ผู้เขียน หัวข้อ: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์  (อ่าน 9420 ครั้ง)

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
ในสมัยก่อนประมาณ 20ปีที่แล้ว หลายท่านจะเห็นรถหลายๆรุ่นมักจะมีเกียร์อัตโนมัติ แค่3เกียร์เท่านั้น อย่างดีก็มีแค่เพียง 4เกียร์  ซึ่ง 5เกียร์นั้นมักจะไปอยู่ในรถเบนซ์หรือ Bmw อยากจะสอบถามนะครับว่าทำเกียร์ออโตเมติกแบบ3เกียร์ ทำไมจึงผลิตได้ยาวนานมากตั้งแต่ยุค 50-60 จนกระทั่งเกียร์อัตโนมัติแบบ4เกียร์ เพิ่งจะมาในยุค 80 นี่เอง  ช่วงเวลานั้นการออกแบบและผลิตเกียร์แบบที่มีหลายเกียร์อย่าง 4- 5สปีดนั้นมันทำยากมากหรือเปล่า ทำไมผูผลิตต้องลากขายยาวนานมากเลยครับ  จนขนาดปัจจุบันรถราคาเอื้อาทรทั้งหลายถ้าไม่เป็น CVT ก็เป็น4สปีดนี่แหละ  ซึ่งเวลาใช้ความเร็วเดินทางที่110เป็นต้นไป ทรมานเครื่องสุดๆ ที่ต้องโหนรอบสูงๆทำให้เครื่องสึกหรอ และกินน้ำมันมากๆครับ

ออฟไลน์ samaklen

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,929
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2020, 15:44:13 »
เดาว่า สมัยก่อน รถอเมริกันเครื่องใหญ่
แรงบิดช่วงกว้าง
ไม่ต้องทดเกียร์ให้ชิดมาก
พอมายุคหลัง เครื่องเล็ก จึงต้องมีเกียร์เพิ่ม
เดาล้วนๆ

ออฟไลน์ Weetting

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,974
  • ช่วงล่าง+เครื่องยนต์
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2020, 15:57:55 »
จริงๆมันเพิ่มเฟืองเข้าไปชุดเดียว  ต้นทุนไม่น่าเยอะมาก

แต่น้ำหนักก็ต่างพอสมควรครับ เพราะตัวเกียร์ยาวขึ้น   ราวๆเกือบ40 KG  ทั้งนี้ทั้งนั้น พอลองดูอัตราทดเกียร์สุดท้าย  4 VS 5  มันต่างกันเยอะใช้ได้เลยนะครับ  พวก 5Speed อยู่ที่ 0.5 - 0.6 เท่านั้น

อย่างเออติก้า เกียร์ 4 นี่ปาไป 0.696  ต่างกันจริงๆเวลาเร่งแซง  พอลดลงมาเหลือ เกียร์3  รอบสูงไปมากครางสนั่นมาก   :P :P :P :P


ผมไม่ซื้อ Ertiga เพราะ 4 Speed พูดเลย    8) 8) 8)

และถ้ายังยืนยันจะใช้ Jatco ต่อไปผมว่า Ertiga CVT มาแน่ๆ

THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2020, 15:58:44 »
เดาว่า สมัยก่อน รถอเมริกันเครื่องใหญ่
แรงบิดช่วงกว้าง
ไม่ต้องทดเกียร์ให้ชิดมาก
พอมายุคหลัง เครื่องเล็ก จึงต้องมีเกียร์เพิ่ม
เดาล้วนๆ
มิน่าหละครับรถอเมริกันทำไมล้าหลังกว่ายี่ห้ออื่นทั้งที่สมัยก่อนระบบต่างๆตัวเองเป็นคนเริ่มไอเดียทำมาก่อนยี่ห้ออื่นที่มาจากยุโรปหรือญี่ปุ่น  แต่ปัจจุบันกลับตามหลังพอสมควร  ทั้งที่เครื่องเล็กๆก็ทำให้รอบต่ำๆ ลดการสึกหรอของเครื่องได้ด้วยอัตราทดเกียร์ที่มีหลายสเต็ปขึ้น แต่นี่เครื่องใหญ่ซดเยอะแต่ประสิทธิภาพน้อย

ออฟไลน์ m_kritamet

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 89
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2020, 16:01:19 »
คำตอบจากซูซูกิ "เกียร์ Auto 4 speed ได้ถูกออกแบบมาตามการใช้งานในแบบลากจูงและบรรทุกหนัก ซึ่งมันเชื่อถือได้และคุ้มค่า"

https://www.autoindustriya.com/auto-industry-news/this-is-why-the-2019-suzuki-ertiga-still-has-a-4-speed-automatic.html

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2020, 16:19:28 »
คำตอบจากซูซูกิ "เกียร์ Auto 4 speed ได้ถูกออกแบบมาตามการใช้งานในแบบลากจูงและบรรทุกหนัก ซึ่งมันเชื่อถือได้และคุ้มค่า"

https://www.autoindustriya.com/auto-industry-news/this-is-why-the-2019-suzuki-ertiga-still-has-a-4-speed-automatic.html
ความคุ้มค่าน่าจะหมายถึงผูผลิตขายนะครับ เพราะราคาถูกกว่าผมหละขับรถที่บ้านที่เป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ4สปีด ผลลัพธ์จากเกียร์แม้จะมีแรงขับเคลื่อนที่ดีต่อการออกตัว ขึ้นเขา และเอ็นจิ้นเบรค การที่ตรงไปตรงมาคือเหยียบเทาไหร่ได้เท่านั้น ไม่เหมือนกับ CVT ที่เหยียบ รอบกวาดมาแล้วแต่ต้องรอสักระยะ ความเร็วถึงจะมา แต่รอบไปก่อบ (jacto7) แต่เจ้า4สปีดทรมานเครื่องและรอบที่สูงเกินไปทำให้รถคุมได้ยากและความร้อนก็สูงขึ้นตามครับ

ออฟไลน์ No Trespassing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,616
    • อีเมล์
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2020, 16:43:23 »
แสดงว่าคุณ จขกท. ยังไม่เข้าใจเรื่องเทคนิคเชิงกล

เจ้า 4 สปีดทรมานเครื่องและรอบที่สูงเกินไป ทำให้รถคุมได้ยาก และ ความร้อนก็สูงขึ้นตาม

ต้องโหนรอบสูงๆทำให้เครื่องสึกหรอ และกินน้ำมันมากๆครับ

ทั้งหมดที่ผมโควทมา นั้นคือความเชื่อที่ไม่จริง จากสิ่งที่ผมขับรถมาตั้งแต่อายุ 10 จนถึง 40 ปี
วิ่งรอบสูงเครื่องไม่ได้สึกหรอ กินน้ำมันมาก คุมได้ยาก หรือ ความร้อนสูงแต่ประการใด

อย่างเกียร์ 3 ออโต้ในแลนเซอร์ E-Car 1.5 เกียร์สุดท้ายทด 1.0 เฟืองท้ายทด 3.6

- วิ่ง 100 รอบเครื่อง 3600 รอบ
- วิ่ง 120 รอบเครื่อง 4100 รอบ

สำหรับเครื่องรอบแค่นี้เฉยๆครับ เพราะมันสูงแค่รอบ แต่คันเร่งแทบกดแค่ 1/3 เท่านั้น อากาศเข้ามาก แต่น้ำมันจ่ายน้อย ก็ทำให้เครื่องประหยัดได้
อีคาร์ 1.5 หัวฉีด ผมแบกน้ำหนักบรรทุก 4 คนสัมภาระอีก 30 กิโล เปิดแอร์เบอร์ 2-3 เทอร์โมจังหวะเขียว (มีเทอร์โมจังหวะอำพัน (Eco) ด้วย)
วิ่ง 120 แต่ได้อัตราสี้นเปลืองราวๆ 15-16 โล/ลิตร และเครื่องก็ใช้งานได้สองแสนกว่ากิโลโดยไม่มีปัญหาอะไร

น้ำมันเครื่องยุคนั้นแค่ SG เบอร์ 20W50 Castrol GTX ก็หรูแล้ว

นั้นคือเมื่อ 20 ปีก่อนนะครับ

ทุกวันนี้เจ้าออสและพี่ใหญ่อัลติสหน้าหมูที่บ้านก็เป็น 4AT อยู่ ส่วนคันอื่นเป็น CVT หมดแล้ว
ผมก็ยังพอใจกับ AT เดิมๆนะ ไม่ใช่เรื่องทน แต่การดึงรอบช่วงปลายๆมันสะใจกว่า

เครื่องยนต์มันทนทุกสถานการณ์ ขออย่างเดียวคือเกียร์ ดูแลมันบ้าง
จะ 3/4/5/6/7AT หรือ CVT ขอแค่หมั่นถ่ายน้ำมันเกียร์ก็พอ

ออฟไลน์ siwakorn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 395
    • อีเมล์
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2020, 17:45:58 »
ผมนี่อย่างชอบ 4AT คันเร่งสายบน altis หน้าหมู คุมคันเร่งง่ายมาก วิ่ง 120 รอบ 3000 มันก็ไม่ได้ดังอะไรนะ ด้วยรอบขนาดนี้ทำให้บนทางราบผมกดจาก 100-120 หรือ 120-140 แบบไม่ kickdown ได้ง่ายมากเพราะรอบมันใกล้ช่วงแรงม้าสูงสุดแล้ว ถ้าพวก 6AT แล้วเกียร์ไม่ขยันเครื่องไม่แรงจริงนี่เติมคันเร่งไปรถก็ตื้อความเร็วไม่ขึ้นเพราะแรงบิดมันไม่พอ ต้อง kickdown ให้เกียร์เปลี่ยนคุมคันเร่งยากกว่า

ส่วนเรื่องทำยากไหม ด้วยเทคโนโลยีสมันนี้ไม่น่ายากนะ ส่วนทำไมบางเจ้ายังใช้อยู่ คงเป็นเพราะมันง่ายและทนมั้งครับ อันนี้ผมคิดเองนะ ตอนขับ 6AT นี่เกียร์มันเปลี่ยนบ่อยมาก จะแซงทีค่อยๆเหยียบอะเกียร์ลง 5 ไม่ทันใจเพราะรอบยังต่ำกดไปอีกลง 4 รอบพรวดขึ้นมา การเปลี่ยนเกียร์บ่อยผมว่ามันไม่น่าจะทนนะครับ

ออฟไลน์ Peet Sayumpoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,002
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2020, 18:15:07 »
รถญี่ปุ่นเมื่อ 30 ปีก่อน เกียร์ออโต้ 5 สปีด ที่มีขายในไทยก็มีน่ะครับ ก็คือ Cefiro A31 ตัว 24 วาล์วครับ ผมเคยใช้อยู่
เกียร์มี 3 โหมดการขับขี่ Auto - Power - Hold

แล้วรถรุ่นนั้นช่วงล่างล่าง Adaptive ด้วยน่ะครับ (ปรับแข็ง-อ่อนตามสภาพถนน หรือ เลือกปรับกดสวิทช์เองได้ มี Comfort กับ Sport)

แต่ผมยกออกเปลี่ยนเป็นเกียร์ MT เรียบร้อยครับ ขับดีกว่าเยอะ เกียร์ออโต้มันถึงจะมี 5 สปีดเท่า MT ก็จริง แต่อัตราเร่งก็แพ้เกียร์ MT เยอะอยู่ดี
แถมกินน้ำมันมาก วิ่งในเมืองมี 5.5-7 โลลิตร คือเป็นเกียร์ออโต้เทคโนโลยีเก่าก็ประมาณนี้ครับ ต่างกับเกียร์ MT เยอะ

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2020, 20:47:51 »
ในรถกระบะแรงบิดดีๆอย่างวีโก้ 3.0 หรือ D-Max 3.0
ถ้าออกตัวด้วยเกียร 2 ดึงรอบสูงหน่อย แล้วตบเข้าเกียร 4 แล้วต่อด้วยเกียร 5 หรือ 6
ก็คงไม่ต่างกันกับรถสมัยก่อนที่มี 3 เกียร
ยิ่งรถแรงบิดสูงๆ ยิ่งทำได้ง่ายครับ

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 01:34:26 »
จริงๆมันเพิ่มเฟืองเข้าไปชุดเดียว  ต้นทุนไม่น่าเยอะมาก

แต่น้ำหนักก็ต่างพอสมควรครับ เพราะตัวเกียร์ยาวขึ้น   ราวๆเกือบ40 KG  ทั้งนี้ทั้งนั้น พอลองดูอัตราทดเกียร์สุดท้าย  4 VS 5  มันต่างกันเยอะใช้ได้เลยนะครับ  พวก 5Speed อยู่ที่ 0.5 - 0.6 เท่านั้น

อย่างเออติก้า เกียร์ 4 นี่ปาไป 0.696  ต่างกันจริงๆเวลาเร่งแซง  พอลดลงมาเหลือ เกียร์3  รอบสูงไปมากครางสนั่นมาก   :P :P :P :P


ผมไม่ซื้อ Ertiga เพราะ 4 Speed พูดเลย    8) 8) 8)

และถ้ายังยืนยันจะใช้ Jatco ต่อไปผมว่า Ertiga CVT มาแน่ๆ
ผมก็ลืมคิดเรื่อวน้ำหนักที่มันเพิ่มขึ้นมาเลยนะครับ ว่าเกียร์เพิ่มน้ำหนักต้องเพิ่มมาด้วย แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ตามแต่หากทำให้รถขับดีขึ้นผมก็เห็นด้วยกับน้ำหนักที่ตามมานะครับ   อย่างเออติก้านี่ผมว่าเค้าลดต้นทุนมากเกินไปตรงที่ไล่ฟ้าไม่ยอมใส่มาให้ทั้งที่ต้นทุนไม่เท่าไหร่  กับเกียร์4สปีดนี่  เอ็กแพนเดอร์ก็ยัดมานะครับ ทั้งที่2ค่ายนี้มีของดอยู่ในมือคือเกียร์5/6สปีด  สงสัยจะดองให้ใช้แต่ในประเทศตัวเองเป็นแน่แท้ ส่วนซูซูกิ ไม่มีโอกาสจะได้ใช้เกียร์จากไอซินบ้างเลยหรอครับ ทั้งที่โตโต้าถือหุ้นด้วย ซึ่งทางไอซินก็มีเกียร์ดีหลายตัวให้เลือกใช้ครับ

แสดงว่าคุณ จขกท. ยังไม่เข้าใจเรื่องเทคนิคเชิงกล

เจ้า 4 สปีดทรมานเครื่องและรอบที่สูงเกินไป ทำให้รถคุมได้ยาก และ ความร้อนก็สูงขึ้นตาม

ต้องโหนรอบสูงๆทำให้เครื่องสึกหรอ และกินน้ำมันมากๆครับ

ทั้งหมดที่ผมโควทมา นั้นคือความเชื่อที่ไม่จริง จากสิ่งที่ผมขับรถมาตั้งแต่อายุ 10 จนถึง 40 ปี
วิ่งรอบสูงเครื่องไม่ได้สึกหรอ กินน้ำมันมาก คุมได้ยาก หรือ ความร้อนสูงแต่ประการใด

อย่างเกียร์ 3 ออโต้ในแลนเซอร์ E-Car 1.5 เกียร์สุดท้ายทด 1.0 เฟืองท้ายทด 3.6

- วิ่ง 100 รอบเครื่อง 3600 รอบ
- วิ่ง 120 รอบเครื่อง 4100 รอบ

สำหรับเครื่องรอบแค่นี้เฉยๆครับ เพราะมันสูงแค่รอบ แต่คันเร่งแทบกดแค่ 1/3 เท่านั้น อากาศเข้ามาก แต่น้ำมันจ่ายน้อย ก็ทำให้เครื่องประหยัดได้
อีคาร์ 1.5 หัวฉีด ผมแบกน้ำหนักบรรทุก 4 คนสัมภาระอีก 30 กิโล เปิดแอร์เบอร์ 2-3 เทอร์โมจังหวะเขียว (มีเทอร์โมจังหวะอำพัน (Eco) ด้วย)
วิ่ง 120 แต่ได้อัตราสี้นเปลืองราวๆ 15-16 โล/ลิตร และเครื่องก็ใช้งานได้สองแสนกว่ากิโลโดยไม่มีปัญหาอะไร

น้ำมันเครื่องยุคนั้นแค่ SG เบอร์ 20W50 Castrol GTX ก็หรูแล้ว

นั้นคือเมื่อ 20 ปีก่อนนะครับ

ทุกวันนี้เจ้าออสและพี่ใหญ่อัลติสหน้าหมูที่บ้านก็เป็น 4AT อยู่ ส่วนคันอื่นเป็น CVT หมดแล้ว
ผมก็ยังพอใจกับ AT เดิมๆนะ ไม่ใช่เรื่องทน แต่การดึงรอบช่วงปลายๆมันสะใจกว่า

เครื่องยนต์มันทนทุกสถานการณ์ ขออย่างเดียวคือเกียร์ ดูแลมันบ้าง
จะ 3/4/5/6/7AT หรือ CVT ขอแค่หมั่นถ่ายน้ำมันเกียร์ก็พอ
ยุคนี้ 4สปีดมันขับไม่สะใจนะครับ ยิ่งช่วงความเร็วสูงช่วงการเดินทางพอถึงเกียร์ที่4แล้วมันก็น่าจะรีดพบะกำลังมากกว่านี้โดยที่รอบลดลงจากเดิมครับ  ส่วนเรื่องอัตราทดผมเข้าใจนะเพราะผมปั่นจักรยานมา  อย่างรถที่แรงม้าน้อย อย่างซูซูกิ แคริเบียน ที่ตีนปลายเหี่ยวนั้นจุดประสงค์ก็เพราะให้มีเรี่ยวแรงในการออกตัวและใช้เวลาไปในทางออฟโรดบ้างจึงใช้เฟืองท้ายในอัตราทดที่ทดจัดไปหน่อย จึงทำให้ปลายเหี่ยวซดน้ำมันเยอะ แตผมยอมรับเลยนะว่า เกีร์อัตโนมัติที่ยังใช้เฟือง  แม้จะเป็นเกียร์แบบ4สปีดก็ตามแต่ก็ให้ความรู้สึกพึ่งพาได้มากกว่า CVT ทั้งในการขึ้นลงเขา การเร่งแซงที่กดมาตามน้ำหนักเท้านะครับ แต่ซีวีทีมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น จะเหยีบแบบกดน้ำหนักเท้าเท่ากันกับเกียร์เฟือง ระบบ CVTพังก่อนแน่ๆ

รถญี่ปุ่นเมื่อ 30 ปีก่อน เกียร์ออโต้ 5 สปีด ที่มีขายในไทยก็มีน่ะครับ ก็คือ Cefiro A31 ตัว 24 วาล์วครับ ผมเคยใช้อยู่
เกียร์มี 3 โหมดการขับขี่ Auto - Power - Hold

แล้วรถรุ่นนั้นช่วงล่างล่าง Adaptive ด้วยน่ะครับ (ปรับแข็ง-อ่อนตามสภาพถนน หรือ เลือกปรับกดสวิทช์เองได้ มี Comfort กับ Sport)

แต่ผมยกออกเปลี่ยนเป็นเกียร์ MT เรียบร้อยครับ ขับดีกว่าเยอะ เกียร์ออโต้มันถึงจะมี 5 สปีดเท่า MT ก็จริง แต่อัตราเร่งก็แพ้เกียร์ MT เยอะอยู่ดี
แถมกินน้ำมันมาก วิ่งในเมืองมี 5.5-7 โลลิตร คือเป็นเกียร์ออโต้เทคโนโลยีเก่าก็ประมาณนี้ครับ ต่างกับเกียร์ MT เยอะ
ถ้าให้เลือ ผมยอมสบายโดยแลกกับอัตราเร่งนะครับ เพราะว่าขับแนวสบายๆ แต่น่าเสียดายนิสสันไม่น่าทิ้งเกียร์ลูกนี้ แต่ควรต่อยอดและพัฒนาให้สมบูรณที่สุด และมีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีครับ

ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,058
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 08:10:33 »
คหสต. การเพิ่มเกียร์ ต้องเพิ่มเฟืองเพิ่มกลไก การจะยัดเข้าไปใน casing ที่ขนาดใกล้เคียงเดิมน่าจะมีผลต่อความทนทานของอุปกรณ์ด้วย .. สังเกตุได้จากเกียร์ 5at รุ่นแรกๆของแต่ละยี่ห้อมักจะมีปัญหาเรื่องความทนทานเมื่อเทียบกับ 4at ของยี่ห้อเดียวกันในรุ่นก่อนหน้า เช่น Accord G6/G7 Legacy BH/BP W202 C36 รุ่นปีแรกๆ/ปีหลังๆ .. พวกนี้ค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องเกียร์เปราะ

ออฟไลน์ nl2br

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,020
    • ร้านค้าออนไลน์
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 10:22:39 »
4 สปีด กด 110 รอบปาไป 3100 ละ
ในขณะที่ 6 สปีด รอบแค่ 2000 ก็ 120 แล้ว ความรู้สึกต่างกันชัดเจน
ส่วนหนึ่งที่เออติก้ากับเอกแพนเดอร์ไม่น่าใช้ก็เรื่องเกียร์นี่แหละ รอต่อไป
บล็อกข่าวไอทีกากๆ >> https://thaimobiletricks.blogspot.com/ << ข่าวมือถือ มือถือรุ่นใหม่

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,234
    • อีเมล์
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 11:36:50 »
รถสมัยก่อน ในยุคที่คุณพูดถึง กำลัง 100 แรงม้า ถึงว่าโครตแรงแล้วครับ นับคันได้เลย

ซึ่งถ้าเทียบแรงม้า แรงบิด ตามสมัยนั้น เกียร์ ratio มันก็เหมาะสม ณ ตอนนั้น และความเร็วสูงสุด ก็ไม่ได้สูง ผนวกกับเทคโนโลยีสมัยนั้นด้วย

พอเวลาผ่านไป รถกำลังเพิ่มขึ้น อัตราทด 3 หรือ 4 ไม่พอแล้ว สามารถทำได้ แต่อัตราทดจะกว้าง ผลโดยตรง คือ รอบสูง และ กินน้ำมันเชื้อเพลิง

การที่มีเกียร์ 5, 6, 7, 8, 9, 10 speed เหตุผลใหญ่ๆ เลย คือ ให้รอบต่ำ ประหยัดน้ำมัน และ การกระชากน้อยลง นุ่มนวลขึ้น

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 12:01:54 »
คหสต. การเพิ่มเกียร์ ต้องเพิ่มเฟืองเพิ่มกลไก การจะยัดเข้าไปใน casing ที่ขนาดใกล้เคียงเดิมน่าจะมีผลต่อความทนทานของอุปกรณ์ด้วย .. สังเกตุได้จากเกียร์ 5at รุ่นแรกๆของแต่ละยี่ห้อมักจะมีปัญหาเรื่องความทนทานเมื่อเทียบกับ 4at ของยี่ห้อเดียวกันในรุ่นก่อนหน้า เช่น Accord G6/G7 Legacy BH/BP W202 C36 รุ่นปีแรกๆ/ปีหลังๆ .. พวกนี้ค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องเกียร์เปราะ
ขอบคุณมากครับสำหรับการแบ่งปันความรู้ว่ายุคนั้นหลายรุ่นเกียร์พังง่ายครับ  ถ้าเกียร์พวกนี้ใน accord g6-g7 legacy HB/HP w2020 c36 ติดออยล์เกียร์แยกด้วยจะยืดอายุการใช้งานเพิ่มขึ้นบ้างมั้ยครับ

4 สปีด กด 110 รอบปาไป 3100 ละ
ในขณะที่ 6 สปีด รอบแค่ 2000 ก็ 120 แล้ว ความรู้สึกต่างกันชัดเจน
ส่วนหนึ่งที่เออติก้ากับเอกแพนเดอร์ไม่น่าใช้ก็เรื่องเกียร์นี่แหละ รอต่อไป
ใช่ครับรวมไปถึง MG zs MG3 ด้วย แม้ว่ารถสวย ออพชั่นเยอะ ช่วงล่างดี เหล็กหนากว่าญี่ปุ่น แต่เกียร์โบราณผมก็ยังรับไม่ได้นะครับ ซึ่งบริษัทรถเหล่านี้มีของดีแต่ไม่ยอมเอามาใช้กันทั้งที่ต้นทุนเพิ่มไม่เท่าไหร่ครับ

รถสมัยก่อน ในยุคที่คุณพูดถึง กำลัง 100 แรงม้า ถึงว่าโครตแรงแล้วครับ นับคันได้เลย

ซึ่งถ้าเทียบแรงม้า แรงบิด ตามสมัยนั้น เกียร์ ratio มันก็เหมาะสม ณ ตอนนั้น และความเร็วสูงสุด ก็ไม่ได้สูง ผนวกกับเทคโนโลยีสมัยนั้นด้วย

พอเวลาผ่านไป รถกำลังเพิ่มขึ้น อัตราทด 3 หรือ 4 ไม่พอแล้ว สามารถทำได้ แต่อัตราทดจะกว้าง ผลโดยตรง คือ รอบสูง และ กินน้ำมันเชื้อเพลิง

การที่มีเกียร์ 5, 6, 7, 8, 9, 10 speed เหตุผลใหญ่ๆ เลย คือ ให้รอบต่ำ ประหยัดน้ำมัน และ การกระชากน้อยลง นุ่มนวลขึ้น
ผมว่ารถแรงม้าน้อยๆแต่มีเกียร์ที่เยอะขึ้นและทำให้รอบลดลงเวลาใช้ความเร็วในการเดินทางทั่วไปจนถึงเร่งแซงผมว่ามีแต่ผลดีนะดูได้อย่างมาสด้า2ที่ลดซีซีและแรงม้าลงจากรุ่นก่อนแต่ได้เกียร์6สปีดอัตราทดที่ดี มีล็อคอัพคู่ที่ทำงานขยันมาก และสมองเกียร์ฉลาดจึงทำให้ผลลัพธ์ด้านความสิ้นเปลือง อัตราเร่ง และตีนปลายที่ดีกว่าตอนที่เป็นเครื่อง1.5 แต่เป็นเกียร์4สปีดนะครับ

ออฟไลน์ Amnaj

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 511
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 12:42:08 »
เพราะเรื่อง มาตรฐานมลพิษ ที่สูงขึ้น รถจำเป็นต้องใช้น้ำมันน้อยลง จึงมีการเพิ่มเกียร์

ออฟไลน์ XMSL

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 834
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 12:59:16 »
คำนวณตามย่านกำลังและอัตราทดแล้วมันครอบคลุมด้วยจำนวนเกียร์ โดยยังไม่ต้องไปคำนึงถึงความประหยัด(ลากรอบหน่อย)ตามสไตล์มะกัน เกียร์ออโต้มีทอร์คคอนเวอเตอร์มาช่วยด้วยมันก็เลยใช้งานได้สมูทพอประมาณ

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,234
    • อีเมล์
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 13:03:44 »
รถสมัยก่อน ในยุคที่คุณพูดถึง กำลัง 100 แรงม้า ถึงว่าโครตแรงแล้วครับ นับคันได้เลย

ซึ่งถ้าเทียบแรงม้า แรงบิด ตามสมัยนั้น เกียร์ ratio มันก็เหมาะสม ณ ตอนนั้น และความเร็วสูงสุด ก็ไม่ได้สูง ผนวกกับเทคโนโลยีสมัยนั้นด้วย

พอเวลาผ่านไป รถกำลังเพิ่มขึ้น อัตราทด 3 หรือ 4 ไม่พอแล้ว สามารถทำได้ แต่อัตราทดจะกว้าง ผลโดยตรง คือ รอบสูง และ กินน้ำมันเชื้อเพลิง

การที่มีเกียร์ 5, 6, 7, 8, 9, 10 speed เหตุผลใหญ่ๆ เลย คือ ให้รอบต่ำ ประหยัดน้ำมัน และ การกระชากน้อยลง นุ่มนวลขึ้น
ผมว่ารถแรงม้าน้อยๆแต่มีเกียร์ที่เยอะขึ้นและทำให้รอบลดลงเวลาใช้ความเร็วในการเดินทางทั่วไปจนถึงเร่งแซงผมว่ามีแต่ผลดีนะดูได้อย่างมาสด้า2ที่ลดซีซีและแรงม้าลงจากรุ่นก่อนแต่ได้เกียร์6สปีดอัตราทดที่ดี มีล็อคอัพคู่ที่ทำงานขยันมาก และสมองเกียร์ฉลาดจึงทำให้ผลลัพธ์ด้านความสิ้นเปลือง อัตราเร่ง และตีนปลายที่ดีกว่าตอนที่เป็นเครื่อง1.5 แต่เป็นเกียร์4สปีดนะครับ

ใช่เหรอครับ ผมว่าไม่ใช่มั้ง

แค่ตามหลัก ถ้าเน้นเรื่องอัตราเร่ง เกียร์ ratio น้อยกว่า น่าจะดีกว่าเกียร์ ratio มากกว่า เพราะมันใช้รอบอยู่ในย่านแรงบิดที่ดีที่สุดตลอด ตัวเลขต้องดีกว่า

ยิ่งถ้ารถแรงม้า แรงบิดน้อยกว่า แต่ใช้รอบต่ำกว่า อาจจะได้ประหยัดกว่าใช่ แต่ response สู้รอบกลางๆ ไม่ได้

คิดง่ายๆ รถมี Normal Mode กับ Sport Mode (รถผมก็มีโหมดนี้) เวลาวิ่ง Normal Mode อยู่เกียร์ 6 แต่พอกดไปที่ Sport Mode เกียร์ตกมาที่เกียร์ 5 หรือ 4 แล้วรอบกวาดสูงรอเลย ซึ่งคือเหตุผลเดียวกัน ถ้าเน้นตัวเลข (ไม่สนเรื่องประหยัด)

Mazda 2 1.5 หน้ายิ้ม กับ Mazda 2 1.3 Skyactiv

ดูจากตัวเลขของ HLM แล้ว 1.5 หน้ายิ้ม ตัวเลขดีกว่า 1.3 นะครับ

อันนี้ข้อมูล Mazda 2 1.5 หน้ายิ้ม


อันนี้ข้อมูล Mazda 2 1.3 Skyactiv



ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,409
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 13:26:04 »
อีกไม่นานถ้ารถไฟฟ้าเข้ามาขายเต็มไปหมด ระบบส่งกำลังหลายๆจังหวะ ก็คงไม่มีแล้ว


ออฟไลน์ bahamu

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 687
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 15:07:54 »
ออโต้3จังหวะ ในไทยมาช่วงสงครามเย็น ใส่ในจี๊ปวิลลี่
ให้จีไอที่พิการจากการรบใช้

น้ำมันสมัยนั้นถูกมาก ลิตรละ 3-5 บาท
พอมายุคหลังสงครามเขมรสี่ฝ่าย 5-8 บาท

มีเรื่องตลกสามแฉก w116 ที่อัฟริกาว่า

อย่าขับเอสคลาสไป ไล่ยิง หลบหนีคมกระสุนใคร
เพราะแดกบรรลัย วิ่งไม่เท่าไหร่แก๊ส(โซลีน)หมดอีกแล้ว

ออโต้ถึงมา4จังหวะ เพราะเหตุนี้รึเปล่าไม่รู้

3-4จังหวะ ชิ้นส่วนทนมากว่าออโต้สมัยนี้เยอะ ประสารถยุคสงครามเต็มรูปแบบ
ผ้าคลัชต์ในลูกทอร์ค และแผ่นคลัชต์ gmบอกไม่ต้องเปลี่ยนตลอดอายุรถ
เครื่อง5.7ลิตร วี8 ตะเกียบ ขึ้นเขาสบาย วิ่งทั้งวันทั้งคืนไม่ดับเครื่องได้
ซดไม่มากเมื่อเข้าโอเวอร์ไดฟ์ พอรถติดมากเข้าก็ต้องพัฒนาเกียร์

พอออโต้เกิน5จังหวะ ความทนก็ลดลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
เพราะจะเอากำไร ขายอะไหล่มากๆ
ยิ่งน้ำมันแพงมาก รถเครื่องโตก็ยิ่งต้องประหยัดมากขึ้น

ช่วงน้ำมันแพงหูฉี่ ยุ่นถึงได้เกิดเพราะประหยัดกว่าเขา
มีเรื่องตลกฝรั่งเมกาว่า

โตโยเป็ด รุ่นแรกที่ขายเมกา ขณะวิ่งขึ้นเขาเซียร่า จู่ๆรถก็วิ่งถอยหลัง

แปลความว่า
รถยุ่นแรงไม่พอขึ้นเขาเซียร่า จนไหลลงมาเพราะแรงเครื่องสู้ทางชันไม่ไหว

ยุ่นไม่ว่าอะไรก้มหน้าก้มตาพัฒนารถต่อไป ไม่มาแก้ตัว แถไปวันๆจนเจ๊งเปิดตูดไปเรียบร้อย
ยุคคาร์บูยุ่นไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง พอยุคหัวฉีดยุ่นเก่งผิดหูผิดตา ทน อึด ถึก จนขายดี
มีเงินพอไปซื้อยี่ห้อฝรั่ง จนได้วิชาเพิ่มมาต่อยอด แต่ยังไม่ซ่าประกาศจะขายแซง
ยังคงทำรถหน่อมแน้มต่อไป เพิ่มรักษาหน้าพี่เบิ้มเอาไว้

ถึงกระนั้น เยเพื่อนซี้ก็เชิญยุ่นไปสอนมวยเรื่องการบริหารจัดการโรงงาน
เยทำรถดี แต่ยิ่งขายดียิ่งเจ๊ง ลากขายนาน พัฒนารถช้าผู้ถือหุ้นก็ร้อนใจ สั่งเด้งผู้บริหาร
พอจะลดต้นทุนมากๆ วิศวกรเยทำไม่เป็น ยิ่งเร่งรถยิ่งแย่ ยิ่งไปหลงลมพี่เบิ้ม
ที่นี้กู่ไม่กลับ นโยบายให้แต่ละสาขาทำกำไรมาก แล้วเลื่อนขั้น
โดยข้ามเครื่องคุณภาพ หลังการขาย พิษของมันมาส่งผลรวมกันจนแก้ยาก

เกียร์มากจังหวะขึ้น เครื่องต้องฉลาดตาม ไม่งั้นก็ทำงานไม่สัมพันธ์กัน
รถน้ำมันยุคท้ายๆ จึงเต็มไปด้วยความจุกจิก เพราะต้องทำเผื่อใส่ถ่านไว้ด้วย

รถถ่านแรกไม่มีเกียร์จะได้ขายถูก พอขายดีก็ใส่เกียร์มีจังหวะจะได้ไหลดีจากต้นยันปลาย
ยิ่งพวกจะไปเกินสองร้อยสามร้อย ยังไงก็ต้องมีเกียร์หลายจังหวะ อยู่ที่เวลาเท่านั้น
ข้ออ้าง เช่น ประหยัดไฟ ถนอมมอเตอร์ ยิ่งพวกขับสี่ ขับหก เกียร์จะพิศดารกว่าเดิม
แน่นอนว่า ค่าซ่อม น้ำมันเกียร์คงไม่ถูก ของเคยได้ จะยอมเสียมีด้วยรึ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 15:13:13 โดย bahamu »

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 16:00:03 »
ออโต้3จังหวะ ในไทยมาช่วงสงครามเย็น ใส่ในจี๊ปวิลลี่
ให้จีไอที่พิการจากการรบใช้

น้ำมันสมัยนั้นถูกมาก ลิตรละ 3-5 บาท
พอมายุคหลังสงครามเขมรสี่ฝ่าย 5-8 บาท

มีเรื่องตลกสามแฉก w116 ที่อัฟริกาว่า

อย่าขับเอสคลาสไป ไล่ยิง หลบหนีคมกระสุนใคร
เพราะแดกบรรลัย วิ่งไม่เท่าไหร่แก๊ส(โซลีน)หมดอีกแล้ว

ออโต้ถึงมา4จังหวะ เพราะเหตุนี้รึเปล่าไม่รู้

3-4จังหวะ ชิ้นส่วนทนมากว่าออโต้สมัยนี้เยอะ ประสารถยุคสงครามเต็มรูปแบบ
ผ้าคลัชต์ในลูกทอร์ค และแผ่นคลัชต์ gmบอกไม่ต้องเปลี่ยนตลอดอายุรถ
เครื่อง5.7ลิตร วี8 ตะเกียบ ขึ้นเขาสบาย วิ่งทั้งวันทั้งคืนไม่ดับเครื่องได้
ซดไม่มากเมื่อเข้าโอเวอร์ไดฟ์ พอรถติดมากเข้าก็ต้องพัฒนาเกียร์

พอออโต้เกิน5จังหวะ ความทนก็ลดลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
เพราะจะเอากำไร ขายอะไหล่มากๆ
ยิ่งน้ำมันแพงมาก รถเครื่องโตก็ยิ่งต้องประหยัดมากขึ้น

ช่วงน้ำมันแพงหูฉี่ ยุ่นถึงได้เกิดเพราะประหยัดกว่าเขา
มีเรื่องตลกฝรั่งเมกาว่า

โตโยเป็ด รุ่นแรกที่ขายเมกา ขณะวิ่งขึ้นเขาเซียร่า จู่ๆรถก็วิ่งถอยหลัง

แปลความว่า
รถยุ่นแรงไม่พอขึ้นเขาเซียร่า จนไหลลงมาเพราะแรงเครื่องสู้ทางชันไม่ไหว

ยุ่นไม่ว่าอะไรก้มหน้าก้มตาพัฒนารถต่อไป ไม่มาแก้ตัว แถไปวันๆจนเจ๊งเปิดตูดไปเรียบร้อย
ยุคคาร์บูยุ่นไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง พอยุคหัวฉีดยุ่นเก่งผิดหูผิดตา ทน อึด ถึก จนขายดี
มีเงินพอไปซื้อยี่ห้อฝรั่ง จนได้วิชาเพิ่มมาต่อยอด แต่ยังไม่ซ่าประกาศจะขายแซง
ยังคงทำรถหน่อมแน้มต่อไป เพิ่มรักษาหน้าพี่เบิ้มเอาไว้

ถึงกระนั้น เยเพื่อนซี้ก็เชิญยุ่นไปสอนมวยเรื่องการบริหารจัดการโรงงาน
เยทำรถดี แต่ยิ่งขายดียิ่งเจ๊ง ลากขายนาน พัฒนารถช้าผู้ถือหุ้นก็ร้อนใจ สั่งเด้งผู้บริหาร
พอจะลดต้นทุนมากๆ วิศวกรเยทำไม่เป็น ยิ่งเร่งรถยิ่งแย่ ยิ่งไปหลงลมพี่เบิ้ม
ที่นี้กู่ไม่กลับ นโยบายให้แต่ละสาขาทำกำไรมาก แล้วเลื่อนขั้น
โดยข้ามเครื่องคุณภาพ หลังการขาย พิษของมันมาส่งผลรวมกันจนแก้ยาก

เกียร์มากจังหวะขึ้น เครื่องต้องฉลาดตาม ไม่งั้นก็ทำงานไม่สัมพันธ์กัน
รถน้ำมันยุคท้ายๆ จึงเต็มไปด้วยความจุกจิก เพราะต้องทำเผื่อใส่ถ่านไว้ด้วย

รถถ่านแรกไม่มีเกียร์จะได้ขายถูก พอขายดีก็ใส่เกียร์มีจังหวะจะได้ไหลดีจากต้นยันปลาย
ยิ่งพวกจะไปเกินสองร้อยสามร้อย ยังไงก็ต้องมีเกียร์หลายจังหวะ อยู่ที่เวลาเท่านั้น
ข้ออ้าง เช่น ประหยัดไฟ ถนอมมอเตอร์ ยิ่งพวกขับสี่ ขับหก เกียร์จะพิศดารกว่าเดิม
แน่นอนว่า ค่าซ่อม น้ำมันเกียร์คงไม่ถูก ของเคยได้ จะยอมเสียมีด้วยรึ
ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ที่ดีมากเลยครับ เพิ่งจะรู้ว่าจี๊ปวิลลี่มีเกียร์อัตโนมัติด้วยครับ  ถ้ารถไฟฟ้ามีเกียร์หลายจังหวะคงขับสนุกแน่ๆครับ

อีกไม่นานถ้ารถไฟฟ้าเข้ามาขายเต็มไปหมด ระบบส่งกำลังหลายๆจังหวะ ก็คงไม่มีแล้ว


รถไฟฟ้ามานี่ขอมีสักสองเกียร์หรือ3เกียร์แบบฟอร์มูลล่าอีก็ยังดีครับจะได้ลดภาระของมอเตอร์ลงครับ
รถสมัยก่อน ในยุคที่คุณพูดถึง กำลัง 100 แรงม้า ถึงว่าโครตแรงแล้วครับ นับคันได้เลย

ซึ่งถ้าเทียบแรงม้า แรงบิด ตามสมัยนั้น เกียร์ ratio มันก็เหมาะสม ณ ตอนนั้น และความเร็วสูงสุด ก็ไม่ได้สูง ผนวกกับเทคโนโลยีสมัยนั้นด้วย

พอเวลาผ่านไป รถกำลังเพิ่มขึ้น อัตราทด 3 หรือ 4 ไม่พอแล้ว สามารถทำได้ แต่อัตราทดจะกว้าง ผลโดยตรง คือ รอบสูง และ กินน้ำมันเชื้อเพลิง

การที่มีเกียร์ 5, 6, 7, 8, 9, 10 speed เหตุผลใหญ่ๆ เลย คือ ให้รอบต่ำ ประหยัดน้ำมัน และ การกระชากน้อยลง นุ่มนวลขึ้น
ผมว่ารถแรงม้าน้อยๆแต่มีเกียร์ที่เยอะขึ้นและทำให้รอบลดลงเวลาใช้ความเร็วในการเดินทางทั่วไปจนถึงเร่งแซงผมว่ามีแต่ผลดีนะดูได้อย่างมาสด้า2ที่ลดซีซีและแรงม้าลงจากรุ่นก่อนแต่ได้เกียร์6สปีดอัตราทดที่ดี มีล็อคอัพคู่ที่ทำงานขยันมาก และสมองเกียร์ฉลาดจึงทำให้ผลลัพธ์ด้านความสิ้นเปลือง อัตราเร่ง และตีนปลายที่ดีกว่าตอนที่เป็นเครื่อง1.5 แต่เป็นเกียร์4สปีดนะครับ

ใช่เหรอครับ ผมว่าไม่ใช่มั้ง

แค่ตามหลัก ถ้าเน้นเรื่องอัตราเร่ง เกียร์ ratio น้อยกว่า น่าจะดีกว่าเกียร์ ratio มากกว่า เพราะมันใช้รอบอยู่ในย่านแรงบิดที่ดีที่สุดตลอด ตัวเลขต้องดีกว่า

ยิ่งถ้ารถแรงม้า แรงบิดน้อยกว่า แต่ใช้รอบต่ำกว่า อาจจะได้ประหยัดกว่าใช่ แต่ response สู้รอบกลางๆ ไม่ได้

คิดง่ายๆ รถมี Normal Mode กับ Sport Mode (รถผมก็มีโหมดนี้) เวลาวิ่ง Normal Mode อยู่เกียร์ 6 แต่พอกดไปที่ Sport Mode เกียร์ตกมาที่เกียร์ 5 หรือ 4 แล้วรอบกวาดสูงรอเลย ซึ่งคือเหตุผลเดียวกัน ถ้าเน้นตัวเลข (ไม่สนเรื่องประหยัด)

Mazda 2 1.5 หน้ายิ้ม กับ Mazda 2 1.3 Skyactiv

ดูจากตัวเลขของ HLM แล้ว 1.5 หน้ายิ้ม ตัวเลขดีกว่า 1.3 นะครับ

อันนี้ข้อมูล Mazda 2 1.5 หน้ายิ้ม


อันนี้ข้อมูล Mazda 2 1.3 Skyactiv



แม้จะอัตราเร่งด้อยกว่าแต่ผมว่าทรมานเครื่องน้อยลงกว่าเดิมนะครับ แถมประหยัดน้ำมันกว่ามากๆ

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,234
    • อีเมล์
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 16:23:32 »
รถสมัยก่อน ในยุคที่คุณพูดถึง กำลัง 100 แรงม้า ถึงว่าโครตแรงแล้วครับ นับคันได้เลย

ซึ่งถ้าเทียบแรงม้า แรงบิด ตามสมัยนั้น เกียร์ ratio มันก็เหมาะสม ณ ตอนนั้น และความเร็วสูงสุด ก็ไม่ได้สูง ผนวกกับเทคโนโลยีสมัยนั้นด้วย

พอเวลาผ่านไป รถกำลังเพิ่มขึ้น อัตราทด 3 หรือ 4 ไม่พอแล้ว สามารถทำได้ แต่อัตราทดจะกว้าง ผลโดยตรง คือ รอบสูง และ กินน้ำมันเชื้อเพลิง

การที่มีเกียร์ 5, 6, 7, 8, 9, 10 speed เหตุผลใหญ่ๆ เลย คือ ให้รอบต่ำ ประหยัดน้ำมัน และ การกระชากน้อยลง นุ่มนวลขึ้น
ผมว่ารถแรงม้าน้อยๆแต่มีเกียร์ที่เยอะขึ้นและทำให้รอบลดลงเวลาใช้ความเร็วในการเดินทางทั่วไปจนถึงเร่งแซงผมว่ามีแต่ผลดีนะดูได้อย่างมาสด้า2ที่ลดซีซีและแรงม้าลงจากรุ่นก่อนแต่ได้เกียร์6สปีดอัตราทดที่ดี มีล็อคอัพคู่ที่ทำงานขยันมาก และสมองเกียร์ฉลาดจึงทำให้ผลลัพธ์ด้านความสิ้นเปลือง อัตราเร่ง และตีนปลายที่ดีกว่าตอนที่เป็นเครื่อง1.5 แต่เป็นเกียร์4สปีดนะครับ

ใช่เหรอครับ ผมว่าไม่ใช่มั้ง

แค่ตามหลัก ถ้าเน้นเรื่องอัตราเร่ง เกียร์ ratio น้อยกว่า น่าจะดีกว่าเกียร์ ratio มากกว่า เพราะมันใช้รอบอยู่ในย่านแรงบิดที่ดีที่สุดตลอด ตัวเลขต้องดีกว่า

ยิ่งถ้ารถแรงม้า แรงบิดน้อยกว่า แต่ใช้รอบต่ำกว่า อาจจะได้ประหยัดกว่าใช่ แต่ response สู้รอบกลางๆ ไม่ได้

คิดง่ายๆ รถมี Normal Mode กับ Sport Mode (รถผมก็มีโหมดนี้) เวลาวิ่ง Normal Mode อยู่เกียร์ 6 แต่พอกดไปที่ Sport Mode เกียร์ตกมาที่เกียร์ 5 หรือ 4 แล้วรอบกวาดสูงรอเลย ซึ่งคือเหตุผลเดียวกัน ถ้าเน้นตัวเลข (ไม่สนเรื่องประหยัด)

Mazda 2 1.5 หน้ายิ้ม กับ Mazda 2 1.3 Skyactiv

ดูจากตัวเลขของ HLM แล้ว 1.5 หน้ายิ้ม ตัวเลขดีกว่า 1.3 นะครับ

อันนี้ข้อมูล Mazda 2 1.5 หน้ายิ้ม


อันนี้ข้อมูล Mazda 2 1.3 Skyactiv



แม้จะอัตราเร่งด้อยกว่าแต่ผมว่าทรมานเครื่องน้อยลงกว่าเดิมนะครับ แถมประหยัดน้ำมันกว่ามากๆ

เมื่อกี้ยังอัตราเร่ง อยู่เลย ไปเรื่องทรมานเครื่องแล้ว ผมว่าคุยกันเป็นเรื่องไปๆ ดีไหมครับ

ต่อให้เครื่องยนต์ตัวเดียวกัน 5 เกียร์ vs 6 เกียร์ ผมเชื่อว่า 6 เกียร์ประหยัดกว่า ในสภาวะการใช้งานเดียวกัน ตามทฏษฎี การทดรอบเครื่องยนต์ กับ ความเร็ว

แล้วเรื่องอัตราการกินน้ำมัน ก็พูดยาก เพราะ Mazda2 ทั้ง 2 Gen เทคโนโลยีก็คนละแบบ มันเทียบกันไม่ได้หรอกครับ

แต่......ตอนนี้เขาคุยเรื่องเกียร์กันอยู่ กลับมาก่อน

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,872
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 16:59:01 »
สำหรับเครื่องเล็กที่เป็นออโต้ 3 เกียร์ เค้าถึงบ่นว่าอืดและกินน้ำมันกัน ซึ่งตอนนั้นเป็นแค่ตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องขับรถติดๆอย่างเดียว

สมัยเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว รถเกียร์ออโต้คันแรกที่ผมขับคือ 280ce w123 ซึ่งไม่มีอาการอืดเลย เพราะเครื่องอาจะใหญ่ก็ได้
ต้นมา กลางมา แต่ปลายตั้งแต่ 120-200 มันจะช้าๆหน่อย แต่ก็มา

ส่วนความเร็วที่ประมาณ 120 รอบก็ไม่ได้สูงอะไรนะครับ น่าจะแถวๆ 2000 รอบกระมัง
เกียร์ 3 นี่แทบเป็น O/D เลยก็ว่าได้
หลักๆใช้อยู่แค่ 2 เกียร์


ออฟไลน์ Wongsakorn5558

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 203
    • อีเมล์
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 17:03:24 »
อัตราทดต่ำสุด ๆ รอบต่ำเท่าเดินเบา ก็ไม่ได้ประหยัดเสมอไปครับ ต้องดูโหลดภาระเครื่องยนต์ด้วย

เพิ่ม 1-2 เกียร์เท่ากับเพิ่ม planetary gear 1 ชุดชุด เบรค คลัช วาวล์ +อุปกรณ์ควบ

ราคาผลิตอาจแพงจนรถไม่หน้าซื้อ น้ำหนัก+ภาระ แรงเสียในระบบ อาจเพิ่มจนไม่ประหยัดไปกว่าเดิม ก็ได้ครับ

เกียร์ 4 AT เล็กๆ เบาๆ ราคาไม่แพง กับเครื่อง 1.5(หรือกำลังเทียบเท่า) อาจจะเป็น จุดสมดุลที่สุดก็ได้

1.5 1nz+4AT vs L15+5AT ก็ไม่ได้ต่างกันจนมีนัยยะ ให้พัฒนา 1nz+5AT

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 20:36:15 »
อัตราทดต่ำสุด ๆ รอบต่ำเท่าเดินเบา ก็ไม่ได้ประหยัดเสมอไปครับ ต้องดูโหลดภาระเครื่องยนต์ด้วย

เพิ่ม 1-2 เกียร์เท่ากับเพิ่ม planetary gear 1 ชุดชุด เบรค คลัช วาวล์ +อุปกรณ์ควบ

ราคาผลิตอาจแพงจนรถไม่หน้าซื้อ น้ำหนัก+ภาระ แรงเสียในระบบ อาจเพิ่มจนไม่ประหยัดไปกว่าเดิม ก็ได้ครับ

เกียร์ 4 AT เล็กๆ เบาๆ ราคาไม่แพง กับเครื่อง 1.5(หรือกำลังเทียบเท่า) อาจจะเป็น จุดสมดุลที่สุดก็ได้

1.5 1nz+4AT vs L15+5AT ก็ไม่ได้ต่างกันจนมีนัยยะ ให้พัฒนา 1nz+5AT
ผมว่า L15+5AT ขับสนุกและเกียร์ฉลาดกว่า 1nz+4at มากกว่านะ  ที่โตโยต้ายังลากขาย1nz+4at ก็เพราะลดต้นทุนมากกว่าครับ มันไม่ต่างอะไรจากสมัยก่อนที่รถอเมริกันเครื่องใหญ่มีแค่3เกียร์ ซดน้ำมันกระจาย
สำหรับเครื่องเล็กที่เป็นออโต้ 3 เกียร์ เค้าถึงบ่นว่าอืดและกินน้ำมันกัน ซึ่งตอนนั้นเป็นแค่ตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องขับรถติดๆอย่างเดียว

สมัยเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว รถเกียร์ออโต้คันแรกที่ผมขับคือ 280ce w123 ซึ่งไม่มีอาการอืดเลย เพราะเครื่องอาจะใหญ่ก็ได้
ต้นมา กลางมา แต่ปลายตั้งแต่ 120-200 มันจะช้าๆหน่อย แต่ก็มา

ส่วนความเร็วที่ประมาณ 120 รอบก็ไม่ได้สูงอะไรนะครับ น่าจะแถวๆ 2000 รอบกระมัง
เกียร์ 3 นี่แทบเป็น O/D เลยก็ว่าได้
หลักๆใช้อยู่แค่ 2 เกียร์


รถรุ่นนั้นเครื่องกี่ซีซีครับ  ผมเห็น280ce w123สภาพสมบูรณ์นี้สวยมากๆครับ

รถสมัยก่อน ในยุคที่คุณพูดถึง กำลัง 100 แรงม้า ถึงว่าโครตแรงแล้วครับ นับคันได้เลย

ซึ่งถ้าเทียบแรงม้า แรงบิด ตามสมัยนั้น เกียร์ ratio มันก็เหมาะสม ณ ตอนนั้น และความเร็วสูงสุด ก็ไม่ได้สูง ผนวกกับเทคโนโลยีสมัยนั้นด้วย

พอเวลาผ่านไป รถกำลังเพิ่มขึ้น อัตราทด 3 หรือ 4 ไม่พอแล้ว สามารถทำได้ แต่อัตราทดจะกว้าง ผลโดยตรง คือ รอบสูง และ กินน้ำมันเชื้อเพลิง

การที่มีเกียร์ 5, 6, 7, 8, 9, 10 speed เหตุผลใหญ่ๆ เลย คือ ให้รอบต่ำ ประหยัดน้ำมัน และ การกระชากน้อยลง นุ่มนวลขึ้น
ผมว่ารถแรงม้าน้อยๆแต่มีเกียร์ที่เยอะขึ้นและทำให้รอบลดลงเวลาใช้ความเร็วในการเดินทางทั่วไปจนถึงเร่งแซงผมว่ามีแต่ผลดีนะดูได้อย่างมาสด้า2ที่ลดซีซีและแรงม้าลงจากรุ่นก่อนแต่ได้เกียร์6สปีดอัตราทดที่ดี มีล็อคอัพคู่ที่ทำงานขยันมาก และสมองเกียร์ฉลาดจึงทำให้ผลลัพธ์ด้านความสิ้นเปลือง อัตราเร่ง และตีนปลายที่ดีกว่าตอนที่เป็นเครื่อง1.5 แต่เป็นเกียร์4สปีดนะครับ

ใช่เหรอครับ ผมว่าไม่ใช่มั้ง

แค่ตามหลัก ถ้าเน้นเรื่องอัตราเร่ง เกียร์ ratio น้อยกว่า น่าจะดีกว่าเกียร์ ratio มากกว่า เพราะมันใช้รอบอยู่ในย่านแรงบิดที่ดีที่สุดตลอด ตัวเลขต้องดีกว่า

ยิ่งถ้ารถแรงม้า แรงบิดน้อยกว่า แต่ใช้รอบต่ำกว่า อาจจะได้ประหยัดกว่าใช่ แต่ response สู้รอบกลางๆ ไม่ได้

คิดง่ายๆ รถมี Normal Mode กับ Sport Mode (รถผมก็มีโหมดนี้) เวลาวิ่ง Normal Mode อยู่เกียร์ 6 แต่พอกดไปที่ Sport Mode เกียร์ตกมาที่เกียร์ 5 หรือ 4 แล้วรอบกวาดสูงรอเลย ซึ่งคือเหตุผลเดียวกัน ถ้าเน้นตัวเลข (ไม่สนเรื่องประหยัด)

Mazda 2 1.5 หน้ายิ้ม กับ Mazda 2 1.3 Skyactiv

ดูจากตัวเลขของ HLM แล้ว 1.5 หน้ายิ้ม ตัวเลขดีกว่า 1.3 นะครับ

อันนี้ข้อมูล Mazda 2 1.5 หน้ายิ้ม


อันนี้ข้อมูล Mazda 2 1.3 Skyactiv



แม้จะอัตราเร่งด้อยกว่าแต่ผมว่าทรมานเครื่องน้อยลงกว่าเดิมนะครับ แถมประหยัดน้ำมันกว่ามากๆ

เมื่อกี้ยังอัตราเร่ง อยู่เลย ไปเรื่องทรมานเครื่องแล้ว ผมว่าคุยกันเป็นเรื่องไปๆ ดีไหมครับ

ต่อให้เครื่องยนต์ตัวเดียวกัน 5 เกียร์ vs 6 เกียร์ ผมเชื่อว่า 6 เกียร์ประหยัดกว่า ในสภาวะการใช้งานเดียวกัน ตามทฏษฎี การทดรอบเครื่องยนต์ กับ ความเร็ว

แล้วเรื่องอัตราการกินน้ำมัน ก็พูดยาก เพราะ Mazda2 ทั้ง 2 Gen เทคโนโลยีก็คนละแบบ มันเทียบกันไม่ได้หรอกครับ

แต่......ตอนนี้เขาคุยเรื่องเกียร์กันอยู่ กลับมาก่อน
ผมว่าเกี่ยวกันนะเครื่องยนต์กับเกียร์นี่

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,872
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 21:10:37 »

สำหรับเครื่องเล็กที่เป็นออโต้ 3 เกียร์ เค้าถึงบ่นว่าอืดและกินน้ำมันกัน ซึ่งตอนนั้นเป็นแค่ตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องขับรถติดๆอย่างเดียว

สมัยเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว รถเกียร์ออโต้คันแรกที่ผมขับคือ 280ce w123 ซึ่งไม่มีอาการอืดเลย เพราะเครื่องอาจะใหญ่ก็ได้
ต้นมา กลางมา แต่ปลายตั้งแต่ 120-200 มันจะช้าๆหน่อย แต่ก็มา

ส่วนความเร็วที่ประมาณ 120 รอบก็ไม่ได้สูงอะไรนะครับ น่าจะแถวๆ 2000 รอบกระมัง
เกียร์ 3 นี่แทบเป็น O/D เลยก็ว่าได้
หลักๆใช้อยู่แค่ 2 เกียร์


รถรุ่นนั้นเครื่องกี่ซีซีครับ  ผมเห็น280ce w123สภาพสมบูรณ์นี้สวยมากๆครับ

สมัยนั้น mb ตั้งชื่อรุ่นตาม cc เลยครับ
280 = 2800cc

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 21:42:09 »

สำหรับเครื่องเล็กที่เป็นออโต้ 3 เกียร์ เค้าถึงบ่นว่าอืดและกินน้ำมันกัน ซึ่งตอนนั้นเป็นแค่ตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องขับรถติดๆอย่างเดียว

สมัยเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว รถเกียร์ออโต้คันแรกที่ผมขับคือ 280ce w123 ซึ่งไม่มีอาการอืดเลย เพราะเครื่องอาจะใหญ่ก็ได้
ต้นมา กลางมา แต่ปลายตั้งแต่ 120-200 มันจะช้าๆหน่อย แต่ก็มา

ส่วนความเร็วที่ประมาณ 120 รอบก็ไม่ได้สูงอะไรนะครับ น่าจะแถวๆ 2000 รอบกระมัง
เกียร์ 3 นี่แทบเป็น O/D เลยก็ว่าได้
หลักๆใช้อยู่แค่ 2 เกียร์


รถรุ่นนั้นเครื่องกี่ซีซีครับ  ผมเห็น280ce w123สภาพสมบูรณ์นี้สวยมากๆครับ

สมัยนั้น mb ตั้งชื่อรุ่นตาม cc เลยครับ
280 = 2800cc
ตอนนี้ไม่ทราบว่าขายไปหรือยังครับ

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,872
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 21:56:26 »

สำหรับเครื่องเล็กที่เป็นออโต้ 3 เกียร์ เค้าถึงบ่นว่าอืดและกินน้ำมันกัน ซึ่งตอนนั้นเป็นแค่ตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องขับรถติดๆอย่างเดียว

สมัยเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว รถเกียร์ออโต้คันแรกที่ผมขับคือ 280ce w123 ซึ่งไม่มีอาการอืดเลย เพราะเครื่องอาจะใหญ่ก็ได้
ต้นมา กลางมา แต่ปลายตั้งแต่ 120-200 มันจะช้าๆหน่อย แต่ก็มา

ส่วนความเร็วที่ประมาณ 120 รอบก็ไม่ได้สูงอะไรนะครับ น่าจะแถวๆ 2000 รอบกระมัง
เกียร์ 3 นี่แทบเป็น O/D เลยก็ว่าได้
หลักๆใช้อยู่แค่ 2 เกียร์


รถรุ่นนั้นเครื่องกี่ซีซีครับ  ผมเห็น280ce w123สภาพสมบูรณ์นี้สวยมากๆครับ

สมัยนั้น mb ตั้งชื่อรุ่นตาม cc เลยครับ
280 = 2800cc
ตอนนี้ไม่ทราบว่าขายไปหรือยังครับ

ขายไปได้ 10 ปีแล้วครับ
ทีแรกผมจะซื้อกลับ แต่เจ้าของใหม่ดันไปเปลี่ยนสี ผมเลยขอบายเลย

ออฟไลน์ deertesla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,245
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2020, 23:02:04 »

สำหรับเครื่องเล็กที่เป็นออโต้ 3 เกียร์ เค้าถึงบ่นว่าอืดและกินน้ำมันกัน ซึ่งตอนนั้นเป็นแค่ตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องขับรถติดๆอย่างเดียว

สมัยเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว รถเกียร์ออโต้คันแรกที่ผมขับคือ 280ce w123 ซึ่งไม่มีอาการอืดเลย เพราะเครื่องอาจะใหญ่ก็ได้
ต้นมา กลางมา แต่ปลายตั้งแต่ 120-200 มันจะช้าๆหน่อย แต่ก็มา

ส่วนความเร็วที่ประมาณ 120 รอบก็ไม่ได้สูงอะไรนะครับ น่าจะแถวๆ 2000 รอบกระมัง
เกียร์ 3 นี่แทบเป็น O/D เลยก็ว่าได้
หลักๆใช้อยู่แค่ 2 เกียร์


รถรุ่นนั้นเครื่องกี่ซีซีครับ  ผมเห็น280ce w123สภาพสมบูรณ์นี้สวยมากๆครับ

สมัยนั้น mb ตั้งชื่อรุ่นตาม cc เลยครับ
280 = 2800cc
ตอนนี้ไม่ทราบว่าขายไปหรือยังครับ

ขายไปได้ 10 ปีแล้วครับ
ทีแรกผมจะซื้อกลับ แต่เจ้าของใหม่ดันไปเปลี่ยนสี ผมเลยขอบายเลย
อุ้ยเสียดาย ไม่ทราบว่าได้ถ่ายรูปไว้ก่อนขายไปมั้ยครับ พอดีอยากเห็นครับ

ออฟไลน์ Wongsakorn5558

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 203
    • อีเมล์
Re: ว่าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 3และ4เกียร์ในรถยนต์
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2020, 10:19:12 »
อัตราทดต่ำสุด ๆ รอบต่ำเท่าเดินเบา ก็ไม่ได้ประหยัดเสมอไปครับ ต้องดูโหลดภาระเครื่องยนต์ด้วย

เพิ่ม 1-2 เกียร์เท่ากับเพิ่ม planetary gear 1 ชุดชุด เบรค คลัช วาวล์ +อุปกรณ์ควบ

ราคาผลิตอาจแพงจนรถไม่หน้าซื้อ น้ำหนัก+ภาระ แรงเสียในระบบ อาจเพิ่มจนไม่ประหยัดไปกว่าเดิม ก็ได้ครับ

เกียร์ 4 AT เล็กๆ เบาๆ ราคาไม่แพง กับเครื่อง 1.5(หรือกำลังเทียบเท่า) อาจจะเป็น จุดสมดุลที่สุดก็ได้

1.5 1nz+4AT vs L15+5AT ก็ไม่ได้ต่างกันจนมีนัยยะ ให้พัฒนา 1nz+5AT
ผมว่า L15+5AT ขับสนุกและเกียร์ฉลาดกว่า 1nz+4at มากกว่านะ  ที่โตโยต้ายังลากขาย1nz+4at ก็เพราะลดต้นทุนมากกว่าครับ มันไม่ต่างอะไรจากสมัยก่อนที่รถอเมริกันเครื่องใหญ่มีแค่3เกียร์ ซดน้ำมันกระจาย
สำหรับเครื่องเล็กที่เป็นออโต้ 3 เกียร์ เค้าถึงบ่นว่าอืดและกินน้ำมันกัน ซึ่งตอนนั้นเป็นแค่ตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องขับรถติดๆอย่างเดียว



ต้นทุน การผลิต การบำรุงรักษา อะไหล่ทดแทน มีผลในการเลือกมาใช้แน่นอน แต่มันมากพอที่จะ พัฒนา 5AT มาประกบไหม สู้ไปพัฒนา CVT มันเห็นผลมากกว่า

เทียบรถ เทียบเทคโนโลยี ปีก็ควรเอามาพูดนะครับ ไม่ใช้ยก เครื่อง+เกียร์ ในยุค 2000 ไปเทียบกับยุค 1960


สมมุติไอเครื่อง 1.3 60-70 ม้า 3 เกียร์ จากปี 70-80 ลองใส่ od ไปเพิ่ม 1เกียร์  ด้วยตัวถัง น้ำหนักรถ น้ำหนักบรรทุก
เข้า od แล้วภาระเยอะ ต้องกดคันเร่งสุด เพื่อรักษาความเร็วใว้ แล้วจะใส่เกียร์มาเพิ่มให้เป็นภาระทำไม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 26, 2020, 10:22:20 โดย Wongsakorn5558 »