สำหรับผมขอเพิ่มปัจจัยในการตัดสินใจด้วย ลักษณะการใช้งานครับ
รถยุโรปจะเหมาะกับการเดินทางไกล เป็นระยะทางยาวๆ รถไม่หนาแน่นมาก อันนี้ รถยุโรปจะตอบสนองการเดินทางได้ดีกว่า เนื่องจากเดินทางเป็นความเร็วค่อนข้างคงที่กว่า จะทำให้กินน้ำมันไม่มาก และการเดินทางไกล รถยุโรปจะนั่งสบายกว่า และช่วงล่าง + แคซซีที่ทำมาดี จะตอบโจทย์ตรงนี้มากกว่าครับ
ส่วนรถญี่ปุ่น จะเหมาะมากสำหรับคนที่เดินทางในเมือง เป็นระยะทางไม่ยาว และต้องประสบกับการจราจรในเมือง วิ่งๆ หยุดๆ บ่อยๆ มากกว่ารถยุโรป เนื่่องจาก การเร่งๆหยุดๆ จะทำให้เครื่องแบบยุโรปที่ออกแบบมาสำหรับเดินทางไกลมากกว่า กินน้ำมันมากกว่าเยอะ ในขณะที่รถญี่ี่ปุ่นกินน้ำมันน้อยกว่า อาจจะถึง 30% ในแต่ละครับ ซึ่งถ้าเติมน้ำมันหลายที ใช้นานๆ ส่วนต่างนี้อาจจะถึง หลายหมื่นถึงแสนบาทเลยทีเดียว ในขณะที่ ความปลอดภัย ช่วงล่าง และ chassis ที่ดี อาจจะไ่ม่ค่อยได้สำัคัญหรือได้ใช้ในเมือง ( ความจริงถ้าจะวิ่งทางไกล ก็เอา e90 ไปก็ได้)
งบประมาณที่คุณให้มา บอกได้เลยว่า ถ้าเลือกรถยุโรป จะได้รถที่เก่า มากกว่า 10 ปีขึ้นไป ซึ่งนั่นก็จะทำให้คุณได้รถที่เก่ากว่า เทคโนโลยีก็อาจจะล้าสมัยกว่า
งานนี้ถ้าให้ผมคิด ผมว่า ลูกคุณน่าจะทำงานในเมือง ผมสนับสนุน รถญี่ปุ่น อาจจะเป็น vios หรือ city รุ่นประมาณ 6-7 ปีก่อนครับ
แต่ถ้าคุณบอกว่า คุณติดใจ โดยเฉพาะกับรถยุโรปที่คุณใช้อยู่ แล้วคุณบอกว่าแด๋วคุณจะดูแลเองลูกขับอย่างเดียว อันนี้ก็อย่างที่หลายคนบอกครับ ผมมีตัวเลือกให้ดังนี้
BMW E36 318i
Audi A4 B5 2.4 (ตัว 1.8 เกียร์เปราะ)
Volvo 850 , s40 ตัวแรก
ฺMB 190 E
VW VENTO, GOLF Mk III
หลายตัวเป็นรถที่เข้ากับลักษณะที่คุณบอก แต่....
1. กินน้ำมันในเมือง ต่ำกว่า 9 โลลิตรแน่นอน ,ติดแก๊ส.....ลูกคุณจะรับได้หรือ???
2. บางรุ่นอาจจะมีปัญหากับ gasohol(แม้กระทั่ง E10)
3. ระวังเกียร์เป็นอย่างแรง รถยุโรป เกิน 10 ปี ถ้าเจ้าของเก่าไม่ขับแบบดีจริงๆ มันเข้าใกล้อายุที่เกียร์จะมีปัญหาทั้งทาง hardware และ software และที่สำัคัญ
ค่าซ่อมหรือ เปลี่ยนเกียร์ อาจเกิน 5 หมื่น4. รถยุโรป พวกนี้ ถ้ามือสองได้สภาพมาไม่ดีจริงๆ อาจมีรายการซ่อมเพื่อให้สภาพกลับมาใช้ได้ดีบวกเข้าไปอีกถึงแสน
5. ลูกคุณจะไม่ค่อยได้รู้เรื่องเกี่ยวกับรถยนต์นัก เพราะใช้อย่างเดียว
สรุปว่า ถ้าคุณต้องการให้ลูกคุณขับรถ มีเกรด วัสดุ ตัวถัง ช่วงล่างดีหน่อย คุณต้องแลกกับการได้รถปีเก่า และความจุกจิก,กินน้ำมัน ล้าสมัย ที่จะตามมากับความเก่าและความซับซ้อน ของระบบ
ถ้าคุณไม่คิดอะไรมากกับคำว่า "ยุโรป แข็งแรง ปลอดภัย" รถคันแรก เอาแบบใช้ง่าย ประหยัด คุ้มค่า ==> รถญี่ปุ่นตัวเล็กๆ ตอบโจทย์ได้ดีมาก ถึงมากที่สุดครับ โดยเฉพาะใช้งานในเมือง
มีดมีสองด้าน
ขณะเดียวกัน คุณอยากได้รถยุโรปให้ลูกคุณมาก แต่ประสบปัญหาดังที่ผมเกล่าไป ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ผมมีข้อเสนครับ !!!
- หากคุณให้ลูกใช้รถยุโรปจริง คุณเสียเงิน สมมุติ คุณซื้อราคาสดมา 250,000 บาท ค่าบำรุงรักษา + ซ่อมตามระยะเวลารถยุโรปเกิน 10 ปี ผมให้ค่าเฉลี่ย ที่ 1 แสนบาท ดังนั้นคุณอาจจะต้องเสียเงินสุทธิประมาณ 3.5 -4 แสนบาทสำหรับการหารถให้ลูกใช้
- แต่ถ้าคุณลองหารถยุโรปมือสองที่ราีคาตกเร็วและไม่เก่ามาก ดังเช่น ford focus ราคามือสองตอนนี้รุ่น 4 ประตู อยู่ต่ำกว่า 5 แสน อาจจะถึง 4 แสนต้นๆ นั่นคือ คุณได้รถที่มี feeling ยุโรป , อายุไม่เกิน 5 ปี และ คุณเพิ่มเงินสุทธิไปอีก ไม่กี่แสนบาท เพราะรถใหม่กว่า โอกาสที่จะต้องซ่อมก็น้อยกว่าด้วยน่ะครับ
ลองพิจารณาดูแล้วกันครับ จากคนใช้รถยุโรปมือสองมาหลายคันครับ