สำหรับ Lancer
ถึงแม้จะขับเคลื่อนสองล้อหน้า แต่ผมพูดได้เต็มปากเลยครับว่า “ถ้าไม่บอก ก็จะแยกไม่ออกระหว่างขับ 2 กับ ขับ 4 (ถ้า Impreza เป็นยางเดิมๆ และรถเดิมๆ โดยไม่ไปยุ่งอะไรกับมัน)”
อาการ Understeer นั้นมีให้เห็นเป็นปกติของรถขับหน้า วิธีแก้คือให้ลดความเร็วลง แต่โค้งแรงๆ Impreza จะหนึบกว่า และถ้า Impreza ได้ยางดีๆ สักชุด Impreza ก็จะหนึบกว่า และอาการ Understeer มีน้อยกว่าอย่างชัดเจน ถ้าวัดกันเดิมๆ แล้ว Lancer จะเข้าโค้งได้ดีกว่า นิดนึงครับ
แต่ Lancer นั้น รถโยนตัวน้อยกว่า ทำให้รู้สึกว่า ในโค้งนั้น มั่นใจและเกาะถนนมากกว่า Impreza
(แต่ถ้า Impreza เปลี่ยนยางดีๆ แล้ว Impreza จะนิ่งกว่ามาก เวลาอยู่ในโค้ง)
ด้วยอาการของรถที่โยนตัวน้อย อีกทั้งยางติดรถก็ดีเยี่ยม ผมว่า Lancer “ขับสนุก” กว่า Impreza ครับ
Impreza จะเกาะถนนมากกว่า Lancer หากเจอแอ่งน้ำ หรือถนนเปียกๆ นี่ รู้สึกได้อย่างชัดเจนครับ ว่าขับสี่ มันดีอย่างนี้นี่เอง
สำหรับเรื่องพละกำลังนั้น ผมเลือกใช้บริการเกียร์แบบ ทริปทรอนิค ซึ่งอยู่หลังพวงมาลัย ให้ความรู้สึกเหมือนเล่นเกมอยู่ หรืออาจจะจินตนาการว่า กำลังขับรถสปอร์ทอยู่ก็ได้ ตัวเกียร์นั้นตอบสนองดีมากครับ บางครั้งอาจจะลืมไปเลยว่า นี่คือเกียร์แบบ CVT
กดปุ่มลดหรือเพิ่มเกียร์ปุ๊บ รถก็ตอบสนองเราทันที โดยไม่ต้องคิดก่อน (แต่ถ้ารอบเครื่องยนต์ไม่ได้ เกียร์ก็จะไม่เปลี่ยนให้) แถมยังมีกระชากนิดๆ ให้เหมือนกับว่าเราขับรถเกียร์ธรรมดาอยู่
แต่...ผมว่านะครับ จริงๆแค่เข้าเกียร์ D เฉยๆ ก็เพียงพอแล้ว หากไม่ขับแบบเอาสนุกแบบผมมากนัก เพราะผมว่าเกียร์ฉลาดมากครับ ในขณะเป็นทางลาดลงเขา ระบบเกียร์ก็จะทำ Engine เบรคให้เรา อย่างที่เราต้องการ (ไม่เหมือน Jazz ที่ต้องไปกระตุ้นมันก่อน ถึงจะยอมทำให้) ซึ่งผมประทับใจระบบเกียร์มาตั้งแต่สมัย Lancer Cedia แล้ว พอมาถึง EX ความรู้สึกประทับใจก็ยิ่งตอกย้ำครับ
ในการขึ้นเขานั้น ผมว่า Lancer มีแรงมากกว่า Impreza ครับแต่นั่นก็ต้องเค้นกันเยอะเหมือนกัน (ถ้าไปเค้นบ่อยๆ กล่าวคือ วิ่งรอบสูงๆ นานๆ บ่อยๆ หน้าจอบนแผงหน้าปัดก็จะขึ้นคำว่า “Slow Down” ซึ่งแปลว่าน้ำมันเกียร์ร้อนเกินไป และนี่คือข้อเสีย “ร้ายแรง” ของ Lancer EX ครับ เพราะเหมือนกับว่า เราไม่สามารถสนุกกับรถได้อย่างต่อเนื่อง แต่กลายเป็นว่าต้องมาคอยระวังไม่ให้น้ำมันเกียร์ร้อนเกิน
ซึ่ง ช่างของ Mitsubishi ได้อธิบายว่า น้ำมันเกียร์ของ Lancer EX นั้น ระบายความร้อนด้วยอากาศ หากขับรถที่รอบเครื่องยนต์สูงนานๆ (เกิน 3500 รอบต่อนาทีขึ้นไป) จะทำให้เกิดอาการนี้ได้ครับ)
ส่วนเบาะคู่หน้าของ Lancer EX สำหรับผมแล้ว นั่งนานๆ จะเกิดอาการปวดหลังครับ ถึงแม้ว่าจะมีปีกข้างขึ้นมา เพื่อให้ช่วงเอวลงไปกระชับอยู่กับเบาะ แต่ด้วยฟองน้ำที่นิ่มเกินไป ทำให้ปีกข้างนั้นไม่มีประโยนช์อะไรเลย เวลาเข้าโค้งแรงๆ ต้องเกร็งตัว และเอาเท้ายันที่พักเท้าไว้ เพื่อไม่ให้ตัวหลุดออกจากเบาะ นั่งไปสัก 2 ชั่วโมงก็เริ่มเมื่อย เริ่มอยากลงจากรถแล้วครับ
นอกจากเบาะที่นั่งแล้วเมื่อยนั้น หน้าปัดก็ดูค่อนข้างยากและหลอกตา หากขับรถด้วยความเร็วสูง หากดูผ่านๆ จะดูหลอกตาว่าตัวเลขจะนูนขึ้นมา และอ่านตัวเลขยากพอสมควร แต่ผมกลับชอบหน้าปัดแบบใหม่ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ของญี่ปุ่นมากกว่า ซึ่งดูแล้วน่าจะอ่านง่าย และแสดงข้อมูลได้ครบถ้วนภายในหน้าจอเดียวอีกต่างหาก
นี่คือรูปของหน้าปัดแบบใหม่ครับ ซึ่งผมอยากได้แบบนี้มากกว่า