Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: NS ที่ มิถุนายน 20, 2013, 23:59:15
-
ผมเจอเยอะมากครับ เยอะกว่า Tiger ของ T ที่ผลิตปีใกล้เคียงกัน พอไปดูราคา ปี '90-'97 ราคาเริ่ม 120,000-กว่าสามแสนเลยเชียว เขามีดีอะไรหรือครับ ???
-
เพราะมันประหยัดมากครับ
-
คงเป็นเพราะความเสียงดัง เอ้ย ความอึดทนของมันหละครับ ดูแลซ่อมบำรุงง่ายอะไหล่เพียบ
อีกตัวที่ผมว่ายังเป็นที่นิยมของหมู่พลพรรคนักขนก็ต้องยกให้กับนิสสันบิ๊กเอ็มตอนเดียวกับเครื่องตระกูลTDทั้งหลายนั้นก็สุดยอดอีกตัว ที่ร้านผมก็มีใช้อยู่คัน มันทรหดอึดทนจนน่ากลัว ตั้งแต่ออกป้ายแดงมาไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเครื่องและช่วงล่างเลยทั้งที่วิ่งแบกของหนักตลอด(ผมเสริมแหนบขนที2ตันอัพตลอด) 11ปีมานี้เครื่องยังปิ๊งอยู่เลยครับ คัสซีสวยกริีบ แอร์นี่ก็ไม่เคยไปยุ่งอะไรกับมันแม้แต่ล้างหรือเติมน้ำยา มันยังเย็นเจี๊ยบกว่าแคมรี่ที่ผมใช้ซะอีก ประทับใจมากจริงๆครับ ขนาดญาติผมออกนาวาร่าตอนเดียวมาใช้งานบรรทุกยังบ่นว่าถ้าเอามาใช้บรรทุกมันสู้บิ๊กเอ็มไม่ได้จริงๆ เสียดายที่มันไม่มีขายแล้ว ถ้ามีก็จะซื้อถึงมันจะตกรุ่นไปแล้วก็ตาม
-
อีผุ 6 ล้อหน้ายักษ์ อายุราวเลข 3x ทุกวันนี้ยังเห็นพอควรเลยครับ(ตาม ตจว นะ) แล้วที่สำคัญ ทุกววันนี้ยังหาอะไหล่ไม่ยาก . . . :P
TFR ผมว่าอะไหล่หาง่ายกว่าเจ้าตัวที่ว่าข้างต้น และมันคงยังไม่พังง่ายๆก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันลากยาวมาถึงทุกวันนี้ ;D
-
อีผุ 6 ล้อหน้ายักษ์ อายุราวเลข 3x ทุกวันนี้ยังเห็นพอควรเลยครับ(ตาม ตจว นะ) แล้วที่สำคัญ ทุกววันนี้ยังหาอะไหล่ไม่ยาก . . . :P
TFR ผมว่าอะไหล่หาง่ายกว่าเจ้าตัวที่ว่าข้างต้น และมันคงยังไม่พังง่ายๆก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันลากยาวมาถึงทุกวันนี้ ;D
แถวๆโรงงานผมยังเห็นขนทรายอยู่คันครับ (จะว่าไปแล้ว ในรูปลายเซ็นอันแรกก็รถคันนี้แหละ) เรียบง่าย ทนทาน
จะว่าไปแล้ว ไมตี้X กลับซ่อมน้อยกว่าวีโก้เสียอีก แต่ผมต้องปล่อยไปคันหนึ่งเพราะขับกันหลายมือจนหาชิ้นดีแทบไม่เจอ
-
มันไม่พังครับ อีกอย่างประหยัดมาก ;D ;D ;D
-
เมียบอก อยากให้มันพัง มันไม่ยอมพัง ฮึ้ยยยย กระบะผีสิง แข่งกับHilux จริงๆ
-
มือหนึ่ง สามแสนสาม+แอร์สามหมื่น
มือสอง แสนต้นๆ อายุราว 20+
ถ้ามันยังใช้ได้เรื่อยๆ คนก็ใช้แบบนี้ต่อไป แต่ถ้าเมื่อไหร่มันพัง ก็คงเห็นกันน้อยลงครับ
-
จากประสบการณ์ผมใช้คาเมโออยู่คันละกันนะครับ ซื้อปี 96 ป้ายแดง ใช้มาถึงปัจจุบัน เกือบ 4 แสนโล ใช้ กทม. เป็นหลัก ออกต่างจังหวัด ปีละ 2-4 ครั้ง ตามเทศกาล
ซ่อมช่วงล่างในระบบกันสะเทือน และ บังคับเลี้ยวทั้งหมดแบบยกชุดไป 1 ครั้ง + ลูกปืนล้อหน้าและหลังไป 2 ชุด-------25000 บาท
โอเวอร์ฮอลล์เกียร์ไป 1 ครั้ง + ยกคลัชไปพร้อมกันเลย -------15000 บาท
เปลี่ยนท่อทางเดินระบบน้ำไปยกชุด 1 ครั้ง --------3000 บาท
เปลี่ยนไดชาร์ทไป 1 ลูก + คอมเเอร์ + แผงแอร์ 1 ชุด --------อันนี้หนักนิด และเปลี่ยนอะไหล่แท้ ทีเดียวจบ 24000 บาท
โอเวอร์ฮอลล์เฟืองท้ายดังไป 1 ครั้ง ------------6000 บาท
เคยเสียกลางทางแต่ไม่ต้องลากครั้งเดียว ตอนนั้นไปเที่ยวและเกิดอาการความร้อนขึ้น เพราะวาวล์น้ำเสีย ก็วิ่งช้าๆ พอความร้อนลงก็จอดพัก แล้วคลานกลับมาได้
ซื้อมาตอนนั้นราคาราวๆ 5.6 แสน ใช้มา 17 ปีแล้ว เต๊นท์มาขอซื้อ แสนสอง ค่าซ่อมรวมๆ ผมจ่ายไปตีซะแสนนึง ไม่นับยาง กะ แบตเตอรี่
ค่าเสื่อมกลมๆ ปีละ 3 หมื่น เดือนละ 2500 บาท ตกวันละ 83 บาท
นี่คงเป็นเหตุผลที่มันอยู่ในใจคนไทยไม่น้อยมาหลายสิบปีนี่แหละครับ เสียที่ไหนช่างก็แก้ไขได้
ทางเลือกมีมาก หลากหลาย และถ้ารู้หลักในการบำรุงรักษามัน ซึ่งก็คือ ป. น้ำมันเครื่อง + กรองต่างๆ ตามระยะ
ใช้อะไหล่แท้หน่อยยิ่งดี ทนคุ้มค่า คุ้มราคา
ระวังระบบท่อทางเดินน้ำของรุ่นนี้ที่จะมีอายุการใช้งานอยู่ ถ้าเปลี่ยนซะก่อน ก็หมดกังวลได้
ที่เหลือ ยางไม่แตก น้ำมันไม่หมด ไปไหนไปกันครับ
-
เมื่อก่อนที่บ้านผมก็เคยมีรุ่นนี้คับทนมาก พ่อผมถ่ายน้ำมันเครื่องเองดันใส่กรองน้ำมันเครื่องไม่ลงล็อคผมขับๆไปความร้อนขึ้นเครื่องดับ ลงมาดูน้ำมันเครื่องไหลมาตลอดทางเลยนิหว่าพอดีมีพี่ขับ6ล้อมาช่วยดูพี่เขาเติมน้ำมันเครื่องให้ไป4ลิตรเติมเสร็จสตาร์ดขับต่อได้เฉยเลยคับ
-
ที่บ้านมี มาสด้า ทันเดอร์ พ่อซื้อมือหนึ่งมาตั้งแต่ ปีประมาณ 1990 เครื่อง 85 แรงม้าของ อีซูสุ
ประหยัด ทน ไม่ งอแง ปัจจุบันก็ยังใช้ขนของเข้าไร่ยาง ไร่ยูคาอยู่
เคยถามพ่อว่า เอากระบะรุ่นใหม่ๆมั้ย พ่อบอกว่า คันนี้ก็ยังใช้ได้ดี ไม่เปลี่ยน ;D
และเคยขับจาก ร้อยเอ็ด มา กรุงเทพ ใช้เวลา 7 ชั่วโมง วิ่งประมาณ 90 - 110
เติมน้ำมันเต็มถังมาจาก เอสโซ่ ร้อยเอ็ด เติมอีกทีที่ ปิโตรนาสข้าง ร็อคเก็ดซาวส์(ทางเข้าซอยเสือใหญ่) เสียค่าน้ำมันเต็มถังไป 850 บาท
กลับ ระยะทางบนหน้าปัด 512 กิโลเมตร สรุปตกกิโลเมตร 1.66 บาท
ราคาน้ำมันลิตรล่ะ 29.99 บาท สรุปได้ระยะทาง 18.06 กิโลเมตร ต่อ ลิตร
กับรถอายุอานาม ปาไปกว่า 20 ปี เลขไมล์เกิน ครึ่งล้าน
ป.ล รถรุ่นนี่ระวังแค่ ระบบน้ำหล่อเย็น ฝาเทอร์โมสตัท มักก่อปัญหา
ค่าบำรุงรักษา ระบบต่างๆ น้อยมากๆ แอร์ยังเย็น เสียอย่างเดียวรถคันนี้พวกมาลัยพาวเยอร์ ;D
ตอนมัธยมผมขับคันนี้ เพื่อนใช้ ทีเอฟอา จะเรียกรถพวกนี้ว่า รถถัง เพราะไปได้ทุกที่ ขับยังไงก็ไม่พัง
-
ประหยัด และทนทาน ทุกวันนี้ยังใช้อยู่สบายๆ
-
เลยทำให้อีซูซุ มีชื่อด้านความประหยัดมาจนทุกวันนี้
-
TFR
Thailand Domestic Market, TDM ครับ :)
-
อึดโคตรพ่อโคตรแม่ วิ่งกันเกินล้านโล
ยังไม่ได้ยกเครื่องเลย ประหยัดน้ำมัน 15 โล/ลิตรหรือมากกว่า สบายๆ
-
:) รถครูของผม ขับรถเป็นเพราะคันนี้ ปัจจุบันผ่านมา 15 ปี มันยังเหมือนเดิมกลับบ้าน ตจว. ที
ต้องขับทุกครั้ง จำได้ว่ามีนายหน้าซื้อมาขายขนมจีบถึงบ้าน เสนอราคาจนพ่ออยากขายไปหลายๆ ครั้ง
ถามพี่ท่านว่าจะเอาไปทำไร พี่ท่านบอกว่าที่จังหวัดผมนิยมเอา TFR ไปทำรถ 2 แถวระหว่างอำเภอเมือง กับ อำเภอใกล้ๆ และรถรับส่งนักเรียน ฮิตติดลมบน ด้วยความถึก และกินน้อย ไม่จุกจิก อย่างคัน
ของที่บ้านจำได้ว่าเปลี่ยนอะไหล่หนักสุดก็ คอมแอร์เสียแค่นั้น ช่วงล่างวิ่ง 120 สบายๆ ยังคิดเลยว่า
อีก 10 ปี จะเอามาจัดเป็น Retro เหมือนที่ ดัสสันช้างเหยียบแต่งกัน คงสวยไปอีกแบบ จนทุกวันนี้
พ่อบอกถ้าจะซื้อกระบะมาใช้ให้เอาแต่ ISUZU เท่านั้น อย่างอื่นไม่สน แฟนพันธ์แท้จริงๆ
ปล. TFR คันที่บ้านสีแดง รุ่นมีแคป เลขไมล์ 35X,xxx สงสัยหางบเอา 4jb commonrial + ดันราง+
หัวฉีดไปลง จะวิ่งขนาดไหน 555
-
ทนจริงอะไรจริงครับ ;D
-
ของผมก็ยังใช้ตั้งแต่ป้ายแดงจน 7แสนกว่ากิโล ยังไม่เคยเปิดฝาสูบ น้ำแห้งไปรอบ ยังรอดมาได้
ขออย่างเดียว หม้อน้ำน้ำอย่าแห้ง น้ำมันเครื่องอย่าให้ขาด นอกนั้นถึงไหนถึงกัน
อะไหล่ ยังหาง่าย ราคาไม่แพง เบิกได้ตามร้านอะไหล่ทั่วไปแทบทุกชิ้น
-
มันคือ3ห่วงเวอร์ชั่นรถกระบะ
เครื่องแรงพอควร ประหยัดน้ำมันยังค่อนข้างโอเค14-15กิโลลิตรยังทำได้จริง ช่วงล่างกับเบรคโอเคกับขนาดของรถที่ไม่ได้ใหญ่โต
ค่าซ่อมบำรุงไม่สูงเพราะอิเล็กโทรนิกส์แทบไม่มี ซ่อมบำรุงง่ายหาของมาเปลี่ยนได้ง่ายและถูก ขนาดตอนน้ำท่วมเคยลุยน้ำท่วมสูงประมาณครึ่งประตูรถพอขับขึ้นมาก็ขับต่อได้ปกติแบบหน้าตาเฉย
รถของเพื่อน้ำในหม้อน้ำแทบจะแห้งหมดแล้วก็ยังขับได้หน้าตาเฉยไม่มีงอแงแบบงงๆ
ข้อเสียคือใช้เฟืองในระบบขับวาล์ว เสียงเลยดังลั่นซอยหยั่งกะรถกับข้าว กับพวงมาลัยนักกล้าม แต่ก็ทนนะ ที่บ้านเคยใช้3แสนกิโลไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเกียร์พวงมาลัยเลยด้วยซ้ำ
คือ ถ้าใครบอกว่าจะใช้รถรุ่นนี้จนพังแล้วเปลี่ยนรถ อาจจะต้องแต่งงาน มีลูก รอจนลูกเรียนจบมีงานทำถึงได้เปลี่ยนรถน่ะนะ...
-
เครื่องมันไม่ได้อึดเท่า KB 2200(ช่ายมะหว่า) เลยมั้ง ไอ้มังกรทอง น้ำแห้งนิดหน่อยพังติด พูดเรื่องอึด สู้เครื่อง KB รุ่นเก่าทนสุดๆน้ำแห้งยังวิ่งได้ แต่เป็นรถที่ปลอดภัยแกผู้เดินถนนและเจ้าของรถดี ไม่ต้องบีบแตร คนเดินหลบให้แต่ไกล
-
เครื่องมันไม่ได้อึดเท่า KB 2200(ช่ายมะหว่า) เลยมั้ง ไอ้มังกรทอง น้ำแห้งนิดหน่อยพังติด พูดเรื่องอึด สู้เครื่อง KB รุ่นเก่าทนสุดๆน้ำแห้งยังวิ่งได้ แต่เป็นรถที่ปลอดภัยแกผู้เดินถนนและเจ้าของรถดี ไม่ต้องบีบแตร คนเดินหลบให้แต่ไกล
......ใช่ครับ ไม่อึดเท่า 2200 แน่นอนครับ....มังกรทอง น้ำแห้งนิดหน่อย พังจริงครับ....KB วิ่งจนควันขึ้นฝากระโปรง.....หยุดพัก เติมน้ำ วิ่งต่อได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ
อึด แต่ก็ อืด นะครับ.....ผมทำ Top Speed Kb 2200 ได้ 145 เองครับ
เสียงดัง ไหม....ดังมากครับ...แต่เข้าไปในห้องโดยสารแล้ว..เงียบเหมือนกันนะครับ (หมดตังค์ไปกะอุปกรณ์ซับเสียงเยอะมาก)
ราคาตกหรือเปล่า...ไม่ครับ เคยมีฝรั่งมาขอซื้อ 130000 ไม่ขายครับ
ประหยัดพอประมาณ 15 กม ลิตร ผมถือว่า เป็นปกตินะครับ Kb ที่ใช้อยู่ กิน 14 กม ถ้ากดหนักๆ กิน 17 กม ถ้าวิ่ง 70 80 อ่ะครับ... ;D
-
น้าผมใช้อยู่ตัว Space cab
คนใช้อยากเปลี่ยน แต่มันไม่พังซักที ภรรยาเลยไม่ให้เปลี่ยน ;D
-
ผมเคยมีSpace cab SL พวงมาลัยธรรมดา ปี1996 ทนมากๆครับ
-
มันมีอะไหล่เยอะ
ไม่ซับซ้อน
และ
สูบหลวม วาล์ซเขก หัวฉีดจะตัน แม้ไดพัง ก็ยังวิ่งได้ไงครับ
-
ผมใช้tfr 94 อยู่ แอร์เย็น มีพวงมาลัยพาวเวอร์ ปัจจุบันยังขับได้ถึง150 เดิมๆทั้งคัน อะไหล่ราคายังกะมอไซค์ ขับไปกลับบางแสน ระยอง ทุกอาทิตย์ ไม่เคยงอแง
สมัยขายของก็ขับไปกลับโรงเกลือ บางแสน ทุกอาทิตย์ ไม่เคยตายกลางทาง
ช่วงน้ำท่วมเอาไปช่วยเขาขนของจากบางเขนไปอยุธยา เคยลุยน้ำครึ่งคันเป็นสิบกิโลตรงเส้นเชียงราก ไม่ยอมพัง! หลายทีด้วย เปลี่ยนน้ำมันเครื่องน้ำมันเกียร์ออกมาก็ปกติเหมือนเดิม
เบื่อเลย จะเอารถใหม่ก็เลยไม่ได้สักที ที่บ้านบอกใช้ไปก่อนจนกว่ามันจะพัง แล้วตอนไหนล่ะเนี่ย :P
-
ทั้ง TFR และ Mighty-X ช่วงปี 94 ผมว่า ทุกวันนี้ หน้าตายังดูดีอยู่เลยครับ ความทนไม่ต้องพูดถึง ที่สำคัญคือความไม่ซับซ้อน
ทุกวันนี้รถที่ ถอดแบตยังวิ่งได้ มันหาไม่ได้แล้วนะครับ แต่ TFR, Mighty-X, BigM สตาร์ทเสร็จยกแบตใส่คันอื่นสตาร์ทต่อยังได้
-
สองสามวันนี้เจอ TFR 3 คัน เลขไมล์รวมกัน 1,8xx,xxx บระเจ้า เบนซิลอายเลย
-
ที่บ้านเคยมีอยู่คันหนึ่ง
ตอนนั่นผมยังเด็กๆอยู่เลย ตอนนั่นใครๆก็ใช่แต่รุ่นนี้กันทั้งนั่น ผมยังชอบเลย
ตอนนี้ขายไปแล้ว :'(
-
เป็นรถคันแรกของที่บ้านครับ นั่งตั้งแต่ยันจบมหาลัยฯ สภาพยังนิ้งๆเลยครับ พ่อใช้รถถนอมมาก
จะว่าไปมันก็ไม่เคยงอแงนะครับ คือใช้ถนอมแต่ดูเหมือนไม่ค่อยบำรุงรักษาเครื่อง(ฮา)
ปัญหาที่มีก็พวกแอร์ไม่เย็น แล้วก็กินน้ำมันเครื่อง คือหยดแมะๆตอนจอดข้ามคืน ต้องเคยเอากระดาษลังมาปูรองกันพื้นเลอะ
-
เป็นรถคันแรกของที่บ้านครับ นั่งตั้งแต่ยันจบมหาลัยฯ สภาพยังนิ้งๆเลยครับ พ่อใช้รถถนอมมาก
จะว่าไปมันก็ไม่เคยงอแงนะครับ คือใช้ถนอมแต่ดูเหมือนไม่ค่อยบำรุงรักษาเครื่อง(ฮา)
ปัญหาที่มีก็พวกแอร์ไม่เย็น แล้วก็กินน้ำมันเครื่อง คือหยดแมะๆตอนจอดข้ามคืน ต้องเคยเอากระดาษลังมาปูรองกันพื้นเลอะ
อาการนี้ลองเปลี่ยนซีลยางอ่างน้ำมันเครื่องกับซีลคอเครื่องครับ ก่อนหน้านี้ของผมหยดพอเปลี่ยนแล้วหาย
แอร์ไม่เย็นเปลี่ยนไปใช้คอมพ์แอร์รุ่นดราก้อนอายหรือตัวนอกที่เป็น R134a แล้วจะดีขึ้นเยอะ
เป็นหนึ่งในรถที่ๆบ้านไม่ให้ขายเหมือนกัน ใช้มาตั้งแต่รุ่นพ่อ ;D
-
อืมมม ให้เหตุผล็น่าจะความอึดของมันเนี่ยล่ะครับ เป็นรถป้ายแดงคันแรกของบ้านผมเลยครับ(ปกติบ้านผมเล่นแต่รถยุโรปมือสอง เพราะ กิจการที่บ้านขายอะไหล่รถยุโรป) จำได้ว่าตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลเลยครับ ทุกวันนี้รถกระบะป้ายแดงคันนั้นยังถูกขับโดยแม่ผมอยู่เลย ให้แกขายแล้วจะซื้อให้ใหม่ก็ไม่ยอม แกบอกว่ามีความทรงจำกับคันนี้ เพราะ แกใช้รถคันนี้ส่งของให้กับลูกค้า ช่วยสร้างกิจการกับพ่อของผมขึ้นมา
ปัจจุบันเอาไปซ่อม ปะ ผุ อยู่ครับ ทำสีใหม่ บุหนังภายในใหม่+ทำระบบแอรใหม่ เอาให้นิ้งครับ ส่วนเครื่องนี่แทบไม่ต้องไปยุ่งกับมันเลยครับ ยังใช้งานได้ดีอยู่ ยกนิ้วให้กับความอึดของมันจริงๆครับ
-
ท่านอื่นตอบกันไปหมดแล้ว งั้นผมขอเสริมละกัน
"เป็นรถที่เบิ้ลเครื่องมันส์มว้ากกกกก" ..... ;D
ใส่เกียร์ 1>> เหยียบคลัช>> เบิ้ลเครื่อง บรึ้นๆๆๆๆๆ>> เข้าเกียร์ 2
จะไม่เบิ้ลก็ไม่ได้ ติดเป็นนิสัย สมัยก่อนขับทีไร ต้องเบิ้ลทุกที 555 :D
-
เรื่องทนเรื่องอีด มีคนพูดเยอะแล้ว ผมพูดอีก 2 ประเด็นก็แล้วกันครับ
เรื่องการบรรทุกของ และความแรงที่ประหยัด
ลูกค้าผมอยู่บนเขา อำเภอนครไทย พิษณุโลก ใช้ TFR ปี 96 ปี 97 อย่างละ 1 คัน เขาบอกว่า ปี 96 จูนง่ายกว่า ปี 97 จูนยากกว่า แต่ ขึ้นเขาลงเขา วิ่งที่ 140 สบายๆ กินน้ำมัน เกิน 14กิโลลิตรครับ แถมถ้าใช้บรรทุก เขาบรรทุกพวกวัสดุก่อสร้าง 3-4 ตัน เครื่อง 2.5 ขึ้นเขาแบบสบายๆครับ
อีกประเด็น ช่างที่รู้จักกัน จับ TFR มา 250,000 ซ่อมไป 50,000 ใช้ไป 4 ปี ขายต่อได้ราคา 320,000 ครับ ราคาตกน้อยมากกกกกกก
ส่วนMighty X นั้น กินน้ำมันมากกว่า อึด ซ่อมง่าย แต่ ห้าม น้ำแห้ง เด็ดขาด ถ้าฝาสูบโก่ง ซ่อมไม่จบ จะมีอาการกินน้ำมันเครื่องตามมา แม้แต่จะใช้ฝาสูบแท้ ก็ตาม (รถผม 1 คัน และ รถคนรู้จักอีก 1 คัน ซ่อมไม่จบครับ)
ส่วนBig-M ทนมากๆ ลูกค้าใช้เยอะ บรรทุกหนักสุดๆ ส่วนใหญ่เปลี่ยนเพลาลอย 6ล้อมาให้ บรรทุกกัน 4ตันขึ้นครับ
-
ขับ TFR แล้วหงุดหงิดอย่างเดียว เวลาขึ้นเขาเจอ commonrail แรงๆทั้งหลายขับช้าอยู่ด้านหน้า (กรูไล่รอบมาแทบตาย แซงพรี่เค้าก็ไม่ได้) ;D