Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: FlavorWheel ที่ กันยายน 05, 2011, 21:35:24

หัวข้อ: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: FlavorWheel ที่ กันยายน 05, 2011, 21:35:24
 ข่าวในประเทศ-ค่ายรถยนต์ “นิสสัน” เตรียมยกเลิกไลน์ผลิต “ทีด้า ลาติโอ” เก๋ง 4 ประตู หวังใช้อีโคคาร์ ตัวถังซีดาน รุ่นใหม่ ที่มีกำหนดเปิดตัวเดือนตุลาคมนี้ แก้ขัดลุยตลาดกลุ่มซับคอมแพกต์ คาดยอดขายทะลุ 4 หมื่นคันต่อปีแน่นอน
       
       ประพัฒน์ เชยชม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กระแสตอบรับหลังจากให้ดีลเลอร์บางส่วนได้ทดลองขับอีโคคาร์ รุ่นใหม่ โฉม 4 ประตู ต่างแสดงความมั่นใจว่าจะได้รับความนิยมไม่น้อยกว่าอีโคคาร์รุ่นแรก “นิสสัน มาร์ช” โฉมตัวถังแฮตช์แบ็ก และน่าจะขยายส่วนแบ่งไปสู่กลุ่มซับคอมแพกต์ ซึ่งปัจจุบันนิสสันยังไม่มีโมเดลทำตลาดในเซกเมนต์นี้อย่างชัดเจน
       
       “การยุติสายการผลิต ทีด้า ลาติโอ รถเก๋ง 4 ประตู ในเดือนตุลาคมนี้ พร้อมกับการเปิดตัวอีโคคาร์ตัวถังซีดานโฉมใหม่ในช่วงเวลาเดียวกัน ไม่ใช่การเข้ามาแทนที่ แต่เป็นเพราะการขยายตลาดของอีโคคาร์ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมไปสู่กลุ่มรถครอบครัวมากขึ้น โดยบริษัทฯตั้งเป้ายอดขายเฉพาะตัวถังซีดานโฉมใหม่ต้องไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นคันต่อปี”

เตรียมหยุดไลน์การผลิต ทีด้า ลาติโอ 4 ประตู แต่สำหรับโฉมแฮทช์แบ็กยังคงดำเนินการผลิตต่อไป
       ขณะที่ในกลุ่มซับคอมแพกต์ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร กำลังเร่งให้บริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น พิจารณาการพัฒนาโมเดลใหม่ คาดว่าภายใน 2-3 ปี อาจมีตัวเลือกที่เหมาะสมลงทำตลาดในกลุ่มนี้
       
       ประพัฒน์กล่าวว่า สำหรับนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์โดยตรง อย่างการลดภาษีรถยนต์คันแรกหนึ่งแสนบาท ในทางปฏิบัติคงเป็นเรื่องยาก แต่หากทำได้จริงจะเป็นผลดีต่อการส่งเสริมตลาดโดยรวมให้เติบโตมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
       
       “ส่วนการปรับค่าแรง 300 บาทต่อวัน หรืองดการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาถูกลง ขณะที่ข้าวของต่างๆ ก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้น นโยบายนี้จึงไม่ได้ส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถยนต์ได้ง่ายขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นยังคงเท่าเดิม”

จากสำนักข่าว
http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9540000112054 (http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9540000112054)
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: FlavorWheel ที่ กันยายน 05, 2011, 21:49:12
บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายเฉพาะตัวถังซีดานโฉมใหม่ต้องไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นคันต่อปี

คิดแล้วต้องผลิต ให้ได้ (นับรวมวันหยุด ทุกวันเป็นวันทำงานด้วย)
เดือนละ 3,335++ คัน
วันละ 110++ คัน
ชั่วโมงละ 5 คัน

แปลว่า อย่างช้า ทุก 12 นาที จะมี อัลเมร่า ออกมาจากโรงงาน1คัน



ถ้าคิดเทียบกับบริโอ้ 1500/เดือน ("อย่างต่ำ" หรือ "ตลอดไป" )
จะมีเพียง วันละ 50 คัน

หรือเทียบกับวิออสช่วงขายดีๆ เดือนละ 6000 วันละ 200
หรือ ทุกๆ 7นาที12 วินาที  จะมีวิออส ออกมา1 คัน

หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: J!MMY ที่ กันยายน 06, 2011, 00:10:16
ตอนนี้ยังงงเรื่อง B. Segment. Sedan. 1.5 อยู่ว่า จะได้เกิดอีกรุ่นไหม ในเมื่อออกมาก็มีสิทธิ์ทับซ้อนกัน
แล้วจะเป็นไปได้ไหมที่มิตซูบิชิ จะเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการใหม่นี้ด้วยอีกราย

ผมว่าเป็นไปได้ และน่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับปัญหาในอนาคตของทั้งสองค่าย
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: YIM ที่ กันยายน 06, 2011, 01:02:25
ผมคิดเล่นๆ นะครับ Tiida Latio คิดง่ายๆ มันเป็นรถทายาท Sunny B-platform นั่นละครับ คือ ข้าเกิดมาเพื่อฟัดกับ Corolla Axio ในบ้าน และไปไล่บี้ Belta นอกบ้าน

ทีนี้ปัญหามีอยู่ว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า รถที่มาแทน Latio ในตลาดโลกคือ Sunny/Almera ที่หลายๆ ประเทศมีเครื่อง 1.6 แต่ปัญหาคือ เมืองไทย Nissan ลงเครื่องใหญ่เกิน 1.3 ใน Almera ไม่ได้ เพราะติดเรื่อง Eco Car (ซึ่งน่าจะมีแค่เมืองไทยละมั้ง)

ทีนี้ถ้า Nissan อยากจะขายรถเครื่อง 1500 ในไทย จริงๆ ก็ต้องไปหารถที่ไม่ใช่ทั้ง Sunny และ next Sentra ซึ่งตอนนี้ยังไม่มี

ดังนั้นที่พี่ Jimmy ว่า น่าจะมีเหตุผล คือทางออกของ Nissan จะต้องร่วมมือกับ Mitsubishi โดย Mitsubishi จะเป็นแม่งานหลัก แล้ว Nissan ก็เอา design ของ Mitsubishi มาขาย หรือไม่...

เอารถของ Renault มาขาย (แต่ Renault ก็ไม่ค่อยมีรถ sedan พิกัดนี้เหมือนกัน megane ก็ใหญ่ไป หรือจะเป็นไอ้นี่ดีละครับ??)

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/7/75/Renault_Thalia_II_front_-_PSM_2009.jpg/800px-Renault_Thalia_II_front_-_PSM_2009.jpg)
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: Iwata Kana Σ4 ที่ กันยายน 06, 2011, 01:24:27
ไฟหน้าเหมือน Wingroad เลยนะนั่นรุ่นบน

-----

ตอนนี้ก็ยังกังขาว่า L12F นี้จะทำหน้าที่แทนได้ดีหรือเปล่า
นึกไม่ออกเลยว่า ถ้าเป็น 1 รุ่น 3 เครื่องตาม Altis Cruze จะเป็นอย่างไรต่อไป
(Focus ไม่นับ)
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: SignifeR ที่ กันยายน 06, 2011, 06:19:30
อารมณ์นิสสันเหมือนพยายามปรับตัวเพื่อหาช่องทางที่ตนถนัดและไปได้ดีในการทำการค้า
มากกว่าจะมองเรื่องเซกเม้นต์ที่แตกเพิ่งขึ้น หรือเพื่อครอบคลุมไลน์มากกว่า

แต่คิดแบบนี้ผมก็เห็นด้วยนะ แม้จะไม่ได้มีรถครอบคลุมทุกเซกเม้นต์แต่ทำการตลาดได้ดี รถดี ราคาเหมาะสม
บางครั้งมันก็ตอบโจทย์บริษัทได้ดีกว่าในระยะยาวนะครับ

คิดเหมือนจิมเลยว่า อีกหน่อยมันต้องมีโครงการร่วมกันแน่ๆ แต่ออกมาแบบไหนก็น่าคิดอยู่
แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า มันต้องไม่ซ้อนทับตลาดกัน
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: Lammerison ที่ กันยายน 06, 2011, 08:58:04
ตอนนี้ยังงงเรื่อง B. Segment. Sedan. 1.5 อยู่ว่า จะได้เกิดอีกรุ่นไหม ในเมื่อออกมาก็มีสิทธิ์ทับซ้อนกัน
แล้วจะเป็นไปได้ไหมที่มิตซูบิชิ จะเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการใหม่นี้ด้วยอีกราย

ผมว่าเป็นไปได้ และน่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับปัญหาในอนาคตของทั้งสองค่าย


ทั้ง นิสสัน กับ มิตซู ยังไม่มีรถ class เครื่อง 1500 ในตลาด แล้วใครจะเป็นคนหารถมาลงในกลุ่มนี้หว่า

โตโยตา ฮอนดา มาสดา ฟอร์ด เค้ายังแล้ว สงสัยจะเกี่ยงกันอยู่หรือเปล่า ???

หรือว่าไม่คิดแข่งตรงๆ แต่จะเอา eco car ไปแบ่งแชร์มาเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: HOMY_DEMIO ที่ กันยายน 06, 2011, 09:00:41
อย่างไรก็แล้วแต่

B-segment Sedan 1.5 L จะต้องมีขนาดตัวถังไม่เล็กกว่า Eco Car Sedan
ไม่งั้นจะกลายเป็นตัวเปรียบเทียบไป

Nissan คงไม่ทำรถซีดานใหม่ 1 รุ่นทับซ้อน Sunny/Almera แน่ ๆ การไปจับมือกับ Mitsu ยังง่ายกว่าหน่อย
แต่ขึ้นอยู่กับ Mitsubishi เคาะสเปคมากกว่าถ้าทำจริง ถ้าออกมาเล็กกว่า Sunny/Almera คงเป็นเรื่องฮาแตก


ผมว่าวิธีที่ง่ายที่สุด ก็เอาเจ้า Almera แต่งหน้าทาปาก ใส่เครื่อง 1.5 ลิตร เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Sunny ครับ
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ กันยายน 06, 2011, 09:19:36
ผมว่าบางทีเราไม่จำเป็นต้องขายรถให้มันได้ทุกตลาด

แต่เราต้องขายรถที่ขายได้ ทำกำไรได้ดี มากกว่านะครับ

ถ้ามี B-seg ทำตลาด eco car อยู่แล้ว ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องไปทำตลาด B-seg 1.5 เลย

หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: keanetona ที่ กันยายน 06, 2011, 09:34:35
ผมว่าบางทีเราไม่จำเป็นต้องขายรถให้มันได้ทุกตลาด

แต่เราต้องขายรถที่ขายได้ ทำกำไรได้ดี มากกว่านะครับ

ถ้ามี B-seg ทำตลาด eco car อยู่แล้ว ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องไปทำตลาด B-seg 1.5 เลย



เห็นด้วยครับ ดังนั้นเราถึงเห็นแต่กระบะ/รถบรรทุำกอีซูสุ  และ รถบรรทุกฮีโน่ ทั้งๆที่เมื่อก่อนทั้งคู่เคยทำรถเก๋งขายเสียด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: Lammerison ที่ กันยายน 06, 2011, 10:22:44
ลองหันไปมอง นิสสัน/มิตซู ในตลาดญี่ปุ่น เอง ผมไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า แล้ว Almera จะเอากลับไปขายเหมือน March มั้ย หรือจะส่งออกที่อื่นอีกหรือเปล่าครับ ???

อันที่ 2 almera ทำขายแบบ Eco car concept เดียวกับ march เพื่อให้ได้ยอดขายถึง 100,000 คัน จะต้องส่งไปขายที่ญี่ปุ่น ??? จะขายได้เหรอ ??? หรือว่าจะส่งประเทศอื่น ???

แล้วถ้าส่งออกประเทศอื่น จะเป็นเครื่อง 1200 หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่จะนับมั้ยเนี่ย ???

เดาการทำตลาดรถ B-segment ของ นิสสันกับมิตซูไม่ถูก

แต่ถ้าอย่างที่สมาชิกหลายๆคนบอก ไม่เห็นต้องทำตลาดรถเครื่่อง 1500  ยอดขาย segment อื่นก็ขายกันได้โครมๆ

อย่าง C-segment ก็เอารถ Global -C มาขายกันแล้ว(ทั้ง Altis,Civic,Mazda 3,Focus,EX) แต่ยอด B-segment มันเย้ายวนใจไม่หยอกนะผมว่า
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ กันยายน 06, 2011, 10:32:42
สำหรับผมมองว่า ECO CAR เป็น B-Segment ของนิสสันแล้วนะครับ หลายๆคนที่ตัดสินใจซื้อเนี่ยเปรียบเทียบกับพวก วีออส มาสด้า ซิตี้กันอยู่แล้ว การเพิ่มผลิตภัณฑ์ขึ้นมาอีกอากเป็นการเสี่ยงไปหน่อย อาจกลายเป็นแย่งยอดขายของตัวเองก็ไปได้
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ กันยายน 06, 2011, 10:39:00
สำหรับผมมองว่า ECO CAR เป็น B-Segment ของนิสสันแล้วนะครับ หลายๆคนที่ตัดสินใจซื้อเนี่ยเปรียบเทียบกับพวก วีออส มาสด้า ซิตี้กันอยู่แล้ว การเพิ่มผลิตภัณฑ์ขึ้นมาอีกอากเป็นการเสี่ยงไปหน่อย อาจกลายเป็นแย่งยอดขายของตัวเองก็ไปได้

ทำขายตลาด Taxi ไปเลยดีกว่าครับ ลงเครื่อง 1.6 ขาย 5 แสนกว่าๆ ไม่มีอะไรเลย :D
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ กันยายน 06, 2011, 10:46:56
ผมว่านะครับ almera ขายแค่นี้ก็รวยแล้ว

1. Eco car 1.2 เก๋ง

2. Taxi 1.6(รุ่นประหยัด ราคา 5 แสน) แต่ต้องทนแก๊ซด้วย

ไม่เสียรถ L12F ด้วย แถมคนซื้อ Eco car ยังมั่นใจอีกต่างหากว่า รถดี ทน ใช้เป็น taxi เยอะๆ ยังไงคนใช้ almera คงไม่สนใจหรอกเรื่องรถ taxi
เพราะอย่างที่เขาบอก มันคือรถ B11 กลับชาติมาเกิด คนซื้อก็คือคนที่ upp มาจากรถคันเก่ามือ 2 ที่ถึงเวลาต้องเปลี่ยน หรือ รถคันแรก
ผมว่าไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องไปตามกระแส almera ต้องขายเครื่อง 1.5 แต่เราต้องขายสิ่งที่ทำกำไรได้ ให้ผลตอบแทนสูงสุด ยอดขายดีๆ
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: BBOnLY ที่ กันยายน 06, 2011, 15:47:03
ตอนนี้ยังงงเรื่อง B. Segment. Sedan. 1.5 อยู่ว่า จะได้เกิดอีกรุ่นไหม ในเมื่อออกมาก็มีสิทธิ์ทับซ้อนกัน
แล้วจะเป็นไปได้ไหมที่มิตซูบิชิ จะเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการใหม่นี้ด้วยอีกราย

ผมว่าเป็นไปได้ และน่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับปัญหาในอนาคตของทั้งสองค่าย


ประเด็นนี้ ผมว่ามันก้น่าคิดนะ.......

เพราะวัีนนี้ March/Almera ก็ทำหน้าที่ได้ดีจนแทบไม่ต้องเอาเครื่อง 1500 มาวางเลยด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: HOMY_DEMIO ที่ กันยายน 06, 2011, 17:42:14
อารมณ์นิสสันเหมือนพยายามปรับตัวเพื่อหาช่องทางที่ตนถนัดและไปได้ดีในการทำการค้า
มากกว่าจะมองเรื่องเซกเม้นต์ที่แตกเพิ่งขึ้น หรือเพื่อครอบคลุมไลน์มากกว่า

แต่คิดแบบนี้ผมก็เห็นด้วยนะ แม้จะไม่ได้มีรถครอบคลุมทุกเซกเม้นต์แต่ทำการตลาดได้ดี รถดี ราคาเหมาะสม
บางครั้งมันก็ตอบโจทย์บริษัทได้ดีกว่าในระยะยาวนะครับ

คิดเหมือนจิมเลยว่า อีกหน่อยมันต้องมีโครงการร่วมกันแน่ๆ แต่ออกมาแบบไหนก็น่าคิดอยู่
แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า มันต้องไม่ซ้อนทับตลาดกัน

ถ้าอ่านแผนธุรกิจ Nissan Power Up 2016

Nissan จะมีรถยนต์ครอบคลุมเซกเมนต์ตลาดเมืองไทย 90% ครับ

น่าจะเทียบเท่าหรือมากกว่า Toyota หน่อย

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2854:nissan-15&catid=47:worlds-news&Itemid=55 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2854:nissan-15&catid=47:worlds-news&Itemid=55)
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: H. ที่ กันยายน 06, 2011, 18:25:58
ในเมื่อไม่มีเครื่อง 1.5-1.6 ก็เอาโบมาใส่ 1.2 สิครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: Lammerison ที่ กันยายน 06, 2011, 19:16:15
อารมณ์นิสสันเหมือนพยายามปรับตัวเพื่อหาช่องทางที่ตนถนัดและไปได้ดีในการทำการค้า
มากกว่าจะมองเรื่องเซกเม้นต์ที่แตกเพิ่งขึ้น หรือเพื่อครอบคลุมไลน์มากกว่า

แต่คิดแบบนี้ผมก็เห็นด้วยนะ แม้จะไม่ได้มีรถครอบคลุมทุกเซกเม้นต์แต่ทำการตลาดได้ดี รถดี ราคาเหมาะสม
บางครั้งมันก็ตอบโจทย์บริษัทได้ดีกว่าในระยะยาวนะครับ

คิดเหมือนจิมเลยว่า อีกหน่อยมันต้องมีโครงการร่วมกันแน่ๆ แต่ออกมาแบบไหนก็น่าคิดอยู่
แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า มันต้องไม่ซ้อนทับตลาดกัน


แล้วจะมีรถกลุ่ม 1500 มั้ยหละครับเนี่ย หรือว่าแอบเอา almera นั่นแหละใส่เครื่อง 1500 ขายซะเลย ขนาดตัวถังก็ได้ ด้วย

รอดูจริงๆ ว่า Nissan จะลุยตลาด 1500 อย่างไร (กลัวแต่จะเกาะ March กับ Almera เครื่อง 1200 ขายไปเรื่อยๆหนะซิครับ)
ถ้าอ่านแผนธุรกิจ Nissan Power Up 2016

Nissan จะมีรถยนต์ครอบคลุมเซกเมนต์ตลาดเมืองไทย 90% ครับ

น่าจะเทียบเท่าหรือมากกว่า Toyota หน่อย

http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2854:nissan-15&catid=47:worlds-news&Itemid=55 (http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=2854:nissan-15&catid=47:worlds-news&Itemid=55)
หัวข้อ: Re: ใครจะเป็นเจ้าของคันสุดท้ายที่ออกจากโรงงาน (ตามรอยเมืองจีน)
เริ่มหัวข้อโดย: FlavorWheel ที่ กันยายน 07, 2011, 13:32:16
อุด ช่อง ว่าง ระหว่า ECOCAR  กับ  L12F  ด้วย Crossover B-segment
Juke ประกอบไทย (แต่คงยาก)