รอบเครื่องต่ำไม่ได้แปลว่าประหยัด กลับกันรอบเครื่องสูงไม่ได้แปลว่ากินน้ำมันเสมอไป
วิ่ง 110 ดูจากผลทดสอบของทาง HLM ก็ได้ครับ
ตัวอย่างคือนิสสัน มาร์ช 1.2 วิ่ง 110 กม/ชม เปิดแอร์
http://www.headlightmag.com/%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-nissan1372/- เกียร์ธรรมดารอบเครื่อง 3200 ได้ 18.05 กม/ลิตร
- เกียร์ CVT รอบเครื่อง 2200 ได้ 17.25 กม/ลิตร
ถึงเกียร์ธรรมดารอบสูงแต่กดคันเร่งน้อยกว่า และเมื่อกดน้อย ECU ก็สั่งจ่ายน้อย มันก็ไม่กิน
กลับกัน เกียร์ CVT ต่อให้ปรับปรุงเรื่องการสูญเสีย แต่ต้องกดคันเร่งมากกว่า ก็กินน้ำมันเยอะกว่าอยู่ดี
---------
ขับทางไกล B-Car อาจจะประหยัดกว่า Ecocar ในบางกรณี เช่น เร่งแซง หรือ ใช้ความเร็วที่สูงกว่ากฏหมายกำหนด 120 กม/ชม ขึ้นไป
ต้องเข้าใจก่อนว่า Ecocar ในเมืองไทย คือการเอารถ B-Car มาตีตั๋วเด็กใส่ 1.2 แทน เพื่อลดภาษี ยกเว้นมิราจ แอททราจ บรีโอ้ ที่เกิดมาเป็น Eco 1200 แท้ๆ
ตัวถังใหญ่แต่เครื่องเล็ก ย่อมแบกน้ำหนักเยอะ วิ่งทางไกลขับ 90 ถึง 100 คงที่ ด้วยความเป็น 1.2 จะได้เปรียบเรื่องความความประหยัด
แต่เมื่อไรที่ต้องเร่งแซง ตัวถังใหญ่แต่กำลังน้อย ต้องเค้นเยอะ จากเดิมรอบต่ำๆประหยัด ก็ต้องดีดรอบขึ้นไปหาแรงบิดเพื่อเอาอัตราเร่ง เมื่อนั้นการกินน้ำมันจะสูงพอๆกับเครื่อง 1.5
ในสถานการณ์เดียวกัน เครื่อง 1.5 อาจจะไม่ต้องเปลื่ยนเกียร์อะไรเลย แค่กดคันเร่ง กำลังและแรงบิดที่สูงกว่าก็สามารถลากตัวรถไปได้
หรือตัวอย่างที่อาจจะไม่เกี่ยวกันแต่ก็ใกล้เคียง คือ แคมรี่ 2.0 และ 2.4
2.0 อาจดูประหยัด แต่กลายเป็น 2.4 ที่ประหยัดและเร่งแซงดีกว่า เพราะ 2.0 ต้องเค้นเยอะ จะแซงทีต้องเปลื่ยนเกียร์ลง ขณะที่ 2.4 ไม่ต้อง กดคันเร่งเบาๆ รถก็พุ่ง เกียร์ไม่ต้องเปลื่ยนลงเพื่อเรียกแรงบิด
ฉะนั้นแล้วขับทางไกล Eco จะประหยัด ก็ต่อเมื่อวิ่งความเร็วคงที่ และ ไม่เร็วจนเกินไป เช่น 90 - 110 กม/ชม เป็นต้น