต็ม ใครจะใช้รถไฟฟ้าหละ
นี่ยังไม่รวมรัฐไม่สนับสนุนรถไฟฟ้าเท่าที่ควร กับปัญหาภาษีปัญญาอ่อนอีก
ไม่ใช่หรอกครับ fast charge เขาทำกันโครมๆ ไปได้ยินจากไหนมาว่าห้ามทำหรือครับ? ไม่มีกฏหมายอะไรห้ามเลย ไปดูที่ 7-11 พวกนั้นก็ fast ทั้งหมดสำหรับสาขาใหญ่ๆ ที่เห็นว่ามันมีน้อย เพราะ มันอยู่ที่ว่า คุณจะมีเงินพอลงทุนทำหรือเปล่า ค่าสถานี หัวละ สองล้าน ถ้าเป็นยี่ห้อ ABB ไม่รวม ไฟสามเฟส ครับ
เรื่องชาจเร็ว ช้า ไม่ได้ขึ้นกับสถานีเสมอไป ต่อให้ สถานี จ่ายได้ 100 kw แต่รถคุณรับ fast charge ไม่ได้ มันก็ชาจได้ช้าอยู่ดี รถจะชาจเร็วหรือช้า ขึ้นกับ VCU ในรถว่า คุยกับ ตัวสถานี ได้หรือไม่ อย่างจากัวร์ ipace ตัวใหม่ สามารถ fast charge ได้ 30 นาที แต่ คุณลองไปเติมไฟที่ตู้ของ กฟภ.สิ มัน ก็ชาจได้ แค่ 22 kw เท่านั้น ทั้งๆ ที่ตู้มันจ่ายได้ 100 kw นั่นเพราะ vcu มันคุยกับตู้ไม่ได้
-
รถสันดาปก็ไป รถไฟฟ้าก็ไม่มาลงทุน รัฐบาลยังไงก็ต้องทบทวนตัวเอง คนตกงานตอนนี้จะแก้ยังไง กลับมาใช้เศรษฐกิจพอเพียงทำไร่ทำนาจะทันมั้ย จะหวังพึ่งการลงทุนต่างชาติก็ยาก เดี๋ยวนี้ใช้เครื่องยนต์แทนคนอยู่ดี เหลือแต่คนเก่งๆที่จะรอด
ปล.หวังว่าแบตที่ไทยคิดค้นจะเกิดได้เร็ว อย่างน้อยมีแบตดีราคาถูกก็คงพอดึงความสนใจได้
-
อีกปัญหาคือรัฐยังไม่อนุญาตให้ทำ Fast Charge เลยทำให้ตลาดรถไฟฟ้าไม่โตอย่างที่ควรจะเป็นด้วย มีแต่จุดชาร์จธรรมดา รอเป็นชั่วโงถึงจะเต็ม ใครจะใช้รถไฟฟ้าหละ
นี่ยังไม่รวมรัฐไม่สนับสนุนรถไฟฟ้าเท่าที่ควร กับปัญหาภาษีปัญญาอ่อนอีก
ไม่ใช่หรอกครับ fast charge เขาทำกันโครมๆ ไปได้ยินจากไหนมาว่าห้ามทำหรือครับ? ไม่มีกฏหมายอะไรห้ามเลย ไปดูที่ 7-11 พวกนั้นก็ fast ทั้งหมดสำหรับสาขาใหญ่ๆ ที่เห็นว่ามันมีน้อย เพราะ มันอยู่ที่ว่า คุณจะมีเงินพอลงทุนทำหรือเปล่า ค่าสถานี หัวละ สองล้าน ถ้าเป็นยี่ห้อ ABB ไม่รวม ไฟสามเฟส ครับ
เรื่องชาจเร็ว ช้า ไม่ได้ขึ้นกับสถานีเสมอไป ต่อให้ สถานี จ่ายได้ 100 kw แต่รถคุณรับ fast charge ไม่ได้ มันก็ชาจได้ช้าอยู่ดี รถจะชาจเร็วหรือช้า ขึ้นกับ VCU ในรถว่า คุยกับ ตัวสถานี ได้หรือไม่ อย่างจากัวร์ ipace ตัวใหม่ สามารถ fast charge ได้ 30 นาที แต่ คุณลองไปเติมไฟที่ตู้ของ กฟภ.สิ มัน ก็ชาจได้ แค่ 22 kw เท่านั้น ทั้งๆ ที่ตู้มันจ่ายได้ 100 kw นั่นเพราะ vcu มันคุยกับตู้ไม่ได้
Operator เอกชน ตอนนี้ติดปัญหาเรื่อง peak demand charge ครับ คือ charging station โดนเก็บค่าไฟ rate TOU โรงงานไซส์กลาง เครื่อง DC fast charge มันมี amp สูงมาก voltage เลยต่ำ ค่า peak demand charge ที่โดนเก็บต่อเดือยอยู่ที่ 200-300 บาท/KW ดังนั้นอย่างต่ำ ต่อตู้ชาร์ตเร็วหนึ่งตู้ operator จะต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 12,000 บาท ถือว่าสูงมาก ถ้าคำนวณปริมาณรถที่จะเข้ามาชาร์ตเร็วในปัจจุบัน แม้ว่าเม้งกวงจะกวาดไปแล้วคนเดียว 2,000-2,200 คัน
Operator ที่ไม่โดนเรื่อง peak demand charge คือ PEA, MEA, EGAT, PTT เพราะพวกนี้ไม่โดน regulate โดยแผนการคิดค่าไฟ จึงเป็นที่มาว่าทำไมพวกนี้ยังเปิดให้บริการ fast charge อยู่ขณะที่ EA ปิดซะส่วนใหญ่
-
"ประเทศไทยมีข้อตกลงทางการค้ากับจีน ซึ่งสามารถนำรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเข้ามาขายได้ เสียภาษี 0% เปิดโอกาสให้รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนทะลักเข้ามาได้ง่ายขึ้น จุดนี้ทำให้บริษัทแม่กำลังพิจารณาเรื่องการลงทุนใหม่ โดยมีแนวคิดหันไปลงทุนในจีน เพื่อผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์พวงมาลัยขวา แล้วเอาเข้ามาขายในประเทศไทยแทน"
ก็ในเมื่อนำเข้าทั้งคันก็ได้ภาษี 0% อยู่แล้ว จะมาตั้งโรงงานในไทยทำไมล่ะ ตั้งในจีนที่มีตลาดใหญ่กว่า แถมมี Economy of scale ด้วย นำเข้าก็ฟรีไม่มีภาษี
นโยบายแบบนี้แหละที่ทำลายอุตสาหกรรมไทย
ก้ออ่อนแอเอง ไม่เคยพัฒนาศักยภาพจิงๆจังๆมาตลอดห้าสิบปี ทำรถมากั๊กเสปค ลดคุณภาพ แต่ขายแพงเว่อร์ๆเข้าไว้ เทคโนโลยีเก่าๆโละมาขาย สมควรแล้วที่เจอแบบนี้
การค้าเสรีแบบนี้ ผู้บริโภคสบายฟินๆ 8)
ผมไม่แคร์หรอกนะว่า อุตในมันจะเจ๊งอะไรยังไง ก้อเพราะทำตัวเอง อย่ามาโทษผู้บริโภค
-
มองแค่ระยะสั้นมันก็จะทำอะไรไม่ได้นัก พมองระยะยาวก็ไม่ทำกัน ต้องทนอยู่ไปวันๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ 😁
-
ผมว่าไม่แน่ครับ คนไทยเจ็บๆ มักจะเกิดอะไรใหม่ๆ ถ้าหนีไปจริง อาจจะทำใก้เราเพิ่งพาตัวเองได้ก็เป็นได้ และควรจะเป็นตั้งนานแล้ว
+1 อยากให้คนไทยพึ่งตนเอง 8)
-
อ่านข่าวดูก็เหมือนแต่ละค่ายเองก็กั๊กของ และพยายามต่อรองกับภาครัฐ..รวมถึงการให้ข่าวแบบที่เห็น
-
อนาคตของประเทศมันรำไรครับ
หันซ้าย หันขวา ไม่เห็นมีใครเอากับเราสักประเทศ
ส่งผู้นำไปประชุม เขายังไม่ค่อยจะอยากคุยด้วยเลย :'(
อย่างน้อยๆ ต้องใช้ผู้นำที่เป็นนักธุรกิจชั้นนำแล้วครับยุคนี้
หัวต้องทันสมัย คิดเร็ว ทำไว กล้าเสี่ยง มีอำนาจต่อรอง พูดภาษาสากลได้ ฟังออก
นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่คิดจะมีลูกเลยครับ เห็นอดีตและอนาคตของประเทศตัวเองแล้ว
สงสารลูกที่จะเกิดมาจริงๆ แม้เราจะทำมาหากินได้ มีเงินใช้ แต่สภาพประเทศโดยรวมเป็นเช่นนี้
มันก็ไม่ไหวจริงๆ
-
โลกนี้อยู่ได้ด้วยลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรครับ
คนที่บอกว่าทำไมเราไม่ทำรถขายเอง บลาๆๆๆ คือถ้าวันนี้คุณรวยหาศาลเสกเงินได้เองแล้วคิดจะสร้างรถยนต์ยี่ห้อไทย ต่อให้คุณสั่งโรงงานทำชิ้นส่วนสุดหรู มีเทคโนโลยีไฮเทคครบครันก็ขายไม่ได้ครับ ถ้าคุณไม่มีสิทธิบัตรในองค์ประกอบต่างๆ ที่นำมาผลิต สิทธิบัตรมีทั้งฟรีและเสียเงิน
แล้วทำไมเห็นสถาบันการศึกษาทำรถทดสอบใช้งานได้ล่ะ นั่นก็เพราะเขาร่วมมือกับองค์กรที่มีสิทธิบัตรอยู่ในมือ และนั่นมันคือ "เพื่อการศึกษาและวิจัย" ไม่ใช่ "เพื่อการค้า" แค่เปลี่ยนคำทุกอย่างเปลี่ยนคนละเรื่องนะครับ สิทธิ์เพื่อการศึกษามันมีความทางกฎหมายคุ้มครองอยู่ แต่สิทธิ์ทางการค้าเนี่ยคุณต้องโดนเต็มๆ
-
"ประเทศไทยมีข้อตกลงทางการค้ากับจีน ซึ่งสามารถนำรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเข้ามาขายได้ เสียภาษี 0% เปิดโอกาสให้รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนทะลักเข้ามาได้ง่ายขึ้น จุดนี้ทำให้บริษัทแม่กำลังพิจารณาเรื่องการลงทุนใหม่ โดยมีแนวคิดหันไปลงทุนในจีน เพื่อผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์พวงมาลัยขวา แล้วเอาเข้ามาขายในประเทศไทยแทน"
ก็ในเมื่อนำเข้าทั้งคันก็ได้ภาษี 0% อยู่แล้ว จะมาตั้งโรงงานในไทยทำไมล่ะ ตั้งในจีนที่มีตลาดใหญ่กว่า แถมมี Economy of scale ด้วย นำเข้าก็ฟรีไม่มีภาษี
นโยบายแบบนี้แหละที่ทำลายอุตสาหกรรมไทย
ก้ออ่อนแอเอง ไม่เคยพัฒนาศักยภาพจิงๆจังๆมาตลอดห้าสิบปี ทำรถมากั๊กเสปค ลดคุณภาพ แต่ขายแพงเว่อร์ๆเข้าไว้ เทคโนโลยีเก่าๆโละมาขาย สมควรแล้วที่เจอแบบนี้
การค้าเสรีแบบนี้ ผู้บริโภคสบายฟินๆ 8)
ผมไม่แคร์หรอกนะว่า อุตในมันจะเจ๊งอะไรยังไง ก้อเพราะทำตัวเอง อย่ามาโทษผู้บริโภค
เข้าใจผิดประเด็นป่าวครับ
1. อุตในมันจะเจ๊งอะไรยังไง ก้อเพราะทำตัวเอง อย่ามาโทษผู้บริโภค ---> ผมไม่ได้โทษผู้บริโภคสักคำ
2. ก้ออ่อนแอเอง ไม่เคยพัฒนาศักยภาพจิงๆจังๆมาตลอดห้าสิบปี ทำรถมากั๊กเสปค ลดคุณภาพ --> ทำรถมากั๊กเสปค ลดคุณภาพ ไม่ได้เกี่ยวกับกับว่าเรื่องพัฒนาศักยภาพเลยสักนิดเดียว มันเป็นเรื่องของการตลาดล้วนๆ
3. ทำรถมากั๊กเสปค ลดคุณภาพ แต่ขายแพงเว่อร์ๆเข้าไว้ เทคโนโลยีเก่าๆโละมาขาย สมควรแล้วที่เจอแบบนี้ --> เค้าก็แค่ย้ายไปตั้งโรงงานที่จีน บริษัทแม่ก็สั่งโรงงานที่จีนทำรถมากั๊กเสปค ลดคุณภาพ แต่ขายแพงเว่อร์ๆเข้าไว้ เทคโนโลยีเก่าๆโละมาขายได้อยู่ดี ---> ผู้บริโภคได้ประโยชน์ตรงไหน
4. อุตในมันจะเจ๊งอะไรยังไง ก้อเพราะทำตัวเอง --> บริษัทรถไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย ได้ประโยชน์ด้วยซ้ำ จากต้นทุนต่ำแรงงานและภาษี คนที่เดือดร้อนที่แรงงานในอุตสาหกกรรมซึ่งเป็นคนไทยด้วยกันต่างหาก
ในมุมมองของบริษัทแม่ ก็แค่ย้ายฐานการผลิตไปในประเทศที่ได้สิทธิประโยชน์มากกว่า เวลาผลิตรถมาขายในไทยก็รถสเปคเดิมนั่นแหละ ในเมื่อการตลาดในไทยมันขายได้อยู่แล้ว ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าด้วย ได้กำไรมากขึ้น
ผู้บริโภคบางคนก็คงก็หลงดีใจคิดว่าจะได้สบายฟินๆ
บริษัทรถยนต์หรือบริษัทแม่ในยุโรปหรือญี่ปุ่นเค้าก็ฟินครับ ฟินของแท้แบบไม่มโนด้วย เพราะได้ย้ายไปในประเทศที่ค่าแรงถูกกว่า แถมส่งกลับมาขายในไทยก็ไม่เสียภาษีด้วย
ส่วนอุตสาหกรรมไทยที่เดือดร้อนคือบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนโยบายการทำรถมากั๊กเสปค ลดคุณภาพ อะไรทั้งสิ้น
-
เห็นข่าวว่า BOI จะยอมถอยแล้วนี่ครับ มาตรการบางอย่างอาจจะผ่อนคลายขึ้น หวังให้ผู้ลงทุนกลับมา
-
จากหลายๆสาเหตุ ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น