ผู้เขียน หัวข้อ: ขอสอบถาม ระหว่าง Close Loop กับ Open Loop ของรถยนต์ครับ  (อ่าน 7244 ครั้ง)

ออฟไลน์ BNR 34 GTR

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 149
    • อีเมล์
2 ตัวนี้ความหมายของมันคืออะไรครับ เวลาอ่าน ข้อมูลเกี่ยวกับการจูนกล่องมักจะพูดถึงกัน แต่ผมไม่มีความเข้าใจของระหว่าง 2 ตัวนี้เลยครับ

ออฟไลน์ tom46

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,737
Re: ขอสอบถาม ระหว่าง Close Loop กับ Open Loop ของรถยนต์ครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2019, 04:10:44 »
http://www.headlightmag.com/%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%871735/

ใน link ก็พอมีอธิบายไว้อยู่บ้างเหมือนกันครับ
M52TUB30 NA TUNING
STROKER M54B30
SCHRICK CAM 248/248
aa tuning software custom
K&N performance air intake kit
Exhaust systems thailand hand made
Rear exhaust EISENMANN

ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,058
Re: ขอสอบถาม ระหว่าง Close Loop กับ Open Loop ของรถยนต์ครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2019, 07:54:08 »
แรงของรถมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง การเผาไหม้เชื้อเพลิงจำเป็นต้องอาศัยปัจจัย 3 อย่างหลัก เชื้อเพลิง อากาศ ไฟ ซึ่งต้องสมดุลย์กัน .. นอกจากนี้ก็จะมีปัจจัยรอบข้างที่ส่งผลทางอ้อมอีกเช่น อุณหภูมิอากาศ

ทีนี้จะรู้ได้ยังไงว่าจุุดไหนคือ "สมดุลย์" ในรถสมัยก่อน คำตอบคือ ไม่รู้ ต้องจูนแต่งคาร์บู แต่งนมหนูเอา ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น

รถสมัยใหม่มี ECU ช่วยประมวลผลและปรับน้ำมันและไฟตามตารางเงื่อนไขต่างๆที่กำหนดไว้ในกล่อง

Close-loop คือ โหมดของการทำงานของ ECU ที่ใช้ input จาก O2 sensor กลับไปปรับการทำงานของหัวฉีดและองศาจุดระเบิด (ถ้าจำไม่ผิด close-loop จะปรับน้ำมันเป็นหลัก/องศาตุดระเบิดกล่องจะค่อยๆ advance ไฟไปเรื่อยๆจนเริ่มเขกถึงหยุด) โดยกล่องจะพยายามทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้ที่จุดที่ใกล้ stoich ที่สุด (สำหรับเครื่องเบนซิล อากาศ 14.7 ส่วนต่อ น้ำมัน 1 ส่วน) เพราะเป็นจุดที่เผาไหม้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งความสมบูรณ์ของการเผาไหม้สามารถดูได้จากค่าของ O2 sensor .. เน้น"เผาไหม้สมบูรณ์ที่สุด"

Open-loop คือ โหมดการทำงานของ ECU ที่ทำงานโดยไม่สนใจ input จาก O2 sensor เลย โดยปกติ ECU จะใช้โหมดการทำงานนี้ในกรณีที่ต้องการความรวดเร็วในการประมวลผล (เช่น ช่วงกดคันเร่งลึกๆ เครื่องยนต์ต้องตอบสนองทันที) หรือในกรณีที่มีความเสี่ยงในการประมวลผลผิดพลาดมากๆ (เช่น ช่วงเพิ่งติดเครื่อง สัญญาณจาก O2 sensor ผิดปกติ) ในโหมดนี้ ECU จะคุมน้ำมัน องศาไฟ (และอากาศ กรณีเป็นเครื่อง turbo) โดยอาศัยตารางที่กำหนดไว้เท่านั้น ... ซึ่งโดยทั่วไปจะกำหนดไว้ให้ได้ส่วนผสมที่"หนา"นิดหน่อย ซึ่งส่วนผสมที่"หนา"นิดหน่อย (สำหรับเครื่องเบนซิล อากาศ 12.8-13.2 ส่วนต่อ น้ำมัน 1 ส่วน) จะให้ output ที่ดีกว่า

ถึงที่สุดแล้วรถจะแรงขึ้นได้ ต้องเผาน้ำมันเยอะขึ้น* เนื่องจากรถ NA ไม่สามารถจูนอากาศได้ จึงไม่สามารถเพิ่มน้ำมันได้ โดยเฉพาะถ้ารถอยู่ในโหมด close-loop ยังไง ECU ก็จะพยานามกลับไปที่ stoich เสมอ ซึ่งจ่ายน้ำมันน้อยกว่าจุดที่ให้กำลังสูงสุด คนจูนกล่องจึงจะพยายาม
1. จูน open-loop ให้ได้ส่วนผสมที่"หนา"กำลังดี
2. หาทางให้ ECU อยู่ในโหมด open-loop ให้บ่อย/ง่ายที่สุด

* พูดรวมๆ หมายถึง max power ไม่รวมการเกลี่ยกราฟให้"เนียน"นะครับ และยังไม่พูดถึงการใช้องศาไฟที่ aggressive ขึ้นซึ่งสามารถเพิ่มแรงได้โดยไม่ต้องใช้น้ำมันเยอะขึ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 20, 2019, 08:03:41 โดย Turin »

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,488
Re: ขอสอบถาม ระหว่าง Close Loop กับ Open Loop ของรถยนต์ครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2019, 08:07:45 »
อันแรก...เป็นการใช้รอบเครื่องที่ไม่รุนแรง  ปกติจะเคลมไว้ที่  3000 รอบ  อันนี้กล่องจะใช้  02 ตัวหน้าเป็นตัวกำหนดการจ่ายน้ำมัน  ตามตาราง

กรณีที่เป็น โอเพน  หมายถึงรอบเครื่องที่สูงเกินนั้น  อันนี้จะใช้  02  ตัวหลังเป็นตัวกำหนดการจ่ายน้ำมัน  รถแต่งมักจะปิดการใช้งาน 02  ตัวนี้  และไม่ให้ค่าฟีดแบคไปที่กล่อง..

อธิบายง่าย ๆแค่นี้ครับ

ออฟไลน์ Krongbun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,408
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถาม ระหว่าง Close Loop กับ Open Loop ของรถยนต์ครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2019, 08:18:13 »
ชัด  ;)

ออฟไลน์ #อินเดียหน้าโจร

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,405
    • Need for slow - ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถาม ระหว่าง Close Loop กับ Open Loop ของรถยนต์ครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2019, 09:15:33 »
Close loop คือพันธนาการของกล่องหลักเพื่อจะรักษาส่วนผสม 1 แลมบ์ดาไว้ให้คงที่ กล่องจะพยายามรักษาค่านี้ เพื่อการเผาไหม้ที่หมดจด มลพิษน้อยๆ และประหยัดน้ำมัน ซึ่ง close loop นี้จะเกิดขึ้นในช่วงการทำงานปกติ เช่น รอบเครื่องไม่เกิน 3000 และกดคันเร่งไม่เกิน 70% (รถแต่ละยี่ห้อ/รุ่น ค่านี้จะแตกต่างกันไปครับ)

Open loop คือการหลุดพ้นจากพันธนาการ 1 แลมบ์ดา จะเกิดขึ้นได้ใน 3 กรณี (ถ้าผมจำไม่ผิด)
1. ตอนเครื่องเย็น ช่วงวอร์มเครื่องนอกจากรอบเครื่องจะสูงกว่าปกติแล้ว ยังฉีดน้ำมันมากกว่าปกติด้วย
2. เมื่อกดคันเร่งโหลดเกิน 70% (บางรุ่น 80%)
3. เมื่อรอบเครื่องเกิน 3000 (บางรุ่น 4000)

ในกรณีข้อ 2-3 กล่องจะเข้าใจว่าคนขับต้องการสมรรถนะที่เกินกว่าปกติ เช่น การเร่งแซง หรือการขับแบบรีบเร่ง กล่องจะปล่อยให้เกิดการจ่ายน้ำมันที่หนาขึ้น (และอื่นๆ) ช่วยให้ได้สมรรถนะที่สูงขึ้นครับ

ในการจูนกล่อง กล่องที่เป็นแบบกล่องพ่วงหรือ piggyback จะไม่สามารถไปยุ่งกับการจูนน้ำมันช่วง close loop ได้เลย จูนได้เพียงองศาไฟเท่านั้น ทำให้กล่อง piggyback จะเห็นความต่างว่ารถแรงขึ้นได้ชัดเจนก็ในช่วงการกระทืบคันเร่งเท่านั้น ส่วนกล่องแยกหรือ standalone สามารถจูนได้ทุกรอบทุกโหลด จึงเห็นความแตกต่างของึวามแรงได้ตั้งแต่รอบต่ำหรือการกดคันเร่งเบาแล้้ครับ

ผมไม่ใช่จูนเนอร์ อ่านๆฟังๆมาอีกทีครับ
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,234
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถาม ระหว่าง Close Loop กับ Open Loop ของรถยนต์ครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2019, 10:50:44 »
ผมขอพูดในมุมที่เข้าใจง่ายๆ ภาษาบ้านๆ ละกันครับ ตามที่รู้มาแบบหางอิ่ง  ::) ::)

ระหว่าง close loop กับ open loop

มันคือ

-> โหมดประหยัดน้ำมัน กับ ไม่สนความประหยัด

-> โหมดค่อยเป็นค่อยไป กับ โหมดใส่ไม่ยั่ง

-> โหมดกดคันเร่งนิดหน่อย กับ โหมดกดันเร่งจมทะลุเข้าห้องเครื่องไปเลย

-> โหมดเจี๋ยมเจี้ยม กับ โหมดบ้าพลัง

-> โหมดรักทะนุถนอมเครื่องยนต์ กับ โหมดให้เครื่องยนต์ทำงานเต็มไปเลย

-> โหมดเงียบเสียอ่อยๆ กับ โหมด VTEC คำรามฟ๊อนๆ

ผมนิยามแบบนี้ละกันครับ เข้าใจง่ายดี 55  ::) ::) ::)