Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: LoveYouToo ที่ พฤษภาคม 05, 2017, 01:52:06
-
ข้อมูลรถ: MK3 2.0 ฉีดตรง 170 Hp
เงื่อนไข:
- เก็บข้อมูลบนถนน M9 เวลาเที่ยงคืน
- ใช้ cruise control ในแต่ละช่วงความเร็วเป็นระยะทาง 5 km
- สังเกตอัตราการสิ้นเปลื้องจากหน้าจอรถ โดยเอาค่าอัตราการสิ้นเปลื้องตรงกลางระหว่างค่าสูงสุดและต่ำสุดในระยะทางที่ทดสอบ
- นั่งคนเดียวเปิดแอร์
- ไม่รวมช่วงลงเนินขึ้นเนิน(สะพาน)
- E20
- ช่วงวิ่งตามหลังรถบรรทุก อัตราสิ้นเปลื้องลดลงประมาณ 10%
ได้อัตราสิ้นเปลื้องดังนี้ครับ
60 km/h : 31.25 km / l
70 km/h : 30.30 km / l
80 km/h : 33.33 km / l
90 km/h : 31.25 km / l
100 km/h : 24.39 km / l
110 km/h : 23.81 km / l
120 km/h : 19.23 km / l
จากการเก็บข้อมูลหลายๆรอบ รถผมจะกินน้ำมันน้อยสุดที่ความเร็ว 80 km/h
หมายเหตุ
- อัตราสิ้นเปลื้องจากหน้าจอรถ อาจจะไม่แม่นยำ 100%
- รถผม ความเร็วเข็มไมล์ 100 GPS 95
- อัตราสิ้นเปลื้องเดินทางไกลจากการใช้งานจริง น้ำมันเต็มถัง 55 l วิ่งได้ 825 km หรือ 15 km / l โดยพยายามใช้ cruise control ตลอดทางที่ 110km/h มีทางลาดชัน 10% ของเส้นทาง
- น้ำมัน E20
รถของใครที่น้ำมันใกล้หมดแล้ววิ่งช้าๆเพื่อประหยัดน้ำมัน หาปั๊ม อาจจะไม่ประหยัดที่สุดก็ได้ ถ้าวิ่งช้าเกินไป
-
ถ้าตามความคิดผมน่าจะเกียร์สูงสุดที่ความเร็วต่ำสุดของเกียร์นั้น
มาสด้า 3 2.0 ขับไม่มีครูส 24 km/l ครับ วิ่ง 72 km/hr ที่เกียร์ 6 ประมาณ 1500 รอบ
-
ครูสไม่ใช่การขับที่ประหยัดน้ำมันที่สุด การขับประหยัดของรถแต่ละคันไม่เหมือนกัน
บางคันมันกินน้ำมันมาก คุณตะบี้ตะบันเข้าไปก็กินเพิ่มอีกนิด แต่บางคันมันประหยัดมาก พอขับบทโหดขึ้นนิดนึงตัวเลขจะหดไปพอสมควร
การขับรถให้ประหยัดในชีวิตจริง หลักๆคือขับรถให้เบรคน้อยที่สุด
เช่น รถคุณอาจจะประหยัดที่ 80 มากสุด แต่ถ้าสภาพจราจรคุณขับ80 แล้วคุณจำเป็นต้องเบรค จะแซงก็ไม่พ้น คุณยอมขับ90แต่รันช้าคุณแซง คันเร็วคุณให้เค้าไป แต่คุณแทบไม่ใช้เบรค แค่ขับและปล่อยคันเร่ง มันจะประหยัดกว่าทันที
แต่ถ้าทางโล่งแบบวิ่งคนเดียว ช้าระดับ 60-80น่าจะประหยัดที่สุด
-
รถผม Ford Focus TDCI ปี 2011
วิ่ง 70 km/h = 27 km/l
วิ่ง 100 km/h = 22 km/l
วิ่ง 120 km /h = 18.8 km/l
miles = 77,000 km,
Top speed = +/- 210 km/h
Never modified EGR.
Lubricate = Gulf, 10w-30
Fuel PTT diesel premium / Shell V power Nitro.
-
90-100 ครับ
-
105 - 110 ไม่งั้นรถจะไม่ยอมเปลี่ยนเกียรสูงสุดให้
รอบอยู่แถวๆพันสี่ พันห้า
-
Jazz ผม อยู่ที่ 80-90 ครับ
-
Juke
80-110 km/h อัตราอยู่ที่ช่วง 4 - 5.5L/100km
120-140km/h อัตราอยู่ที่ 6.5 -9 L/100 km
160 km/h อัตราอยู่ที่ 13 L ขึ้นไป/100 km
-
Mazda 2 2011
ผมดูผ่าน APP มือถือ + ODB2
จะวิ่งเท่าไหร่มันก็ได้ 11 กว่า ๆ โลลิตร
แต่ถ้าวิ่งยาว ๆ 105 - 110 นิ่ง ๆ จะได้ 12.5 โลลิตร ประมาณนี้ครับ
ถ้าซัดโหดจะได้ 10 โลลิตรครับ
สงสัยรถผมมันพวงมาลัยกินซ้าย วิ่งแป๊บ ๆ ก็ชิดซ้ายเข้าปั้มอยู่เรื่อยครับ ::)
-
Cityผมความเร็ว80-90 ได้
Dmax 2.5 4ประตู 70-90ครับ
-
มิราจ1.2mt ถนนโล่งวิ่งไกลระยะ30โลตัวเลขนิ่งอยู่ที่25.1km/L ที่60km/h ex1.8gls นิ่งๆที่60ได้17km/L avg.แต่แค่ลองดู วิ่งจริงไม่ไหวช้าเกิน
-
prius ประมาณ 60 - 65 km/hr
มันจะเป็นโหมด ev วิ่งไปเรื่อยๆ ประหยัดมากๆ
ยืนพื้นได้ 18 กม สบายๆ ในเมืองนอกเมือง
-
2 ดีเซลที่ความเร็วประมาณ 72 km/h น่าจะประมาณ 2.5l/100km = 40km/l
ถ้าเร็วขึ้นมาอีกนิด ที่ความเร็วประมาณ 92 km/l น่าจะประมาณ 2.8-3.0l/100km = 33km/l
-
8) 8) 8).....88-90 km/h หรือ 55 m/h ครับ :-X
-
2 ดีเซลที่ความเร็วประมาณ 72 km/h น่าจะประมาณ 2.5l/100km = 40km/l โอ้โห ประหยัดได้ขนาดนั้นเชียวหรือครับ
ถ้าเร็วขึ้นมาอีกนิด ที่ความเร็วประมาณ 92 km/l น่าจะประมาณ 2.8-3.0l/100km = 33km/l
-
Focus2.0 ประหยัดกว่าfiesta1.6อีก :o :o :o
33.33 km/l = 3L/100km ไม่เคยได้เห็นในเฟียสต้าเลครับ
-
HRV
ได้จอเขียว และความเร็วที่พอเหมาะ ที่ประมาณ 100-110 km/hr ครับ
-
มาร์ชเกียร์ธรรมดา ยางไซส์ใหญ่กว่าปกติ 2 เบอร์ บนล้อกระทะ 14
ช่วงประหยัดที่สุด อยู่ประมาณ 90 กม./ชม. เกียร์ 5 ครับ ประมาณ 21 - 24 กม./ลิตร ขึ้นกับว่าเท้านิ่งแค่ไหน
น้ำมัน e20s ใบจากครับ
ส่วน crv 2.0 นั้น เราข้ามไปเถอะครับ ;D
-
L33-2.5
เติมเต็มถัง ออกจากปั๊มก็ขับเรื่อยๆตามสภาพจราจรทางหลวงยามเช้า
- ใช้ความเร็ว 80-100 กม./ชม. ใช้ cruise control บ้างเป็นช่วงๆ
- นั่ง 2 คน เปิดแอร์ 27 องศา ภายนอก 30 องศา
- ของหนัก 10 กก.
- ลมยาง 35 ปอนด์/ตรน.
- น้ำมัน E20
วิ่งมา 90+ กม ได้ 21.0 กม./ลิตร
ถ้าไปแบบนี้ หนึ่งถังวิ่งได้ 1000+ กม.
(https://www.uppic.org/image-4045_590BFF68.jpg)
-
Accord.G8 ขับแถวๆบ้านในซอย น่าจะ80-90 เน้นรอบต่ำๆ
W212 , Eve ต้องรอบต่ำ เร็วหน่อย
City ไม่สนใจมอง
Focus ต้องขับเร็วๆ สัก120นิ่งๆ ครุซยิ่งดี แบบที่สมาชิกก่อนนี้บอก 3/100 ก้อมี
-
Mazda 2 2011
ผมดูผ่าน APP มือถือ + ODB2
จะวิ่งเท่าไหร่มันก็ได้ 11 กว่า ๆ โลลิตร
แต่ถ้าวิ่งยาว ๆ 105 - 110 นิ่ง ๆ จะได้ 12.5 โลลิตร ประมาณนี้ครับ
ถ้าซัดโหดจะได้ 10 โลลิตรครับ
สงสัยรถผมมันพวงมาลัยกินซ้าย วิ่งแป๊บ ๆ ก็ชิดซ้ายเข้าปั้มอยู่เรื่อยครับ ::)
ได้รีเซ็ทก่อนวัดหรือเปล่า?..
-
ความเร็วที่รถลอยตัว รถหนัก เบา ต่างกัน
รอบเครื่องต่ำ ที่โอเวอร์ไดร์ฟ หรือทด0.ลงมา ที่เกียร์สุดท้าย
อากาศเย็น ความชื้นกลางๆไปทางแห้ง
มีลมส่งท้าย หรือไม่มีลมปะทะหน้า ข้าง ทแยง
ทางลาด ตรง
น้ำมันในถังเหลือน้อย ปั้มติ๊กจะร้อน แรงดันน้ำมันไม่คงที่ มีฟองอากาศในท่อลำเลียงได้
กำลังเครื่องยนต์จะดีเมื่อน้ำมันเกินครึ่งถัง ในรถยุโรปจะอ่อนไหวมาก ยิ่งม้าเยอะ มากสูบ รอบจัดจะชัดขึ้นเรื่อยๆ
ยังไม่รวมการขยายตัวของถังน้ำมัน แบบต่างๆ และแรงดันสูญญากาศในถัง ตามอุณหภูมิห้อง
ช่วง 90-110กม. จะประหยัดที่สุดโดยเฉลี่ย
รอบเครื่อง 1500-2500
รถเคย์คาร์ไม่เกิน 60-80กม. เพราะเกียร์ทดสูง รอบจัด ไม่เน้นทางไกล
-
90 - 100 ครับ
-
@ คุณ Newhang
ใช่ครับ อันที่จริงการขับด้วยการตั้ง cruise control ไม่ได้ช่วยให้ประหยัดน้ำมันที่สุด เพราะมันชอบเร่งขึ้นเนินเพื่อรักษาความเร็ว แต่สำหรับผมมันช่วยได้เพราะมันช่วยไม่ให้ผมขับรถเร็วกว่าที่กำหนด ข้อมูลที่ผมนำมาแชร์ที่ต้องใช้ cruise control เพื่อต้องการตัดตัวแปรเรื่องน้ำหนักที่ไม่คงที่ในการเหยียบคันเร่งออกไป
ที่ผมเข้ามาโพสเพราะว่า ช่วงนี้ผมกำลังอยู่ในช่วงลองปรับพฤติกรรมการขับรถ โดยหันมาควบคุมความเร็วของตนเองไม่ให้ขับรถเร็ว ถ้าให้เหยียบคันเร่งเอง ยังไงก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะปกติผมเป็นคนขับรถเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของเพื่อนร่วมทางพอสมควร(ขับเป็นร้อยหรือหลายร้อยกิโล จะโดนแซงแค่สองสามคัน) ปกติเวลาขับรถผมไม่เคยแคร์อัตราสิ้นเปลื้อง พอมาขับช้าๆ เลยถือโอกาสดูอัตราสิ้นเปลื้องในแต่ละช่วงความเร็ว เลยพึ่งมารู้ตัวว่าที่ผ่านมา เวลาน้ำมันใกล้หมดแล้วขับ 40-50 หาปั๊ม มันไม่ได้ประหยัดกว่า 80-90 เลย
ผลจากการลองควบคุมความเร็วทำให้ผมเห็นหลายๆอย่างที่ไม่เคยเห็น อาทิ
- การขับโดยอัตราเร่งสม่ำเสมอในช่วง 80-100 รถจะประหยัดน้ำมันจนน่าทึ่ง
- ได้มาขับ chill เลนซ้ายกับรถบรรทุก รู้สึกว่าทำให้ใจเย็นขึ้นมาก แทบจะไม่หงุดหงิดรถที่ขับแย่ๆ
- พึ่งเข้าใจมุมมองคนที่ขับรถช้าๆ ต่อรถที่ขับเร็วๆ > โหทำไมขับเร็วจัง ดูอันตรายมากๆ(ตอนขับเร็วเองไม่ยักรู้สึกว่าอันตราย)
- ใครที่ขับรถเร็วๆ แล้วทนรถที่ช้ากว่าในเลน 3-4 ไม่ไหว ได้โปรดอย่าปาดมาแซงอย่างเร็วในเลน 1-2 เลย เพราะรถที่ขับช้าๆใน 1-2 จะสังเกตเห็นหรือประเมินความเร็วรถของท่านได้ไม่ดีเท่าที่ควร(บางทีท่านเล่นปาดมาจากเลน 4) บางคันแย่ขนาดไล่จี้รถช้าเลนซ้าย
-
เห็นด้วยครับ
ผมเดินทางเช้า-เย็น วันละ 220 กม.ทางหลวง ตจว.ทุกวัน พบว่า การขับเร็วขึ้นจาก 100 เป็น 110-120 กม/ชม. เร็วขึ้นจริง แค่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับระยะทาง 100 กม.
ผมจึงมักสนใจและสนุกกับการขับให้ได้อัตราสิ้นเปลืองที่ดีที่สุด โดยไม่ได้ขับช้าสุด ความเร็วที่ใช้อยู่ในช่วง 80-105 กม/ชม. โดยขับตามๆกันไปตามสภาพการจราจรถ้ารถหนาแน่น ถ้าทางโล่งก็จะขับ 100-105 กม./ชม. นิ่งๆ
ถ้าคุมคันเร่งเอง มาตรแสดงอัตรากินน้ำมันบนจอ mid ช่วยให้เราปรับวิธีขับได้ดีครับ ถ้าโล่งมาก็ใช้ cruise control ช่วย
และจะพบว่า อัตราสิ้นเปลืองส่วนใหญ่แล้วอยู่ที่วิธีขับเสียส่วนใหญ่ครับ
สนุกดี และปลอดภัยครับ
-
75 กม./ชม. 20 กม./ลิตร E85 บนรถ Nissan March ที่เปลี่ยนหัวฉีดติดกล่องจูนไฟแล้ว
รอบเครื่องน่าจะราวๆ 1,300 รอบได้ ประหยัดมาก เงียบ และง่วงมากๆ
แต่ขับจริงอย่าถามครับ ทางไกลขับแบบไม่สนใจใครก็ 12-13 กม./ลิตร นี่แหละ
-
เคยขับจริงจัง 70-90กม/ชม กับรถMirage CVT ไม่นานนี้ เติมe20เต็มถังออกจากโคราช ตีห้า ถึงสระบุรี 7โมงหน้าปัทม์25กม/ลิตร 153กม เติมน้ำมันกลับไปได้5.8ลิตร
เดี๋ยวว่าจะลองใหม่ไกลกว่าเดิมครับ
-
Fiesta 1.6 ขับ 80 จะได้ประมาณ 3.5-4.8 L/100km อันนี้ทำได้จริงๆ
Everest 3.2+ 85-90 จะขึ้น Real time 14-17 km/L อันนี้เร่งเพิ่มนิดเดียว Real time ลงไปต่ำกว่า 10 ละ
ได้จริงๆขับยาวๆไม่เกิน 13 แน่นอนต่อให้วิ่ง 90 ยาวไป
-
คง 80 เหมือนเจ้าของกระทู้ครับ
-
สำหรับผมความเร็วที่ประหยัดที่สุดคือ ไม่ช้าไม่เร็วเกินไปใช้เดินทางได้จริงๆ อยู่ที่ 100-120 ครับ CRV 2.4 2WD
โอกาสที่จะลองขับแบบ 60-80 เป็นไปได้ยาก เลยขอแชร์จุดประหยัดที่สุดในการใช้งานจริงๆ ครับ
-
E280 V6 3.0L W211
ความเร็ว 90-95 กิน 12.4 km/l เป็นความเร็วขั้นต่ำที่รถยอมตัดขึ้นเกียร์ 7 ให้ครับ
ความเร็ว 110 กิน 11.60 km/l
ความเร็ว 120 กิน 11.20 km/l
ประหยัดสุดยังไงก็ไม่สูงไปกว่า 12.5 km/l ครับ ;D
-
เห็นกระทู้นี้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว อยากตอบมากเลยครับแต่ไม่มีเวลาไปเก็บข้อมูลเลย หาถนนโล่งๆ ตรงๆ ไม่ลาดเอียง รถน้อยๆ ให้สามารถขับทรงตัวนิ่งๆได้ยากมาก ผมใช้ Monster gauge ซึ่งถ้าเท้าไม่นิ่ง และถนนไม่เรียบจริง ความเร็วและอัตราการกินน้ำมันมันจะดิ้นไปดิ้นมา แต่จนแล้วจนรอดก็ได้เก็บข้อมูลซะทีครับ เส้นทางมิตรภาพช่วงรังสิต - สระบุรี เมื่อคืนนี้ ตอนเที่ยงคืน ตอนขับรถกลับ ตจว.
รถผมเป็นอัลติสหน้าหมู เครื่อง 2zz-ge 1.8 6MT จาก Corolla RunX แรงม้าสูงสุดตามสเปคราวๆ 190 แรงม้า ใช้ Monster Gauge จับอัตราการกินน้ำมันแบบ
real time ได้ดังนี้ครับ..
40 km/h = 30.99 km/L ..... (รอบเครื่อง 1,130)
50 km/h = 29.63 km/L ..... (รอบเครื่อง 1,420)
60 km/h = 23.05 km/L ..... (รอบเครื่อง 1,700)
70 km/h = 20.86 km/L ..... (รอบเครื่อง 1,990)
80 km/h = 18.37 km/L ..... (รอบเครื่อง 2,270)
90 km/h = 17.94 km/L ..... (รอบเครื่อง 2,550)
100 km/h = 16.80 km/L ....(รอบเครื่อง 2,840)
110 km/h = 15.12 km/L ....(รอบเครื่อง 3,120)
120 km/h = 13.32 km/L ....(รอบเครื่อง 3,400)
160 km/h = 9.xx km/L ...... (รอบเครื่อง 4,540)
เครื่องตัวนี้รอบตัด 8,250 นะครับ การทดสอบใช้น้ำมัน E20 ครับ ก่อนหน้านี้ ผมได้ลองขับทดสอบอัตราการกินน้ำมันแบบจริงจัง ขับแบบประหยัดสุดๆด้วยความเร็ว 110 กม./ชม. เติมน้ำมันที่ปั๊ม ขับวนไป 120 กม. แล้วกลับมาเติมน้ำมันที่ปั๊มเดิม หัวจ่ายเดิม เด็กปั๊มคนเดิม สถาพจราจรโล่งเพราะขับตอนดึกๆที่ ตจว. ตอนนั้นคำนวนจากน้ำมันที่เติมใหม่จริงๆ ผลออกมาว่าได้ 14.00 กม./ลิตร เทียบกับการอ่านค่าจาก Monster Gauge แบบ Realtime ที่ได้ 15.12 กม./ลิตรที่ความเร็ว 110 กม./ชม. เท่ากัน ก็ดูสมเหตุสมผลครับ ความแตกต่างประมาณ 7.41% ถือว่าต่อจากนี้ผมคงไม่ต้องไปขับวนๆให้เมื่อยแล้ว ดูจาก Monster Gauge แล้ว -7.5% ก็จะได้อัตราการกินน้ำมันคร่าวๆแล้วครับ