Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: bahamu ที่ ธันวาคม 11, 2020, 10:59:20
-
https://youtu.be/WJ01MMufZzI (https://youtu.be/WJ01MMufZzI)
รถถ่านแบ่งง่ายๆ จากแรงดันไฟฟ้าที่อัดเข้าถ่านดังนี้
รถถ่านใดที่อัดไฟdcไม่ถึงค่านี้ ไม่แนะนำให้ซื้อ
400v เป็นมาตรฐานรถถ่านที่ขายทุกยี่ห้อ
ตู้ไฟจะอัดไฟใกล้400v ขึ้นอยู่กับคุณภาพอุปกรณ์รับไฟของรถ
ส่วนตู้dcไหนจะอัดไวกว่า ข้ากว่า ขึ้นอยู่ที่amp มี 100-200amp
จะเขียนไว้ที่ตู้ หรือลงเป็น kw ขั้นต่ำ50kw
ส่วน90kwจะมีน้อย มักอยู่ตามโรงไฟฟ้า
เมืองนอกมีตู้ 100kw ถึง 150kw
800v เป็นมาตรฐานใหม่ที่ออกมาไม่นาน
มีกบไฟฟ้า
https://youtu.be/AzUGmQt_1ks (https://youtu.be/AzUGmQt_1ks)
ฮุนไดใช้แท่น e gmp ที่รองรับ
ตู้ไฟจะอัดไฟใกล้800v
กบไฟฟ้าเป็นคันแรก รับได้ 800v 270kw 350amp
(กบไฟฟ้าออกแบบให้รับไฟได้ถึง 400kw แต่ตอนไฟเพื่อขายเร็วขึ้น)
เมืองนอกมีตู้ 350kw มารองรับแล้ว
https://youtu.be/dNfTEWMgR_M (https://youtu.be/dNfTEWMgR_M)
ตอนนี้มีตู้450kw ทดสอบของซีเมนส์ที่เยอรมัน
สายไฟเติมรถต้องออกแบบใหม่ มีระบบหล่อเย็นในสายเพราะร้อนจัด
https://youtu.be/SAfgq243XpY (https://youtu.be/SAfgq243XpY)
ระบบอัดไฟรถถ่าน 400vกับ800v
ใช้หัวแบบ type2 ccs combo ที่การไฟฟ้าเลือกใช้
ส่วนหัวแบบอื่น ต้องใช้หัวแปลง ก็จะรับไฟได้เท่าที่รถจะรับได้
ตู้อัดไฟแรงๆ แต่รถรับได้น้อยก็ไม่ต่างจากอัดไฟจากตู้dcทั่วไป
https://youtu.be/gXq0eA9sK04 (https://youtu.be/gXq0eA9sK04)
ตามบ้านมีตู้อัดไฟdcเคลื่อนที่ไว้ใช้ตามบ้านและอู่
400-800v 40kw 63amp เสียบปลั๊กสามเฟส 100amp ขึ้นไป
ส่วนเขาควาย ระบบอัดไฟคิดเอง
รถถ่านรุ่นแรกอัดไฟ400v
ตู้อัดไฟรุ่นแรก 100kw
ตู้อัดไฟรุ่นสอง 150kw
ตู้อัดไฟรุ่นสาม 250kw เริ่มติดตั้งทั่วโลกแล้ว
จนค่ายอื่นเข็นตู้350kwมาสู้
รถค่ายอื่นใช้หัวแปลง อัดไฟแรงได้
รถถ่านรุ่นสอง อัดไฟได้600v
ต้องรอว่าถ่าน4680 จะรับไฟได้เกิน1000vรึไม่
https://youtu.be/Z6qUSCLntkQ (https://youtu.be/Z6qUSCLntkQ)
เพราะแผนงานต่อจาก800v คือ 1200v บ้างว่า1600v
เพื่อรองรับกับถ่านไส้แข็ง ที่หลายค่ายซุ่มพัฒนากันอยู่
https://youtu.be/hNhZc-KvIGs (https://youtu.be/hNhZc-KvIGs)
เล่นไฟแรงแบบยุคหลอดสูญญากาศ
น่าจะใช้หลอดแทนมอสเฟต จะได้ทนขึ้นไปอีกvกับampสูงขนาดนั้น
https://youtu.be/eHSjfhdrTC8 (https://youtu.be/eHSjfhdrTC8)
เวลาในการอัดไฟรถถ่าน800v ความจุ100kw/h ที่350kw
0-80% ประมาณ 22นาที
ถ้า800v 120-160kw ราว 50นาที
ถ้าไฟเหลือ40-60% อัดถึง80% จะอัดไฟ10-20นาที
ประมาณไฟเหลือครึ่งถังเติมทีจะเร็วที่สุด
ซึ่งเร็วใกล้เคียงเติมน้ำมัน 100-200 ลิตร
ประมาณเติม เอสคลาส หกล้อ รถมินิบัส
https://youtu.be/2hEekGhm5V4 (https://youtu.be/2hEekGhm5V4)
ตู้อัดไฟdc ถ้าไม่มี250kw หรือ350kw แพร่หลายก็เกิดยาก
เพราะรถ800v อัดไฟacในบ้านลำบาก เต็มช้า
https://youtu.be/15fnS_8RdzI (https://youtu.be/15fnS_8RdzI)
ถ้าใช้สองหัวacต่อเข้ารถได้ ก็ช่วยให้เร็วขึ้น
แต่กินamp กินไฟมากขึ้นไปอีก ค่าตู้ไฟก็แพงถึงสองแสนบาท
ยิ่งเดินทางไกล แทนที่จะอัดไฟเร็วรอไม่นาน ก็กลายเป็นรอนานหลายชม.
ถ้าตัวแทนรถถ่าน800v ไม่ผลัดดันรถถ่านก็เป็นแค่ของเล่นคนรวย
ส่วนเขาควายถ้ามาขายเป็นทางการ ลงทุนวางตู้ไปทั่ว
รถน้ำมันก็อยู่ยาก เหมือนฟิล์มที่เจ๊งเพราะดิจิดอลมาไล่หลัง
ถ้าไม่ปรับตัวคนซื้อก็ดิ้นรนจนทิ้งน้ำมันในที่สุด
เพราะใครๆก็อยากลดต้นทุนทั้งนั้น ค่าซ่อมบำรุงที่ต่ำกว่ามาก
ใครที่ใช้ไหวก็ปรับตัวกันไป เพราะอนุสัญญาเกียวโตทุกประเทศต้องทำตาม
การคิดคาร์บอนเครดิต คว่ำบาตรคงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
-
แบต li-ion มันล้าสมัยมา 10 ปีแล้ว เผื่อใครยังไม่รู้
ทุกวันนี้ก็ได้แต่ ทำให้คนไม่รู้ รู้สึกว๊าว กับการชาร์ตเร็ว
สิ่งที่ li-ion ทำได้ก่อนจะตายจากไปคือ ชาร์ตยังไงให้ life cycles เสียน้อยที่สุด
ยิ่งชาร์ตเร็ว แบตยิ่งเสื่อมไว
จะชาร์ตเร็วได้ ต้องเปลี่ยนวัสดุในแบต = ต้นทุน
ยิ่งพยายามพัฒนา แบต li-ion = ต้นทุนตกอยู่กับ ผู้บริโภคทุกทาง
li-ion ยังห่างไกล จาก นักฆ่าน้ำมัน
-
ดูไปแล้ว ไม่ง่ายเลย คงต้อง ใช้น้ำมันต่อไป พี่โตพูดไม่ผิดจริงๆ
-
เอาจริงๆถ้าประเทศต่างๆไม่บังคับให้คนมาใช้รถไฟฟ้า คนก็ยังไม่ใช้มากหรอก
มันไม่ได้พร้อมอะไรเลย ใช่ว่าที่ชาร์จเร็วมันจะเยอะขนาดนั้นแม้แต่ประเทศที่ดูว่าพร้อม
-
Hydrogen มันจะมา disrupt ไฟฟ้าอีกที
-
มาเร็วๆหน่อยก็ดีนะ
ตอนนี้รู้สึกแย่มากกับกลิ่นไอน้ำมันมาก ทั้งเหม็นและเวียนหัว
แต่กว่าจะเกิดในไทยก็คงได้ตายเพราะมลพิษกันซะก่อน
-
Hydrogen มันจะมา disrupt ไฟฟ้าอีกที
อันนี้ก็น่าวิเคราะห์ในอนาคตนะครับ ::)
แค่ปัจจุบันต้นทุนการผลิตไฮโดรเจนกับการจัดเก็บขนส่งยังทำให้ราคาไม่ได้ถูกไปมากเท่าไหร่
แต่ประเทศไทยได้เปรียบตรงพื้นที่ประเทศสำหรับผลิตโซล่าร์เซลล์มีเยอะ กับแดดก็ดีได้ประสิทธิภาพ
ผมรู้สึกว่าถ้าเมืองหนาวพื้นที่แพง ไฮโดรเจน น่าจะเกิด
แต่เมืองไทยจากข้อได้เปรียบที่ว่ามา ตู้อัดไฟ DC เก็บไฟจากโซล่าร์เซลล์นี่มีโอกาสเกิดมากๆเลยครับ
-
ข้อเสียคือชาร์ทช้า ถ้ารอแค่สองสามคิวก็ประมาณ 30 นาทีขึ้นไป ยิ่งช้ารถยิ่งสะสม
อีกเรื่องคือชาร์ทเร็วมากแบตก็เสื่อมไว ห้าปีอาจจะต้องเปลี่ยนหมด
แต่ถ้ามีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ มาคงน่าสนใจมากกว่านี้
ส่วนตัวผมรถแบบไหนถูกกว่าก็ใช้แบบนั้น ตอนนี้ยังแพงให้คนรวยทดลองไปก่อน
-
แบต li-ion มันล้าสมัยมา 10 ปีแล้ว เผื่อใครยังไม่รู้
ทุกวันนี้ก็ได้แต่ ทำให้คนไม่รู้ รู้สึกว๊าว กับการชาร์ตเร็ว
สิ่งที่ li-ion ทำได้ก่อนจะตายจากไปคือ ชาร์ตยังไงให้ life cycles เสียน้อยที่สุด
ยิ่งชาร์ตเร็ว แบตยิ่งเสื่อมไว
จะชาร์ตเร็วได้ ต้องเปลี่ยนวัสดุในแบต = ต้นทุน
ยิ่งพยายามพัฒนา แบต li-ion = ต้นทุนตกอยู่กับ ผู้บริโภคทุกทาง
li-ion ยังห่างไกล จาก นักฆ่าน้ำมัน
ผมว่าli-on มันใกล้เคียงที่สุดที่จะเป็นนักฆ่าน้ำมันเข้าไปเรื่อยๆนะครับ
จริงอยู่ว่า ณ ตอนนี้ ยังไม่ใช่แม้แต่ใกล้เคียง แต่ตราบใดที่ยังไม่มีอะไรมาแทนที่มันได้ มันก็ยังจะพัฒนาไปได้อีกเรื่อยๆ
จะมีคู่แข่งก็น่าจะเป็น LFP (แบตlifepo ลิเทียมโพลิเมอร์) ที่เคยโดนli-on เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดไป
แต่ก็ไม่ได้หายไปจากตลาด แถมยังออกลูกออกหลายกลายเป็น LFMP cobalt-free lfp ที่ความสามารถใกล้เคียงแบตli-on แต่ปลอดภัยสุงกว่า แถมราคาถูกกว่า อาจจะพัฒนามาแข่ง li-on ได้ ก็เป็นได้
ส่วน li-on ก็แตกแขนงพัฒนาไปเพียบไม่ว่าจะเป็น icr inr nca ncm(111 622 712 811 90.50.5) LNMO เซมิโซลิดสเตท โซลิดสเตท
ตอนนี้ li-on ที่คนไทยได้สัมผัส ยังเป็นแค่ ncm111 ncm622 อยู่เลย
แถมราคาตอนนี้ก็ถูกลงเรื่อยๆ จนตอนนี้ต่ำกว่า 100เหรียญ/kw ไปแล้ว (มีข่าวลง เคลมกันที่ 50-60เหรียญแล้วด้วย
ในเรื่องการการชาร์จ ที่น่าจะใกล้เคียงน้ำมันที่สุด ณ ตอนนี้ น่าจะเป็น โซลิดสเตท ของquantumspace เคลม 80%ภายใน 15 นาที
https://electrek.co/2020/12/08/tesla-co-founder-jb-straubel-quantumscape-new-fast-charging-battery-major-breakthrough/
-
แบต li-ion มันล้าสมัยมา 10 ปีแล้ว เผื่อใครยังไม่รู้
ทุกวันนี้ก็ได้แต่ ทำให้คนไม่รู้ รู้สึกว๊าว กับการชาร์ตเร็ว
สิ่งที่ li-ion ทำได้ก่อนจะตายจากไปคือ ชาร์ตยังไงให้ life cycles เสียน้อยที่สุด
ยิ่งชาร์ตเร็ว แบตยิ่งเสื่อมไว
จะชาร์ตเร็วได้ ต้องเปลี่ยนวัสดุในแบต = ต้นทุน
ยิ่งพยายามพัฒนา แบต li-ion = ต้นทุนตกอยู่กับ ผู้บริโภคทุกทาง
li-ion ยังห่างไกล จาก นักฆ่าน้ำมัน
ผมว่าli-on มันใกล้เคียงที่สุดที่จะเป็นนักฆ่าน้ำมันเข้าไปเรื่อยๆนะครับ
จริงอยู่ว่า ณ ตอนนี้ ยังไม่ใช่แม้แต่ใกล้เคียง แต่ตราบใดที่ยังไม่มีอะไรมาแทนที่มันได้ มันก็ยังจะพัฒนาไปได้อีกเรื่อยๆ
จะมีคู่แข่งก็น่าจะเป็น LFP (แบตlifepo ลิเทียมโพลิเมอร์) ที่เคยโดนli-on เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดไป
แต่ก็ไม่ได้หายไปจากตลาด แถมยังออกลูกออกหลายกลายเป็น LFMP cobalt-free lfp ที่ความสามารถใกล้เคียงแบตli-on แต่ปลอดภัยสุงกว่า แถมราคาถูกกว่า อาจจะพัฒนามาแข่ง li-on ได้ ก็เป็นได้
ส่วน li-on ก็แตกแขนงพัฒนาไปเพียบไม่ว่าจะเป็น icr inr nca ncm(111 622 712 811 90.50.5) LNMO เซมิโซลิดสเตท โซลิดสเตท
ตอนนี้ li-on ที่คนไทยได้สัมผัส ยังเป็นแค่ ncm111 ncm622 อยู่เลย
แถมราคาตอนนี้ก็ถูกลงเรื่อยๆ จนตอนนี้ต่ำกว่า 100เหรียญ/kw ไปแล้ว (มีข่าวลง เคลมกันที่ 50-60เหรียญแล้วด้วย
ในเรื่องการการชาร์จ ที่น่าจะใกล้เคียงน้ำมันที่สุด ณ ตอนนี้ น่าจะเป็น โซลิดสเตท ของquantumspace เคลม 80%ภายใน 15 นาที
https://electrek.co/2020/12/08/tesla-co-founder-jb-straubel-quantumscape-new-fast-charging-battery-major-breakthrough/
(https://areweanycloser.files.wordpress.com/2013/05/battery.png)
หลักการทำงาน anode ถ่ายประจุ ไปมากับ cathode โดยผ่าน electrolyte
electrolyte เป็นของเหลว เรียกว่า Lithium-ion
electrolyte เป็นเจล เรียกว่า Lithium-polymer
electrolyte เป็นของแข็ง เรียกว่า Lithium-solid-state
Lithium-polymer ไม่นิยม เพราะมันแพงเอามาทำขายคนทั่วไปไม่ได้
Lithium-ion ที่เป็น icr inr มันก็แค่เปลี่ยน electrolyte
เปรียมเทียบให้เข้าใจก็ประมาณว่า เดิมใช้ น้ำเปล่า กั้น ขั่ว + ขั่ว - เปลี่ยนมาเป็น ใช้น้ำแดง ได้การไหลผ่านพลังงานดีขึ้น เร็วขึ้น
พอเปลี่ยนมาใช้น้ำเขียว กั้น ขั่ว + ขั่ว - ประจุไหลช้า แต่อยู่ได้นาน
ในเมื่อเป็นของเหลวอยู่ มันก็มีโอกาสสะสมตะกอน ที่เรียกว่า Dendrites
nca ncm เปลี่ยนวัสดุ anode cathode
Lithium-ion ที่ผมบอกว่ามันไม่ได้พัฒนา เพราะ ธาตุต่างๆ ถูกนำมาใช้เป็น ขั่ว + ขั่ว - หมดแล้ว ทองแดง เงิน ทอง หรือธาตุอื่นๆ ถูกสุดก็ถ่าน
ที่ทำกันทุกวันนี้ มันคือการผสม น้ำเขียว น้ำแดง หรือ อื่นๆ ที่นำมาเป็น electrolyte เพื่อลดการเกิด Dendrites ซึ่งมันก็เกิดอยู่ดี
ราคา Lithium-ion มันจึงขึ้นอยู่กับ วัสดุที่นำมาใช้
จนมาถึง Lithium-solid-state ที่กำลังอยู่ในการพัฒนา