Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Panuss ที่ พฤศจิกายน 25, 2011, 20:24:20
-
ไม่รู้จะลอง โช้คที่ไหนด้วยและติดใจกับความเอนกประสงค์ของjazz เคยขับแต่ไม่ค่อยประทับใจช่วงล่างเท่าไร ขับประมาณ120- 140 ครับ
-
kayaba new sr ก็พอครับ
-
เนื่องด้วยตัวลดที่เตี้ยลง ประมาณ 1-1.5 นิ้ว ก็มีผลมากแล้วครับ รวมกับค่า K ที่แข็งขึ้นกว่าเดิม และ ความหนึบของโช๊คอัพ ที่เซ็ทมาอย่างลงตัวของ SS เชื่อว่าดีขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ
-
ผมเปลี่ยนเป็น BILSTEIN B16 Ride Control เจ๋งมากๆ ครับ ขับในเมืองก็ กด คอมฟอร์ท นุ่มนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พอขับวิ่งความเร็วสูงๆ ก็กด แอดวานซ์ เกาะถนน ดีเยี่ยม ลองเอาไปเป็นทางเลือกดูครับ ;)
-
Bilstein คงไม่ไหวอะครับ ราคาแรงมาก
-
ที่เคยใส่กับรถตัวเองมาประมาณ5ยี่ห้อ ผลออกมาเป็น
KAYABA SR ได้ช่วงรีบาวส์หนึดดีกว่า ช่วงยุบไม่แข็งกว่าเดิมมาก ผลรถกระเด้งกระดอนน้อยลงครับ กับสปริงเดิมหรือ TEIN H-TECH ลงนิ้วๆๆ จบที่สุด
ชุดสตรัท เด่นแต่ต้องยอมรับช่วงยุบที่แข็งมากพอสมควรครับไม่ว่าเป็นยี่ห้อใดก็ตาม
ส่วนตัวชอบ BILSTEIN B14 ครับ หนึบๆกว่า SR แบบไม่กระด้างมากครับ
-
แนะนำเปลี่ยนยาง Sport แถมไปด้วยนะครับ
;D ;D ;D
-
ดีกว่า 2 คันที่เอามาเทียบอย่างเยอะครับ
-
Jazz + TEIN SS ดีกว่าเดิมๆของ MZ2 กะ FIESTA อยู่แล้วครับ..
แต่ราคาก็แรงใช่ย่อยเลย.. :-\
-
ผมเปลี่ยนเป็น BILSTEIN B16 Ride Control เจ๋งมากๆ ครับ ขับในเมืองก็ กด คอมฟอร์ท นุ่มนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พอขับวิ่งความเร็วสูงๆ ก็กด แอดวานซ์ เกาะถนน ดีเยี่ยม ลองเอาไปเป็นทางเลือกดูครับ ;)
อันนี้มีตรงรุ่น New Jazz GE เลยไหมครับ แล้วราคาเท่าไรครับ
-
ช็อคแอ๊บซอบเบอร์ ที่ติดรถมาเนี่ย
ราคาต้นละไม่กี่ร้อยเองครับ
-
ถ้าเป็น tein basic street ใส่ Jazz หรือ City เทียบกับ เดิมๆช่วงล่างของ MZ2 กะ FIESTA ละครับ
อันไหนดีกว่ากัน
-
Jazz + Tein = Mazda2 + Tein
ครับ
จากสมการนี้ แสดงให้เห็นว่า
รถเดิมๆจากโรงงานที่เกาะถนนกว่า
พอมาเจอกับของแต่ง แบบเดียวกัน
มันก็จะเท่ากันครับ เพราะรุ่นคล้ายๆกัน
อาจจะไม่เท่ากันเป๊ะๆ เพราะ้น้ำหนักตัว บาลานส์ และจุดยึด
แต่สมรรถนะ ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันแล้วครับ
หมายความว่า Jazz+Tein ชนะ Mazda2 เดิมๆ ขาดดดด ครับ
(ในสนามแข่ง จับเวลามาเทียบกับ คงต่างกันเยอะ)
-
มันเป็นชุดสตรัทปรับเกลียว ตั้งค่าอ่อน-แข็งได้ตามใจชอบ
ยังไงก็ดีกว่า โช้คเดิมรถเราและรถเดิมคู่แข่งอยู่แล้วครับ
ปล. ของเล่นระดับเทพของชาว Jazz
ขนาดถอดขายมือ 2 ยังมีคนเอา ;D
-
Jazz + Tein = Mazda2 + Tein
ครับ
จากสมการนี้ แสดงให้เห็นว่า
รถเดิมๆจากโรงงานที่เกาะถนนกว่า
พอมาเจอกับของแต่ง แบบเดียวกัน
มันก็จะเท่ากันครับ เพราะรุ่นคล้ายๆกัน
อาจจะไม่เท่ากันเป๊ะๆ เพราะ้น้ำหนักตัว บาลานส์ และจุดยึด
แต่สมรรถนะ ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันแล้วครับ
หมายความว่า Jazz+Tein ชนะ Mazda2 เดิมๆ ขาดดดด ครับ
(ในสนามแข่ง จับเวลามาเทียบกับ คงต่างกันเยอะ)
มันเป็นชุดสตรัทปรับเกลียว ตั้งค่าอ่อน-แข็งได้ตามใจชอบ
ยังไงก็ดีกว่า โช้คเดิมรถเราและรถเดิมคู่แข่งอยู่แล้วครับ
ปล. ของเล่นระดับเทพของชาว Jazz
ขนาดถอดขายมือ 2 ยังมีคนเอา ;D
tein ในที่นี้ รวม tein basic street ด้วยหรือเปล่าครับ ไม่ใช่อะไรหรอกครับแอบสนใจหาข้อมูล tein basic อยู่น่าจะพอเอื้อมไหวสำหรับใช้แนวบ้านๆทั่วไปแต่อยากได้มั่นใจมากกว่า standard เดิมๆจากโรงงาน ตอนนี้ยังไม่มีรถนะครับหาข้อมูลไว้ก่อนคาดว่าจะถอยปีหน้า 2012 ส่วน tein SS ราคาเกินเอื่อม
ถ้าใช่นี้ tein basic street ดีต่างจาก Mazda2,Fiesta เดิมๆ เยอะไหม พอจะเทียบได้ยังงัยบ้าง
ที่บ้านต่างจังหวัดใช้แต่กระบะ toyota mighty X, Vigo ส่วน Mazda2 เคย test drive มาแล้วครับ
ตอนนี้สนใจ CIty กับ Jazz อยู่ครับ
-
อยากเชื่ออย่างนั้นนะ แต่ผมเชื่อว่าพื้นฐานรถก็เกี่ยวครับ
เจอในรีวิวแจ๊สมาว่า ถังน้ำมันอยู่ข้างหน้า แค่นี้ก็ส่งผลต่อการกระจายน้ำหนักแล้ว แต่ถึงเปลี่ยนช่วงล่าง มันก็ดีขึ้นในแบบของมันแน่นอนอยู่แล้วครับ
-
tein รุ่นเบสิค ก็เหลือๆแล้วคับนำ mz2 กับ fiesta ไปไกลเลย โช้ค4ต้นสามารถเปลี่ยนรถเปนคนละคันได้เลยๆๆๆ
-
เคยเหนใน มหาลัย
มีแจสคันนึง ไม่รู้แต่งไรอีกรึป่าว แต่เห็นไส่ Pirelli Pzero 205/45/17
กะ Volk CE28 17" ขนาดนี้ ผมว่าดูสมตัวนะ ไม่ได้ดูใหญ่ติดซุ้มไรมากมาย
ุถ้าได้แบบนี้ ยิ่งโหดเลยครับ ;D
-
Bilstein คงไม่ไหวอะครับ ราคาแรงมาก
รบกวนตั้งงบประมาณนิดหนึ่งครับ เพราะถ้าบอกว่า bilstein แพงนั้น tein ก็อาจจะไม่ได้ถูกกว่ากันมากนักหรอกครับ (ยิ่งถ้าเป็น TEIN SS + EDFC แล้วหล่ะก็...แพงเลย)
คราวนี้ถ้าคุณจะเล่นสตรัทปรับเกลียว + สปริงหลอดเนี่ย ช่วงจังหวะช่วงล่างขยับนี่คนขับจะรู้สึกได้เร็วกว่าเดิมครับ คือจากที่ผมเคยใช้มาเนี่ย มันส่งผิวถนนมาให้ผมได้สัมผัสได้เยอะพอสมควรผ่านพวงมาลัยครับ (เซ็ตติ้งแข็งนิดๆ) แต่ถ้าคุณชอบขับรถเร็ว ปรับแต่งช่วงล่างอย่างไรก็ดีกว่าเซ็ตติ้งโรงงานสำหรับรถบ้านที่ต้องตอบโจทย์ให้กว้างเข้าไว้เพื่อรองรับลูกค้าได้หลากหลาย
คราวนี้ถ้างบน้อย ลองเริ่มจากถูก ไปแพงนะครับ
1. อัดโช๊ค ทำให้โช๊คหนืดขึ้น
2. เปลี่ยนสปริง เป็นพวกสปริงโหลดโปรเกรสซิฟ เช่น H&R, TEIN S-TECH ลงมานิ้วนิดๆ จุดศูนย์ถ่วงรถยนต์ต่ำลง อาการโยนของรถก็จะน้อยลงได้ แล้วอัดโช๊คเพิ่มทำหลังได้ หากยังไม่พอใจ
3. เปลี่ยนโช๊ค ไม่แพงมากก็พวก Kayaba SR กระบอกฟ้าครับ ผมเคยใช้ใส่ Impreza วิ่ง 180+ ยังคุมได้อยู่ครับ ในขณะที่ความเร็วต่ำมันก็ไม่ได้กระแทกกระเทือนอะไร ถ้าเล่นแพงหน่อยก็เป็นสตรัท + สปริงหลอดเช่น TEIN SS,SW. OHLINS. KW. GAB SS. BILSTEIN ตัวบนๆ ซึ่งพวกนี้ก็ 30,000++ ทั้งนั้น
เท่านี้รถก็วิ่งนิ่งกว่าเดิมแล้วครับ
-
ถ้าเป็น SS ผมว่าดีกว่าเดิมมากมายมหาศาล แต่แลกมาด้วยความแข็ง ขับไม่สบาย แล้วก็ รับรู้กรวดทุกเม็ดของท้องถนน
-
TEIN SS ราคาก็อยู่ประมาณ45000บาท-50000บาท แล้วแต่ราคาคนขายซึ่งก็ถือว่ามันแรงมากอยู่แล้วนี่ครับ เทียบกับbilsteinราคาของมันอาจจะถูกกว่าแท่งเขียวด้วยซ้ำ ผมคิดว่าbilsteinอาจจะไม่มีB16ของแจ๊สนะแต่เทียบจากราคาของมินินั้นรุ่นB16พุ่งไปอยู่ที่100000บาทแล้ว ถ้าจะเอาสินค้าของbilseteinที่เทียบรุ่นตรงกันกับSSก็คือb6หรือb8ที่แตกต่างที่ความยาวของแกนโช๊คbilsteinสองรุ่นนี้ปรับหนืดไม่ได้ความสูงตายตัวแต่มีดีกว่าตรงที่ภายในเป็นระบบmono tubeที่อัดนานๆหนักแล้วเกิดฟองภายในยากกว่าและตอบสนองได้ดีกว่าtwin tubeแต่ก็ต้องซื้อสปริงที่เข้ากับมันมาใส่คู่กันด้วยซึ่งส่วนใหญาจะเป็นH&Rหรือไอบัคที่เข้ากันกับความหนืดของโช๊คมากที่สุด เบ็ดเสร็จแล้วชุุดBilsteinทั้งชุดรวมสปริงอาจจะถูกกว่าTeinเกือบๆหมื่นบาทประสิทถิภาพดีกว่าแต่ก็ต้องทำใจที่ยี่อ้นี่บ้านเราเสียแล้วทิ้งเลยไม่มีศูนย์ซ่อม
น่าจะลองดูยี่ห้ออื่นๆของไต้หวันดูนะครับเช่น K sport, BC sport, silver พวกนี้เป็นประเภทmono tubeแล้วก็ซ่อมได้ในบ้านเราเหมือนกันแต่ค่าตัวยังถูกกว่าแท่งเขียวเจ้าตลาดเป็นหมื่นหรือเกือบสองหมื่นบาทแล้วแต่ยี่ห้อและรุ่น การจะเข้าโค้งนั้นดีหรือไม่ดีอยู่ที่คนขับด้วยว่าปรับความหนืดและความสูงได้สัมพันธ์กับประสิทธิภาพช่วงล่างของรถไหม ถ้าปรับไม่ดีแทบจะไม่แตกต่างจากการใส่โช๊คเพิ่มความหนืดที่ราคาถูกกว่าเท่าไหร่นัก :P