ตอบ จขกท.
ไม่มีปัญหาครับ ถ้ารอบเครื่องยนต์เหมาะสม และการผ่อนคลัทช์ของเรานุ่มนวล
ในทางกลับกัน ถ้าเป็นการเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ แล้วเราทำแบบกระแทกกระทั้น
เช่นวิ่งอยู่ 80 สับจาก 5 ลง 3 โยนคลัทช์ออกมาเลย รอบเครื่องกระชากสะบัดขึ้นไป 4-5 พันรอบ
แบบนี้ก็มีโอกาสพังได้เหมือนกัน แต่พังเพราะความรุนแรง ไม่ได้พังเพราะการเปลี่ยนเกียร์ลง
ส่วนเรื่องการวิ่งอยู่แล้วเปลี่ยนจากเกียร์ใดใด ลงไปเกียร์ถอยหลัง
ผมไม่เคยทราบมาก่อน ว่ามันมีกลไกล็อคด้วยนะ บางคันอาจจะมีหรือไม่ก็ไม่ทราบ
ผมลองโยกเกียร์รถที่บ้านแต่ละคัน ถ้าดับเครื่องแล้วเหยียบคลัทช์แช่ไว้ก็เห็นไปได้ทุกคัน
แต่ถ้าไม่เหยียบคลัทช์น่ะ ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่อาจจะจะโยกเข้าเกียร์ถอยหลังไม่ได้
เพราะลำพังตัวมันเอง แค่ใส่เข้าไปปกติแบบไม่เหยียบคลัทช์ (ดับเครื่องนะ) ก็ลำบากอยู่แล้ว
ด้วยชุดกลไกและเฟืองเกียร์ ที่มันต้องทำตำแหน่งไม่เหมือนชาวบ้าน เพราะมันเอาไว้บังคับรถให้วิ่งคนละทาง
รถยุโรปที่มีวงแหวนไว้ให้ดึงเพื่อเข้าเกียร์ถอยหลังนั่น คนละเรื่องกับการป้องกันใส่เกียร์ผิดขณะวิ่งเร็วครับ
เพียงแต่ว่าตำแหน่งเกียร์ R ของรถยุโรป มักจะอยู่ตำแหน่ง บนซ้าย ซึ่งพูดง่ายง่ายว่าเลยเกียร์ 1 ออกไปทางซ้ายอีก
ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาการเข้าเกียร์ผิด "ตอนออกตัว" หรือใส่เกียร์ถอยหลังตอนที่ตั้งใจจะเข้าเกียร์ 1
ก็เลยทำวงแหวนแบบนั้นมาให้ จะได้ไม่พลาดง่ายง่าย เรียกว่า ถ้าจะถอยหลังก็ต้องตั้งใจเข้าเกียร์
กลับมาพูดเรื่องวิ่งเกียร์ 5 แล้วเข้าเกียร์ R
เผลอตบลงไปน่ะได้ครับ แต่มันไม่เข้า ไม่ใช่เพราะว่ามีตัวล็อค แต่เพราะเฟืองมันหมุนไปคนละด้านกันเลย
ถ้าเราเคยรื้อเกียร์ออกมาดู เราจะทราบว่าเฟืองเกียร์ทุกตัวหมุนตลอดเวลา แม้ว่าเราจะไม่ได้ใส่เกียร์นั้นก็ตาม
เพียงแต่ว่ามันไม่ได้ส่งแรงขับเคลื่อนลงไปยังเฟืองท้ายเท่านั้นเอง ดังนั้น สมมติว่าเราวิ่งอยู่ 80 กม./ชม.
เฟืองเกียร์ 1 จะหมุนเร็วจี๋ เกินกว่าที่เครื่องยนต์จะรับได้ เรียกว่าถ้ายัดโครมเข้าไป
รอบเครื่องยนต์ได้ตีเป็นรอบมอเตอร์ไซค์ทะลุ 10,000 รตน. เป็นแน่
เฟืองเกียร์ 2, 3, และ 4 ก็จะหมุนด้วยความเร็วลดหลั่นลงมาตามลำดับ
เวลาเราเปลี่ยนเกียร์ เช่น 4->5 ก้านคันเกียร์หรือภาษาช่างไทยเรียกว่า "ตีนผี"
ก็จะไปผลักให้เฟือง "Connector" หลุดออกจากเกียร์ 4
(คิดง่ายง่ายว่า ไอ้เจ้าเฟือง "Connector" นั้นมันต่อไปที่เฟืองท้ายโดยเฉพาะ
ดังนั้น ถ้ามันไปประกบกับเกียร์ไหน เกียร์นั้นก็ทำหน้าที่ส่งกำลังขับเคลื่อนไปที่ล้อ)
แล้วเลื่อนตำแหน่งไปประกบกับเฟืองเกียร์ 5 ทีนี้เมื่อมันหมุนที่ความเร็วต่างกัน
ถ้าใส่เข้าไปตรงตรงก็จะลำบากมาก เพราะเฟืองหมุนเร็วไม่เท่ากัน
(ตอนเปลี่ยนออกจากเกียร์ 4 เฟือง "Connector" หมุนความเร็วเท่าเฟืองเกียร์ 4 ดังนั้นจะหมุนเร็วกว่าเฟืองเกียร์ 5)
เวลาเอามาเจอหน้ากันก็ฟาดกันเละ มีเสียงดังแคร๊งคร๊างดังสนั่นออกมา ถ้ายัดรุนแรงแบบไม่ปราณีก็มีแตกร้าวรูดพินาศกันไป
วิศวกรเลยออกแบบสิ่งที่เรียกว่า "Synchromat" หรือ ซินโครเมท
ซึ่งจะเป็นเบ้ากลมกลมที่ให้ตัวได้ ประกบติดอยู่กับเฟือง Connector เจ้าตัวนี้แหละที่จะทำหน้าที่บาลานซ์
ความเร็วระหว่างเฟืองเกียร์ 5 กับเฟือง "Connector" ให้สัมพันธ์กันก่อน
โดยทำหน้าที่เสี่ยงตายเอาตัวมันไปแปะกับเฟืองเกียร์ 5 (มันไม่มีฟัน มันเป็นแผ่นกลมกลมมีแรงเสียดทานเหมือนคลัทช์)
พอตัวมันหมุนเร็วเท่าเฟืองเกียร์ 5 แล้ว เฟือง "Connector" จึงจะไหลตามมาประกบกับ Synchromat
ด้วยความเร็วที่เท่ากันกับเกียร์ 5 แล้ว การเปลี่ยนเกียร์จึงเป็นไปได้ด้วยความราบรื่น
ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที ที่เราเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เท่านั้นล่ะครับ
แต่ เกียร์ถอยหลังไม่มี Synchromat ดังนั้น มันจะไม่มีทางใส่เข้าไปได้หากรถวิ่งอยู่ด้วยความเร็ว
แต่แน่นอนว่า มันจะมีเสียงครางดังสนั่น และถ้าออกแรงต่อไปมากกว่านั้น เกียร์พังทั้งลูกแน่นอน
ความซวยที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ถ้ามันยัดเข้าไป เฟืองเกียร์หักและรูดเป็นเสี่ยงเสี่ยง แตกออกมาขัดการทำงานของเกียร์ทั้งลูก
ทุกอย่างในเรือนเกียร์หยุดกระทันหัน -> ล้อหยุดกระทันหัน -> "คว่ำ" แน่นอนครับ