ในสาย Technology มีคำพูดไว้ใช้สะกิดเตือนสติกัน 2 ข้อ
1. อะไรก็ตามที่มาใหม่หรือเป็นรุ่นแรก คนซื้อคือนักทดสอบ หรือหนูทดลองให้แบรนด์นั้นเสมอ
2. เวลาซื้อของ ซื้อจากสิ่งที่เป็นอยู่ อย่าไปสนใจที่เขาสัญญาว่าจะทำให้
แบต Na นี่ก็เหมือนกัน สายเคมีรูู้อยู่แล้วครับ ละ Sustainable กว่านี่ก็รู้ เพียงแต่การเปลี่ยน norm อะไรพวกนี้ ใช้เวลา คุณดูเอาก็ได้ แบต Li กว่าจะมาถึงปัจจุบันได้ กินเวลาหลายสิบปี ทั้งวิวัฒนาการทางความจุ ความปลอดภัย ฯลฯ
ฉะนั้นแล้วถามว่าแบต Na เป็นอนาคตไหม ต้องไปดูว่า li ถึงทางตันรึยัง ถ้าใช่ มันก็จะไหลมาวิจัย Na มากขึ้น อาจจะพัฒนาได้ไวกว่า Li เพราะมี know-how แล้ว แต่มันคือ Side-upgrade มากกว่าจะเป็น replacement (อย่างน้อยก็จนกว่า Li หมดโลก)
ผมอยู่ในแวดวงแบตเตอรี่ตะกั่วมากว่า 30 ปีแล้ว ตั้งแต่รุ่นพ่อผม
ข้อ 2 คือใช่เลยครับ
เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ที่พ่อผมเริ่มรู้จักโซล่าเซล
แล้วบอกว่า วันข้างหน้าจะต้องดีขึ้น
วันนี้ ผมยังไม่เห็นว่ามันจะไปไหนเลย
ส่วนแบตเตอรี่ หลายคนที่ไม่รู้จัก ก็จะบอกว่าวันนี้ดีมากแล้ว วันข้างหน้าต้องดีกว่านี้
แต่สำหรับผม จากวันที่ถ่านตรากบเกิดขึ้นบนโลก วันนี้ก็ไม่ได้ต่างกับวันนั้นเท่าไหร่
ตราบใดที่ ยังใช้การเล่นแร่แปรธาตุมาสร้างประจุ + มาชนกับประจุ - จนเป็นไฟ dc ขึ้นมา มันก็จะอยู่แค่ตรงนี้
เอาตรงๆนะครับ
ผมจะตื่นเต้นมากๆ ถ้านักวิทย์สามารถค้นความลับว่า ปลาไหลมันช๊อตจระเข้ตัวใหญ่ๆให้ดิ้นพล่านได้อย่างไร และนำหลักการนี้มาใช้ได้ วันนั้นคือการสิ้นสุดที่มาของแบตเตอรี่ทันที เพราะนั่นหมายถึงการที่เราจะได้ไฟ ac ที่ผลิตได้เองจากอะไรก็แล้วแต่มาปั่นมอเตอร์