Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: พ่อหมีพูห์ ที่ ตุลาคม 06, 2017, 16:58:42
-
ผมใช้ Toyota Camry มา 4 generation แล้ว แต่ละคันผมใช้ประมาณ 4-5 ปี วิ่งระยะทางประมาณแสนสองถึงแสนห้ากม.บวกลบนิดหน่อย ถามว่าพอใจกับ Camry ไม๊ ก็พอใจในตามงบประมาณที่มี รถสมรรถนะพอรับได้ ความจุกจิกต่ำ ราคาขายต่อมักจะเหลือประมาณ 40% ของราคาซื้อ ตอนนี้พอจะมีงบมากขึ้น เลยมองพวกรถยุโรป midsize sedan Hybrid ที่งบประมาณแถวสามล้านห้า รับประกันคุณภาพสัก 5 ปี เหตุผลคืออยากได้ความหรูหรา feature ดีๆอย่าง ออกตัวเอง หยุดเองในตอนรถติดหรือบนทางด่วน (adaptive cruise control , เบรกเองได้ เวลามีเหตุกระทันหัน ผมเล็งสามตัวข้างล่างนี้ไว้
1. MB e350e Exclusive
2. BMW 530e (Hybrid ได้ข่าวว่านะจะออกสิ้นปี)
3. Volvo S90 T8 Momentum
ผมให้ความสำคัญ เรียงลำดับจากสูงไปต่ำดังต่อไปนี้
1. ความทนทาน จุกจิกน้อย รักคนขับ มากกว่ารักอู่ ผมเป็นคนใช้รถเยอะ อยากใช้ขับไปทำงาน ไปเที่ยว มากกว่าขับไปอู่ สิบปีต้องมีสามแสนกม.เป็นอย่างน้อย
2. ความพึงพอใจในการใช้งาน ขับสบาย ไม่ต้องแรงเหมือนรถแข่ง แต่พอใช้งานเวลาออกตจว
3. ความปลอดภัยสูง
4. ค่าใช้จ่ายหลังหมดประกันคุณภาพ 5 ปี
5. ราคาขายต่อ
เป็นเพื่อนๆ จะเลือกตัวไหนครับ
-
ใช้ 10 ปีตามตัวเลือก ผมคงไม่ใช้ Hybrid ครับ ถ้าเป็นผมคงเลือก 520d, A6 หรือถ้าคิดว่าออฟชั่นน้อยไปอาจจะไป 730ld
-
ขออนุญาติเรียนตามตรง แต่ตามโจทย์ของท่าน จขกท ดูจะไม่เหมาะกับไฮบริดน่ะครับ
เพราะจะใช้ 10 ปี แต่ถ้าใช้แค่ในระยะประกันก็โอเคครับ ถ้าเป็น BMW ก็พยายามซิื้อตอนมีโปรวารันตี 6 ปีนะครับ
-
วันนี้เจอ f10 จอดเสียกลางถนน
มักเจอรถยุโรป ขึ้นยานเเม่มากกว่ารถญี่ปุ่น
-
วันนี้เจอ f10 จอดเสียกลางถนน
มักเจอรถยุโรป ขึ้นยานเเม่มากกว่ารถญี่ปุ่น
จริงครับ เพราะถ้าเป็นรถญี่ปุ่นเค้าจะเอาเชือกลากกันเอาครับ ไม่ขึ้นยานแม่ ผมนี่ลากประจำ 5555555+
ปล. ขำๆน่ะครับ
-
ใช้สิบปีวิ่งสามแสน
Lexus ไหมครับ
ถ้ายุโรปน่าจะรักอู่มากกว่าเจ้าของ ถ้าเกิน 5 ปี แล้ววิ่งเกินแสนโล
-
ขอเสนอ lexus es300h ครับ นั่งสบาย ใช้ยาวๆ ครับ :-X
-
คิดว่าใช้10ปีรถยุโรปไม่น่าจะทนใช้แบบลืมอู่ได้.. ไม่น่าทนเท่ารถญี่ปุ่นที่จะห่างอู่มากกว่า... ถ้ามีงบระดับนี้ผมแนะนำเลกซัสครับน่าจะใช้สบายใจกว่าครับ
-
ยุโรปสมัยนี้ไม่ทนเหมือนโตต้านะครับ ผมกลัวจะไม่ผ่านข้อ 1 เพราะคุณใช้รถเยอะมาก ปีละสามหมื่นขึ้น (ของผมใช้น้อยเลยไม่สนความทนปีละ 8-9 พันโล )กลัวเลยแสนโลแล้วจะเกลียดรถแต่ถึงตอนนั้นอย่างน้อยรถจะรักเจ้าของครับติดไม้ติดมือดีจัง...ยกเว้นปล่อยเต้นท์ถูกๆ
-
จากตัวเลือกนี้ volvo ชนะขาด ถ้าเลือกตามเหตุผล :)
ถ้าตังถึงก็จะซื้อรุ่นนี้แน่นอน
-
ผมว่า bm ซ่อมง่ายนะครับ
อะไหล่ก็ไม่ได้แพงมาก หาร้านนอกมีเยอะแยะ
อู่ทั่วไปก็ทำได้พอสมควร
-
Lexus ถ้าไม่อยากเข้าๆออกๆอู่ ไม่ใช่ว่ายุโรปแล้วต้องรวนนะแต่เอากันตรงๆผมก็ว่ามันมีความเสี่ยงมากกว่า
-
ถ้าใช้ 5 ปีขาย ตามตัวเลือกได้หมดทุกคันเลยครับ
แต่ถ้าจะใช้ 10 ผมคิดเหมือนคุณ OXYGEN2
ผมเล็งไปที่รถไม่ hybrid เช่น 520d, 730ld ประมาณนี้ครับ
ส่วนถ้าให้ผมเลือกใช้เอง ตามโจทย์นี้ผมคงเอา M760li
-
เคยใช้Camry เจอ3คันที่บอกอาจผิดหวังในข้อ1นะครับ ยิ่งพวกhybridค่ายยุโรปมีคนบ่นพอควร
ขายต่อบางคันเหลือ30-40% หลังปีที่5 จากป้ายแดงหายไปแยะต้องทำใจครับ
-
รถยุโรประบบเยอะ อะไหล่หลายๆชิ้นก็เสื่อมไปตามการใช้งาน ถ้าเปลี่ยนตามระยะปัญหาก็ลดลง
บางชิ้นไม่มีระยะเปลี่ยน แต่เสียแล้วเปลี่ยนตามอาการ ค่าใช้จ่ายสูงกว่ารถญี่ปุ่น1.5-3เท่าตัว
รถhybridที่ต้องเปลี่ยนแน่คือแบต10ปีเกิน3แสนไม่น่ารอด ถ้าไม่ติดราคาเปลี่ยน1.5-2แสนบาทคิดว่าน่าสน คิดว่าเสียบปลักดีกว่า เบนซินดีขับสบายกว่าดีเซลอันนี้คหสต.
ส่วนจะซื้ออะไรแนะนำว่าเอาที่ตัวเองชอบที่สุด ไปลองขับดู จะอยู่กัน10ปีต้องเอาที่ชอบ
-
รถยุโรปเสียบปลั๊กส่วนตัวผมเอง เห็นเคสมีปัญหาบ่อยนะ โดยเฉพาะตราดาว ลองเข้าไปดูตามคลับได้ครับ
ส่วนใบพัดยังไม่ค่อยมีเคส แต่ไม่แน่ใจว่าเลย 5 ปีแล้วจะเป็นยังไง ขนาดไม่เสียบปลั๊กยังซ่อมกันเยอะแยะอยู่ในอู่เลย
วอลโว่ต้องให้ระยะเวลาพิสูจน์กันต่อไป เพราะเพิ่งออกรถไฟฟ้ามาไม่นาน
ใช้ 10 ปี เอาจุกจิกน้อย ยังอยากได้ไฮบริด ไม่มอง Lexus เผื่อไว้เหรอครับ ระบบไฮบริดพี่โตผมว่าเสถียรสุดละ แต่พังมาก็ซ่อมไม่ถูกแหละ แค่ส่วนใหญ่มันจุกจิกน้อยกว่าไฮบริดเยอรมัน แต่ถ้ายังไงก็ยุโรปใช้ยาวจริงๆอยากให้ไปดีเซลมากกว่า
-
ใช้ได้ครับ hybrid แต่ต้องเตรียมค่าใช้จ่าย ค่าinverter ทุก6-7หมื่นโล (น่าจะเป็นแสน)
กับแบต ทุก แสน ถึงแสนห้าโลครับ แบตนี่ก็น่าจะ4-5แสนอย่างต่ำครับ อันนี้ต้องทำใจ รถที่ใช้อยู่ 60,000โล inverter เสียไปสองรอบแล้ว ถ้าหมดประกันนี่คงเจ็บหนักอยู่ แล้วบางครั้งซ่อมนานเพราะต้องรอเคลมจากทางเยรมัน อันนี้เฉพาะระบบไฮบริดนะครับ ยังไม่รวมถุงลมต้นละแสน ถ้ามีรถคันเดียว ลำบากครับ
ถ้าจขกท ใช้ สามแสนโล แบต1รอบ+inverter ซัก4-5รอบหลังหมดประกันก็ 8แสน-ล้าน ครับ
แต่ถ้าจากโจทย์ จขกท น่าจะเลือกเบนซ์ในแง่ ความหลากหลายของอู่หลังประกันหมดกับราคาขายต่อแล้วซื้อขยายเวลาประกันจากศูนย์ไปเลยครับ
-
จากโจทย์ ระบุแค่ 3 ตัวเลือก คงต้องเป็น MB ครับ แต่อาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ได้ดีครบทุกข้อ แต่ดีที่สุดในตัวเลือกเหล่านั้น เพราะราคาตกน้อยกว่า หาอู่ทำได้เยอะกว่า อะไหล่น่าจะหาได้ง่ายกว่า ใช้รถ 10 ปี เรื่องบำรุงรักษาสำคัญครับ
-
ถ้าไป hybrid ยุโรป อย่างน้อยๆควรมีรถสำรองครับ จะได้ไม่ซีเรียจครับ
เตรียมค่าใช้จ่ายหลังประกันไว้7-8แสนครับ
แต่ถ้าเลือก ดีเซล เช่น g30 520d w213 220d(เบนท์ไทยหมดแล้ว) ผมว่าดูแลของเหลวสม่ำเสมอ10 ปีได้ไม่ต้องซ่อมอะไรครับ
อาจมีจุกจิก เซนเซอร์ ,แบต, ยาง ประปรายครับ
ใช้10 ปี ควรเลือก ดีเซล หรือเบนซินล้วนๆครับ
ตอนนี้ที่มีให้เลือกอยู่ก็
Volvo s90 ดีเซล
bmw s5 g30 เบนซินและดีเซล
Benz e w213ไม่มีดีเซลแล้ว มีglc coupe ดีเซลเป็นตัวแทน
ลองดูครับ
-
ตามโจทย์ที่ว่า ยุโรปอายุเยอะ แล้วอยากให้ไม่เข้าอู่บ่อย กับไม่งอแงเวลาออกต่างจังหวัด
ยากนะครับ ขนาดในคลับ MB พวกที่ออกรถใหม่ๆ ป้ายแดงขึ้นยานแม่ออกบ่อย
คนจะซื้อใหม่ยังต้องสวดมนต์ไม่ให้เจอdefectเลยครับ :'(
-
รถยุโรป 10ปี ขนาดไม่ hybrid ยังลุ้นเหนื่อยครับ
ถ้าคาดหวัง 5ปี ได้หมดทุกตัวยกเว้น s90 ที่ต้องรอดูว่า gen นี้จะเป็นไง
ขอตอบแต่ benz ครับ w212ไม่ hybrid พ้นปีที่ 5 ระยะเกือบๆแสนโล เริ่มต้องทำช่วงล่าง เข้าปีที่ 7 ระบบแอร์เริ่มออกอาการรอวันหมดความเย็น ถ้ามีรถสำรองก็ได้อ
รอวันลมเย็นหาย
ถ้าคาดหวังระยะยาว แนะนำ lexus ด้วยคน
ดูไม่หรูหรา ยามไม่ค่อยยกกรวยให้จอด แต่เป็น premium ที่ทนจริง
-
ส่วนมากจะมีปัญหาหนักๆหลังหมดประกันครับ เข้าปีที่หกนี่จะมีอะไรให้เห็นเยอะ!!
-
จริงๆอยากบอกว่า Volvo แต่เห็นว่า 10ปี เลยเปลี่ยนมาที่ Benz ครับ
-
จขกท.ต้องการ option เบรคอัตโนมัติ คงเหลือแค่ Volvo ตัวเดียวครับ อีก 2 ตัว น่าจะยังไม่มีระบบนี้
-
ใช้ยาว 10 ปี งบ 3.5 ล้าน
520d น่าจะทนสุด และค่าบำรุงหลังหมด BSI 5 ปีใช้งบน้อยสุด
ส่วนประกอบเครื่องยนต์ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเครื่องดีเซล
เครื่องเบนซิล จะมีพวกคอยเสียบ้าง เปลี่ยนทีก็หลายหมื่นอยู่
คหสต. ถ้างบนี้ ผมไป Audi TT Coupé 45 TFSI quattro S line
แล้วใช้ 5 ปี ขายซื้อใหม่ ::)
-
อยู่ให้ห่างจาก Hybrid ครับผม
บอกได้เท่านี้จริงๆ
-
มันน่าเศร้าใจนะครับ สมัยนี้จ่ายราคาแพงๆ แต่รถไม่ได้ดีๆทนๆเหมือนยุคก่อนแล้ว :'( กลับกลายเป็นว่ารถญี่ปุ่นทนกว่าไม่จุกจิก แต่ไม่สามารถสนองกิเลสได้ซะนี่
-
เพิ่มเติมครับ ถ้าใช้ปีละ 30,000 สามปีหน่อยก็ครบแสนโลแล้ว ถ้ามอง BMW ที่มี BSI package คงเลือกได้แค่แพกเกจนี้ครับ
- Warranty Plus บำรุงรักษา 3 ปี รับประกัน 5 ปี
เพราะ BSI standard ให้แค่ 3 ปี 60,000 โล หรือถ้าซื้อ BSI Plus เพิ่มเป็น 5 ปีก็จะคลอบคลุมสูงสุดแค่ 100,000 โลเท่านั้น ถ้าใช้รถเยอะ คงหาที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายดูแลรักษาได้ถึง 5 ปีคงยากแล้วครับ แต่การ Warranty นี่ไม่จำกัดระยะทาง
ถ้าให้แนะนำจริงๆ นะครับ ผมเสนอให้พิจารณาตามลำดับนี้ครับ
- หลีกเลี่ยงรถ hybrid/ev/plug-in hybrid
- หลีกเลี่ยงรถยุโรป
-
g30... แต่ราคาที่คุณต้องจ่ายก็คือความจุกจิกในปีท้ายๆ...
-
ใช้ได้ครับ hybrid แต่ต้องเตรียมค่าใช้จ่าย ค่าinverter ทุก6-7หมื่นโล (น่าจะเป็นแสน)
กับแบต ทุก แสน ถึงแสนห้าโลครับ แบตนี่ก็น่าจะ4-5แสนอย่างต่ำครับ อันนี้ต้องทำใจ รถที่ใช้อยู่ 60,000โล inverter เสียไปสองรอบแล้ว ถ้าหมดประกันนี่คงเจ็บหนักอยู่ แล้วบางครั้งซ่อมนานเพราะต้องรอเคลมจากทางเยรมัน อันนี้เฉพาะระบบไฮบริดนะครับ ยังไม่รวมถุงลมต้นละแสน ถ้ามีรถคันเดียว ลำบากครับ
ถ้าจขกท ใช้ สามแสนโล แบต1รอบ+inverter ซัก4-5รอบหลังหมดประกันก็ 8แสน-ล้าน ครับ
แต่ถ้าจากโจทย์ จขกท น่าจะเลือกเบนซ์ในแง่ ความหลากหลายของอู่หลังประกันหมดกับราคาขายต่อแล้วซื้อขยายเวลาประกันจากศูนย์ไปเลยครับ
ใช่ s500e คันที่เคยรีวิวหรือเปล่าครับ
-
ใช้ได้ครับ hybrid แต่ต้องเตรียมค่าใช้จ่าย ค่าinverter ทุก6-7หมื่นโล (น่าจะเป็นแสน)
กับแบต ทุก แสน ถึงแสนห้าโลครับ แบตนี่ก็น่าจะ4-5แสนอย่างต่ำครับ อันนี้ต้องทำใจ รถที่ใช้อยู่ 60,000โล inverter เสียไปสองรอบแล้ว ถ้าหมดประกันนี่คงเจ็บหนักอยู่ แล้วบางครั้งซ่อมนานเพราะต้องรอเคลมจากทางเยรมัน อันนี้เฉพาะระบบไฮบริดนะครับ ยังไม่รวมถุงลมต้นละแสน ถ้ามีรถคันเดียว ลำบากครับ
ถ้าจขกท ใช้ สามแสนโล แบต1รอบ+inverter ซัก4-5รอบหลังหมดประกันก็ 8แสน-ล้าน ครับ
แต่ถ้าจากโจทย์ จขกท น่าจะเลือกเบนซ์ในแง่ ความหลากหลายของอู่หลังประกันหมดกับราคาขายต่อแล้วซื้อขยายเวลาประกันจากศูนย์ไปเลยครับ
ใช่ s500e คันที่เคยรีวิวหรือเปล่าครับ
ใช่ครับ มันจุกจิกกว่ารถไม่ใช่hybrid มาก
เทียบกับอีกคันที่เป็น w211 ntg ใช้มาห้าแสนโลแล้วยังเสียน้อยกว่าอีกแทบไม่เคยขึ้นยานแม่เลย
s500ชาร์จวันแรกเดินสายไม่ดีก็ขึ้นยานแม่แล้วครับระบบมันล็อคไว้หมด
ต่อมาก็แอร์ไม่เย็น inverterเสีย และปัญหาเกี่ยวกับแบตครั้งนึง ทั้งสองครั้งคือเสียกลางทาง
ยังไม่รวมเรื่องยางเปราะ แตกง่ายและล้อคดง่ายที่เป็นอีกสาเหตุที่ต้องทำให้ขึ้นยานแม่อีกหลายครั้ง
แล้วอุปกรณ์ไฮบริดเคลมฟรีก็จริงแต่เคลมนานเพราะต้องติดต่อที่เยรมันก่อน
ปกติจะใช้รถปีละ8-9หมื่นโล แต่คันนี้ปีเดียววิ่งได้แค่6หมื่นเพราะนอนศูนย์ซะเยอะ
จึงเป็นที่มาว่าควรมีรถสำรองครับ
-
ถ้าคุณจะใช้แบบที่คุณตั้งไว้ .....
มีเงินอย่างเดียวทำไม่ได้ ต้อง
1. เตรียมรถสำรองไว้ ต้องได้ใช้แน่นอน ไฮบริด รุ่นใหม่ ๆ ปัญหาเยอะมาก(บางแบรนด์) ขึ้นยานแม่เป็นว่าเล่น บางคันแค่สองพันโล ก็ ลองขึ้นยานแล้ว
2. เตรียมยาแก้ปวดหัว แก้เครียด ถ้าไม่เจอถือว่าโชคมหาศาล
3. เตรียมหาบทท่องคาถา เผื่อจะไม่เจอปัญหา..
ปล. ผมตามข่าว ไฮบริด ในบางแบรนด์ มาพอสมควรครับ
-
ถ้ากลับมาที่รถญี่ปุ่นแท้ เลือก Camry ตัวท็อปไม่ hybrid ใช้ไป 5ปี ขายต่อไม่ขาดทุนมากนัก ซื้อคันใหม่ใช้อีก 5ปี ค่าบำรุงทั้ง 2คันหลังหัก warrantee คันละ 3ปี สบายใจ สบายกาย แต่ไม่สบายอารมณ์อยากรถใช้ premium
รถยุโรปใหม่ๆ ยังไม่เจอใครใช้ยาวเลยครับ อย่างเก่ง 6ปีขายแทบทั้งนั้น
-
จากตัวเลือกที่ให้มา
จุกจิกน้อยสุดผมต้องให้BMWแล้ววินาทีนี้
แต่รถสมัยใหม่ +ระบบไฮบริด 10ปีมันนานไป
ถ้าเอารถทน ขับง่ายไม่จุกจิก หาไอ้ที่ระบบไฟฟ้าน้อยที่สุด ไม่มีเทอร์โบหรือระบบอัดอากาศ
เครื่องที่ทนที่สุดของBenz และ BMWจะเป็นพวก4_สูบ NA หมดไปแล้ว ยุกสมัยเปลี่ยน คนใช้รถกันสั้นๆ แล้วขาย
เอาแบบวิ่งกัน1ล้านโลเหมือนยุกเก่าๆ กลายเป็นแค่เรื่องเล่าที่คนสมัยนี้ฟังไม่เข้าใจครับ
-
รถยุโรปตอนนี้ผมแนะนำรถเบนซิน หรือ ดีเซล ไม่hybrid ทุกรุ่นละกันถ้าจะวิ่งใช้10ปีโดยเข้าศูนย์ไม่บ่อย เอาตามตรงW212 E200 CGI ผมก็ใกล้จะครบ8ปีละวิ่งมาแสนกว่าโลละ ไม่เคยเรียกรถสไลด์เลย มีแค่ซ่อมแอร์กับช่วงล่างแค่นั้น แต่เรื่องซ่อมช่วงล่าง แอร์ ผมว่ามันเรื่องปกติของรถนะ เดี๋ยวนี้รถใหม่ๆล้อพื้นฐานมัน17 18 19 มันไม่ได้ถนอมช่วงล่างซักเท่าไหร่ แอร์ตันแล้วซ่อมแอร์มันปกติมาก ใช้ไปซัก5ปีมันก็มีโอกาสเสียของมันหละ แต่ถ้าบอกว่าวิ่งไม่ถึงสองแสนโล เครื่องพัง เกียร์พัง อันนี้น่าด่า แบบเบนซ์ที่ใช้เกียร์7G แล้วสมองเกียร์พังกันหลายคน
จากตัวเลือกที่ให้มา
จุกจิกน้อยสุดผมต้องให้BMWแล้ววินาทีนี้
แต่รถสมัยใหม่ +ระบบไฮบริด 10ปีมันนานไป
ถ้าเอารถทน ขับง่ายไม่จุกจิก หาไอ้ที่ระบบไฟฟ้าน้อยที่สุด ไม่มีเทอร์โบหรือระบบอัดอากาศ
เครื่องที่ทนที่สุดของBenz และ BMWจะเป็นพวก4_สูบ NA หมดไปแล้ว ยุกสมัยเปลี่ยน คนใช้รถกันสั้นๆ แล้วขาย
เอาแบบวิ่งกัน1ล้านโลเหมือนยุกเก่าๆ กลายเป็นแค่เรื่องเล่าที่คนสมัยนี้ฟังไม่เข้าใจครับ
อู่ที่ผมรู้จักรับทำรถโรงแรม รถสนามบิน ผมเห็นW211 E220CDI อายุประมาณ10-12ปี แต่ละคันวิ่งมา4แสนกว่าโล บางคัน5แสนกว่าโล เครื่องยังไม่เคยทำ ส่วนใหญ่มาทำเกียร์กับช่วงล่าง ตอนนี้เลยเข้าใจว่ายิ่งระบบมันเยอะขึ้นต้องดูแลรักษามากขึ้น ล้านโลในยุคนี้ผมก็ยังคิดว่าเป็นไปได้อยู่นะ
-
ตัว camry ปัจจุบันทำช่วงล่างมาดีมากครับ แต่ถ้าวิ่งทางไกล ทำความเร็ว 120 ขึ้น ความสบาย พวกรถยุโรปก็ยังทำได้ดีกว่า หรือถ้าไม่คิดอะไรมาก 320d iconic ก็ใช้ได้ครับ ราคาแค่ 2 ล้านต้น ๆ อุปกรณ์ไฮเทคไม่ค่อยมี เครื่องดีเซลด้วย (คุณพ่อผมก็มีโครงการจะซื้อเหมือนกัน ตอนแรกท่านจะซื้อให้ผม แต่ผมเลือก camry 2.0g แทนเพราะห้องโดยสารใหญ่กว่า)
-
อู่ที่ผมรู้จักรับทำรถโรงแรม รถสนามบิน ผมเห็นW211 E220CDI อายุประมาณ10-12ปี แต่ละคันวิ่งมา4แสนกว่าโล บางคัน5แสนกว่าโล เครื่องยังไม่เคยทำ ส่วนใหญ่มาทำเกียร์กับช่วงล่าง ตอนนี้เลยเข้าใจว่ายิ่งระบบมันเยอะขึ้นต้องดูแลรักษามากขึ้น ล้านโลในยุคนี้ผมก็ยังคิดว่าเป็นไปได้อยู่นะ
OM651 หัวฉีด เทอร์โบ DPF ถ้าเกิน2แสนโลไปอยู่ในภาวะเสี่ยงพังแล้วครับ
w211 ผมมั่นใจว่าต้องเจอSBCแล้วทุกคันกับอายุรถเท่านั้น
-
จริงๆอยากรวม Lexus ES300 มาในตัวเลือก แต่เหมือนเทคโนโลยีความปลอดภัยจะตามหลังรถยุโรปมาก อีกอย่าง อารมณ์ที่เคยขับ Camry มา 4 generation สงสัยมันจะไม่หนีกันมาก
-
ตัว camry ปัจจุบันทำช่วงล่างมาดีมากครับ แต่ถ้าวิ่งทางไกล ทำความเร็ว 120 ขึ้น ความสบาย พวกรถยุโรปก็ยังทำได้ดีกว่า หรือถ้าไม่คิดอะไรมาก 320d iconic ก็ใช้ได้ครับ ราคาแค่ 2 ล้านต้น ๆ อุปกรณ์ไฮเทคไม่ค่อยมี เครื่องดีเซลด้วย (คุณพ่อผมก็มีโครงการจะซื้อเหมือนกัน ตอนแรกท่านจะซื้อให้ผม แต่ผมเลือก camry 2.0g แทนเพราะห้องโดยสารใหญ่กว่า)
Camry ACV50 2.0g ใช้อยู่เหมือนกันครับ ช่วงล่างดีครับ แต่ต้องขับแบบชาวบ้านหวานเย็นนะครับ
ถ้าเกิน 140 อาการไม่ดีเริ่มออกบ้าง แต่ถ้าเกิน 160 นี่ชัดเลย ช่วงล่างมีอาการออกข้าง ไม่มั้นคง เบรกช่วงความเร็วสูงก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่
บอกตรงๆ พูดแบบทำร้ายจิตใจ ความมั้นคงของช่วงล่างกับเบรกในช่วงความเร็วเกิน 160 มันแพ้รถเก่าสมัยเกือบ 30ปีที่แล้ว
อย่าง Cefiro A31 ด้วยนะครับ (รถ D-segment เหมือนกัน) จิกโค้งลึกๆหน้าก็ไม่คมไม่กระชับเท่าเซฟิโร่ แคมรี่มันจะหน้าดื้อชัดเจน ความรู้สึกขับแล้วรถไม่กระฉับกระเฉง เหมือนรถหนัก ทั้งๆตัวรถหนัก 1,450 kg ก็ไม่ได้หนักมาก
แต่อันนี้เข้าใจว่าเป็นเพราะ Camry มันเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าครับ ส่วน Cefiro A31 มันขับเคลื่อนล้อหลัง
การกระจายน้ำหนัก เวลาขับช่วงควมเร็วสูง หรือเบรก หรือจิกโค้งที่ใช้ความเร็วระดับหนึ่ง จะรู้สึกเลยว่าเซฟิโร่มันมีบาล๊านซ์ที่ดีกว่า
ยิ่งถ้าไปเทียบกับ BMW E34 (ช่วงต้นยุค 90) นี่แพ้เค้าขาดลอยครับ
อันนี้เทียบกันเล่นๆเฉยๆครับ จริงๆผมก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ เพราะแคมรี่เน้นใช้เป็นรถครอบครัวมากกว่าครับ ถือเป็นรถที่ดีตัวนึงเลยครับ
ปล. ขออภัยครับ ไม่ได้เกี่ยวกับหัวกระทู้เท่าไหร่เลย 5555+
-
ระบบรักษาระยะห่างรถคันหน้า bm ยังไม่มีนะครับ
แต่เชียร 520d ด้วยคนครับ ขับดี รถกว้างด้วยครับ
-
ผมเชียร์ G30 520D ครับ
น่าจะปวดหัวน้อยสุดละ
-
S90 D4 ไหมครับ ตัว Inscription CBU ไม่รุ้ว่าหาได้อยู่ไหม 3.99 ล้าน
หรือ D4 Momentum CKD 3.09ล้าน ออพน้อยหน่อยรับได้ไหม
ถ้าสนใจ Hybrid ใช้ยาวๆแล้วจุกจิกน้อย Lexus ES300h only
-
โทรศัพท์มือถือใช้แบตก้อนเล็กๆ
ชาร์ทไฟยังระเบิด
แบตรถไฮบริด ทั้งชุดขนาดเท่าไหร่
ผมขอไม่เสี่ยงครับ
-
อู่ที่ผมรู้จักรับทำรถโรงแรม รถสนามบิน ผมเห็นW211 E220CDI อายุประมาณ10-12ปี แต่ละคันวิ่งมา4แสนกว่าโล บางคัน5แสนกว่าโล เครื่องยังไม่เคยทำ ส่วนใหญ่มาทำเกียร์กับช่วงล่าง ตอนนี้เลยเข้าใจว่ายิ่งระบบมันเยอะขึ้นต้องดูแลรักษามากขึ้น ล้านโลในยุคนี้ผมก็ยังคิดว่าเป็นไปได้อยู่นะ
OM651 หัวฉีด เทอร์โบ DPF ถ้าเกิน2แสนโลไปอยู่ในภาวะเสี่ยงพังแล้วครับ
w211 ผมมั่นใจว่าต้องเจอSBCแล้วทุกคันกับอายุรถเท่านั้น
ระบบช่วยการขับขี่ยังไงก็ต้องซ่อมครับ เกิน10ปีก็คงเริ่มทยอยมา เทอร์โบต้องทำอยู่แล้วครับส่วนใหญ่ก็อย่างที่คุณบอกประมาณ2แสนโลต้องทำ แต่ของเพื่อนผมที่เห็นใช้ๆกันอยู่พังตอน150,000โล ส่วนที่ผมหมายถึงเครื่องยังไม่เคยทำคือยังไม่เคยยกลงมาโอเวอฮอลครับ เครื่องยังไม่หลวม จากอายุประมาณ10-12ปีวิ่ง4แสนกว่าโล ถ้าวิ่งใช้งานต่ออีกซัก5-6ปีก็อาจจะมี6-7แสนโลได้และน่าจะขายต่อรับรถรุ่นใหม่มาแทน ผมเลยคิดว่า1ล้านโลน่าจะเป็นไปได้สำหรับรุ่นนี้ครับ
-
รถยุโรปเดี๋ยวนี้ปัญหาเยอะครับ แต่ตัววอลโว ผมเองไม่เคยสัมผัสอาจจะไม่สามารถตอบได้
แต่ เบนซ์กับบีเอ็ม ผมเห็นว่าไม่ทนทานครับ อย่างของผมคันแรก เคลมแผงวงจรเกียร์ตั้งแต่ 20,000 กิโลเมตรแรก ทั้งที่ขับแบบนิ่มนวลมาก (เริ่มเสียตั้งแต่ 5,000 กิโลเมตรแรกด้วยซ้ำ เพราะเวลาข้ามทางรถไฟ เร่งไม่ออกบ่อยมากครับ ดีที่ไม่โดนรถไฟชน)
คันที่สอง เคลมถังพักน้ำฉีดกระจก ไฟเครื่องโชว์ โบรวเวอร์แอร์เสียงดัง แต่ยังไม่มีเวลาไปเคลมเลยครับ เพราะจะเคลมที ต้องเอารถไปทิ้งไว้ ทั้งที่บางอาการ ไม่น่าเกิน 3 ชั่วโมงก็ควรจะทราบผลแล้ว
นี่ ผมว่าจะลองเปลี่ยนไปเล่น Audi ดูบ้าง ไม่รู้จะเป็นอย่างไรภายใต้ผู้แทนใหม่
-
รถยุโรปเดี๋ยวนี้ปัญหาเยอะครับ แต่ตัววอลโว ผมเองไม่เคยสัมผัสอาจจะไม่สามารถตอบได้
แต่ เบนซ์กับบีเอ็ม ผมเห็นว่าไม่ทนทานครับ อย่างของผมคันแรก เคลมแผงวงจรเกียร์ตั้งแต่ 20,000 กิโลเมตรแรก ทั้งที่ขับแบบนิ่มนวลมาก (เริ่มเสียตั้งแต่ 5,000 กิโลเมตรแรกด้วยซ้ำ เพราะเวลาข้ามทางรถไฟ เร่งไม่ออกบ่อยมากครับ ดีที่ไม่โดนรถไฟชน)
คันที่สอง เคลมถังพักน้ำฉีดกระจก ไฟเครื่องโชว์ โบรวเวอร์แอร์เสียงดัง แต่ยังไม่มีเวลาไปเคลมเลยครับ เพราะจะเคลมที ต้องเอารถไปทิ้งไว้ ทั้งที่บางอาการ ไม่น่าเกิน 3 ชั่วโมงก็ควรจะทราบผลแล้ว
นี่ ผมว่าจะลองเปลี่ยนไปเล่น Audi ดูบ้าง ไม่รู้จะเป็นอย่างไรภายใต้ผู้แทนใหม่
ผมว่าถ้าแต่ก่อนอ่ะ BMW ไม่ทน
Benz ทน
แต่เดี๋ยวนี้ BMW ทนมากครับ ใช้มาหลายคัน เกือบแสนกิโลแล้ว ไม่เห็นมีปัญหาจุกจิกใดๆ รุ่น 520d นะครับ ส่วน 320i ก็ไม่มีปัญหาอะไรเช่นกัน
-
รถยุโรปเดี๋ยวนี้ปัญหาเยอะครับ แต่ตัววอลโว ผมเองไม่เคยสัมผัสอาจจะไม่สามารถตอบได้
แต่ เบนซ์กับบีเอ็ม ผมเห็นว่าไม่ทนทานครับ อย่างของผมคันแรก เคลมแผงวงจรเกียร์ตั้งแต่ 20,000 กิโลเมตรแรก ทั้งที่ขับแบบนิ่มนวลมาก (เริ่มเสียตั้งแต่ 5,000 กิโลเมตรแรกด้วยซ้ำ เพราะเวลาข้ามทางรถไฟ เร่งไม่ออกบ่อยมากครับ ดีที่ไม่โดนรถไฟชน)
คันที่สอง เคลมถังพักน้ำฉีดกระจก ไฟเครื่องโชว์ โบรวเวอร์แอร์เสียงดัง แต่ยังไม่มีเวลาไปเคลมเลยครับ เพราะจะเคลมที ต้องเอารถไปทิ้งไว้ ทั้งที่บางอาการ ไม่น่าเกิน 3 ชั่วโมงก็ควรจะทราบผลแล้ว
นี่ ผมว่าจะลองเปลี่ยนไปเล่น Audi ดูบ้าง ไม่รู้จะเป็นอย่างไรภายใต้ผู้แทนใหม่
ผมว่าถ้าแต่ก่อนอ่ะ BMW ไม่ทน
Benz ทน
แต่เดี๋ยวนี้ BMW ทนมากครับ ใช้มาหลายคัน เกือบแสนกิโลแล้ว ไม่เห็นมีปัญหาจุกจิกใดๆ รุ่น 520d นะครับ ส่วน 320i ก็ไม่มีปัญหาอะไรเช่นกัน
ถ้าตัวใหม่ๆ ผมไม่ทราบนะครับ เพราะเปลี่ยนไปใช้เบนซ์ก่อน
bmw ตัวสุดท้ายที่ผมใช้คือ e60 525iSe ปี 04 ล็อตแรก กับปี 07 ครับ เกียร์มีปัญหาทั้งคู่ (เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตอน 1 แสนกิโลเมตรครับ อาจจะเปลี่ยนช้าไป)
แล้วก็ก่อนขายก็จะมีปัญหาของคันปี 07 คือ มีไฟรั่วแต่หายังไม่เจอว่ารั่วตรงไหน ถ้าจอดทิ้งไว้ 3 วัน ไฟหมดต้องเรียกช่างมาพ่วงอีก แล้วก็บางครั้ง ประตูปลดล็อคแล้ว แต่เหมือนสลักข้างในมันมีปัญหา เปิดประตูไม่ได้อีก
สุดท้ายเลยขายไปครับ
นี่ ชั่งใจอยู่ว่าจะ e หรือ s5 หรือ a5 coupe ดี เพราะตัว e ก็ดันเป็นระบบไฟฟ้า ส่วน s5 ดันเป็นดีเซลอีก - -
-
ใช้รถ 10 ปี ไม่ควรเลือก Hybrid ครับ แนะนำน้ำมันล้วนๆดีกว่าครับ
ถ้าชอบตราดาว ก็หามือสองวิ่งน้อยๆ E220d W213 ครับ ผมว่าประหยัดและแรงอยู่นะครับ
ถ้าชอบใบพัดฟ้าขาว ดีเซลก็มี 520d Msport เบนซินก็มี 530i Msport ซึ่งผมชอบมากกก มี BSI 3ปี ซื้อเพิ่มได้ถึง 5 ปี
ออกมาก็ยังซ่อมอู่นอกได้เยอะแยะครับ
ขอให้ได้รถที่ถูกใจนะครับ
-
S90 D4 ไหมครับ ตัว Inscription CBU ไม่รุ้ว่าหาได้อยู่ไหม 3.99 ล้าน
หรือ D4 Momentum CKD 3.09ล้าน ออพน้อยหน่อยรับได้ไหม
ถ้าสนใจ Hybrid ใช้ยาวๆแล้วจุกจิกน้อย Lexus ES300h only
ในกรุงเทพฯ CBU ยังเหลือสีดำอยู่หลายคัน สีขาว2 คัน สีเทา1 คัน ครับ (มี 2ดีลเลอร์ จาก 3ดีลเลอร์ครับ)
ส่วน SKD ระบบรักษาความปลอดภัยเท่ากับ CBU ต่างกันแค่ ซันรูฟ กล้อง360 โคมเมี่ยมรอบคัน ปลายท่อไอเสีย กระจังหน้าเปลี่ยนสี เบาะNappa เครื่องเสียง วัสดุตกแต่งภายในจากไม้เป็นพลาสติกและจอแสดงข้อมูลหลังพวงมาลัยครับ
-
อู่ที่ผมรู้จักรับทำรถโรงแรม รถสนามบิน ผมเห็นW211 E220CDI อายุประมาณ10-12ปี แต่ละคันวิ่งมา4แสนกว่าโล บางคัน5แสนกว่าโล เครื่องยังไม่เคยทำ ส่วนใหญ่มาทำเกียร์กับช่วงล่าง ตอนนี้เลยเข้าใจว่ายิ่งระบบมันเยอะขึ้นต้องดูแลรักษามากขึ้น ล้านโลในยุคนี้ผมก็ยังคิดว่าเป็นไปได้อยู่นะ
OM651 หัวฉีด เทอร์โบ DPF ถ้าเกิน2แสนโลไปอยู่ในภาวะเสี่ยงพังแล้วครับ
w211 ผมมั่นใจว่าต้องเจอSBCแล้วทุกคันกับอายุรถเท่านั้น
ระบบช่วยการขับขี่ยังไงก็ต้องซ่อมครับ เกิน10ปีก็คงเริ่มทยอยมา เทอร์โบต้องทำอยู่แล้วครับส่วนใหญ่ก็อย่างที่คุณบอกประมาณ2แสนโลต้องทำ แต่ของเพื่อนผมที่เห็นใช้ๆกันอยู่พังตอน150,000โล ส่วนที่ผมหมายถึงเครื่องยังไม่เคยทำคือยังไม่เคยยกลงมาโอเวอฮอลครับ เครื่องยังไม่หลวม จากอายุประมาณ10-12ปีวิ่ง4แสนกว่าโล ถ้าวิ่งใช้งานต่ออีกซัก5-6ปีก็อาจจะมี6-7แสนโลได้และน่าจะขายต่อรับรถรุ่นใหม่มาแทน ผมเลยคิดว่า1ล้านโลน่าจะเป็นไปได้สำหรับรุ่นนี้ครับ
อ่อครับ เข้าใจคนละอย่างกัน
ผมนึกว่าของหนักๆ ไม่เสียเลยล้านโล
-
ถ้าตรงทุก criteria ของเจ้าของกระทู้ ผมคิดไม่ออกนะครับ
แต่ถ้าใกล้เคียงสุด ผมเชียร์ BMW ที่เป็นเครื่อง diesel ครับ รองลงมาก็ Volvo ครับ