Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: mamaman ที่ มกราคม 27, 2018, 10:38:16
-
กำลัง ตื่นเต้นจะได้เห็นรถไฟฟ้า ราคาถูก
คือตอนนี้ ผม ยุติแผน ซื้อรถ รอดูท่าทีรถ EV จากจีน บางทีอาจได้รถ EV ขับไปทำงานในระยะไปกลับ 100 กิโล
แต่ ก็จะเห็นว่า มันมีผลกระทบ ต่อ OEM ที่ผลิตรถยนต์ในไทยแน่นอน เพราะ พี่ จีน ได้ อยู่ประเทศเดียว แต่ก็ เปิดช่องตรง BOI พิเศษหากมีการ ผลิตแบตเตอรี่ ในไทยมาให้
เรื่อง ภาษี EV นำเข้า 0 % ชาติอื่นๆ จะยอมไหม ไม่ใช่ แค่ ญี่ปุ่นนะ ทุกค่าย เดี่ยวจะมีพวกหาว่า ผม อวย JAPAN ผมไม่ได้ทำงาน บริบัท JAPAN นะ
เห็นว่า มีประท้วง กันเยอะ และ กำลัง พิจารณา แยก FTA โดยแยก รถ EV ออกไปอยู่
แต่ผมว่า พี่รัฐบาลไทย ไม่กล้า ขัดขา พี่รัฐจีนนะ หึหึๆ
จะบอกว่ารัฐบาล ไม่สนับสนุน ก็ไม่ใช่นะ
เพราะ เห็น หน่วยงาน แต่ละหน่วย ก็เริ่มเดินแล้ว
เพียงแต่ ต้องแยกประเด็น กันก่อนว่า
สนับสนุนการใช้รถ EV
กับการสนับสนุนให้ผลิต รถ ในประเทศ มัน คนละประเด็นกัน
-
555+ ก็รอไปก่อนแหละคับ รอไปจนกว่า กรุงเทพต้องใส่หน้ากากเดินในเมืองแบบจีนค่อยคิดทำแท่น
เอาเงินก่อนสิคับรัฐบาล J OEM มันประท้วงอยู่แล้ว 99% มันผลิตรถน้ำมันนิ แล้วมันก็ไม่พร้อม EV เพราะไม่ได้วางแผนมาเลย
ชาตินี้คิดว่าไม่ได้เห็นรัฐบาลไทย ออกจากอำนาจ j oem :)
ส่วนนำEV 0% จีน แน่นอน มีเปลียน มากน้อยรอดูคับ ไม่งั่นรถ BYD ท้วมตลาด 555+ (เพราะไงก็เอาภาษีอื่นมาใส่อยู่ดี ไม่ใช่ว่า 0% เหมือนชื่อ)
-
ชาติ ที่เจริญ แล้ว อื่นๆ เค้าถอนเสมอ จากเป็น เมือง ธุรกิจอุตสหกรรม มาเป็น เมือง ธุรกิจ บริการ เทคโนโลยี การค้า ท่องเที่ยว
แต่ ไทย ยังปักหลัก เหนี่ยวแน่น กับ ยานยนต์ จนยากที่จะทลายลง
ขนาดมี พลังงาน ของชาติ ก็เอาไว้เฉพาะกลุ่ม ไม่ได้เลี้ยงดูคนทั้งประเทศ
-
ถ้าไทยกล้าลองกลับลำ ฝั่งจีนก็สวนด้วยการขึ้นภาษีนำเข้า EV จากไทยใน % ที่เท่ากัน บวกกับการที่จีนจะเอา foreign ownership มากกว่า 49% ด้วยจะคุ้มไหมครับ
จริงๆแล้วตอนนี้เค้ากำลังคิด non-tariff measures เช่น มาตรฐานรถ EV มาสกัดอยู่ แต่ไม่ได้ผลหรอกสำหรับแบรนด์จีนที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้วอย่าง MG/Roewe, BYD
ปัญหาสำหรับแผน EVของไทยคือมี mindset แบบแคบๆยึดติดความคิดที่ว่า ต้องผลิตในประเทศ EV ถึงเกิด จึงเป็นที่มาของการเอา incentive สนับสนุนการใช้รถ EV กับการสนับสนุนให้ผลิต รถ ในประเทศ มารวมเป็นอันเดียวกัน ต่อให้ลดสรรพสามิตจนเหลือ 0% ถ้ามาผลิตในประเทศ ก็ไม่มีใครมาลงทุนเสี่ยงๆครับ
อีกอย่าง Incentive มันไม่ใช่มาแบบแผนเดียวใช้ได้กับนักลงทุนทุกเจ้า แบบนั้นมันทื่อมาก เป็นสิ่งที่มาเลย์ทำมาก่อนจนตอนนี้เค้าเปลี่ยนเป็น tailor-made/bespoke incentive แล้วส่วนเรายังย่ำกับที่อยู่
-
แล้วถ้าไม่ต้องกลับลำ แต่ปรับเป็น 0 ให้หมดสำหรับ EV ไม่ว่าจากประเทศไหนจะได้มั้ย ถ้ารัฐจะสนับสนุนจริงจังอ่ะ
ส่วนเรื่อง EV จะมาผลิตในประเทศมั้ยส่วนตัวว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องภาษีนำเข้านะ ถ้ามันบูมจริงใครก็อยากมาผลิต แล้วคนไทยเองก็อาจจะเป็นฝ่ายเริ่มบ้าง ไม่ใช่จะมารอแต่บริษัทต่างชาติ
-
ขออภัยผมงงข่าวนิดหน่อย ว่ารัฐบาลไทยจะให้ภาษี EV จีน 0% แค่ชาติเดียวหรือครับ งี้ถ้าผมไปซื้อ Nissan leaf หรือ Note EV แปลว่าจะไม่ได้ลดภาษี 0% ด้วยรึเปล่า ??
นี่มันเลือกปฏิบัติชัดๆเลยนะ ......
-
อยากให้มาขายจริงๆสักที EV เนี่ย ....
จะรอดูว่า ถ้ามาจริงจะมีคนในนี้ซื้อจริงๆหรือเปล่า .....
แค่ไฮบริจอะ .. กล้าใช้กันหรือเปล่า ไม่ต้องถึง EV หรอก ....
-
ขออภัยผมงงข่าวนิดหน่อย ว่ารัฐบาลไทยจะให้ภาษี EV จีน 0% แค่ชาติเดียวหรือครับ งี้ถ้าผมไปซื้อ Nissan leaf หรือ Note EV แปลว่าจะไม่ได้ลดภาษี 0% ด้วยรึเปล่า ??
นี่มันเลือกปฏิบัติชัดๆเลยนะ ......
ตอนนี้เป็นแบบนี้แหละ.. 0 เฉพาะจีน.... ฮามาก..
-
ไม่ได้อยากโยงการเมืองนะ แต่อดคิดไม่ได้ รัฐบาลออกนโยบายเอาใจจีนมากเกินไปรึป่าว เพราะประเทศอื่นเค้าไม่คุยด้วยเพราะอะไรรู้ๆกันอยู่
งานนี้คนได้ประโยชน์คือประชาชนจริงหรือ ให้ใช้รถจากจีนเนี่ยนะ Leaf I-miev Volt และอีกหลายๆยี่ห้อแม้แต่ kia soul ev ก็พึ่งเปิดตัวไป แต่ละยี่ห้อก็มีมาตรฐานทั้งนั้น กลับสนับสนุนให้ใช้รถจากจีน อยากให้ไทยเป็นที่ทิ้งขยะแบตเตอรี่หรือไง
-
ขออภัยผมงงข่าวนิดหน่อย ว่ารัฐบาลไทยจะให้ภาษี EV จีน 0% แค่ชาติเดียวหรือครับ งี้ถ้าผมไปซื้อ Nissan leaf หรือ Note EV แปลว่าจะไม่ได้ลดภาษี 0% ด้วยรึเปล่า ??
นี่มันเลือกปฏิบัติชัดๆเลยนะ ......
เราเซ็นไปตั้งแต่ราวๆปี 2004 แล้วครับ
-
แล้วถ้าไม่ต้องกลับลำ แต่ปรับเป็น 0 ให้หมดสำหรับ EV ไม่ว่าจากประเทศไหนจะได้มั้ย ถ้ารัฐจะสนับสนุนจริงจังอ่ะ
ส่วนเรื่อง EV จะมาผลิตในประเทศมั้ยส่วนตัวว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องภาษีนำเข้านะ ถ้ามันบูมจริงใครก็อยากมาผลิต แล้วคนไทยเองก็อาจจะเป็นฝ่ายเริ่มบ้าง ไม่ใช่จะมารอแต่บริษัทต่างชาติ
ความคิดนี้น่าสนใจนะครับ++
-
คนเก่งเยอะนะ ประเทศไทย 5555+ คิดว่ามันต้องมองภาพกว้างๆ กว่านั้นรึเปล่า
พื้นฐานต่างๆ ปัจจัยต่างๆ ที่จะกระทบ มีข้อมูลรอบด้านค่อยมาคุยกันดีกว่า
EV จากจีน ภาษี0% นี่มันเป็นข้อตกลงตั้งแต่ปี พ.ศ 2547 แล้ว!!! แต่จะมามีผล
บังคับใช้ในปีนี้ และยังรวมถึงแบตเตอรี่ อุปกรณ์เสริม เครื่องอัดประจุต่างๆ
ที่ขนาดมาลงทุนทำในประเทศยังเสีย 2% เอาไงกันดีล่ะทีนี้ :-\
-
ทำไมตอนเปิดเสรีอาเซียนหรือคืนภาษีรถคันแรกไม่เห็นจะมีใครเดือดร้อนตกอกตกใจเลย?? ถ้าจะตื่นตัวควรเป็นเรื่องตรวจสอบมาตรฐานมากกว่า อะไรไม่ได้มาตรฐานก็ไม่ให้เข้า ดีกว่ามานั่งกลัวของถูก
รถ EV ต่อให้ภาษี 0% มันก็ยังแพง ทำตลาดสู้กับรถธรรมดายาก รถรุ่นถูกๆของจีนก็ยังสามแสน แต่ก็เล็กวิ่งได้ไม่ไกล อาจยังไม่จูงใจพอ เผลอๆเอา k-car เข้ามาสู้อีก (คนไทยคิดเยอะด้วย เรื่องศูนย์บริการบ้าง เรื่องราคาแบต ราคาขายต่อ ไม่ไว้ใจรถจีน....) เลยมองว่า eco car ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรมากมาย
ดีซะอีกในตลาดมีตัวเลือกใหม่ๆเพิ่มขึ้น (ไม่รู้ใครจะเอาเข้ามาบ้าง ตัว Changan Benben EV ก็น่าสนอยู่นะ)
-
คนเก่งเยอะนะ ประเทศไทย 5555+ คิดว่ามันต้องมองภาพกว้างๆ กว่านั้นรึเปล่า
พื้นฐานต่างๆ ปัจจัยต่างๆ ที่จะกระทบ มีข้อมูลรอบด้านค่อยมาคุยกันดีกว่า
EV จากจีน ภาษี0% นี่มันเป็นข้อตกลงตั้งแต่ปี พ.ศ 2547 แล้ว!!! แต่จะมามีผล
บังคับใช้ในปีนี้ และยังรวมถึงแบตเตอรี่ อุปกรณ์เสริม เครื่องอัดประจุต่างๆ
ที่ขนาดมาลงทุนทำในประเทศยังเสีย 2% เอาไงกันดีล่ะทีนี้ :-\
FTA มันคือภาษีขาเข้า(ภาษีศุลกากร)ไม่ใช่เหรอครับ เหมือนรถผลิตจากมาเล อินโด ก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่ 2%มันคือภาษีรถยนต์(ภาษีสรรพสามิต)
ที่ leaf ในไทยมันขายแพงก็เพราะมันยังนำเข้า รึป่าวคับ
-
คนเก่งเยอะนะ ประเทศไทย 5555+ คิดว่ามันต้องมองภาพกว้างๆ กว่านั้นรึเปล่า
พื้นฐานต่างๆ ปัจจัยต่างๆ ที่จะกระทบ มีข้อมูลรอบด้านค่อยมาคุยกันดีกว่า
EV จากจีน ภาษี0% นี่มันเป็นข้อตกลงตั้งแต่ปี พ.ศ 2547 แล้ว!!! แต่จะมามีผล
บังคับใช้ในปีนี้ และยังรวมถึงแบตเตอรี่ อุปกรณ์เสริม เครื่องอัดประจุต่างๆ
ที่ขนาดมาลงทุนทำในประเทศยังเสีย 2% เอาไงกันดีล่ะทีนี้ :-\
FTA มันคือภาษีขาเข้า(ภาษีศุลกากร)ไม่ใช่เหรอครับ เหมือนรถผลิตจากมาเล อินโด ก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่ 2%มันคือภาษีรถยนต์(ภาษีสรรพสามิต)
ที่ leaf ในไทยมันขายแพงก็เพราะมันยังนำเข้า รึป่าวคับ
leaf 30% ครับ แข่งขันไม่ได้แน่
-
ผมรอวันรถไฟฟ้าผ่านบางนา-ตราดมากกว่า
ถ้ามีรถไฟฟ้าจะไม่ซื้อเลยรถบ้านๆใช้ชีวิตประจำวัน ขอซื้อรถสปอร์ตขับสนุกคันเดียวพอเลย
อ้อกระบะ 4 ประตูอีกคัน ไว้เผื่อขนของ
-
คนเก่งเยอะนะ ประเทศไทย 5555+ คิดว่ามันต้องมองภาพกว้างๆ กว่านั้นรึเปล่า
พื้นฐานต่างๆ ปัจจัยต่างๆ ที่จะกระทบ มีข้อมูลรอบด้านค่อยมาคุยกันดีกว่า
EV จากจีน ภาษี0% นี่มันเป็นข้อตกลงตั้งแต่ปี พ.ศ 2547 แล้ว!!! แต่จะมามีผล
บังคับใช้ในปีนี้ และยังรวมถึงแบตเตอรี่ อุปกรณ์เสริม เครื่องอัดประจุต่างๆ
ที่ขนาดมาลงทุนทำในประเทศยังเสีย 2% เอาไงกันดีล่ะทีนี้ :-\
FTA มันคือภาษีขาเข้า(ภาษีศุลกากร)ไม่ใช่เหรอครับ เหมือนรถผลิตจากมาเล อินโด ก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่ 2%มันคือภาษีรถยนต์(ภาษีสรรพสามิต)
ที่ leaf ในไทยมันขายแพงก็เพราะมันยังนำเข้า รึป่าวคับ
leaf 30% ครับ แข่งขันไม่ได้แน่
28% ครับ
-
งั้นถ้า leaf อยากขายก็ต้องลงทุนมาผลิตในไทย อย่างน้อยก็ได้เปรียบรถไฟฟ้าจากจีนตรงที่มีศูนย์บริการพร้อมอยู่แล้ว (ยกเว้น MG นะ เห็นจะเอา ZS EV มาปลายปีนี้)
-
รถไฟฟ้าถ้านำเข้า ยังไงต้องโดนอากรขาเข้าครับ ซึ่งจุดนี้เองที่ทางรัฐยังต้องการให้ผู้ผลิตหันมาประกอบในไทยนั่นเอง แต่การที่ยกเว้นให้จีน แน่นอนจะมีค่าเท่ากับการเปิดโรงงานในประเทศ จุดนี้ผู้ผลิตที่ประกอบในเสียเปรียบอย่างมาก ทั้งคอสการผลิตตั้งแต่วัตถุดิบต้นน้ำยันแรงงานปลายน้ำ เมื่อหักจากคอสการขนส่งเข้ามาแล้ว ยังไงก็ต่ำกว่าทำโรงงานบ้านเราอยู่ดี
ยังไม่นับชิ้นส่วนที่นำเข้ามาประกอบในไทยอีกไม่น้อย ซึ่งจะโดนอากรขาเข้าพิกัดชิ้นส่วนอีก
พอเห็นภาพนะครับ แค่ต้นทุนก็เสียเปรียบมากแล้ว ผู้ผลิตจากที่อื่น ( นอกจากจีน ) จะรับมืออย่างไร
ผมไม่ขอกล่าวถึงนโยบายแต่ละผู้ผลิตนะครับ มันเป็นสิ่งที่พูดลำบาก
1. จะเอารถคุณภาพต่ำขายราคาถูก
2. จะเอารถคุณภาพสูงขายราคาสูงตามต้นทุน
3. จะเอารถคุณภาพต่ำขายราคาแพง
-
งั้นถ้า leaf อยากขายก็ต้องลงทุนมาผลิตในไทย อย่างน้อยก็ได้เปรียบรถไฟฟ้าจากจีนตรงที่มีศูนย์บริการพร้อมอยู่แล้ว (ยกเว้น MG นะ เห็นจะเอา ZS EV มาปลายปีนี้)
เค้าไม่มาหรอกครับ
ด้านจีน BEV บางรุ่นราคาค่อนข้างสูงเหมือนกัล อย่างเช่น BYD E6 ที่ไทยราคา 1.8-1.9 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับที่ขายที่ยุโรป แต่ต่างกันที่ว่ายุโรปให้สิทธิ tax rebate ได้ทันทีไม่ต้องมีข้อแม้ว่าต้องผลิตในยุโรปเท่านั้น ส่วนไทยยังสำคัญตัวเองผิดอยู่ ยังมีกรอบความคิดแคบๆที่จะให้สิทธิ tax rebate กับรถ BEV ที่ผลิตในประเทศเท่านั้น (แล้วจะมีไหม)
-
แสดง ว่า สาเหตุหลักที่ รถไฟฟ้า ยังไม่ สามารถ เป็นที่นิยม
เพราะ ราคามันสินะ
-
แสดง ว่า สาเหตุหลักที่ รถไฟฟ้า ยังไม่ สามารถ เป็นที่นิยม
เพราะ ราคามันสินะ
ใช่ครับ มีแค่บางประเทศที่เค้าต้องการลดมลพิษอย่างจริงจัง จึงมุ่งมั่นหาทางให้คนมาใช้ EV เพิ่ม เลยออกมาตรการทั้งผลักทั้งดัน ทั้งสนับสนุน ไม่งั้นไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงง่ายๆหรอก
อย่างบางประเทศมีจุดชาร์จตั้งเยอะ แต่คนก็ยังกังวลปัญหาเรื่องชาร์จนาน รถวิ่งได้ไม่ไกล รัฐบาลเลยทำถนนให้รถวิ่งไปชาร์จไปได้ ดูสิเค้าทุ่มเทกันขนาดไหน
-
โครงการนี้คงอีกนาน ผลประโยชน์ยังไม่ลงตัว :P :P :P :P
-
ถ้า EV ยังเป็นไปไม่ได้ ผลักดันรถ Hybrid ให้เป็นไปได้ก่อนก็ยังดีนะผมว่า
-
ถ้า EV ยังเป็นไปไม่ได้ ผลักดันรถ Hybrid ให้เป็นไปได้ก่อนก็ยังดีนะผมว่า
Hybrid ราคารถ น่าจะแพงกว่า EV รึเปล่าครับ
ผมสนับสนุน Range Extended นะ EV แบกเครื่องปั่นไฟ
-
ภาษี 0% ถ้าได้เยอรมนีอีกสักประเทศนี่โครตฟิน
Porsche Mission E ราคาเริ่มต้นที่ 75000 USD เท่านั้นเอง
-
ถ้า EV ยังเป็นไปไม่ได้ ผลักดันรถ Hybrid ให้เป็นไปได้ก่อนก็ยังดีนะผมว่า
Hybrid ราคารถ น่าจะแพงกว่า EV รึเปล่าครับ
ผมสนับสนุน Range Extended นะ EV แบกเครื่องปั่นไฟ
ไปทาง e-power เลยครับ
-
โลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี ที่จะกระทบกับ สภาพแวดล้อม ตลาด สินค้า
และอย่างรถยนต์ก็ชัดเจน อนาคตจะกลายเป็นรถไฟฟ้า แต่ไม่ใช่แค่เป็นรถไฟฟ้า มันจะมีระบบพวก autonomous ซึ่งต้องใช้ sensor
ต่างๆมากมาย โดยใช้พวก IOT มาเป็นตัวเชื่อม ส่วนรถไฟฟ้าจะมาได้จริง ต้องมี Power Grid ที่ดีพอรองรับ และสถานีชาร์ตมากพอจะรองรับ
จนกว่าแบตจะมีประสิทธิภาพ และราคาถูกมาพอ ฉะนั้นในช่วงต้นๆ สถานีชาร์ตยังจำเป็นอยู่มาก และรถ EV จะถูกใช้อย่างกว้างขวางเมื่อรถEVโดยเฉลี่ยมีความจุแบตเตอรี่ราวๆสัก 100 kWh ซึ่งสามารถวิ่งกันได้เกิน 500 km ต่อการชาร์ต 1 ครั้ง และมีราคาถูกกว่ารถสันดาปแบบเดิม คือ เช่นรถขนาด B-segment, sub-compact suv ที่เป็นรถ EV แบตขนาด 100 kWh แต่มีราคาสัก 7-900,000 บาท ซึ่งก็คงราวๆปี 2023-2025 ไปแล้ว
แต่ประเด็นที่ผมมองว่าชิ้นส่วนรถยนต์ ส่วนที่เป็นองค์ประกอบในการขับเคลื่อนที่ปราศจาก sensor จะน้อยลงมากๆ และจนวันหนึ่ง
จะเริ่มมีคนผลิตสินค้าเป็น module ๆ ที่จะสามารถนำมาเปลี่ยนและปรับชิ้นส่วนคล้าย DIY แบบคอมพิวเตอร์ PC ได้ในอนาคต เพียงแต่จะทำแบบนั้น
ต้อง มีการตรวจสอบและ ทดสอบ ที่ได้มาตรฐานและจดทะเบียนรองรับ การดัดแปลง เพื่อใช้งานรถดังกล่าวให้ออกมาวิ่งได้ต่างหาก
หมายความว่า ธุรกิจรถยนต์ขนาดใหญ่แบบเดิมๆ ก็น่าจะเปลี่ยนแปลงไป ผมว่ารัฐควรจะมองว่าจะสนับสนุน ให้มี SME หรือ บุคลากรที่จะสามารถทำงานพวก ช่างไฟฟ้า มอเตอร์ inverter หรือ IT ที่สามารถใช้งาน IOT หรือ sensor ต่างๆ หรือออกแบบสภาพแวดล้อมถนน ให้รองรับ รถที่จะขับเคลื่อนอัตโนมัติให้มากขึ้น ทดแทนการมองจะหางานที่ใช้แรงงานแบบดั้งเดิม ได้แล้ว
และการที่จะปล่อยให้รถ EV จากจีนเข้ามา ควรจะให้สถาบันการศึกษา หรือ องค์การที่จะกำหนดมาตรฐาน ดูผลิตภัณฑ์ ที่จะนำมาขายว่า แบบไหนที่จะไม่สร้างปัญหา ด้านความปลอดภัยหรือ สิ่งแวดล้อม กับสังคมมากกว่า เท่านั้นนะครับ โดยให้มองว่าการนำสินค้านั้นควรจะมีใช้เป็นโอกาสในการศึกษาเรียนรู้ ว่าจะมีบทเรียนอะไรที่ต้องเรียนรู้จาก การใช้งานรถไฟฟ้า และธุรกิจรถไฟฟ้าบ้างที่สังคมไทยแ และอุตสาหกรรมไทยที่ควรจะเรียนรู้ นะครับ
โลกมันหมุนไวครับ อย่ารอช้าครับ ควรให้โอกาสให้สังคม และเรียนรู้กับมันให้มากครับ ผมว่านะ