Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: yord ที่ มีนาคม 09, 2021, 20:08:53
-
เขามีทำรถไฟฟ้าแบบ 100% ที่ไม่ต้องชาร์จมั้ยครับ
แบบทำแบตเป็น 2ชุด ชุดแรกใช้ปั่นมอเตอร์ อีกชุดที่สองก็ชาร์จเก็บไฟ ไปขณะวิ่ง
พอชุดแรกไฟหมด ก็ไปใช้ไฟจากชุดที่สองต่อ แล้วก็ชาร์จไฟให้ชุดแรกแทน วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ
-
มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ มันมีการสูญเสียพลังงานเยอะครับ
-
เขามีทำรถไฟฟ้าแบบ 100% ที่ไม่ต้องชาร์จมั้ยครับ
แบบทำแบตเป็น 2ชุด ชุดแรกใช้ปั่นมอเตอร์ อีกชุดที่สองก็ชาร์จเก็บไฟ ไปขณะวิ่ง
พอชุดแรกไฟหมด ก็ไปใช้ไฟจากชุดที่สองต่อ แล้วก็ชาร์จไฟให้ชุดแรกแทน วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ทำแบบนั้นไม่ได้ครับ แสดงว่าไม่ได้เรียนสายวิทย์มาแน่ๆ ผิดกฎ เทอร์โมไดนามิกส์ครับ
สมมุติจากปกติ ใส่พลังงานไป100 รถวิ่ง ได้100กม. แต่ทำระบบแบบที่คุณว่า รถอาจวิ่งได้แค่80-90กม.
-
ถ้าสามารถตัดตัวแปรอื่นๆออกได้หมด จขกท กำลังมองว่ามอเตอร์ที่ใช้ชาร์จไฟกลับ ต้องได้พลังงานเท่ากับมอเตอร์ที่ใช้ขับเคลื่อน ซึ่งมันหมายพลังงานทั้งหมดที่ใช้ขับเคลื่อนรถต้องนำไปชาร์จ ถ้าตามทฤษฎีรถจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ครับ เพราะไม่มีพลังงานเหลือไปทำให้รถขยับ ดังนั้นถ้าจะให้รถขยับ ต้องมีพลังงานภายนอกเติมเข้าไปครับ
-
เขามีทำรถไฟฟ้าแบบ 100% ที่ไม่ต้องชาร์จมั้ยครับ
แบบทำแบตเป็น 2ชุด ชุดแรกใช้ปั่นมอเตอร์ อีกชุดที่สองก็ชาร์จเก็บไฟ ไปขณะวิ่ง
พอชุดแรกไฟหมด ก็ไปใช้ไฟจากชุดที่สองต่อ แล้วก็ชาร์จไฟให้ชุดแรกแทน วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ทำแบบนั้นไม่ได้ครับ แสดงว่าไม่ได้เรียนสายวิทย์มาแน่ๆ ผิดกฎ เทอร์โมไดนามิกส์ครับ
สมมุติจากปกติ ใส่พลังงานไป100 รถวิ่ง ได้100กม. แต่ทำระบบแบบที่คุณว่า รถอาจวิ่งได้แค่80-90กม.
ผมเห็นรถไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ 300 กิโล+
เลยคิดว่าถ้าทำระบบอัตราทดเฟืองสำหรับตัวชาร์จไฟ ให้สามารถชาร์จกลับได้รวดเร็วก็น่าจะทำได้
แต่ผมไม่ได้คำนึงถึงกฏวิทยาศาสตร์ที่ท่านกล่าวมาเลยครับ เลยไม่เข้าใจในส่วนทษฏีต่างๆครับ
น่าเสียดายครับถ้าทำได้ก็ดีเลย ไปไหนก็สบายเลยครับ 10ปีค่อยยกแบตทีนึงครับ
-
ถ้าสามารถตัดตัวแปรอื่นๆออกได้หมด จขกท กำลังมองว่ามอเตอร์ที่ใช้ชาร์จไฟกลับ ต้องได้พลังงานเท่ากับมอเตอร์ที่ใช้ขับเคลื่อน ซึ่งมันหมายพลังงานทั้งหมดที่ใช้ขับเคลื่อนรถต้องนำไปชาร์จ ถ้าตามทฤษฎีรถจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ครับ เพราะไม่มีพลังงานเหลือไปทำให้รถขยับ ดังนั้นถ้าจะให้รถขยับ ต้องมีพลังงานภายนอกเติมเข้าไปครับ
มุมมองแบบว่าแบตชุดแรกจ่ายพลังงานให้มอเตอร์ปั่นเพลาขับ
แล้วเอาพลังงานจากเพลาขับมาปั่นมอเตอร์ตัวที่2(สำหรับชาร์จไฟ) เพื่อชาร์จไฟไปให้แบตชุดที่สอง
โดยหลักการทดกำลังผ่านระบบเกียร์ให้สามารถปั่นไฟได้ไวในการชาร์จ อะไรทำนองนี้ครับ
แต่ก็ไม่ได้คิดถึงการสูญเสียแบบที่เพื่อนสมาชิกกว่าไว้ซึงอาจทำให้เปลืองพลังงานจากโหลดตรงนี้ได้เช่นเดียวกันครับ
-
ในมุมมองคนไม่รู้ มันก็ไม่มีอะไรผิดนะครับ
ตามที่คุณคิดมานั้น มันเหมือนพวก free power เลยครับ
ลองไปเปิด youtube ดูนะครับ
ของไทยก็เคยมีครับ มอไซค์พลังงานฟรี โดนถล่มเละเทะจนลบคลิปไปแล้ว
คนรู้บางคนก็ชอบเอามาหลอก โดยเฉพาะพวกอาจารย์ม.ดังๆ หลอกหาทุน
เพราะถ้าทำได้จริง แบตไม่ต้อง น้ำมันไม่ต้องแล้วล่ะครับ
-
ถ้าตามหลักการ ยังไงก็ต้องมีการสูญเสียพลังงานระหว่างการทำงานครับ และมันจะไม่สามารถได้พลังงานคืนกลับมาได้ 100% วนลูปไปแบบนี้จนสูญเสียพลังงานหมดครับ สุดท้ายก็ขับเคลื่อนไม่ได้ครับ
-
ความจริงมันก็มีนะ ถ้านิยามของการไม่ต้องชาร์จคือไม่ได้เสียบปลั๊ก
แบ่งแบตเป็นสองชุด โดยที่ชุดนึงชาร์จจากพลังงานแสงอาทิตย์ และอีกชุดเอาไว้ขับเคลื่อน พอชุดไหนไฟหมดก็สวิตซ์ไปอีกชุด ส่วนชุดที่ไฟหมดก็ชาร์จด้วยแสงอาทิตย์ต่อ ตอนจอดก็ใช้ไฟจากแสงอาทิตย์ชาร์จปกติ
มีหลายเจ้าทำอยู่ แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นตัวต้นแบบแทบทั้งนั้น
-
ทฤษฎี free enegy ไม่มีในโลกนี้ครับ
พลังงานย่อมมีการสูญเสียเสมอ
คำถามคือรถไฟฟ้าที่ไม่ต้องชาร์ต ก็หมายถึงรถไฟฟ้าที่ต้องการพลังงานจากแหล่งอื่นที่ไม่ได้มาจากการชาร์จ
ที่ใกล้เคียงคือ FCEV ของ toyota mirai ที่ใช้พลังงานจากไฮโดรเจนแปลงเป็นไฟฟ้าใช้ในการขับเคลื่อน
ส่วนรถไฟฟ้าที่ติดแผงโซล่าเซลล์ก็มี แต่พลังงานที่ได้จากแผงโซล่ามันน้อยนิดมาก ไม่พอใช้ในการขับเคลื่อนในชีวิตประจำวัน
-
เล็กๆน้อยๆ ทำได้ แต่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่ได้
ลองศึกษา พลังอนันต์ ดู
https://www.youtube.com/watch?v=jsxroTt9IhY
-
ตอนเด็กผมจำคันนี้ได้ solar-powered electric
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/ae/SEIIITeam800H.jpg)
-
ผมว่าอนาคตอาจจะเป็นไปได้นะครับ
เราอาจจะทำหลังคาโซล่าเก็บไฟเพิ่มขณะวิ่ง
พัฒนาระบบจ่ายพลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น กินไฟน้อยลง
ทำถนนที่มีการปล่อยพลังงานชาร์จไร้สายบนพื้นไปเลย รถวิ่งไปก้อชาร์จไป
ไปล่ะ หมอเรียกกินยา :-X :-X :-X
-
มีแบบใช้ inductive charger บนพื้นถนน เวลาวิ่งไปก็ชาร์จจากถนนไป
-
ตามกฎเทอโม พลังงานไม่มีสูญหาย แต่มันเปลี่ยนเป็นพลังงานอื่นแทน ปัญหาของไอเดียนี้คือ lost ของพลังงานไฟฟ้าจากแบต มันไม่ได้แปลงเป็นพลังงานกลอย่างเดียวอะคับ มันรวมถึงพลังงานอื่นในรถ มันก็คือการสูญเสียเช่นกันนะคับ เช่น ปั่นคอมแอร์ เป็นแสงสว่างหน้าจอ เป็นไฟเบรค ไฟเลี้ยว ไฟหน้ารถ และไปจ่ายให้ระบบอื่น ๆ ในรถ ดังนั้น แม้เราจะตัด lost ของ motor <--> generator พลังงานที่ไปปั่นล้อ มันจะไม่สามารถแปลงกลับมาได้เต็ม 100% อยู่ดีอะคับ
ไอเดียที่เป็นไปได้มากสุดคือ Motor+generator ต้องมี lost น้อยมาก ๆ และต้องมี solarcell ที่หลังคา และมี efficiency สูงมาก ๆ สูงพอที่จะเติมพลังงานที่หายไปตรงนี้ ถึงจะสามารถทำให้รถไฟฟ้าใช้งานได้เรื่อย ๆ แต่ก็นั่นแหละ มันก็ไม่ใช่วิ่งแบบไม่ชาร์จ มันก็คือการชาร์จแบบต่อเนื่อง โดยไม่ต้องเสียบปลั๊ก
-
แบบที่ จขกท. ว่าไม่มีและทำไม่ได้ครับ มันเป็นไปไม่ได้ตามกฏพลังงาน
แต่ถ้าจะให้ใกล้เคียงที่สุดคือ รถไฟฟ้าควรผลิตชุด Swap Batt คือเราสามารถถอด/ใส่ แบตใหม่ได้ด้วยตัวเองง่ายๆ (เหมือนถอดแบตมือถือ) เราก็ซื้อไว้ 2/3 ลูก ตนไปวิ่ง ก็เอาลูกที่เหลือเสียบชาร์จ พอลูกแรกหมด ก็ใส่ลูกที่สองเข้าไปแทนแบบง่ายๆ แบบนี้เรียกว่าชาร์จทิ้งไว้ ขับไปไหนสบายๆ อยากไปไกลๆก็ซื้อตุนไว้หลายลูกหน่อย
-
ผมก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้เท่าไรนะครับ ...
แต่คิดว่า มันคงทำไม่ได้ในตอนนี้อะ หรือถ้าทำได้มันก็คงไม่คุ้มเช่นต้นทุนสูงหรือ การดูแลรักษาสูง
เพราะไม่งั้น ทำไมโรงไฟฟ้า ไม่เอาไฟฟ้า ไปปั่นมอเตอร์แล้วผลิตไฟฟ้าวนไปละครับ ...จะไปถามหานิวเคลียร์ ถ่านหิน หรือพลังงานลม พลังแสงอาทิตย์กันทำไม ...
วิศวกรทั่วโลก โดยเฉพาะระดับเทสล่า ไม่ทำออกมา แปลว่ามันต้องมีขีดจำกัดและมันไม่ง่ายอย่างที่เราคิดแน่ๆครับ ...
-
ทฤษฎี free enegy ไม่มีในโลกนี้ครับ
พลังงานย่อมมีการสูญเสียเสมอ
คำถามคือรถไฟฟ้าที่ไม่ต้องชาร์ต ก็หมายถึงรถไฟฟ้าที่ต้องการพลังงานจากแหล่งอื่นที่ไม่ได้มาจากการชาร์จ
ที่ใกล้เคียงคือ FCEV ของ toyota mirai ที่ใช้พลังงานจากไฮโดรเจนแปลงเป็นไฟฟ้าใช้ในการขับเคลื่อน
ส่วนรถไฟฟ้าที่ติดแผงโซล่าเซลล์ก็มี แต่พลังงานที่ได้จากแผงโซล่ามันน้อยนิดมาก ไม่พอใช้ในการขับเคลื่อนในชีวิตประจำวัน
พวก free energy ไม่มีจริงครับ
ลูกผมเคยทำโครงงานวิทย์โดยดูจาก you tube พวกนี้ โดยใช้พัดลมคอม 12 โวลท์ตัวใหญ่ถอดเอาวงจรภายในตัวพัดลมแล้วต่อสายไฟตรงเพื่อเวลาปั่นให้พัดลมหมุนจะสามารถผลิตกระแสไฟ AC 12 โวลท์ออกมา ซึ่งอันนี้ทำได้จริง ลองเอาลมเป่าให้พัดลมหมุนก็ได้ไฟออกมาจริงพอจะชาจน์มือถือได้ แต่เวลาที่เอาแม่เหล็กนีโอไดเมี่ยมมาติดที่ใบพัดลมแล้วเอาแม่เหล็กนีโออีกชุดมาผลักใบพัดลมแบบที่เห็นใน Youtube เนี่ยมันไม่หมุนครับ เพราะสนามแม่เหล็กมันตีกันมั่วไปหมด มีทั้งผลักมีทั้งดูดจนพัดลมมันหมุนไม่ไป สุดท้ายเสริจน์ดูใน youtube ก็มีคนออกมาแฉไอ้คลิป free energy พวกนี้ว่ามันแอบต่อไฟเข้ามอเตอร์ให้พัดลมมันหมุน ไอ้พวกนี้มันลวงโลก หวังเอายอดวิวอย่างเดียวเลย
ตอนเด็กผมจำคันนี้ได้ solar-powered electric
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/ae/SEIIITeam800H.jpg)
ไอ้เจ้าคันนี้พลังงานที่มันได้มาจาก solar cell ไม่เยอะนะครับ ออกตัวช้ามากหรืออาจต้องให้คนช่วยเข็นออกตัว เค้าทำมาเพื่อแข่งประหยัดพลังงาน ก็เลยต้องทำตัวรถให้เบา + ลู่ลม แถมหน้ายางเล็กอย่างกับหนังสติ๊กอีกด้วย
-
ได้ในกรณีใช้พลังงานจลจากล้อที่ไม่ใช่ล้อขับเคลื่อน ทำหน้าที่หมุนปั่นไฟครับ
-
จากเงื่อนไขของ จขกท. ถ้ามองเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ก็ทำได้ครับ เอาพลังงานแบตมาใช้ตอนเร่ง เอาตัวปั่นไฟเก็บพลังงานตอนเบรค ความเร็วคงที่ไม่ใช้พลังงาน
แต่ต้องมีเงื่อนไขว่า เเรงเสียดทานของกระแสลม ยาง และกลไลทั้งระบบ=0 และต้องไม่มีความร้อนออกจากระบบเลย ทั้งมอเตอร์และตัวปั่นไฟ
วิชาเทอร์โมเกรด C+ โม้แค่นี้พอครับ :-X :-X
-
ทำไม่ได้ครับ การแปลงพลังงาน การถ่ายเทพลังงาน ย่อมมีการสูญเสียเกิดขึ้น
-
อันดับแรกขอชื่นชมไอเดียก่อน ทำได้ไม่ได้ไม่รู้ ตั้งสมมติฐานไว้แล้วมาทำการทดลอง
ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความบังเอิญและความไม่รู้ของมนุษย์เรา ทำให้เรามีการพัฒนาให้เป็นจริง
ส่วนมองว่าอนาคต อาจจะมีการพัฒนาไปได้นะครับ
-
นึกถึงคลิป youtube ที่ชอบเอาเรื่องนี้มาทำ vdo ดูครับ ลองหาคำว่า free energy มันจะมีการทดลองให้ดูครับ
-
free energy ไม่มีจริงครับ พลังงานใช้แล้วยังไงก็หายไป
-
เอาแบบให้พลังงานไฟฟ้าได้นานที่สุด น่าจะพอเป็นไปได้ เช่นพลังงานไฟฟ้าจากแกนพลังงานนิวเคลียร์ แต่คงจะทำได้ยากเรื่องความปลอดภัยที่จะนำมาใช้กับรถ EV ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=rd9QBaFmQxs
https://www.youtube.com/watch?v=0TL7eUh4yuI
-
เป็นไปไม่ได้เลยครับ ตามที่คนอื่นๆ ตอบมาเลยครับ ที่ใกล้เคียงสุดก็ Kick E-Power กับ Mirai ที่เติมน้ำมันกับไฮโดรเจนแทน ตามลำดับ โซล่าเซลลก็ไม่อาจจะจ่ายไฟได้พอสำหรับรถยนต์ทั่วไป ยกเว้นรถที่ทำมาแข่งเท่านั้นที่เน้นเบา และเน้นพื้นที่ติดตั้งแผ่นโซล่าที่ต้องเยอะ และจ่ายไปได้ดีพอ มีที่แค่คนขับอย่างเดียว
ส่วนพลังงานนิวเคลียร์ ขนาดเครื่องต้องใหญ่ครับ แม้จะทำตัวเล็กได้ แต่ได้พลังงานน้อย ไม่เหมาะกับรถยนต์ เพราะต้องมีชั้นป้องกันคลื่นรังสีและระบบทำความเย็นอีก แถมวัตถุดิบก็แพงมากด้วย และไม่มีวิธีการกำจัดอีก นอกจากฝังใต้ดินแล้วรอจนกว่าครึ่งชีวิตจะหมด คนส่วนใหญ่ยังมองด้านลบอยู่พอสมควร มีแค่เรือดำน้ำกับเรือบรรทุกเครื่องบินที่ใช้งานระบบนี้อยู่
-
ขอชื่นชมแนวความคิดคำถามครับ ผมก็ถามตัวเองบ่อยๆครับ ว่าในขณะรถวิ่งน่าจะสามารถเก็บพลังงานจากหลายๆทางมาสะสมเป็นพลังงานนำมาใช้ในการวิ่งและใช้ที่อื่นๆ ได้ อาจจะไม่เพียงพอ 100% แต่น่าจะทำให้ประหยัดการใช้ไฟหรือน้ำมันได้มาก เช่น ขณะวิ่งมีล้อหมุน ก็จะนำไปปั่นไปได้ มีลมปะทะที่จะนำไปหมุนกังหันป่นไปได้ และยังมีแสงอาทิตย์ ที่ส่องมาบนหลังคาอีก และยังมีแรง acceleration ของการเร่งและเบรคอีก ที่จะนำไปผลิดกระแสไฟฟ้าได้ แต่คงจะยุ่งยากพอควรกับการเอาพลังงานจากหลายๆ แหล่งมาใช้ร่วมกัน
-
แต่ก็มีแบบ 50:50 นะ รถไฟฟ้าที่ไม่ต้องชาร์จ (แต่ว่ารุ่นนึงอาจใช้น้ำมันมาปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่) ผมนึกถึง Honda City e:HEV และ Nissan Kicks e-Power เลยครับ
-
นี่มัน infinite energy glitch ใช่ไหม
-
ไม่ต้องรถก็ได้ครับ
ดูเทคโยโลยีอื่นๆ ก็ได้ มีวัตถุ หรือ อะไร ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า แล้วไม่ต้องชาร์จ หรือ เติมเชื้อเพลิง/วัตถุ ที่เป็นสิ่งกำเนิดพลังงานบ้างครับ
ที่ผมรู้จัก คือ นาฬิกาไขลาน
ต่อให้เป็นกลุ่มโซลาเซล มันก็คือชาร์จจากแสดงแดด(กลางคืนก็หมด) อยู่ดี
-
นึกถึง Perpetual Motion Engine ของ Ned Stark Industries ที่ใช้จ่ายให้รถไฟในเรื่อง Snowpiercer เลยครับ
ในปัจจุบันเป็นไปไม่ได้ แม้ใน Museum of Science, Boston ก็ต้องมีการจ่ายไฟ แต่ก็ขอให้มีคนแหกกฎของนิวตันได้สักวัน
-
กฎอนุรักษ์พลังงาน ในอุดมคติ input=output
ไฟฟ้า --> พลังงานจลน์ (ลากรถ มีมวล มีแรงต้านอากาศ มีแรงเสียดทานล้อ แรงพวกนี้ถูกใช้เกิดงานไปแล้ว จะให้เอากลับมาเท่าเดิมมันก็ลำบากอยู่)
อย่างเครื่องสันดาป ใส่ไป 100 นึง ได้ใช้ขับเคลื่อนแค่ประมาณ 40 หลัก ๆ ก็กลายไปเป็นความร้อน
ส่วนตัวผมเชื่อใน ไฮโดรเจน (แต่ไม่ใช่แบบ mirai ที่ต้องจัดหา h2 สด ๆ ใส่ในถังทดแรงดันนะ) ไม่กี่วันก่อนที่มีข่าวนักวิจัยผลิตวัสดุที่กักเก็บไฮโดรเจนและปล่อยออกมาได้เพียงแค่เราเติมน้ำ
ไม่ต้องเก็บไฮโดรเจนไว้ในถังทนแรงดัน ถ้าพัฒนาต่อจนสามารถทดแทนแบตได้ก็คงดี แต่ถ้าได้จริงคงไม่ใช่่เร็ว ๆ นี้แน่