Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: The Mechanics of Emotions ที่ มิถุนายน 03, 2019, 13:30:55
-
สวัสดีครับ ขอสอบถามเรื่องการเดินบัญชีเพื่อซื้อรถมือสอง ผ่อนสัก 4 ปีหน่อยครับ แผนคือออกรถปลายปี ผมมีบัญชีอยู่ 2 บัญชีหลัก คือบัญชีเงินเดือนกับบัญชีเงินเก็บ ถ้าผมจะซื้อรถมือสองเค้าจะใช้บัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน ถูกต้องไหมครับ ซึ่งบัญชีเงินเดือนพึ่งจะเมีเงินเข้าได้ 3 เดือน (เปลี่ยนธนาคาร) มีแต่โอนเข้า ไม่ถอนออก ผมควรจะโอนเงินจากบัญชีเงินเก็บมาสะสมไว้กับบัญชีเงินเดือนไหมครับ ยอดเงินมันจะได้เยอะกว่าเงินเดือนอย่างเดียว แล้วจำเป็นไหมที่ต้องมีการถอนออกบ้างเพื่อให้ดูมีการเคลื่อนไหวของเงิน
ปล.บัญชีเงินเก็บมีเงินเข้าทุกเดือน เอาไว้ใช้จ่ายส่วนตัวครับ
รบกวนท่านสมาชิกที่มีประสบการณ์หน่อยนะครับ ไม่มีประสบการณ์ซื้อรถมือสองเลย ขอบคุณครับ
-
ปกติจะเป็นบัญชีที่เงินเดือนเข้านะครับ ล่าสุดถ้ามีสลิปเงินเดือน 3 เดือนล่าสุดไม่ต้องใช้เดินบัญชีครับ
ขอบกรุงศรีครับ
-
ถ้ามีเงินเดือนเข้าตลอด ใช้สลิปเงินเดือนครับ ส่วนสมุดบัญชี แค่ดูว่ามีเงินเหลือบ้างเท่านั้นเอง
-
ไฟแนนท์จะดู ไม่กี่อย่างครับ
1.รายได้ต่อเดือน .. อันนี้ไม่เกี่ยวกับเงินเก็บครับ เค้าจะดูว่าเรามีรายรับเท่าไร หักสุทธิแล้วเหลือเท่าไรเช่นรับเงินเดือน 2 หมื่น/เดือน และมีค่าล่วงเวลาและอื่นๆเพิ่มอีกรวม 1หมื่น ก็เป็นรับ 3หมื่นต่อเดือน
2.เหลือสุทธิ ... อันนี้จะดูจาข้อ 1 ครับเช่น ถ้ารับ 3 หมื่น แต่อาจมีค่าผ่อนบ้านจ่ายบัตร หรืออื่นๆ เมื่อรวมแล้วทำให้เหลือ 1.5 หมื่นบาท เค้าก็จะนับว่าเหลือสุทธิครับ
3.ค่างวดรถที่ผ่อน ต้องมากกว่าเหลือสุทธิ 2 เท่าครับ ... เช่นถ้าเราแจ้งว่า เราเหลือสุทธิ 3หมื่น และเราผ่อนรถเดือนละ 1หมื่นบาท อันนี้ก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าผ่อนเดือนละ 2 หมื่นอันนี้ต้องมีกู้ร่วมเพื่อรวมรายได้ครับ
การเดินบัญชี ถ้าเปลี่ยนธนาคารแบงค์จะขอสเตทเม้นท์ของธนาคารก่อนหน้าละธนาคารใหม่ประกอบร่วมกันได้ครับ ว่าต่อเนื่องกันหรือเปล่า และก็ขอดูที่มาของรายได้เช่น หนังสือรับรองเงินเดือนหรือสลิปเงินเดือนเท่านั้น
เงินเก็บที่มี แบงค์แทบไม่สนใจเลยครับ เพราะเงินพวกนี้เราจะถอนออกไปเมื่อไรก็ได้ และไม่มีอะไรการันตีแน่นอนว่ามันจะเข้าทุกเดือน และเงินก้อนนี้อาจจะหมดในตอนที่ดาวน์รถคันนี้ไปแล้วก็ได้ และถึงแม้ว่าคุณจะฝากทุกเดือนก็ตามครับ
แบงค์สนใจแค่ว่าคุณรับเท่าไร และรับจากไหน มากกว่าครับ เค้าไม่สนหรอกครับว่าคุณมีเงินเก็บเท่าไร ...
ที่สำคัณเลยคือเครดิตครับ ต้องไม่มีบูโร และมีประวัติการจ่ายที่ดี ไม่ว่าจะผ่อนมือถือผ่อนเครื่องซักผ้า ถ้าประวัติโชว์ว่าจ่ายตรงก็กู้ง่ายครับ
-
ประสบการณ์ส่วนตัวของผมนะ
เพิ่งกู้ซื้อรถมือสองมาคันนึงครับ ตอนนั้นเพิ่งเปลี่ยนงานได้ 2 เดือนกว่าๆ ยังไม่ผ่านโปรด้วยซ้ำ เปลี่ยนธนาคารที่เอาเงินเข้าด้วยครับ (BAY -> SCB)
สิ่งที่เค้าอยากได้จากผมคือ
1. สลิปเงินเดือนย้อนหลังจากวันที่ขอไฟแนนซ์ 6 เดือน ผมก็ให้ไปตั้งแต่ ตค ปีที่แล้ว ทั้งที่เก่าและที่ปัจจุบัน
2. หน้าบัญชีที่รับเงินเดือนที่ทำงานปัจจุบัน
แค่นี้เลยจริงๆครับ ก็มีโทรมาถาม HR แค่ว่าเป็นพนักงานจริงๆมั้ย ไม่เกินสัปดาห์ก็ผ่านเรียบร้อย รับรถได้เลย
-
หลักๆ แล้วถ้าเงินเดือนเข้าแน่นอน เช็คภาระอื่นๆ แล้วเงินเหลือพอสมควร แบงค์มักจะอนุมัติครับ
-
ไฟแนนท์จะดู ไม่กี่อย่างครับ
1.รายได้ต่อเดือน .. อันนี้ไม่เกี่ยวกับเงินเก็บครับ เค้าจะดูว่าเรามีรายรับเท่าไร หักสุทธิแล้วเหลือเท่าไรเช่นรับเงินเดือน 2 หมื่น/เดือน และมีค่าล่วงเวลาและอื่นๆเพิ่มอีกรวม 1หมื่น ก็เป็นรับ 3หมื่นต่อเดือน
2.เหลือสุทธิ ... อันนี้จะดูจาข้อ 1 ครับเช่น ถ้ารับ 3 หมื่น แต่อาจมีค่าผ่อนบ้านจ่ายบัตร หรืออื่นๆ เมื่อรวมแล้วทำให้เหลือ 1.5 หมื่นบาท เค้าก็จะนับว่าเหลือสุทธิครับ
3.ค่างวดรถที่ผ่อน ต้องมากกว่าเหลือสุทธิ 2 เท่าครับ ... เช่นถ้าเราแจ้งว่า เราเหลือสุทธิ 3หมื่น และเราผ่อนรถเดือนละ 1หมื่นบาท อันนี้ก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าผ่อนเดือนละ 2 หมื่นอันนี้ต้องมีกู้ร่วมเพื่อรวมรายได้ครับ
การเดินบัญชี ถ้าเปลี่ยนธนาคารแบงค์จะขอสเตทเม้นท์ของธนาคารก่อนหน้าละธนาคารใหม่ประกอบร่วมกันได้ครับ ว่าต่อเนื่องกันหรือเปล่า และก็ขอดูที่มาของรายได้เช่น หนังสือรับรองเงินเดือนหรือสลิปเงินเดือนเท่านั้น
เงินเก็บที่มี แบงค์แทบไม่สนใจเลยครับ เพราะเงินพวกนี้เราจะถอนออกไปเมื่อไรก็ได้ และไม่มีอะไรการันตีแน่นอนว่ามันจะเข้าทุกเดือน และเงินก้อนนี้อาจจะหมดในตอนที่ดาวน์รถคันนี้ไปแล้วก็ได้ และถึงแม้ว่าคุณจะฝากทุกเดือนก็ตามครับ
แบงค์สนใจแค่ว่าคุณรับเท่าไร และรับจากไหน มากกว่าครับ เค้าไม่สนหรอกครับว่าคุณมีเงินเก็บเท่าไร ...
ที่สำคัณเลยคือเครดิตครับ ต้องไม่มีบูโร และมีประวัติการจ่ายที่ดี ไม่ว่าจะผ่อนมือถือผ่อนเครื่องซักผ้า ถ้าประวัติโชว์ว่าจ่ายตรงก็กู้ง่ายครับ
ไฟแนนรถยนต ไม่น่ามีกู้ร่วมนะครับ
มันไม่เหมือนบ้าน
-
ขอบคุณมากๆ ครับ กระจ่างเลยครับ จะได้เตรียมตัวไว้เนิ่นๆ
-
ขอเสริมนะครับ
ใช้สเตทเม้นบัญชีเงินเดือน เพื่อยื่นไฟแนนซ์นั่นละครับ ปกติก็ใช้ 3 เดือน
แต่แต่งให้สวยเพิ่มด้วย การฝากเงินเข้าไปเป็นเดือนละ1-2 ครั้ง วันที่เท่าไหร่ก็ว่าไป
(โดยแบ่งเงินออมนั่นละมาฝาก) อาจไม่ต้องเยอะ เช่น 1 หมื่นก็ได้
แล้วบอกไฟแนนซ์ว่าเป็นรายได้พิเศษจากงานเสริมที่ไม่แน่นอน
เช่นส่วนตัวผมเป็นวิศวกร ก็จะแจ้งว่าเป็นงานออกแบบ ตรวจสอบ คุมงานจ๊อบพิเศษ
โดยประสบการณ์ส่วนตัว ไฟแนนซ์จะคิดรายรับรวมให้เพิ่ม แต่ให้ไม่เต็ม 100% นะครับ
-
ขอเสริมนะครับ
ใช้สเตทเม้นบัญชีเงินเดือน เพื่อยื่นไฟแนนซ์นั่นละครับ ปกติก็ใช้ 3 เดือน
แต่แต่งให้สวยเพิ่มด้วย การฝากเงินเข้าไปเป็นเดือนละ1-2 ครั้ง วันที่เท่าไหร่ก็ว่าไป
(โดยแบ่งเงินออมนั่นละมาฝาก) อาจไม่ต้องเยอะ เช่น 1 หมื่นก็ได้
แล้วบอกไฟแนนซ์ว่าเป็นรายได้พิเศษจากงานเสริมที่ไม่แน่นอน
เช่นส่วนตัวผมเป็นวิศวกร ก็จะแจ้งว่าเป็นงานออกแบบ ตรวจสอบ คุมงานจ๊อบพิเศษ
โดยประสบการณ์ส่วนตัว ไฟแนนซ์จะคิดรายรับรวมให้เพิ่ม แต่ให้ไม่เต็ม 100% นะครับ
ขอบคุณมากครับ :)