เมื่อคืนน้องสาว(เพื่อนแฟน)อยู่ๆก็มาบอกว่าไปจอง mg3 มา วางเงินจองไปแล้วด้วย ไอ้เราก็งงเลยเพราะเห็นตอนแรกอยากได้กระบะ เลยนัดให้เราไปช่วยดูด้วยที่ศูนย์แล้วผมเองก็อยากลองขับดูด้วยเพราะอยากลองขับรถเกียร์แบบนี้ดูว่าเป็นอย่างไรและมองๆอยู่ว่ารถมันก็น่าจะเป็นรุ่นที่น่าจะคุ้มค่าที่สุดรุ่นนึงเหมือนกัน
เริ่มเทสรอบแรกแฟนน้องเป็นคนขับ เซลล์นั่งข้าง ผมนั่งหลัง ขับออกจากศูนย์ไปได้หน่อยเดียวผมถามเซลล์เลยครับว่าพี่เติมลมยางไว้เท่าไหร่ เซลล์บอกว่า 45 ซึ่งทำให้ผมไม่รู้จะจับความรู้สึกยังไงดีว่าตกลงมันแข็งกระเด้งๆเพราะยางแข็งหรือช่วงล่างมันแข็งกันแน่ เบาะหลังนั้นผมว่าน่าจะนั่งได้สบายที่สุดคันนึงใบบรรดา แฮทแบคไม่เกิน B-sec เลยทีเดียวครับ ถึงแม้ว่าเบาะหนังจะไม่ได้นุ่มเท่าไหร่ เบาะรองขาออกจะสั้นไปนิดแต่ก็ไม่สั้นเท่า almera ที่วางแขนตรงกลางก็ไม่มี แต่พนักพิงหัวโอเคครับใช้ได้ เฮดรูมก็เหลือพอสมควร และเหลือที่ว่างให้ไขว่ห้างได้อยู่ครับ โดยรวมผมก็คิดว่าดีเลยทีเดียวครับสำหรับเบาะหลัง
ส่วนเบาะด้านหน้าฝั่งโดยสารก็โอเคครับใช้ได้สบายๆ แต่ฝั่งคนขับนี่ออกจะแปลกๆหน่อย คือผมเข้าไปนั่งแล้วมันอึดอัดพอสมควร ซึ่งต้องถอยเบาะไปข้างหลังมากกว่ารถคันอื่นแล้วพวงมาลัยที่มันปรับขึ้นลงได้แต่เลื่อนเข้าออกไม่ได้มันจะเป็นปัญหาทันที ซึ่งจุดนี้ผมมองว่าคงต้องปรับตัวเข้าหารถเอาเองแล้วล่ะครับ
การขับขี่
- พวงมาลัย พวงมาลัยค่อนข้างจะหนืดและตึงมือมากๆครับ ออนเซนเตอร์ของพวงมาลัยจะแคบหน่อยแต่ค่อนข้างโอเคนะครับ รู้สึกว่าในช่วงความเร็วตั้งแต่ 0-100 กม/ชม ความหนืดพวงมาลัยมันคงที่แทบจะไม่เปลี่ยนเบาลงหรือหนักขึ้นแต่อย่างใดเลยครับ อัตราทดของพวงมาลัยผมรู้สึกว่าผมต้องหักพวงมาลัยมากกว่ารถคันอื่นในการเลี้ยวหรือเข้าโค้งอยู่หน่อยๆด้วยครับ โดยรวมโอเคครับมั่นใจใช้ได้ครับ แต่ถ้าความเร็วสูงกว่า 100 กม/ชม จะเป็นอย่างไรผมไม่ทราบนะครับเพราะการจราจรไม่อำนวย ผมเลยได้เทสแค่นี้
- คันเร่ง คันเร่งเจ้า mg3 มีอาการดีเลย์นิดๆครับซึ่งก็รับได้ครับไม่ได้หน่วงยาวนานจนเสียวๆเหมือน mazda 2 หรือ vios คันเร่งจะหน่วงแบบนี้เท่าๆกันตั้งแต่ออกตัวยัน 100 กม/ชม เลยครับ แต่มีเรื่องนี่ผมงงนิดหน่อยเกี่ยวกับคันเร่งครับ ช่วงออกตัวรถจะพุ่งออกไปพอใช้ได้ครับตามที่ใจสั่งลงไปในการกดคันเร่ง แต่ถ้ารถวิ่งอยู่ราวๆ 40-60 กม/ชม ถ้าเราจะกดคันเร่งเพื่อเเซง ผมรู้สึกว่ารถมันไม่ค่อยจะไปตามที่เท้าสั่งซักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะกดคันเร่ง 30% 50% หรือ 70% รถมันจะอื้อๆ ความเร็วค่อยๆขึ้น รอบขึ้นไม่เกิน 3000รอบซักที แถมเกียร์ก็ไม่คิ๊กดาวด้วย อาศัยที่ว่าเครื่องมัน 1500 cc เลยพอแซงขึ้นไปได้อยู่ครับ ซึ่งข้อนี้ผมก็งงๆ ไปเหมือนกัน แต่ถ้าความเร็ว 70-80 ขึ้นไป กดคันเร่งไปมันก็พุ่งทะยานดีพอใช้ได้ครับ ดีกว่าช่วง 40-60 ชัดเจนเลย
- เบรก เบรกจับค่อนข้างไวครับ กดลงไปนิดเดียวก็รู้สึกว่ารถชลอแล้ว แต่เบรกก็ไม่หน้าทิ่มครับ แล้วก็รู้สึกว่าต้องกดเบรกลึกกว่ารถคันอื่นอยู่นิดๆครับ โดยรวมก็ใช้ได้ครับ
- เกียร์ mg3 มีเกียร์อยู่ 3 แบบครับ ออกโต้(A) แมนนวล(M) แล้วก็มี(W)ซึ่งเซลล์บอกว่าเป็นเกียร์2ไว้ช่วยออกตัววิ่งในถนนลื่นๆครับ ส่วนเกียร์ออโต้จะมีโหมด สปอต(S)เป็นตัวให้เลือกเสริมครับ ซึ่งเกียร์ตัวนี้มันต่างกับเกียร์ออโต้ทั่วไปชัดเจนครับ จะเห็นชัดเจนก็ตอนมันเปลี่ยนเกียร์นั่นแหละครับ เหมือนมีใครก็ไม่รู้มาเหยียบคลัชให้ ซึ่งในโหมดออโต้ปกตินี้เป็นการเหยียบคลัช เปลี่ยนเกียร์แล้วค่อยๆปล่อย ซึ่งระยะเวลากว่าจะปล่อยคลัชหมดเนี่ยผมว่าใช้เวลาราวๆ 1-1.5 วินาทีเลยทีเดียวครับ ซึ่งคนที่ขับรถเกียร์ธรรมดาบ่อยๆน่าจะพอเดาได้นะครับว่ามันจะเป็นอย่างไร ก็คือช่วงเวลาเปลี่ยนเกียร์ตัวเราจะโยกไปข้างหน้าหน่อยนึงแบบรู้สึกตัวชัดเจนครับว่าตัวโยกไปข้างหน้า อารมณ์ประมานนั่งรถเมล์ใน กทม ในชั่งรถไม่ติด ถนนโล่ง พอจะใช้ความเร็วได้ เวลาคนขับออกตัวจากป้ายเปลี่ยนเกียร์ไล่ขึ้นไปเรื่อย ช่วงเปลี่ยนเกียร์แต่ละครั้งตัวเราจะโยกไปข้างหน้าหน่อยๆตลอด ซึ่งก็อารมณ์ประมานนั้นแหละครับ อย่างที่บอกไปในเรื่องคันเร่งครับว่าเกียร์มันไม่ค่อยจะคิ๊กดาวให้เห็นเลยครับ เช่นถ้าวิ่งมาเร็วๆแล้วเบรกไปอยู่ที่ความเร็วต่ำ เกียร์ก็จะตัดไปเกียร์ต่ำเลย แต่พอจะแซงมันไม่คิ๊กดาวให้ต้องรอรถความเร็วขึ้นไปเอื่อยๆเองครับ หรือไม่ก็เข้าแมนนวลเอา ถ้าเข้าโหลด S รู้สึกว่าช่วงเปลี่ยนเกียร์คลัชจะตัดไวขึ้นครับ โดยรวมผมว่าถ้าจะขับเจ้านี่ให้สนุกโดยใช้แค่โหมดออโต้อย่างเดียว ผมว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ มันเหมาะกับการขับเรื่อยๆเปื่อยๆมากกว่าซึ่งผมมองว่ามันก็อาจจะทำให้ประหยัดน้ำมันแฮะ
- ช่วงล่าง อย่างที่เกริ่นไปครับว่าลมยางค่อนข้างแข็ง ตอนนั่งหลังมันค่อนข้างจะกระเด้งตึงตัง แต่พอไปเป็นคนขับไม่ได้นั่อยู่บนยางโดยตรงเหมือนตอนนั่งหลัง ผมรู้สึกว่ามันก็นิ่มนวลดีแฮะใช้ได้ๆ การเข้าโค้งก็มั่งใจใช้ได้ในระดับนึง กลับรถในโค้งตัวยูใต้สะพานในความเร็วค่อนข้างสูงก็ถือว่าทำได้โอเคครับ แต่ที่ความเร็วสูงกว่า 100 กม/ชม เป็นอย่างไรนั้นผมไม่ทราบครับเพราะไม่มีช่วงให้ทำได้อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น
โดยสรุปแล้ว mg3 ไม่ค่อยมีอะไรให้น่าหงุดหงิดอะไรครับถือว่าเป็นรถที่ดีโอเค ใช้ได้ ถ้าซื้อมาใช้ก็ไม่น่าเสียดายเงินอะไร มีอยู่แค่ 2 จุดเท่านั้นที่ผมรุ้สึกขำๆกับรถคันนี้คือ เสียงเปิดกระจกมันจะดังไปไหนครับ ดังมากๆ ดังโครตๆ กับที่เปิดประตูคู่หน้าซึ่งก๊องแก๊งมากๆเลยครับแถมเสียงปิดประตูก็ไม่โอเคเท่าไหร่ ส่วนอีกเรื่องอันนี้แฟนบอกมาครับ เพราะแฟนผมนั่งหลังตลอดการเทสทั้ง 2 รอบ แฟนบอกว่า ประตูปิดท้ายรถมันเหมือนจะไม่แน่นมีเสียงสั่นๆตลอดเวลา ซึ่งอันนี้ผมไม่คอนเฟิร์มนะครับ
สำหรับศุนย์อื่นๆไม่ทราบว่ามีโปรโมชั่นอย่างไรบ้างนะครับ แต่ที่หัวหินเนี่ยไม่แถมอะไรเลยครับ ซึ่งพอไม่แถมอะไรเลยปุ๊บเนี่ย จากความรู้สึกที่ผมมองว่ารถรุ่นนี้เป็นอะไรที่คุ้มค่ากลายเป็นว่าเริ่มไม่น่าสนใจละ เพราะต้องจ่ายค่าประกัน(ในใบตกลงราคาเขียนว่าค่าประกัน 18,000 บาท) กับค่าฟิล์มติดกระจก ซึ่งรวม 2 อย่างนี้กับราคารถแล้วมันกลายเป็น 580,000 กว่าๆเข้าไปแล้ว ซึ่งราคามันจะไปใกล้เคียงกับ jazz หรือ เฟียสต้า ซึ่งมีระบบช่วงล่างและช่วยเหลือการขับขี่พอๆกัน ต่างกันแค่ กระทะล้อ ซัลรูฟ พวงมาลัยมัลติฟังชั่น ซึ่ง 2 ตัวหลังนี้แถมประกัน ฟิล์มและอื่นๆ อีกทั้งเฟียสต้ามีส่วนลดค่อนข้างจะเยอะทีเดียว ซึ่งเรื่องซัลรูฟเนี่ยถ้าเราไปติดลายที่หลังคาแล้วกระจกซัลรูฟมันจะมืดไปเลยครับ จะขับรถเปิดแอร์แล้วเปิดที่กันแสงแต่ปิดซัลรูฟไว้เพื่อให้รถมีแสงโปร่งๆจะทำไม่ได้ครับ เพราะกระจกที่ทำลายมันจะมืด แทบจะมืดสนิทเลยครับ ผมเลยคิดว่าถ้าทำลายบนหลังคาแล้วซัลรูฟมันก็แทบจะหมดประโยชน์ไปเลยแฮะ งั้นพอเอาไปเทียบกับ jazz หรือ เฟียต้าตัวเริ่มต้นเนี่ย ผมว่าลังเลที่จะเลือกเลยนะครับ ส่วนน้องผมไม่ลังเลครับ หวดแดงขาวหลังคาลายธงอังกฤษไปแล้วครับ
ท่านใดที่กำลังเล็งเจ้าตัวนี้อยู่ผมว่าลองหาศูนย์ที่แถมของแถมปกติที่ควรจะแถมเช่น ประกัน ฟิล์ม ดูดีกว่าครับ หรือ ถ้าไม่รีบก็น่ารอให้มีโปรมาแถมน่าจะดีกว่านะครับ เพราะจากราคาที่ถูกกว่า jazz หรือเฟียสต้าตัวล่างสุด 40,000 บาท ถ้าต้องจ่ายค่าประกันกับฟิล์มสองหมื่นกว่าบาทแล้วกลายเป็นว่าไปเอารถตลาดจะดีกว่าหรือปล่าว