ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมถึงแนะนำว่าถ้าใช้รถปีนึงเยอะๆ ให้ใช้รถญี่ปุ่นดีกว่าครับ  (อ่าน 8833 ครั้ง)

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,462
คชจ ไงครับ ไม่งั้นพอวิ่งพ้น แสนโลไปแล้ว จะเริ่มมีอะไรต้องแก้แล้วล่ะครับ

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,752
ขึ้นอยู่กับคนใช้ว่าให้ความสำคัญอะไรมากกว่ากัน ถ้าเน้นประหยัดเป็นหลักก็เอารถราคาค่าซ่อมถูกๆเป็นหลัก ถ้าเน้นเอาความปลอดภัยในชีวิตเป็นสำคัญแอร์แบกต้องครบโครงสร้างต้องรับแรงปะทะได้ดีก็ไปรถยุโรปออพชั่นเยอะๆแต่ราคาแพงกว่า  :-X ส่วนตัวผมมองว่าถนนเมืองไทยไม่เหมาะกับการใช้รถยุโรปหรือรถญี่ปุ่นราคาแพงเดินทางระยะเยอะๆเพราะว่าถนนหนทางบ้านเรามันมีแต่หลุมบ่อลึกๆกับน้ำท่วมขังที่เจอได้ทั่วประเทศ ซ่อมช่วงล่างไปแป๊บๆเดี๋ยวมันก็พังซ้ำแล้วซ้ำอีก(ไม่เกี่ยวว่ารถญี่ปุ่นจะทนกว่านะถนนประเทศไทยรถญี่ปุ่นเจอก็พังเหมือนกัน) แต่ถ้าหากว่าประเทศไทยลดการโกงกินลงมีถนนพื้นเรียบให้ถนไทยใช้ทั่วประเทศผมก็ยอมที่จะใช้รถยุโรปไปไหนมาไหนทั่วประเทศมากกว่าแม้มันจะซ่อมแพงก็ตาม นานๆซ่อมทีแต่สุนทรีย์ระหว่างการเดินทางมันสำคัญกว่าเยอะ  ;D ดังสโลแกนของหูฟัง monster turbine pro ที่กล่าวไว้ว่า "life's too short to listen to bad headphones"  ;D     
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าตอบแบบรวมๆ ผมยอมรับว่าจริง

ไม่ใช่เพราะรถยี่ปุ่นมันทนกว่า แต่เพราะเวลาเสียหาช่างหาอะไหล่ง่ายกว่า

เอาใกล้ๆตัวผม

C207 ใช้ไปแสนกว่าโลในห้าปี เจอตั้งแต่น้ำหาย ไดพัง สตาร์ทเงียบ เฟืองท้ายหอน

ขึ้นรถไสลด์สองที พอละ ขายทิ้งดีกว่า

ถ้ามาคิดว่าเป็นCamry อาการที่ว่ามานี่จบด้วยช่างข้างทางได้หมด ไม่นับว่ากุญแจไขไม่มีปัญหาสตาร์ทเงียบ

ใช้มาเองทั้งคู่เข้าใจเลยว่าพวกไฮเทกมาก ซ่อมยากเกินช่างทั่วไปแล้วครับ

เบื่อที่จะพกคอมกับเครื่องแสกนไว้ในรถละ

ออฟไลน์ CarameLon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,392
เน้นถูกคุ้ม ไปญี่ปุ่น
แต่ตังเหลือๆ ก็ไปยุโรป

ใช้ปีนึงเยอะๆให้ใช้รถญี่ปุ่น ผมคิดว่าคนพูดคงไม่กล้าเอารถแพงๆมาวิ่งเยอะๆครับ 8)
เพราะบางคนเขาไม่อยากเอาของแพงๆมาใช้ทุกวัน
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R

ออฟไลน์ yourturle

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,080
    • อีเมล์
ใช้งานเยอะ สึกหรอมาก เวลาซ่อม เปลี่ยน อะไหล่ ค่ายญี่ปุน โดยเฉพาะ โตต้า ราคาเขาถูก เพราะ volume การจำหน่ายรถออก และคนใช้มาก
อะไหล่จึงไม่แพงเกินไป

รถยูโรป ทนกว่า แข็งแรงกว่า แต่ค่าใช้จ่ายๆ ก็สูงเป็นเงาตามค่าตัวมันด้วย ระบบไฟต่างๆ ช่วงหลังจึงมี program ต่างๆออกมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้
ว่าจะไม่มีค่าใช้จ่าย ในระยะ 5ปีแรก ทุกคนจึงบอกให้ซื้อใช้ 4 ปีขาย ก่อนหมด จะได้ราคา

ดูแทกซื ซิครับ ทนชิบ รถญี่ปุ่นทั้งนั้น

*ค่าประกันภัยต่อปีก้อ คนละทวีปแล้ว*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 19, 2016, 14:41:41 โดย yourturle »
One Day.

ออฟไลน์ bahamu

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 685
ซื้อรถยุโรปต้องมีสองคัน เวลาเสียจะได้มีสำรองใช้

ตรรกะที่ว่าป้ายแดงไม่ตายกลางทาง คงใช้กับรถที่ไม่มีระบบไฟฟ้า
ซึ่งหาซื้อยากมาก คนส่วนใหญ่ต้องการไฟฟ้าเยอะๆ
แต่ไม่อยากซ่อมเวลามันเสีย และหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง
พอรถเสียให้รำคาญใจก็พาลขายทิ้ง แต่ตอนดีๆไม่รวนก็ไม่อยากขาย
เผอิญอาการเสียแบบวัดดวงนี่ เกิดได้กับทุกยี่ห้อและทุกราคาด้วย

รถแพงเวอร์ๆ ลองมาวิ่งไม่ดับเครื่องเดือนหนึงแบบแท๊กซี่ไทยดูได้
ส่วนใหญ่พังทั้งนั้น เพราะออกแบบไม่สนใจอากาศบ้านเรา
อบร้อนจนเครื่อง เกียร์ ไฟ อายุสั้นหมด พอหมดประกันนิยมขายทิ้ง

ยิ่งที่บอกราคาไม่ตก คงไว้หลอกตัวเองอีก รถแพงแค่ไหน รอนานยังไง
ก็ราคาตกเยอะ คนรวยไม่ซื้อรถคนใช้แล้วหรอก จ่ายมากขนาดนั้นสั่งใหม่ได้
บ.รถถึงหามุกทำน้อย ขายน้อยมาล่อ ให้คนมีเงินจำต้องซื้อรถใช้แล้ว

รถญี่ปุ่นแพงๆ ทนกว่ายุโรปแต่บ้านเราส่วนใหญ่ไม่นิยมซื้อ
ยุโรปทนถ้าเจ้าของดูแลรถเป็น ถ้าขับเป็นอย่างเดียว พึ่งศูนย์ไม่รู้ช่าง
กินข้าวลิง หรือรอรถยกสักครั้ง จะเข้าใจความหวังดีของชาวบ้านว่าทำไมไม่ให้เล่น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 19, 2016, 15:30:31 โดย bahamu »

ออฟไลน์ Arado_kung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,062
    • อีเมล์
ถ้าตอบแบบรวมๆ ผมยอมรับว่าจริง

ไม่ใช่เพราะรถยี่ปุ่นมันทนกว่า แต่เพราะเวลาเสียหาช่างหาอะไหล่ง่ายกว่า

เอาใกล้ๆตัวผม

C207 ใช้ไปแสนกว่าโลในห้าปี เจอตั้งแต่น้ำหาย ไดพัง สตาร์ทเงียบ เฟืองท้ายหอน

ขึ้นรถไสลด์สองที พอละ ขายทิ้งดีกว่า

ถ้ามาคิดว่าเป็นCamry อาการที่ว่ามานี่จบด้วยช่างข้างทางได้หมด ไม่นับว่ากุญแจไขไม่มีปัญหาสตาร์ทเงียบ

ใช้มาเองทั้งคู่เข้าใจเลยว่าพวกไฮเทกมาก ซ่อมยากเกินช่างทั่วไปแล้วครับ

เบื่อที่จะพกคอมกับเครื่องแสกนไว้ในรถละ

อันนี้เรื่องจริงเลยครับ อย่าว่าแต่รถยุโรปพวกรถทั่วๆไปอย่าง Ford,Chev,Mazda(รุ่นใหม่ๆที่เป็น skyactive) ไปเดี้ยงกลางทางหาช่างซ่อมกับอะไหล่ยากมากๆ วิ่งหาร้านอะไหล่ทั้งจังหวัดก็ยังไม่มี เพื่อนผมเคยโดนมาล่ะ

ออฟไลน์ iamnobody

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 477
เพิ่งมีเวลาเข้ามาดูครับ
วันนี้ออกจากสทนไหมไปพระราม3
ไปธุระที่พระราม9 กลับมาพระราม3แล้วไปพระราม9อีกรอบ
ไปสระบุรีแล้วกลับมาพระโขนง เดี๋วไปดอนเมืองต่อครับ :'(

ออฟไลน์ john

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 717
ถ้างบจำกัด รถญี่ปุ่นดีกว่าครับเพราะค่าดูแลรักษาประหยัดกว่า
แต่สิ่งที่รถญี่ปุ่นสู้ไม่ได้คือความปลอดภัยครับ ใช้รถผมเน้นเรื่องนี้เป็นสำคัญ (รถญี่ปุ่นก็ปลอดภัยนะครับ แต่ยังสู้รถยุโรปไม่ได้) ผมยอมซ่อมนาน รอคิว ค่าใช้จ่ายสูงดีกว่า