Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: lonely ที่ เมษายน 20, 2018, 23:08:18
-
สอบถามผู้รู้ทุกท่านครับ
เป็นรถ City ZX อายุ 10 ปี วิ่งมาประมาณ 94,000 กม.
จากที่เคยสอบถามจากกระทู้สภาพวาล์ว (หรือเปล่า??) แห้งแบบนี้ บ่งบอกอะไรครับ
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=64130.msg1129106#msg1129106
วันก่อนได้ลองไปทดลองที่อู่ดู โดยสตาร์ทเครื่อง และเปิดฝาเติมน้ำมันเครื่อง
เพื่อดูว่ามีน้ำมันเครื่องกระเด็นออกมาทางช่องเติมน้ำมันเครื่องไหม??
ปรากฎว่า มีน้ำมันเครื่องกระเด็นออกมาใส่หน้าผมหลายหยดเลย
เลยอยากจะทดลองเปลี่ยนเบอร์น้ำมันเครื่องตามที่สมาชิกท่านนึงแนะนำ
โดยจะลองเปลี่ยนจาก 5W-30 มาเป็น 10W40
ลักษณะการใช้งาน ส่วนใหญ่ขับในเมือง สภาพรถติดพอสมควรประมาณ 80 % นอกเมือง 20 %
เนื่องจากงบน้อย จึงลองเลือกมา 3 ยี่ห้อ 4 รุ่น ในราคาไม่เกิน 1,000 บาท
อยากสอบถามผู้รู้ทุกท่านว่า
จาก 4 ตัวเลือกนี้ ตัวไหนลื่นใกล้เคียงเบอร์ 5W-30 และประสิทธิภาพคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดครับ
(ราคาผมอิงจาก Lazada ซึ่งยังไม่ใช่ราคาถูกที่สุด)
1. Caltex ฮาโวลีน ซินเธติคเบลนด์ SAE 10W-40 ราคา 914 บาท
(http://image.free.in.th/v/2013/is/180420040907.jpg) (http://picture.in.th/id/7821f6466b98fb8dc7114cff78f2c548)
2. ENEOS น้ำมันเครื่อง TOP RACING Semi-Synthetic ราคา 730 บาท
(http://image.free.in.th/v/2013/ib/180420040944.jpg) (http://picture.in.th/id/174edb9926f073947ecf6475f5241afb)
3. Valvoline Max-life High Mileage SAE10W-40 ราคา 979 บาท
(http://image.free.in.th/v/2013/iu/180420041018.jpg) (http://picture.in.th/id/d6784ed063215a34d94f737df474e26d)
4. Valvoline Durablend 10W-40 ราคา 920 บาท
(http://image.free.in.th/v/2013/io/180420041039.jpg) (http://picture.in.th/id/649f45fedb2bc93dff21b2b1b71aa2c1)
ตอนนี้สนใจ Eneos ครับ ถูกสุด เห็นบางเว็บขาย 530 บาท
ขอคำแนะนำจากทุกท่านด้วยครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบครับ
-
ปตท syntethic 1 พันกว่าๆ แถมบัตรน้ำมัน 300 บ้าง 500 บ้าง
-
ผมไม่มีความรู้เรื่อง นมค รุ่นที่ จขกท ว่ามานะครับแต่ถ้าเลือกผมเอา Caltex ครับ
-
ผมแนะนำ 3 ยี่ห้อครับ
1. FURIO (บางจาก) F2 10w-40 4+1 ลิตร ราคา 480 บาท คุณภาพสูงสุด API SN/CF คุ้มค่า ถูกและดีมากก็รุ่นนี้
2. DUCKHAMS QXR 10w-40 4+1 ลิตร ราคา 780 บาท คุณภาพสูงสุด API SN/CF เป็นอีกตัวที่ดีมาก น่าใช้
3. Valviline Maxlife 10w-40 4+1 ลิตร แถวบ้านขาย 890 บาท มาตฐาน API SN มีคุณสมบัติเฉพาะในการปรับสภาพซีล ควรใช้ตัวนี้สลับกับตัวอื่นเป็นครั้งคราว
DUCKHAMS ฉลากอาจจะพิมพ์ว่า API SM/CF แต่จดทะเบียนกับกรมธุรกิจพลังงานเป็น API SN/CF ครับ
-
เอาจริงๆ มาตราฐาน SN ก็ดีทุกตัวครับ
แต่รถที่บ.ผมใช้กันก็ Max-life High Mileage SAE10W-40
พวกรถ Common car นานๆทีจะออกวิ่งในบ. ใช้ตัวนี้ซะส่วนใหญ่
น่าจะตรงกับโจทย์จขกท นะครับ เพราะรถวิ่งน้อยมาก
-
จากตัวเลือกคงไม่แตกต่างกันนัก ราคาตามร้านค้าน่าจะถูกกว่านี้
ผมว่าใช้เบอร์เดิมก็ดีอยู่แล้วนะ คุณใช้รถน้อยถ้าจอดนานยังไงน้ำมันก็ไหลลงอ่างหมดเหมือนกันแหละ เปลี่ยนเบอร์สูงขึ้นแต่เกรดต่ำลงไม่มีประโยชน์อะไร เครื่องหนืดเปล่าๆ ถ้าติดเครื่องแล้วน้ำมันขึ้นมาหล่อลื่นครบระบบก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้วล่ะครับ
-
แนะนำ Valvoline Max-life ครับ รองลงมาก็ Havoline
จริงๆมี Shell ตัวใหม่เพิ่งออกตัว น่าจะเบอร์นี้ด้วยครับ (ป๋องน้ำเงิน ดูข้างฉลากครับ เขาจะระบุว่าใช้งานสำหรับรถที่อายุมากๆ) ไว้เป็นอักหนึ่งตัวเลือกครับ
-
ผมชอบ mobil สีทองครับ
-
จากประสบการณ์ที่พ่อผมสมัยมีชีวิตอยู่ได้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเกรด10w-40และ20w-50สลับกันบ้างกับSunny B13ปี1997
ผมว่าMobil Super 2000,Castrol MagnatecและCaltex Havolineโอเคสุดครับ 8)
-
ยังจะใช้รถอีกนานรึเปล่าครับ ถ้าใช่ ลงทุนกับมันหน่อยใช้Helix High Mileage ช่วยลดการแข็งตัวของซีลได้ผมดีเลยทีเดียว แต่ก่อน Valvoline Maxlife ว่าช่วยดีแล้ว ตอนนี้ เชลล์เขาดีกว่าอีกครับ
ถ้าไม่คิดว่าจะอยู่กับมันเป็นสามสี่แสนโล ก็ใช้อะไรก็ได้ครับ เน้นราคาประหยัด
สำคัญที่สุดคืออย่าไปซื้อของปลอม
-
ยังจะใช้รถอีกนานรึเปล่าครับ ถ้าใช่ ลงทุนกับมันหน่อยใช้Helix High Mileage ช่วยลดการแข็งตัวของซีลได้ผมดีเลยทีเดียว แต่ก่อน Valvoline Maxlife ว่าช่วยดีแล้ว ตอนนี้ เชลล์เขาดีกว่าอีกครับ
ถ้าไม่คิดว่าจะอยู่กับมันเป็นสามสี่แสนโล ก็ใช้อะไรก็ได้ครับ เน้นราคาประหยัด
สำคัญที่สุดคืออย่าไปซื้อของปลอม
เทียบกับ mobil1 ป๋องทอง ใช้กับรถ 2.5 แสนโล อันไหนเหมาะกว่ากันครับ วิ่งรอบ 2-3000 ครับ
-
ยังจะใช้รถอีกนานรึเปล่าครับ ถ้าใช่ ลงทุนกับมันหน่อยใช้Helix High Mileage ช่วยลดการแข็งตัวของซีลได้ผมดีเลยทีเดียว แต่ก่อน Valvoline Maxlife ว่าช่วยดีแล้ว ตอนนี้ เชลล์เขาดีกว่าอีกครับ
ถ้าไม่คิดว่าจะอยู่กับมันเป็นสามสี่แสนโล ก็ใช้อะไรก็ได้ครับ เน้นราคาประหยัด
สำคัญที่สุดคืออย่าไปซื้อของปลอม
เทียบกับ mobil1 ป๋องทอง ใช้กับรถ 2.5 แสนโล อันไหนเหมาะกว่ากันครับ วิ่งรอบ 2-3000 ครับ
Mobil 0w-40 ผมนึกไม่ออกว่ามันมีอะไรดี ณ ยุกปัจจุบันเมื่อเทียบกับราคา ถ้าไปเทียบเรื่องคืนสภาพซีลยาง Shell HM ทำได้ดีกว่า ผมทดสอบจาก เอาซีลเก่าๆไปแช่ทดสอบจากน้ำมันที่ใช้แล้วตัดซีลอันเดียวกัน ใส่ในห้องเครื่องรถ ขับเล่นสักเดือนแล้วมาดูสภาพซีลที่แช่ไว้ ที่ลองมามีแค่ Mobil HM เท่านั้นทีีทำได้แบบShell HM, Valvoline Maxlife
ผมอาจจะเคยเชียร์ โมบิลวันหลายปีก่อน ตอนนี้ ยี่ห้อโมบิลวันผมเชียร์แค่ตัวเบอร์ 50 ไม่ใช่ว่าตัวอื่นมันไม่ดี แต่มันแพงเว่อร์ไป เอาไว้โมบิลออกมาบอกก่อนว่า Mobil 1 แกลลอนสีทองมีคุณสมบัติทางการปกป้องโลหะเสียดสีกัน ดีกว่า ปตท supersyn 0w-40 สัก50%ผมจะซื้อ
-
ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยตอบ
ขอตอบรวมๆ ดังนี้ครับ
1. น้ำมันเครื่อง ปตท. จากที่เคยอ่านเจอ ประสบการณ์ของคุณแพนแล้ว คิดว่าคงยังไม่ใช้ครับ
2. บางจาก Furio F2 10W-40 ก็น่าสนใจ ถ้าสามารถซื้อได้ในราคา 480 บาท
3. ติดใจเรื่องกระเดื่องวาล์วแห้งครับ ความเห็นจากหลายๆ ท่าน บอกว่า
ควรจะมีน้ำมันเครื่องเคลือบอยู่ด้านบนบ้าง
4. Mobil 1 0W-40 เคยใช้ตอนรถวิ่งมาประมาณ 30,000 กม. ผลคือ "อืดมาก รถวิ่งไม่ออก"
รอบเครื่องกวาดสูง แต่ความเร็วไม่ค่อยไปตาม
5. ตอบคุณ Jae รถคันนี้ มีแนวโน้มว่า "ใช้ยันหลานบวช" ครับ
แต่ผมได้เปลี่ยนปะเก็นอ่างน้ำมันเครื่อง เมื่อ เม.ย. 2560+ปะเก็นฝาครอบวาล์ว เมื่อ มี.ค. 2561 แล้ว
น้ำมันเครื่อง Shell Helix High Mileage SAE10W-40 จะทำให้เห็นผลในเรื่องการลดการแข็งตัวของซีล
อ่างน้ำมันเครื่องและซีลฝาครอบวาล์วที่พึ่งเปลี่ยนมาไหมครับ
6. อยากจะถามคุณ Jae ว่า
เดิมผมใช้ Mobil 1 5W-30 มาตลอด (ตอนหลังงบน้อย เลยใช้ Caltex Havoline 5W-30)
ผมจะชอบความลื่นและเครื่องยนต์มีกำลังให้เรียกใช้ของ Mobil 1 5W-30 (เป็นความรู้สึก)
อยากถามว่าน้ำมันเครื่อง เบอร์ 10W-40 มันจะลื่นใกล้เคียง Mobil 1 5W-30 ไหมครับ
และเบอร์ 10W-40 เป็นกึ่งสังเคราะห์ ประสิทธิภาพโดยรวม ด้อยกว่าสังเคราะห์อย่าง Mobil 1 5W-30 มากไหมครับ
7. คุณ Jae ครับ น้ำมันเครื่องรุ่น Helix High Mileage SAE10W-40 ที่คิดค้นกันขึ้นมานั้น
มักจะเขียนข้างกระป๋องว่า ใช้กับรถที่วิ่งมาประมาณ 80,000 กม. ขึ้นไป เลยเกิดความสงสัยว่า
ระยะทางยังไม่ถึง 100,000 กม. ทางเมืองนอก ถือว่าวิ่งเยอะแล้วหรือครับ
ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่ช่วยตอบครับ
-
ระวังเข้าตานะครับ ไม่คุ้มกัน 8)
-
คุณ coolcarrera ครับ ที่พูดถึง หมายถึงอะไรครับ
ขอบคุณครับ
-
ข้อ 1-3 ขอข้ามนะครับไม่คิดว่าเป็นคำถาม
4. "รอบเครื่องกวาดสูง แต่ความเร็วไม่ค่อยไปตาม" อันนี้ผมไม่เข้าใจมันจะเกิดจากน้ำมันเครื่องได้อย่างไร รถที่มีระบบส่งกำลังทำงานปรกติ ถ้ารอบขึ้นได้ ความเร็วก็ต้องขึ้นครับ
5. ซีลที่ผมพูดถึง รวมทั้งหมดตั้งแต่ซีลเพลาต่าง ๆ ที่น้ำมันเครื่องไปสัมผัสถูก และ ยางฝาวาวล์ ครับ ที่จะเห็นผลจากHM ได้ พวกATV Silicone กาวทาขอบอ่าง ไม่ค่อยมีผลกับน้ำมันประเภทนี้เท่าไหร่
6. ความลื่นของน้ำมัน กับ ของเครื่องยนต์ มันจะต้องดูย่านใช้งานเป็นหลักครับ
เมืองหนาว ไปใช้เบอร์หนา มันก็หนืดครับ เพราะเกิดการสูญเสียในแรงปั๊มต่าง ๆมากกว่า
เมืองร้อน ไปใช้เบอร์บาง มันก็หนืดครับ รถวิ่งไม่ออกเพราะโลหะเสียดสีกันจากภาวะที่น้ำมันบางไปไม่คงอยู่บนผิวโลหะเมื่อมีแรงและความเร็วไปกด
ภาษาไทย คำว่าความหนืด ฟังแล้วมันอืด ๆ เหนียว ๆ ทำให้คนคิดไปว่า ใช้เบอร์หนืดแล้วเครื่องจะอืด..
ในความเป็นจริง อุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้น้ำมันบางต่ำกว่า 200cst ไปแล้ว เครื่องยนต์แทบจะไม่มีความแตกต่างในเรื่องของแรงที่เสียไปในการปั๊มน้ำมันและเสียดทานจากน้ำมันเลย แต่ถ้าต่ำลง10cst ลงไป จะเริ่มวัดความแตกต่างได้แบบมีนัยสำคัญพอที่จะเอามาประกาศโฆษณาได้ 1-2% เลยทีเดียวครับ และยิ่งบางลงไป 3 2 1 มันจะเริ่มอืดหนักเพราะ ไม่มีอะไรแยกผิวโลหะที่เสียดสีกันอยู่ ขออนุญาติบอกไว้เผื่อจะไม่รู้ น้ำมีค่าความหนืดเท่ากับ 1 แล้วจะบอกไว้อีกอย่างว่าน้ำมันเครื่องหลายตัวเบอร์ 20 ที่180 องศาก็มีความหนืดน้อยกว่าน้ำไปแล้ว
แรงกดมาก ความเร็วมาก น้ำมันเครื่องร้อน เบอร์หนาปกป้องดีกว่าแน่นอน
หลายคนจะเถึยงว่า รถมีระบบระบายความร้อน น้ำมันในเครื่องยนต์ไม่ถึง 100-120องศา หรอก
ผมก็จะเถียงไปใหม่ว่า น้ำมันมีอุณหภูมิเดือดเป็นไอที่ราว ๆ 200องศา(บางตัวมากน้อยกว่านี้ไปแล้วแต่) เคยเปิดฝาน้ำมันเครื่องตอนขับมาร้อน ๆ ไหมล่ะครับ ? ดับเครื่องแล้วเอาแก้วไปดักไอที่ออกมาว่าได้อะไร ? น้ำมันส่วนบนผนังสูบ ฝาวาวล์ ส่วนบางๆเหล่านี้แหละครับที่มันเกิน 200ไปแล้ว ไม่ใช่ตรงที่เราเอาเซนเซอร์ไปจิ้มวัดอุณหภูมิ
สรุป คำถามนี้ ผมต้องบอกก่อนว่าแต่ละจุดในเครื่องมีอุณหภูมิไม่เท่ากัน แรงไม่เท่ากัน ความเร็วในการเสียดสีไม่เท่ากัน เสียหายไม่เท่ากัน ถ้าเป็นผม จะใช้น้ำมันเบอร์หนาสุดที่ใช้ได้ เพราะยังงัยขับเร็ว ๆน้ำมันหนา ๆมันก็ยังไม่แหวกออกเวลาโลหะเบียดกันหนัก ๆเท่าน้ำมันบาง ๆแน่ ๆ มันเป็นFact ที่ผมไม่ต้องไปเสียเวลาเถียงกับใคร อันนี้ผมเทียบกับน้ำมันเกรดเดียวกันนะครับ เช่น Synthetic ก็เทียบ Synthetic เรื่องประสิทธิภาพ กับเครื่องยนต์ทีแรงบิดเกิน 25Nm. คนเราบอกความแตกต่างไม่ได้แล้วว่ามันหมุนช้าลงไป ออกแรงไปเยอะกว่าไหม (ในไทยหรือประเทศที่น้ำมันเทไหลออกจากกระป๋องได้ทุกฤดูนะครับ)
7. 1 แสนโล ในเมืองนอกก็จัดเป็นกลุ่ม high mileage ครับ ชั่วโมงทำงานเครื่องเกิน 2,000 ชั่วโมง ก็เรียกว่าทำงานมานานแล้ว(เฉลี่ยที่ 50km/hr)
-
ขอบคุณ คุณ Jae ที่ให้ความรู้ครับ
1. ผมขับรถสไตล์หวานเย็นครับ คือ ไปเรื่อยๆ ความเร็วเดินทางถ้าขับไปต่างจังหวัด
ประมาณ 80 - 110 กม./ชม. เว้นตอนเร่งแซงก็จะเร่งความเร็วไปที่ 120 - 140 กม./ชม. ในช่วงสั้นๆ ครับ
2. ประเด็น "รอบเครื่องกวาดสูง แต่ความเร็วไม่ค่อยไปตาม" ตอนใช้ Mobil 1 0W-40
อันนี้ ขอพูดจากการใช้งานนะครับ
กล่าวคือ เดิมใช้ Valvoline Syn Power 5W30
ซึ่งลื่นกว่าน้ำมันเครื่องศูนย์ Honda 10W-30 ค่อนข้างมาก (ปี 2550-2551)
แต่ลองมาใช้ Mobil 1 0W-40 จากเสียงร่ำลือ ว่าเป็นน้ำมันเครื่องที่ดีมาก
แต่คงไม่เหมาะกับสไตล์การขับรถหวานเย็นแบบผม (มั้ง)
เช่น เวลา Kick Down รอบเครื่องกวาดไปที่เกือบ 5,000 รอบ แต่ความเร็วก็ยังอยู่ที่ประมาณ 80 กม./ชม.
กว่าจะไต่ความเร็วไปที่ 110 กม./ชม. ได้ รู้สึกมันใช้เวลานานมากๆ
ผมขับรถไปสุพรรณบุรี แซงรถทัวร์ที่วิ่งประมาณ 90 กม./ชม.
ผมต้องยกไฟสูงค้างจนกว่าจะแซงพ้น -- ซึ่งตอนใช้ Valvoline 5W-30 ถ้าจำไม่ผิด ผมใช้เวลาน้อยกว่านี้ในการเร่ง
ความเร็วจาก 80 --> ไป 120 กม./ ชม.ครับ
เป็นความรู้สึกนะครับ ไม่ได้ใช้นาฬิกาจับเวลาครับ
3. การขับรถสไตล์หวานเย็นแบบผมนั้น น้ำมันเครื่องเบอร์ 40 จะเหมาะสมไหมครับ??
ถ้าเหมาะสม จะได้เปลี่ยนไปใช้เบอร์ 40 ครับ
4. ระหว่าง Shell Helix Mileage 10W-40 กับ Caltex Havoline 5W-40 หรือ Caltex 10W-40
ตามรูปด้านบน อยากเรียนถามคุณ Jae ว่า ตัวไหนประสิทธิภาพดีสุดครับ หรือตัวไหนคุ้มค่า คุ้มราคากว่าครับ
5. ถามหลายข้อ หวังว่าคงไม่เป็นการรบกวน และขอบคุณคุณ Jae ล่วงหน้าที่ช่วยตอบครับ
-
ที่ว่าสตาร์ทเครื่อง แล้วเปิดฝาน้ำมัน แล้วกระเด็นถูกหน้าหลายหยดเลย
จังหวะนั้นระวังเข้าตานะครับ จริงๆน้ำมันเครื่อง ยิ่งอยู่ในเครื่อง หมายถึงน้ำมันเครื่องนั้นได้ถูกใช้งานไปแล้วโดนผิวหนังที่หน้าก็คือไม่ดีกับตัวเราแน่ๆครับ
-
ผมวิ่ง เลยมาแสนกว่าโล ยังใช้ของศูนย์ H เลยครับ แต่ขอเกรด fully sync เบอร์ 20 ด้วย เหลือๆ
ปล.ลองมาหลายตัวมาก ไม่มีความต่างจากการใช้งานประจำวันอย่างมีนัยะอะไรเลย สุดท้ายมาใช้ของศูนย์เหมือนเดิม
-
สงสัยอะไร ลองใช้เลยครับ จะได้สัมผัสของจริงด้วยตนเอง
ตามที่คุณJaeแนะนำไว้แล้ว ที่สำคัญคือ น้ำมันเครื่องต้องไม่ปลอม
ผมงบน้อย ตอนนี้ใช้แต่กึ่งสังเคราะห์ อันไหนถูก ไม่เกิน1,000ก็ใช้ 7-8,000กม. ไม่มีปัญหาอะไร
แค่วัดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันทุกถังต่อเนื่อง
ถ้าในเส้นทางเดิมๆประจำ ได้ตัวเลขลดลง จับความรู้สึกการขับไปด้วย
-
กะใช้นานๆเป็นผมจิ่มไปที่ max life เลยครับ ยาวๆ
-
HIGH MILEAGE นี่ยังเป็นกึ่งสังเคราะห์หรอครับ
-
ยังจะใช้รถอีกนานรึเปล่าครับ ถ้าใช่ ลงทุนกับมันหน่อยใช้Helix High Mileage ช่วยลดการแข็งตัวของซีลได้ผมดีเลยทีเดียว แต่ก่อน Valvoline Maxlife ว่าช่วยดีแล้ว ตอนนี้ เชลล์เขาดีกว่าอีกครับ
ถ้าไม่คิดว่าจะอยู่กับมันเป็นสามสี่แสนโล ก็ใช้อะไรก็ได้ครับ เน้นราคาประหยัด
สำคัญที่สุดคืออย่าไปซื้อของปลอม
เทียบกับ mobil1 ป๋องทอง ใช้กับรถ 2.5 แสนโล อันไหนเหมาะกว่ากันครับ วิ่งรอบ 2-3000 ครับ
Mobil 0w-40 ผมนึกไม่ออกว่ามันมีอะไรดี ณ ยุกปัจจุบันเมื่อเทียบกับราคา ถ้าไปเทียบเรื่องคืนสภาพซีลยาง Shell HM ทำได้ดีกว่า ผมทดสอบจาก เอาซีลเก่าๆไปแช่ทดสอบจากน้ำมันที่ใช้แล้วตัดซีลอันเดียวกัน ใส่ในห้องเครื่องรถ ขับเล่นสักเดือนแล้วมาดูสภาพซีลที่แช่ไว้ ที่ลองมามีแค่ Mobil HM เท่านั้นทีีทำได้แบบShell HM, Valvoline Maxlife
ผมอาจจะเคยเชียร์ โมบิลวันหลายปีก่อน ตอนนี้ ยี่ห้อโมบิลวันผมเชียร์แค่ตัวเบอร์ 50 ไม่ใช่ว่าตัวอื่นมันไม่ดี แต่มันแพงเว่อร์ไป เอาไว้โมบิลออกมาบอกก่อนว่า Mobil 1 แกลลอนสีทองมีคุณสมบัติทางการปกป้องโลหะเสียดสีกัน ดีกว่า ปตท supersyn 0w-40 สัก50%ผมจะซื้อ
พอทราบตัว liqui moly 5w50 molygen มันรักษาสภาพซีลยางได้ดีมัยครับ รถสามแสนแล้ว ก่อนน่าใช้ eneos w50
-
แนะนำ Valvoline Max Life ครับ ข้างขวดระบุสำหรับรถไมล์มาก ส่วนตัวใช้ตัวนี้กับรถวิ่ง 2 แสนกว่าที่บ้านครับ ซื้อที่ ชม. ได้ราคาชุดละ 940 บ. (4+1 ลิคร)
-
ตามงบที่ท่านแจ้ง ผมเลือกวาโวลีน Max life
เคยใช้มาอยู่ระยะนึง (ประมาณ 6 - 7 กป.) ถือว่าใช้ได้เลย ติดแต่ตรงหาซื้อค่อนข้างยาก (สำหรับผม) และราคาถือว่าสูงไปนิด (ผมหาได้ราวๆ 800 บาท)
และต้องเปลี่ยนค่อนข้างบ่อย (ผมถ่าย 5,000 โลตลอด) เลยหนีไปพี่ ปอ ละ (ถ่าย 10,000โล)
แต่ส่วนตัวว่าถ้าเครื่องยังไม่แตะ 100,000 โล ไม่น่าไปเบอร์ 40 นะ แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่ท่านละ