Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: NS ที่ พฤศจิกายน 02, 2016, 15:24:36
-
ตั้งแต่ Isuzu KB(1984) ถึง TFR ตัวดราก้อน(2000) มีทั้งหมดกี่รุ่น แล้วแต่ละรุ่นมีชื่อเรียกอะไรกันบ้างครับ อันนี้เป็นความรู้ให้ผมดเวยครับ ขอบคุณครับ
-
เดามั่วนะ
ตัว KB มี 1.9 และ 2.2 ไดเรค 87 ปนมาตอนท้ายๆ
ตัวมังกร ตัวแรก 87 แรงม้า กระจกหูช้าง ไฟหน้าจมในเบ้า รุ่นท้อบ กระจังหน้าวี
ถัดมาไดเรค 90 กระจกอยู่มุมประตู มีรุ่นพิเศษ SLX สีฟ้า มีแถบคาดดำที่กลางประตู
ถัดมาเป็น แป๊ะยิ้ม ไฟหน้า 5 เหลี่ยม รุ่นพิเศษ SLX สีฟ้า ไม่มีคาดดำกลางประตู
ปรับโฉมครั้งใหญ่ เป็น ดราก้อน รุ่นแรกตัวท้อบเครื่อง 2800 โบและ 2500โบ ขอบบนของกระบะยุบตลอดแนว
ปรับโฉมเป็นเครื่อง 3.0 โบ ขอบบนกระบะเรียบไม่มีรอยยุบ
ตัวท้ายๆมี 4 ประตู และเกียร์ออโต้ 4 จังหวะ
-
คำถามสุดยอดแฟนพันธุ์แท้
(http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2009/05/A7815002/A7815002-0.jpg)
-
เจอคำถามยากซะแล้ว 555
รออ่านครับ
-
แรกๆเครื่อง C180
ถัดมา C190
ถัดมา C220
KB 2200
KB 2500
มังกร 2500 87 แรง
มังกร 2500 90 แรง มี
ตอนเดียว spark
cab SL ไม่มีเพาเวอร์
cab SLX มีกระจะไฟฟ้า หรือที่เรียกัน หน้าหนู
cab 4x4 RODIO
DRAGON (ปี 1996) เครื่อง 2500 เทอร์โบ แต่แรงม้าน้อยกว่ามังกรทอง กับเครื่อง 2800 เทอร์โบ และ 3000 เทอร์โบ แบ่งเป็นรุ่น
cab SL ไม่มีเพาเวอร์
cab SX มีเพาเวอร์
cab SLX มีไฟฟ้า
cab4 SLX
ทุกรุ่นกระบะจะมีร่อง จนมาถึงดีแมกทุกวันนี้ แต่ดีแมกกระบะมีร่องเฉพาะตอนเดียว รุ่นอื่นเป็นแบบเต็ม
ยืนยันตามรูปครับ ดราก้อนอายทั้งแค็บและสี่ประตูกระบะมีร่องเหมือนกัน
-
แรกๆเครื่อง C180
ถัดมา C190
ถัดมา C220
KB 2200
KB 2500
มังกร 2500 87 แรง
มังกร 2500 90 แรง มี
ตอนเดียว spark
cab SL ไม่มีเพาเวอร์
cab SLX มีกระจะไฟฟ้า หรือที่เรียกัน หน้าหนู
cab 4x4 RODIO
DRAGON (ปี 1996) เครื่อง 2500 เทอร์โบ แต่แรงม้าน้อยกว่ามังกรทอง กับเครื่อง 2800 เทอร์โบ และ 3000 เทอร์โบ แบ่งเป็นรุ่น
cab SL ไม่มีเพาเวอร์
cab SX มีเพาเวอร์
cab SLX มีไฟฟ้า
cab4 SLX
ทุกรุ่นกระบะจะมีร่อง จนมาถึงดีแมกทุกวันนี้ แต่ดีแมกกระบะมีร่องเฉพาะตอนเดียว รุ่นอื่นเป็นแบบเต็ม
ยืนยันตามรูปครับ ดราก้อนอายทั้งแค็บและสี่ประตูกระบะมีร่องเหมือนกัน
cab SX มีเพาเวอร์
cab SLX มีไฟฟ้า
มันต่างกันยังไงครับ ของผมเคยใช้ 2.8 cab SLX พวงมาลัยพาวเวอร์ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า กระจกหน้าต่างไฟฟ้า (ตกร่องบ่อยมาก) ไฟหน้า Xenon
-
แรกๆเครื่อง C180
ถัดมา C190
ถัดมา C220
KB 2200
KB 2500
มังกร 2500 87 แรง
มังกร 2500 90 แรง มี
ตอนเดียว spark
cab SL ไม่มีเพาเวอร์
cab SLX มีกระจะไฟฟ้า หรือที่เรียกัน หน้าหนู
cab 4x4 RODIO
DRAGON (ปี 1996) เครื่อง 2500 เทอร์โบ แต่แรงม้าน้อยกว่ามังกรทอง กับเครื่อง 2800 เทอร์โบ และ 3000 เทอร์โบ แบ่งเป็นรุ่น
cab SL ไม่มีเพาเวอร์
cab SX มีเพาเวอร์
cab SLX มีไฟฟ้า
cab4 SLX
ทุกรุ่นกระบะจะมีร่อง จนมาถึงดีแมกทุกวันนี้ แต่ดีแมกกระบะมีร่องเฉพาะตอนเดียว รุ่นอื่นเป็นแบบเต็ม
ยืนยันตามรูปครับ ดราก้อนอายทั้งแค็บและสี่ประตูกระบะมีร่องเหมือนกัน
...ผมใช้มังกร 90ม้า กะบะไม่มีร่อง...
ตอบคุณ mike ....sl เป็นรุ่นทั่วไป slx เป็นรุ่นพิเศษ สีเงินแมทาลิค..
-
KB 20 กับ TFR ยังมีแฝดด้วยนะ อย่าลืมนับญาติไปด้วย
-
แรกๆเครื่อง C180
ถัดมา C190
ถัดมา C220
KB 2200
KB 2500
มังกร 2500 87 แรง
มังกร 2500 90 แรง มี
ตอนเดียว spark
cab SL ไม่มีเพาเวอร์
cab SLX มีกระจะไฟฟ้า หรือที่เรียกัน หน้าหนู
cab 4x4 RODIO
DRAGON (ปี 1996) เครื่อง 2500 เทอร์โบ แต่แรงม้าน้อยกว่ามังกรทอง กับเครื่อง 2800 เทอร์โบ และ 3000 เทอร์โบ แบ่งเป็นรุ่น
cab SL ไม่มีเพาเวอร์
cab SX มีเพาเวอร์
cab SLX มีไฟฟ้า
cab4 SLX
ทุกรุ่นกระบะจะมีร่อง จนมาถึงดีแมกทุกวันนี้ แต่ดีแมกกระบะมีร่องเฉพาะตอนเดียว รุ่นอื่นเป็นแบบเต็ม
ยืนยันตามรูปครับ ดราก้อนอายทั้งแค็บและสี่ประตูกระบะมีร่องเหมือนกัน
...ผมใช้มังกร 90ม้า กะบะไม่มีร่อง...
ตอบคุณ mike ....sl เป็นรุ่นทั่วไป slx เป็นรุ่นพิเศษ สีเงินแมทาลิค..
ใช่ๆ ของผม สีเงินเมทัลลิค แบบนี้นี่เอง ขอบคุณครับ ตอนพ่อแม่ ซื้อมาผมยังเด็ก 555 ไม่รู้กี่บาท ผ่านไป 15 ปี ขายได้ 300,000 (ลูกค้าจ่ายค่าโอนเองด้วย)
ผมชอบนะขับดีมากๆ เรื่อยๆไป พวงมาลัยเบากว่า XV อีก ::) แต่ไฟหน้าแอบแพง ขนาด OEM เชียงกง คู่ละหมื่นกว่าบาท
อย่างอื่นใช้ดีไม่มีจุกจิก นอกจากระจกตกร่องบ่อยๆ และเปลี่ยนคอมแอร์ไป 1 ครั้ง
-
แรกๆเครื่อง C180
ถัดมา C190
ถัดมา C220
KB 2200
KB 2500
มังกร 2500 87 แรง
มังกร 2500 90 แรง มี
ตอนเดียว spark
cab SL ไม่มีเพาเวอร์
cab SLX มีกระจะไฟฟ้า หรือที่เรียกัน หน้าหนู
cab 4x4 RODIO
DRAGON (ปี 1996) เครื่อง 2500 เทอร์โบ แต่แรงม้าน้อยกว่ามังกรทอง กับเครื่อง 2800 เทอร์โบ และ 3000 เทอร์โบ แบ่งเป็นรุ่น
cab SL ไม่มีเพาเวอร์
cab SX มีเพาเวอร์
cab SLX มีไฟฟ้า
cab4 SLX
ทุกรุ่นกระบะจะมีร่อง จนมาถึงดีแมกทุกวันนี้ แต่ดีแมกกระบะมีร่องเฉพาะตอนเดียว รุ่นอื่นเป็นแบบเต็ม
ยืนยันตามรูปครับ ดราก้อนอายทั้งแค็บและสี่ประตูกระบะมีร่องเหมือนกัน
cab SX มีเพาเวอร์
cab SLX มีไฟฟ้า
มันต่างกันยังไงครับ ของผมเคยใช้ 2.8 cab SLX พวงมาลัยพาวเวอร์ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า กระจกหน้าต่างไฟฟ้า (ตกร่องบ่อยมาก) ไฟหน้า Xenon
SLX กระจกไฟฟ้าล้อแม็กสีเมทัคลัค
SX power อย่างเดียว กระจกมือหมุน ล้อกระทะ
แถม SLอีกรุ่น เหมือนSXทุกอย่าง แต่พาวมาลัยพาวเยอร์
-
เดามั่วนะ
ตัว KB มี 1.9 และ 2.2 ไดเรค 87 ปนมาตอนท้ายๆ
ตัวมังกร ตัวแรก 87 แรงม้า กระจกหูช้าง ไฟหน้าจมในเบ้า รุ่นท้อบ กระจังหน้าวี
ถัดมาไดเรค 90 กระจกอยู่มุมประตู มีรุ่นพิเศษ SLX สีฟ้า มีแถบคาดดำที่กลางประตู
ถัดมาเป็น แป๊ะยิ้ม ไฟหน้า 5 เหลี่ยม รุ่นพิเศษ SLX สีฟ้า ไม่มีคาดดำกลางประตู
ปรับโฉมครั้งใหญ่ เป็น ดราก้อน รุ่นแรกตัวท้อบเครื่อง 2800 โบและ 2500โบ ขอบบนของกระบะยุบตลอดแนว
ปรับโฉมเป็นเครื่อง 3.0 โบ ขอบบนกระบะเรียบไม่มีรอยยุบ
ตัวท้ายๆมี 4 ประตู และเกียร์ออโต้ 4 จังหวะ
คริ คริ
-
จำได้ว่า SLX ตอนออกใหม่ๆนี่ ราคาสามแสนกลางๆนะ แต่ต้องซื้อแอร์เพิ่มอีกราวสองหมืน เบ็ดเสร็จก็แตะๆ สี่แสน
ที่บ้านเคยไปจอง แต่ไม่ได้ออกสุดท้าย พ่อไปออกเก๋งแทน 555
-
มาเรื่อยๆเลย ขอบคุณมากครับ ถ้าใครจะกรุณา เอารูปแปะพร้อมบอกรุ่นนี่จะขอบคุณมากๆเลย
จำได้ว่าสิบกว่าปีที่แล้วซื้อ tfr มาคันนึง 2.5 แสน ใช้ไปอีก10ปีเต็ม ขายไป 2.2 แสน ตกใจเพราะมีคนมาขอซื้อและให้ราคาเองเลย.... ทุกวันนี้ ตจว ยังเห็นใช้กันตามบ้านนอกอยู่เลยครับ
-
แหะๆ จำผิดครับ ดราก้อน SX ฝาท้ายมีร่องบน มือเปิดแยกข้าง
SLX ฝาท้ายไม่มีร่องบน มีเปิดกลางอันเดียว
แนบรูป อิอิ
-
ในรุ่นดราก้อน อาย ปี 2001-2002 ขอบกระบะมีร่อง ทุกตัวฝาท้ายเต็มครับ คือเป็นแบบเปิดตรงกลาง ส่วนรุ่นก่อนนี้ก็เปิดสองข้างมีร่องเหมือนกันทุกรุ่นครับ
SPAEK EX ตอนเดียว ไฟหน้าเต็ม พวงมาลัยเพาเยอร์ ล้อกระทะขอบ 14 ยาง 195 R14 กันชนหน้าสีดำ
SL พวงมาลัยเพาเยอร์ ล้อกระทะขอบ 14 กันชนหน้าสีดำ
SX พวงมาลัยเพาเวอร์ ไม่มีกระจกไฟฟ้า และ เซ็นทรัลล็อค ล้อกระทะมีฝาครอบขอบ 14 กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ
SLX พวงมาลัยเพาเวอร์ กระจกปรับไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อค ล้อแมกขอบ 15 ยาง 205-70-15
CAB4 SLX พวงมาลัยเพาเวอร์ กระจกปรับไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อค ล้อแมกขอบ 15 ยาง 205-70-15
RODIO 4*4 พวงมาลัยเพาเวอร์ กระจกปรับไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อค ล้อแมกขอบ 16 ยาง 245-70-16 แมกรุ่นฮิต ลายเล็บเหยี่ยว
.
.
.
เท่าที่จำได้นะครับ
คู่แฝดมี 2 เจ้า คือ
HONDA ทัวร์มาสเตอร์
OPLE แคมโป้
แต่จริงแล้วมีอีกตัวคือ
CHEVROLET LUV ขายต่างประเทศ ซึ่งสองเจ้านี้ใช้บอดีเดียวกันนานแล้ว
ปล.อย่าเชื่อผมมากนะครับ ผมมั่ว
-
ผมขอไล่ตั้งแต่ตัวมังกรทองนะครับ ไม่รู้ถูกผิด เกิดไม่ทันฮะ แหะๆ
ช่วงปี 89-92 เป็นตัวแรก 87 แรงม้า กระจกหูช้างนะครับ ไม่มีเบาะกำมะหยี่
ช่วงปี 92-95 เป็นไมเนอร์ครั้งแรก 90 แรงม้า มีรุ่น SL และ SLX ต่างกันที่
SLX มีเบาะผ้า มีล้อแม็ก มีพาวเวอร์ มีแถบข้างรถ
SL ล้อกระทะ ไม่มีแถบข้าง
ทั้ง 2 รุ่น ไม่มีกระจกไฟฟ้า ตัวอักษรท้ายรถเป็นตัวใหญ่ เต็มฝากระบะ
ช่วงปี 95-97 เป็นไมเนอร์ครั้งสุดท้ายก่อนเป็นดราก้อน ตัวนี้ตัวอักษรท้ายรถเป็นตัวเล็ก
SLX มีกระจกไฟฟ้า เบาะกำมะหยี่ และเพิ่มรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ครั้งแรกในรถกระบะไทย
SL จะเป็นเบาะหนังเทียบ ล้อกระทะ และไม่มีกระจกไฟฟ้า
ต่อมาปี 97-99 เป็น Big minorchange หรือโฉมดราก้อน มี 2 เครื่องยนต์ 2.5 และ 2.8 เทอร์โบ
ภายในเปลี่ยนใหม่หมด กระบะมีร่อง ไฟท้ายเป็น 3 เหลี่ยม มีตัวท้อปเกียร์อัตโนมัติ
รายละเอียด SLX และ SL ก้เหมือนๆเดิม
ปี 2000 มีการไมเนอร์อีก 1 ครั้ง เรียกว่า Dragon Power เปลี่ยนกระจังหน้าและไฟท้าย เปลี่ยนเบรคมือมา
อยู่ที่เดียวกับรถเก๋ง เครื่องเหมือนเดิม
ปี 2001 เปลี่ยนเครื่องยนต์อีก 1 ครั้ง จาก 2.8 เป็น 3.0 เทอร์โบ มีไฟซีนอนในรุ่นท้อป เพิ่มชุดตกแต่ง
สีเงิน บริเวณแดชบอร์ด มีรุ่น 4 ประตู CAB4 ของอีซูซุเองนอกจาก Supreme ของไทยรุ่ง
ปี 2002 มีการปรับทิ้งทวนอีก 1 ครั้ง เพิ่มเรือนไมล์พื้นหลังขาว มีเพิ่มเสกิร์ตข้าง มือเปิดประตู color key
และรายละเอียดอีกเล็กน้อย ก่อนปิดตำนานมังกรทองของประเทศไทย
จริงๆมีลายระเอียดรุ่นย่อย เล็กๆน้อยๆ อีกมาก อธืบายไม่ไหวครับ
-
สุดท้ายก็กลับไปที่ 1.9l
-
KBZ ตัวแรกใช้เครื่อง C190 รุ่นนี้โด่งดังมากเรื่องเก่าแล้วสตาร์ทยากคอดๆ รุ่นนี้จะยังเป็นรุ่นที่มีแต่ทรงบรรทุก ที่นิยมเรียกกันว่า 'หัวเดียว' มีจุดสังเกตุที่เห็นง่ายหน่อย คือภายในพวกคอนโซลและเเผงประตูจะเป็นสีน้ำตาลแดงๆครับ หน้ากระจังจะเป็นช่องเล็ก 2 ชั้น 8 หรือ 10 ช่อง ไม่แน่ใจเท่าไหร่ครับ อีกจุดถ้าผมจำไม่ผิด เดิมๆ กระจกมองข้างจะอยู่ตรงแก้มบังโคลนหน้า
ต่อมามีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ น่าจะปี 1983 โดยนำเครื่องยนต์ C223 ถ้าจำไม่ผิด จะนิยมเรียกกันว่า 'Z 2200' ซึ่งก็ยังเป็นเครื่องระบบสเวิร์ดแชมเบอร์อยู่ เหมือน C190 ตัวพี่ของมัน รุ่นนี้จะมีภายในอีกสีในปีที่ใหม่กว่า (จำไม่ได้ว่าปีไหน) คือเป็นสีเทา โดยเครื่องนี้เป็นเครื่องที่อึด และ อืด มากในเวลาเดียวกัน ยิ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งด้วยแล้วยิ่งชัดเจน แต่มีจุดเด่นตามนี้ว่าคืออึดมากๆนั่นเอง จุดที่เปลี่ยนหลักๆอีกอันตามสไตล์อีซูซุคือ หน้ากระจัง จะมีรุ่นใหม่ที่เป็น 4 ช่องเหลี่ยม ให้เป็นที่สังเกตุได้ง่าย และก็สติ๊กเกอร์ตามสไตล์
ในส่วนช่วงล่างของทั้ง 2 โมเดลนี้เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง
และสำคัญที่สุดคือ รุ่น Z 2200 นี้ในช่วงปลายโมเดล อีซูซุทำ เซอร์ไพร์สตลาดกระบะเมืองไทย ด้วยการเปิดตัวรุ่น 'Space Cab' หรือที่รู้จักกันในนามว่า 'กระบะตอนครึ่ง' ซึ่งในยุคนั้นเป็นที่ฮือฮามากๆ แต่ไหนแต่ไร คนใช้กระบะเวลานั่งจะปวดหลังมาก เพราะเบาะนั้นปรับเอนไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่มีการดีไซน์ที่ฉีกแนวสำหรับตลาดเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ยังมีคนติว่า เสียพื้นที่บรรทุกโดยใช่เหตุ เนื่องจากในยุคนั้น ผู้บริโภคชาวไทย ยังไม่นิยมใช้งานรถกระบะเป็นรถส่วนตัวมากเหมือนสมัยนี้นั่นเอง
มาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญครั้งนึงของอีซูซุในไทยก็คือ การเปิดตัวเครื่องยนต์ใหม่ Direct Injection รหัสเครื่องยนต์ 4JA1 2500cc. ซึ่งมีจุดเด่นมากๆในเรื่องความประหยัด ผมจำได้ว่า ยุคนั้นน้ำมันดีเซลราคาถูกมาก จนผู้ใช้คำนวนแล้วว่า ค่าน้ำมันสำหรับเจ้า KBZ 2500 ตัวนี้นั้นอยู่ที่ กิโลเมตรละ 50 สตางค์ อะไรกันแบบนั้นเลยทีเดียว
รุ่นนี้ออกมาในช่วงที่อีซูซุทำตลาดในไทยครบรอบ 30 ปี ด้วย จึงมีการทำป้ายฉลอง 30 ปีทอง (ซึ่งผมเดาว่า คำว่าทองในรุ่นต่อๆมา ก็ยึดมาจากรุ่นนี้ที่เป็นครั้งแรกที่ใช้คำว่า 'ทอง' โปรโมทมากๆ) เป็นทรงกลมๆ ติดตรงหน้ากระจังด้วย โดยที่รุ่นนี้มีจุดที่เปลี่ยนเห็นชัดเช่นเดิมคือ สีภายในเป็นสีครีม และก็สีสรรของสติ๊กเกอร์ต่างๆตามสไตล์ และหน้ากระจังจะเป็น 3 ช่องโดยช่องกลางจะยาวมากๆหน่อย
แล้วก็ขายมาจนถึงประมาณปี 1988 ถ้าจำไม่ผิด อีซูซุก็ส่งเจ้า TFR นิคเนมที่เรารู้จักกันดีว่า 'มังกรทอง' (สังเกตุมีทองมาอีกแล้ว 555) โดยยังใช้เครื่องยนต์บล๊อคเดิมคือ 4JA1 อยู่ แต่เพิ่มแรงม้าจากตัว KBZ ที่ระบุไว้ 85 แรงม้า เป็น 87 แรงม้า
รุ่นนี้เปลี่ยนแพลทฟอร์มใหม่ทั้งหมด เเชสซีสที่ใหญ่ขึ้น ขนาดตัวรถมีพื้นที่บรรทุกมากขึ้นชัดเจน โดยตัวเเรกๆนั้น มีจุดคลาสสิคจุดนึง (ในความเห็นผม) คือมีกระจกหูช้างตรงมุมประตูเป็น 3 เหลี่ยมให้เปิดรับลมเข้าได้ โดยกระจกมองข้างจะติดอยู่ตรงประตูแทน ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าก็ว่าได้ และเป็นรุ่นแรกที่มี พวงมาลัยเพาเวอร์ เป็นอุปกรณ์เสริมที่เราเรียกกันในปัจจุบันว่า 'ออปชั่น' ให้เลือกติดตั้งจากโรงงานได้ (ถ้าผมจำไม่ผิด เพิ่ม 18000.-) โดยที่ตัวแรกๆเลยนั้น หน้าปัทม์เรือนไมล์ยังไม่มีวัดรอบเลยด้วยซ้ำ แต่ในรุ่นต่อมา รถที่ไม่ใช่ตัวบรรทุก 'หัวเดียว' จะมีวัดรอบมาให้ โดยรุ่นนี้ไฟหน้ายังเป็นไฟดวงเล็กแบบที่เรียกขานกันว่า seal beam (เปลี่ยนเฉพาะไส้หลอดไม่ได้)
หลังจากนั้นอีกไม่ถึงปี ก็มีการปรับโฉม โดยตัดกระจกหูช้างคลาสสิคของผมออก และเปลี่ยนกระจังหน้า และไฟหน้าใหม่ เป็นแบบฮาโลเจน เปลี่ยนเฉพาะไส้หลอดไฟได้ และไฟหน้าดวงใหญ่ขึ้น โดยเรียกกันติดปากว่า 'ไฟเต็ม' และมีมาตรวัดรอบให้มาในรุ่น Space cab ...รุ่นนี้มีจุดสังเกตุที่ว่า ตัวเเรกๆของไฟเต็มนั้น เลนส์ไฟหน้าจะเป็นกระจกแก้ว ทำให้เมื่อนำไปติดรีเลย์เพิ่มความเเรงของแสงสว่างแล้ว เลนส์จะไม่เหลืองขุ่น แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบ โคมรุ่นนี้ถูกเปลี่ยนเป็นพลาสติกในเวลาต่อมา ทำให้คนที่ชอบไฟแรงๆยุคนั้น ต้องเซ็งกันไปบ้าง ถ้าผมจำไม่ผิด รุ่นนี้จะเป็นรุ่นแรกที่มีระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาได้ (แต่ปรับเองไม่ได้นะครับ) แล้วก็ทำตลาดเรื่อยมาจนปี 95
จึงมีการปรับโฉมอีกครั้ง เปลี่ยนไฟหน้า ไฟมุมใหม่ โดยที่เรียกกันว่า 'หน้าหนู' ครับ จุดสังเกตุหลักก็คือ ไฟหน้าจะเป็นเฉียงๆด้านนึง ไฟมุมเปลี่ยนจากเหลืองทั้งดวงและเป็นเฉพาะไฟเลี้ยว มาเป็นทั้งไฟเลี้ยว + ไฟหรี่ คือโคมพื้นขาว มีจุดเหลืองด้านในเล็กๆเป็นไฟเลี้ยว และหน้ากระจังจะมีให้เลือกทั้งแบบโครเมี่ยม และ ทำสี colour key และปรับเปลี่ยนมือเปิดประตู และกรอบไฟท้าย จากเดิมเป็นโครเมี่ยม มาเป็นสีดำ และรุ่นนี้อีซูซุใส่กระจกประตูปรับไฟฟ้า พร้อมเซ็นทรัลล๊อคเป็นครั้งแรกในวงการกระบะเมืองไทย โดยใส่คำว่า 'SLX' เป็นการบ่งบอกสเป็คว่าเป็นตัวท๊อปของรุ่น และในช่วงปลายโมเดล ก็มีการนำเกียร์ออโต้ มาใส่ในรถกระบะเป็นครั้งแรกด้วย (อืดคอดๆ 555) อ้อ มีเบาะผ้าเป็นครั้งแรกในตัว SLX นี่ด้วยครับ
ก็เป็นเท่าที่จำได้ เขียนยาวตั้งแต่เช้า ได้แค่นี้เองครับ ถ้ามีเวลาจะพยายามมาต่อถึงเจ้าดราก้อนอาย กระบะยุ่นมีเทอร์โบเจ้าแรกในไทยต่อครับ
ถ้าอ่านยาก ข้อมูลผิดถูกอย่างไร อย่าถือสา ช่วยชี้แนะด้วยละกันนะครับ ผมเป็นคนชอบอีซูซุคนนึงเท่านั้นเอง