Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: apinui ที่ ตุลาคม 11, 2018, 13:02:03
-
เป็นอีกครั้งที่ผมนั่งดูคลิปต่างๆใน youtube แล้วพบหลายๆคลิปที่รถแรงม้าเยอะกว่า จากตัวเลขที่ผู้ผลิตแจ้งออกมา แต่จากการวิ่งจริงกลับแพ้รถที่มีตัวเลขต่างๆด้อยกว่า แบบขาดลอย ...
ตัวอย่างคลิปนี้ครับ
https://youtu.be/FtpAYCPGbAQ
ตัวรถ Aston Martin DBS Superleggera เหมือนจะตัวเล็กกว่า แต่น้ำหนักรวมมากกว่า Mercedes-AMG GT R
แต่ตัวเลขแรงม้า และแรงบิด รวมถึง เวล 0-62 ไมล์ ก็ดีกว่า แต่วิ่งจริงดันแพ้ตั้งแต่ออกตัวยันปลายเส้น (Aston Martin DBS Superleggera ออกตัวก่อนนิดนึงด้วย)
เราลองมาพูดคุยกันเล่นๆดีไหมครับว่า เพราะอะไร และรถที่แรงม้าออกมาเวอร์ๆ แต่วิ่งจริงไม่ได้ดีกว่าคันที่แรงม้าน้อยกว่า บางคันวิ่งแย่กว่าแบบนี้ .. มันเป็นที่อะไรกัน ...
-
เกียร์ ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ หรือ 4 ล้อ อาการฟรีช่วงออกตัว น้ำหนักรถ อากาศพลศาสตร์ รูปแบบของเครื่องยต์ มีผลทั้งนั้นนะ
-
บางที ผู้ผลิตต้องโกหกลดแรงม้า ตีตั๋วเด็ก เพื่อลดค่าภาษีกับค่าประภัยครับ เช่นสมัยปี 60 - 70 ที่ทางเมกาทำกับรถมัสเซิลคาร์เพื่อให้ราคาขายถูกลง
แต่ในกรณีนี้ รถเล็กกว่า เบากว่า ม้าน้อยกว่า กลับชนะรถม้าเยอะทั้งที่รถม้าเยอะมีอัตราเร่ง 0 - 62 ที่ดีกว่าเพราะ amg ดูแล้วลู่ลมกว่าครับ อัตราเร่งช่วง
หลัง 62 ไมล์จึงดีกว่า
-
ครั้งแรกที่เห็นรถอย่าง nissan gtr ถ้าดูจากตัวเลข spec
ไม่ว่าจะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
น้ำหนักตัว cc. จำนวนแรงม้า
ผมยังไม่เคยคิดว่ามันจะเอาไปเทียบชั้นการวิ่งกับพวก super car ได้เลย แต่พอลงไปลองฟัดกันจริงๆ เอ่อ ใช้ได้เลยแฮะ
ดังนั้น ตัวเลขจากโรงงาน บางทีก็คาดการณ์ลำบากมากๆ เพราะปัจจัยยิบย่อยมันเยอะกว่าแค่นน.รถ ค่าความต้านทาน แรงมา แรงบิด ระบบขับเคลื่อน ฯลฯ
บางครั้งมันละเอียดไปถึงการจูนรถในรอบการทำงานของเครื่องยนต์ด้วย ละเอียดอ่อนมากครับ
............................................
-
ไม่จำเป็นครับ ต้องดูน้ำหนักตัว แรงบิดด้วย เกียร์อีกต่างหาก ฯลฯ....
-
ง่ายที่สุดก็คือเรื่อง น้ำหนัก / แรงม้า ครับ
และ Traction ซึ่งก็คือ ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ 4 ล้อ, ยาง
จากนั้นต้องมาวิเคราะห์ ระบบถ่ายทอดกำลัง ซึ่งคือ เกียร์ (รูปแบบของเกียร์, การทดเกียร์, สมองกลที่ใช้ควมคุม) และ ชื้นส่วนที่ถ่ายทอดแรงมาที่ล้อ
หลังจากนั้นพอรถเริ่มออกตัวไปความเร็วสูงๆ ต้องมาวิเคราะห์อากาศพลศาสตร์ (ความลู่ลม)
ซึ่งเราเห็นได้จากค่า Cd-Drag coefficient (เอาจริงๆมันแปรผันตามความเร็วด้วย ไม่ได้เป็นค่าคงที่เป๊ะๆ ทุกช่วงความเร็ว)
โดยยิ่งความเร็วสูง ยิ่งสำคัญ เพราะว่า Drag force จะแปรผันตาม ความเร็ว ยกกำลังสอง
เรื่องตัวเลขแรงม้า บางยี่ห้อ วัดม้าจากล้อ บางยี่ห้อวัดจากเครื่อง
สารพัดสารเพครับ
-
Clip อันนี้ช่วยอธิยาบได้ดีครับ กบตัวพ่อ GT2RS 700 ม้า เจอกบตัวแข่ง Cup Car 400 ม้า ทำเวลาดีกว่า
https://www.youtube.com/watch?v=GsPfnbk0DtQ&t=9s
-
มันมีหน่วยใหม่ๆที่นำเอามาใช้วัดค่าประสิทธิภาพของรถได้ค่อนข้างดี เช่น แรงม้า/น้ำหนัก
ไม่ต้องไปมองถึง super car ในระดับรถบ้านๆก็พอจะเปรียบเทียบกันได้ครับ
เช่นกระบะบ้านเราที่มีแรงม้า 180 - 200 ต้นๆ แต่ด้วยน้ำหนักเกือบ 2 ตันอาจจะวิ่งได้ไม่เร็วไปกว่ารถเก๋งเครื่อง 1500 ที่มีน้ำหนักแค่ตันกว่า ก็ได้
นอกจากแรงม้าแล้วก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆที่ทำให้รถวิ่งได้เร็วแตกต่างกันไปอีก เช่น การปรับเซตระบบส่งกำลัง การออกแบบตามหลัก aerodynamic เพื่อช่วยลดแรงต้านของอากาศ เป็นต้น
-
ไม่เสมอไปแน่นอนครับ เกียร์ ระบบขับเคลื่อน มีผลอย่างมากแน่นอน
อย่าง Mazda CX-5 2.5 เบนซินโฉมที่แล้ว ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 8 วิกว่าๆ เพราะเกียร์ทดจัดและไม่อมแรง กดคันเร่งปุ๊บกระโจนออกไปทันที
ขณะที่คู่แข่งอย่าง X-Trail 2.5 หรือ CR-V 2.4 เร่ง 0-100 ช้ากว่าร่วม 2 วินาที เพราะเกียร์ CVT ค่อนข้างจะอมแรงตอนออกตัว
-
เกียร์ ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ หรือ 4 ล้อ อาการฟรีช่วงออกตัว น้ำหนักรถ อากาศพลศาสตร์ รูปแบบของเครื่องยต์ มีผลทั้งนั้นนะ
+1 ครับ
ไม่งั้น 10ล้อก็เร็วกว่ากระบะธรรมดาละสิ ถ้าวัดกันแค่แรงม้า
-
Mercedes Amg ตัวก่อนๆไงครับรุ่น 4 ปีที่แล้วขึ้นไปม้าเยอะแรงบิดมหาศาลขับหลัง ฟรีทิ้งควันท่วมเลย เวลาไม่ดีเท่าที่ควร ปัจจัยเยอะมากครับเทียบเฉพาะรถsupercar ผมเห็นม้าพอกันทางตรงนี่ mcralen, Lamborghini, porsches ขึ้นเร็วกว่า Ferrari เกือบหมดนะแต่พอวิ่ง circuit Ferrari เอาไปกินหมด
-
งั้น แตกประเด็นย่อยจากคำตอบของหลายๆท่าน....
ถ้าเรามองมาที่รถบ้าน ที่เราๆใช้กัน การที่ผู้ผลิตทำแรงม้าออกมา มากๆแสดงตัวเลขต่างๆให้มากกว่าคู่แข่ง .. ตัวเลขเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถของแต่ละท่านอยู่ไหมครับ ...
ตัวเลขที่ผู้ผลิตแจ้ง มันสามารถบ่งบอกถึง สมรรถนะโดยรวมของรถ ได้อย่างน่าเชื่อถือแค่ไหน
-
อีกคู่นึง รถบ้านๆลงมาหน่อย
1.accord 2.0T 252 แรงม้า
2.camry v6 3.5 301 แรงม้า
คันแรกไวกว่าเท่าที่ดูคือ (ทุก) การทดสอบ
แต่ไม่มาไทยทั้งคู่มั้งครับ
-
งั้น แตกประเด็นย่อยจากคำตอบของหลายๆท่าน....
ถ้าเรามองมาที่รถบ้าน ที่เราๆใช้กัน การที่ผู้ผลิตทำแรงม้าออกมา มากๆแสดงตัวเลขต่างๆให้มากกว่าคู่แข่ง .. ตัวเลขเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถของแต่ละท่านอยู่ไหมครับ ...
ตัวเลขที่ผู้ผลิตแจ้ง มันสามารถบ่งบอกถึง สมรรถนะโดยรวมของรถ ได้อย่างน่าเชื่อถือแค่ไหน
ถ้าย่อยลงมากว่านั้น
ทุกวันนี้ที่ผมขับฟรีดเครื่องเดิมๆ ที่ใครๆก็ว่าอืดอย่างงั้น อืดอย่างงี้ ผมกลับไม่รู้สึกว่าอืดเลยนะครับ
ยอมรับว่าต่างกับแจ้สที่ใส่เครื่องเดียวกัน เกียร์เดียวกันอยู่บ้าง แต่เมื่อรถลอยตัวแล้ว หากรู้จังหวะของการต่อเกียร์ ผมก็สามารถพามันไปตามแจ๊สไม่ไกลมาก
อย่างเวลาแฟนผมขับฟรีด เค้าก็จะถามว่า ผมขับยังไงให้เร็วได้ ทำไมเค้าขับไม่ได้ อันนี้ผมตอบไม่ถูกเลย เพราะปกตินางขับแต่รถแรงม้าเยอะ โดยไม่รู้วิธีเลี้ยงรอบและต่อเกียร์เลย
-
เคยดูคลิป Chevrolet Corvette ZR1 755 แรงม้า แข่งทางตรงกับ Lamborghini Huracan 610 แรงม้า Corvette ZR1 มีม้ามากกว่า Huracan อยู่ 145 ตัว
แต่ปรากฎว่า Huracan ทิ้ง Corvette ZR1 เป็นทุ่ง แค่ออกตัวก็กินขาดแล้ว
-
บางทีคนขับยังมีส่วนเลยครับ เคยดูการแข่งมอเตอร์ไซค์บ้าน
แต่เอานักแข่ง Motor GP ใส่ไปสองคน
นักแข่งมืออาชีพเล่นสนุกเลย
ตัวแปรหลักๆ ผมคิดว่าน้ำหนักต่อแรงม้ามีผลเยอะเลยครับ
ดูอย่างพวกรถตัวแข่ง F1 หรือ Super car มักจะเน้นที่วัสดุน้ำหนักเบา
แล้วไปเพิ่มแรงกดที่อากาศพลศาสตร์เอา
ปัจจุบันค่ายผู้ผลิตรถยนต์ก็เน้นลดขนาดเครื่อง และน้ำหนักตัวรถไปพร้อมๆกัน
-
911 Turbo S ก็เป็นแบบนี้เพราะเครื่องวางหลัง เวลาออกตัวทำให้นำหนักกดลงที่ล้อหลังอย่างเดียวทำให้ออกตัวแรงที่สุดในคลาส
-
น้ำหนักส่งผลเยอะมากครับ แค่รถคันเดิม เครื่องเดิม ตัวเลขแรงม้าแรงบิดเท่าเดิม แค่แบกน้ำหนักเพิ่มก็ทำความเร็วได้แย่ลงละครับ หรือแม้แต่เปลี่ยนล้อรถให้หนักขึ้นก็ส่งผลแล้ว
ส่วนปัจจัยอื่นๆอีกเพียบก็ตามที่หลายๆท่านว่ามาครับ
-
ประสิทธิภาพการส่งกำลัง ระบบช่วงล่าง ล้อยาง อัตราทดเกียร์
ระยะทางที่แข่งต้องสอดคล้องกัน ไม่รวมฝีมือ
-
แรงม้า
กราฟ แรงม้า/บิด
น้ำหนัก
เกียร์
อัตราทดเฟืองท้าย / เกียร
ระบบขับเคลื่อน
ความสูญเสีย
ขนาดยาง
ประเภทยาง
CG
CoEf
ระบบออกตัว
ฝีมือคนขับ
แรงโม้
แรงมโนคนนั่ง
มีผลมากๆ ไม่ใช่แค่แรงม้า
ยกตัวอย่าง ผมเคยมี วอลโว่ สองร้อยกว่าม้า แต่ขับยังไงก็ไม่มัน มัน ทื่ออออออออออออออ เซตติ้งทุกอย่างเซฟๆเกียร์เนือยๆไม่มัน ไม่ออกอาการแรง ตัวเลขก็ไม่ได้ดีมาก
ขณะที่ บีเอ็ม ร้อยม้าปลาย กลับสู้ตายถวายหัวเครื่องเกียร์ จัดให้ มันแรงกว่า เร็วกว่าชัดเจน
ยิ่งในตอนขับจริงๆไม่ใช่แค่ ออกตัว 0-100
ตอน ลอยๆตัว การตอบสนอง อัตราทดเกียร์ รูปแบบกำลังเครื่อง มันมีผลต่อ ความแรง มากกว่า ม้าสูงสุด ม้าเยอะแต่ไม่ได้ใช้ มารอบสูง มาแล้วเหี่ยว กลับขับแล้วหงุดหงิดกว่าอีก
-
รถเดี๋ยวนี้บางรุ่นในสเป็คกับแรงม้าจริงต่างกันเยอะก็มีครับ โดยเฉพาะรถที่ positioning ในตลาดเป็นตัวรองจะพยายามไม่ให้ตั้งสเป็คแรงม้าไปใกล้กับตัวที่สูงกว่า อย่าง Huracan แรงม้าลงพื้นใกล้กับ Aventador มากกว่าในสเป็คจริง Porsche 911 Carrera GTS นี่แรงม้าลงพื้นไม่ต่างจาก GT3 เลย
-
ไม่เสมอไปครับ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างมากๆ
อย่าง Swift ใหม่กับเก่าคือตัวอย่างที่จับต้องได้
รุ่นใหม่ม้าน้อยกว่า แต่อาศัยวิชาตัวเบา จึงทำให้วิ่งได้เร็วกว่ารุ่นเก่า
หรืออัลติส 1.6 กับ Civic 1.8 ถึงเครื่องจะคนละ CC. กัน ม้าห่างกันร่วมๆ 15 ตัว
Civic นำช่วงออกตัวก็จริง แต่พอลอยตัวแล้ว อัลติสไปตีคืนเอาช่วงเร่งแซง 80-120 ได้
แสดงว่าเครื่องเกียร์อัลติส 1.6 มันก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
-
นอกจากแรงม้า แรงบิด เกียร์ แล้ว ยังมีเรื่องอากาศพลศาสตร์เข้ามาเกี่ยวด้วย โดยใช้อุโมงค์ลม ในการทดสอบ
https://m.youtube.com/watch?v=XN0MVpsH_MM
-
Mu-X 1.9 VS Fortuner 2.4
แรงม้าเท่าๆกัน แรงบิด Mu-X น้อยกว่าด้วยซ้ำ
พอจับเวลา Mu-X แรงกว่านิดๆ แปลกมั้ย?
ยิ่ง For 2.8 กับ Mu-X 3.0 ยิ่งชัด
Mu-X นี่ปลายไหลมาเลย Fortuner นี่ 180 ก็ตื้อแล้ว
แต่พอขับจริง เห้ย Fortuner ขับแล้วทันใจกว่า แปลกมั้ย?
ขนาดเทอร์โบ รอบแรงม้าสูงสุด แรงบิดระหว่างทาง ความลู่ลม การส่งกำลัง สภาพถนน
รถบ้านๆบางรุ่น เช่น City Vios สมัย 4AT VS 5AT
แรงม้าซิตี้มากกว่าเกือบ 10% น้ำหนักเท่าๆกัน เกียรก็มากกว่า แต่ซิตี้ก็หนีวีออสไม่ออก
ปัจจัยหลากหลายครับ อย่าคิดมาก 8)
-
ต้องดู power-weight ratio เป็นหลักครับ แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆอีกเยอะ
-
ปัจจัยเยอะมากๆ ต้องทดลองขับ จริงๆหลายคัน ตัวเลขจับเวลาเร็ว แต่ขับจริง ไม่รู้สึกแรง ไม่สนุกครับ
-
ผมว่าต้องดูที่แรงม้าและแรงบิดเฉลี่ยในกราฟ คันที่แรงม้ามากกว่าอาจมีช่วงแคบมากๆ คันที่น้อยกว่ามีช่วงที่แรงม้าสูงสุดช่วงกว้างมาก
-
แรงม้าเท่าไหร่ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ใครอยู่หลังพวงมาลัยครับ :P
-
เห้นจำนวนกระทู้ที่ตอบ ไม่นึกว่าจะตั้งคำถามแนวนี้ได้ เพราะน่าจะมีความรู้เยอะพอควร และน่าจะรู้ว่ามีเหตุเกิดจากอะไร แต่เปิดประเด้นมาแล้ว ก็คุยกันได้ครับ เผื่ออยากให้คนไม่รู้ได้รู้
แรงม้าที่พูดกันวัดกันที่ไหนครับ ปกติจะวัดที่เครื่องยนต์โดยตรง ไม่ผ่านระบบทดเกียร์ ระบบส่งกำลัง จนถึงล้อที่วิ่ง ในเมื่อตัวแปร แตกต่างกัน มันไม่มีทางเทียบได้ ต้องปรับตัวแปรให้เท่ากันก่อน
ชนิดเกียร์ อัตราทด ระบบส่งกำลัง น้ำหนักรถ แอโร่ไดนามิก แรงเสียดทานของยาง ชนิดน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเชื้อเพลิง ฝีมือคนขับ มีผลต่อความเร็วรถทั้งนั้น
ปล. ยกตัวอย่างง่ายๆ รถ 2 คัน ยี่ห้อ รุ่นเดียวกัน แค่เปลี่ยนยาง เก่าใหม่ อัตราเร่ง ความเร็วปลายยังต่างกันเลย
-
เห้นจำนวนกระทู้ที่ตอบ ไม่นึกว่าจะตั้งคำถามแนวนี้ได้ เพราะน่าจะมีความรู้เยอะพอควร และน่าจะรู้ว่ามีเหตุเกิดจากอะไร แต่เปิดประเด้นมาแล้ว ก็คุยกันได้ครับ เผื่ออยากให้คนไม่รู้ได้รู้
แรงม้าที่พูดกันวัดกันที่ไหนครับ ปกติจะวัดที่เครื่องยนต์โดยตรง ไม่ผ่านระบบทดเกียร์ ระบบส่งกำลัง จนถึงล้อที่วิ่ง ในเมื่อตัวแปร แตกต่างกัน มันไม่มีทางเทียบได้ ต้องปรับตัวแปรให้เท่ากันก่อน
ชนิดเกียร์ อัตราทด ระบบส่งกำลัง น้ำหนักรถ แอโร่ไดนามิก แรงเสียดทานของยาง ชนิดน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเชื้อเพลิง ฝีมือคนขับ มีผลต่อความเร็วรถทั้งนั้น
ปล. ยกตัวอย่างง่ายๆ รถ 2 คัน ยี่ห้อ รุ่นเดียวกัน แค่เปลี่ยนยาง เก่าใหม่ อัตราเร่ง ความเร็วปลายยังต่างกันเลย
หลายๆท่านให้ความเห็นกันไปในทางเดียวกันหมดครับ นั่นก็แสดงว่า มีความรู้เรื่องรถกัน หลอกกันไม่ได้เลย
แต่มีประเด็กที่ผมอยากสื่อเพิ่มเติมคือ ... ถ้าในสเป็กที่ผู้ผลิตเครมออกมาสูงกว่าคนอื่น อย่างผู้ผลิตนึง ใส่แรงม้ามา 213 แรงม้า กับเกียร์ 10AT ... และในขณะที่ผู้ผลิตอื่น ใส่แรงม้ามาแค่ 180 กับเกียร์ AT 6 speed เท่านั้น ...
คุณคิดว่า ตัวเลขที่ผู้ผลิตใส่มาให้แบบสุงกว่าคู่แข่ง มันเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาอันดับแรกๆของการเลือกซื้อรถสักคันไหม ..และยิ่งถ้ามีการทดสอบ การที่รถที่มีตัวเลขมากกว่า แต่ทำเวลาโดยรวมทำเวลาแย่กว่า ... เราจะพิจารณาเค้าอย่างไร ...
-
ก็รู้ๆกันอยู่ว่านอกจากจะต้องดูแรงม้าแรงบิดแล้ว ต้องเช็คว่าพีคที่รอบเครื่องเท่าไหร่
มาเต็มที่รอบต่ำ มาสูงสุดที่เรดไลน์ เฟรตทอร์คหรือเปล่า แรงบิคส่งต่อให้แรงม้าต่อเนื่องแค่ไหน
สุดท้ายก็ดูน้ำหนักตัวรถ จับหารเป็นอัตราส่วนว่า1แรงม้าบิดแบกน้ำหนักแค่ไหน
แต่ยังไงตอบก็มาจากไปขับ0-100 80-120 ควอเตอร์ไมล์ ของจริงอยู่ดี
ปัจจัยอื่นมันก็มี คนขับรู้จักเค้นประสิทธภาพรถคันนั้นออกมาได้แค่ไหน สภาพอากาศ คุณภาพน้ำมัน ยางรถยนตร์ ขับลงเนิน ขับขึ้นทางชัน
ไม่พิมเยอะ เจ็บนิ้ว 8) 8) 8)
-
ปัจจัยต่างๆเยอะมาก ส่วนมากก็เกี่ยวกับการ set up ที่ทำมา
-
ส่วนมาก แรงม้า ที่เป็นค่าตัวเลข มันคือ แรงม้าที่วัดจาก flywheel ครับ และ ไม่ค่อยมีค่ายไหนมาบอกว่า ลงพื้นจริงเท่าไหร่ จะมีแต่เหล่า owner ที่ไปจับขึ้นกันเอง
และ ต่อให้แรงม้าลงพื้นเยอะกว่า มันคือใช่คำว่า "แรงกว่า" จริง
แต่....เร็วกว่าหรือไม่ ก็ใช่ว่า "แรงกว่า" จะเร็วกว่าเสมอไป
เพราะ เร็วกว่า มันคือ "แรงม้า : น้ำหนัก" ดีกว่าต่างหาก
เพิ่มเติมคือ aerodynamic ดีกว่า เขาจึงมีพวกระบบ DRS มาทำงานร่วมด้วย สังเกตุง่ายๆและเห็นประจำๆ ก็ active diffuser แล้วแต่ค่ายรถจะเรียกละกัน มาทำงานร่วมกัน ช่วยเพิ่ม หรือ ลด แรงกด มีผลกับความเร็วพอสมควรเช่นกัน
-
เข้าใจผิดกันไปเยอะนะครับ
รถแรงม้าแยะ ก้อต้องแรงกว่าซิครับ
ส่วนทำความเร็วมันขึ้นกับปัจจัยอื่น
ออกแบบรถคันนึง เขาไม่ได้แค่ทำให้วิ่งเร็วที่สุด
มันคือบุคลิกของรถคันนั้นๆครับ ว่า มีบุคลิกยังไง การเซตช่วงล่าง การออกตัว ความสมุทการออกตัว
การเร็วกว่าแค่ระยะสั้นๆ แต่คนขับต้องชำนาญเอาอยู่ กับ ใครๆก็ขับได้ เอาอยุ่ มันคนละเรื่อง
งั้นหากคิดได้แค่ว่า ไห้เร็ว เท่านั้น aston martin หรือค่ายอื่นๆไม่ต้องมี r&d กันหรอกครับ
ไปหาช่างวางเทอโบ แถวบ้านผมก็ทำได้
อย่าโกรธอะไรความเห้นผมมนะครับ
-
ขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถ ระบบขับเคลื่อน เกียร์ด้วยครับ
-
อีกคู่นึง รถบ้านๆลงมาหน่อย
1.accord 2.0T 252 แรงม้า
2.camry v6 3.5 301 แรงม้า
คันแรกไวกว่าเท่าที่ดูคือ (ทุก) การทดสอบ
แต่ไม่มาไทยทั้งคู่มั้งครับ
อยากให้ 2.0 T มาไทยจัง :-*