สวัสดีครับพี่ ขอบคุณครับ ดีครับที่มาช่วยกันลองคิดวิเคราะห์แบบใช้ logic กันดู
1.ระบบการชาร็จไฟกลับ ผมคิดว่า E power ต้องมีนะครับ นี่เป็นหัวใจของระบบ hybrid เลยครับ
เพราะมันเป็นการเอาพลังงานที่ทิ้งเปล่า ๆ เอากลับมาใช้ขับเคลื่อนอีกรอบ เป็นส่วนที่ช่วยประหยัด
ได้เปรียบระบบสันดาปอย่างเดียวอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ ทีนี้พอต้องมีระบบนี้แล้ว มันจะต้องมี
อัลกอลิทึมในคอมพิวเตอร์สั่งการ ซึ่งมันก็จะเป็นลอจิกเดียวกับ hybrid ทั่วไป ไม่ต่างกันเลยครับ
ตัวมอเตอร์ขับเคลื่อน เมื่อถึงเวลานึงก็ต้องสลับหน้าที่กลับมาเป็นเจนเนอร์เรเตอร์ปั่นไฟกลับ
ซึ่งก็ทำงานเหมือน hybrid ทั่วไปเช่นกัน รวมไปจนถึงอินเวอร์เตอร์ด้วยน่ะครับ
2.ระบบ hybrid ทั่วไปที่มีการทำงานสลับกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์
- ถ้าเทียบกับ hybrid I-MMD ของ Honda มันจะมีการทำงานสลับกันระหว่างมอเตอร์กับเครื่องยนต์
ที่ความเร็วสูง เป็นการตัด - ต่อ กำลังว่าจะให้มอเตอร์ หรือ เครื่องยนต์ อย่างใดอย่างหนึ่งลงล้อ
ระบบนี้ใช้ครัชท์เป็นตัวแยกครับ ซึ่งมีชิ้นส่วนสึกหรอสิ้นเปลืองคือครัชต์ แต่คิดว่าการตัดต่อทำโดยระบบ
ไม่ใช่คนเหยียบครัชต์แบบรถเกียร์ธรรมดา ดังนั้นอายุการใช้งานน่าจะเกินหลักแสน กม. ไปเยอะ
ก็ถือว่าแลกกับสมรรถนะของรถที่ความเร็วสูงครับ (e-power กับ I-MMD มีหลักกการทำงานเหมือนกัน
เป๊ะ ๆ ที่ความเร็วต่ำครับ)
- ถ้าเทียบกับ hybrid Toyota ระบบส่งกำลังเป็นเฟืองเกียร์ ไม่มีครัชต์
มองในความสึกหรอเชิงกลไก ก็มีเกียร์ที่เป็นชุดเฟือง ความทนทานก็น่าจะระดับเดียวกับรถเกียร์ธรรมดานะครับ
แต่ถ้ามองในแง่ระบบควรคุม หรือวงจรคอมพิวเตอร์ อันนี้ก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์ลักษณะเดียวกับ e-power
แหละครับ ขึ้นอยู่กับว่ายี่ห้อไหนใช้ของที่มีคุณภาพทนทานมากกว่ากัน
3. เครื่องยนต์ทำหน้าที่แค่ปั่นไฟ ไม่ต้องใข้เครื่องใหญ่ก็ได้
อันนี้น่าคิด เครื่องเล็ก แต่ต้องปั่นไฟให้ได้พลังงานที่พอจะพารถวิ่งออกไปได้
ลองเทียบกับการปั่นจักรยานออกกำลังในฟิตเนสสิครับ น่าจะพอเห็นภาพละ
เอาจริง ๆ คือ ผมมองว่า มันคือไฮบริด ณ วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบอะไร อุปกรณ์ส่วนควบต่าง ๆ ก็ไม่ได้ต่างกันมาก
คือ เครื่องยนต์ มอเตอร์ แบตเตอรี่ อินเวอร์เตอร์ ECU และอื่น ๆ ความแตกต่าง ณ วันนี้คือ วิธีการจัดเรียงอุปกรณ์
เหล่านี้และกำหนดวิธีการทำงานของมันกับการเลือกขนาดเล็ก-ใหญ่ของเครื่องยนต์ มอเตอร์ และ แบตเตอรี่
เท่านั้นเองครับ
แต่ผมคิดว่า Nissan คงสร้าง e-power ขึ้นมาให้ระบบได้เปรียบในช่วงความเร็วต่ำ-กลาง
รถน่าจะกระฉับกระเฉงแบบเร่ง ๆ หยุด ๆ ได้ดีและอัตราการกินน้ำมันน่าจะดูดีเลย
แต่ช่วงความเร็วกลาง-สูง และการวิ่งแบบ cruising คาดว่าน่าจะด้อยกว่าระบบอื่น เผลอ ๆ
จะด้อยกว่าการใช้เครื่อง 1.2L ขับล้อตรง ๆ แบบรถสันดาปปกติด้วยซ้ำครับ
3 ย่อหน้าสุดท้าย ผทไม่ค่อยจะเห็นด้วยสักเท่าไรนักนะครับ
เริ่มจาก E-Power ถ้าเทียบกับ Hybrid แล้ว มันตัดการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ลงล้อไป
เพราะนั้น จากเครื่อง ไม่ต้องมีคลัทช์ที่ตัดต่อระหว่าง Generator กับ ลงล้อ ไม่ต้องมีซอฟต์แวร์คอยคำนวณ
ผมว่าอะไหล่ก็น้อยลงไปเยอะนะครับ
.
ส่วนเรื่องเครื่องเล็ก ผมเห็นด้วยกับคุณ Smith66 มากกว่านะ ว่าเครื่องมันเล็กลงได้จริงๆ
สมมติว่าคุณมีรถคันหนึ่งที่ต้องการกำลังสูงสุด 200 แรงม้า
ถ้าคุณใช้รถธรรมดา หรือ Hybrid ปกติ รถคุณต้องใส่เครื่อง 200 แรงม้านั้นลงไป
แต่ E-Power คุณใส่มอเตอร์ 200 แรงม้า แต่อาจจะใช้เครื่อง 150 แรงม้าได้ เพราะคุณมีพลังงานตุนอยู่ในแบตเตอรี่
ถ้าคำนวณแบตเตอรี่ใหญ่พอที่จะครอบคลุมการใช้งานได้ ก็ไม่มีปัญหา เพราะไม่มีใครเหยียบ 200 hp แช่ยาวๆ ถึงจุดหนึ่งต้องถอนคันเร่ง
แต่ถ้าแบตเตอรี่/เครื่อง เล็กเกินไป ก็อาจเป็นจุดบอด ที่ทำให้กำลังตกวูบกลางทางได้ ดังนั้น ถ้าแบตใหญ่ เครื่องอาจไม่ต้องใหญ่มากก็ได้ครับ
.
ข้อสุดท้าย การ Cruising ยาวๆ ผมว่ายังไงรถสันดาปล้วนก็ยังสู้ไม่ได้ครับ ถึงแม้จะเป็นเกียร์คลัทช์ขับตรง
แต่เครื่องสันดาปล้วนทำงานตามวัฏจักร Otto ในขณะที่ Hybrid/E-Power เป็นวัฏจักร Atkinson ซึ่งมีประสิทธิภาพสันดาปสูงกว่า
เราอาจได้เห็นความสิ้นเปลืองที่ "ใกล้เคียงกัน" มากกว่าครับ แต่คงยากที่ Hybrid/E-Power จะแพ้รถสันดาป ถ้าอยู่ในรุ่นเดียวกันนะ