ผู้เขียน หัวข้อ: มาคิดความคุ้มค่าและค่าน้ำมันเล่น ๆ ของ F30 ระหว่าง 320i vs 320d จากมาตรฐานการทดสอบของพี่จิมมี่ครับ  (อ่าน 15350 ครั้ง)

ออฟไลน์ SADAEW

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 181
** คู่มือการอ่านกระทู้นี้
ชี้แจงก่อนนะครับมี 2ตาราง ด้านบนตารางแบบตีกลม ๆ ลำเอียงนิด ๆ กับตารางด้านล่างถัดลงไปจากตัวหนังสือสีเขียว
ตารางนั้นทำเพื่อตอบสนองท่านที่ต้องการความเป๊ะ!!! พยายามเป๊ะสุดละครับ แต่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันบางอันไม่มี
เราเลยต้องสมมติขึ้นมา แต่ตารางด้านล่าง เราเปลี่ยนอัตราสิ้นเปลืองของน้ำมันบางอันด้วย รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ต้องรับ 555+ โอเคน้า จบน้า  ;D


ราคา 320i ต่างกับ 320d อยู่ 220,000 ถ้ามันจะแรงสูสีกันขนาดนี้
ในด้านตัวเลขจากตารางทดสอบความเร็วในช่วงต่าง ๆ เอาเป็นว่าตีกลม ๆ แรงเท่ากัน
ถึงแม้ดีเซลจะรู้สึกถึงการดึงมากกว่า และขับสบายมากกว่าในการขึ้นทางชัน
การดึงเป็นก้อน ๆ ในห้วงสั้น รอบต่ำของดีเซล กับการดึงแบบต่อเนื่องแบบ Flat Torque ของเบนซิน

แล้วถ้ามาคำนวณค่าใช้จ่ายกันล่ะ ว่าซื้อเบนซิน หรือซื้อดีเซล ไม่มองเรื่องอื่นนะครับมองแค่น้ำมันอย่างเดียว
อันไหนจะคุ้มค่าเงินมากกว่ากัน มองแต่ตัวเลข ไม่มองอารมณ์และความพึงพอใจในเรื่องอื่น ๆ นะครับ

โดยใช้มาตรฐานค่าเฉลี่ยที่ได้จากที่พี่จิมมี่เทส ถึงแม้เบนซินจะเปลืองกว่านิด ๆ ตอนติดเครื่องเฉย ๆ
** ราคาน้ำมันอ้างอิง http://www.pttplc.com/th/GetOilPrice.aspx
วันที่ 24 เม.ย. 2556 เวลา 09.41น.

ตารางอันแรกนี้ตีกลม ๆ นะจ๊ะ ย้ำ!!! ว่าตีกลม ๆ
320d  อัตราสิ้นเปลือง ตีกลม ๆ 20กิโล/ลิตร
Diesel 29.99 คำนวณค่าใช้จ่าย 1.49 บาท/กิโลเมตร


มาฝั่ง 320i บ้าง ราคาน้ำมันมีหลายช่วงแล้วแต่จะใช้ แต่ผมจะเปรียบเทียบทุกอันดู
อัตราเฉลี่ย ตีกลม ๆ 17กิโล/ลิตร

ถ้าเป็นน้ำมันเบนซินไล่จากถูกสุด ถึงแม้บางทีฝั่งโซฮอล์อาจจะระเหยเร็วกว่าและได้ระยะทางน้อยกว่าก็ตาม
เนื่องจาก F30 ตัวนี้เติม E85 ไม่ได้ จึงไม่นำน้ำมัน E85 มาคำนวณนะครับ

Gasohol E20  32.18  คำนวณค่าใช้จ่าย 1.89 บาท/กิโลเมตร
Gasohol 91    34.68  คำนวณค่าใช้จ่าย 2.04 บาท/กิโลเมตร
Gasohol 95    37.13  คำนวณค่าใช้จ่าย 2.18 บาท/กิโลเมตร
Gasoline 95    44.35  คำนวณค่าใช้จ่าย 2.60 บาท/กิโลเมตร
*Gasoline 95 + Gasohol 95 อย่างละครึ่ง  คำนวณค่าใช้จ่าย 2.39 บาท/กิโลเมตร
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้าเติมน้ำมันชนิดเดียวตลอด 100,000 กิโลเมตร มาดูว่าดีเซลประหยัดกว่าน้ำมันแต่ละชนิดกี่บาท
เทียบค่าใชจ่ายต่อ 1กิโลเมตร ระหว่างน้ำมันเบนซินชนิดต่าง ๆ กับน้ำมันดีเซล

Gasohol E20  ส่วนต่าง 0.40 บาท/กิโลเมตร ดีเซลประหยัดกว่า 40,000บาท
Gasohol 91    ส่วนต่าง 0.55 บาท/กิโลเมตร ดีเซลประหยัดกว่า 55,000บาท
Gasohol 95    ส่วนต่าง 0.69 บาท/กิโลเมตร ดีเซลประหยัดกว่า 69,000บาท
Gasoline 95    ส่วนต่าง 1.11 บาท/กิโลเมตร ดีเซลประหยัดกว่า 111,000บาท

*สำหรับคนรักรถและอยากประหยัดด้วย เติมน้ำมันที่ดีผสมการประหยัด
Gasohol 95 + Gasoline 95 อย่างละครึ่ง ส่วนต่าง 0.90 บาท/กิโลเมตร ดีเซลประหยัดกว่า 90,000บาท
 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นั่นหมายความว่า ถ้าสมมติคนขับ 320d ไปเจอเพื่อนที่ใช้ 320i แต่น้ำมันแตกต่างกัน 5คน 5แบบ
คนขับดีเซลจะต้องขับระยะทางเท่าไรถึงจะคุ้มกับส่วนต่างที่จ่ายแพงกว่า 220,000บาท

ไปเทียบกับคนที่เติม Gasohol E20 คนขับดีเซลต้องขับ 550,000 กิโลเมตร ถึงจะคุ้มส่วนต่าง
ไปเทียบกับคนที่เติม Gasohol 91   คนขับดีเซลต้องขับ 400,000 กิโลเมตร ถึงจะคุ้มส่วนต่าง
ไปเทียบกับคนที่เติม Gasohol 95   คนขับดีเซลต้องขับ 318,840 กิโลเมตร ถึงจะคุ้มส่วนต่าง
ไปเทียบกับคนที่เติม Gasoline 95   คนขับดีเซลต้องขับ 198,198 กิโลเมตร ถึงจะคุ้มส่วนต่าง
*ไปเทียบกับคนที่เติม Gasohol 95 + Gasoline 95 อย่างละครึ่ง คนขับดีเซลต้องขับ 244,444 กิโลเมตร ถึงจะคุ้มส่วนต่าง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

การเปรียบเทียบนี้อ้างอิงจากตัวเลขล้วน ๆ นะครับ อาจจะมีปัจจัยอื่น ๆ เช่นรถติด หรือการระเหยของน้ำมัน
หรืออัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเบนซินและดีเซลที่แตกต่างกันในขณะติดเครื่อง ที่จะส่งผลต่อการสิ้นเปลือง

แต่การเปรียบเทียบนี้อาจจะทำให้คนที่ลังเลระหว่าง 320d กับ 320i ว่าจะคุ้มทุนมั้ยกับส่วนต่าง 220,000
ก็ดูจากตัวเลขที่ผมได้เทียบไว้แล้วกันนะครับ

ถ้ามองตัวเลขความเร็วในช่วงความเร็วต่าง ๆ จาก Review พี่จิมมี่ คือเบนซินกับดีเซลแทบไม่ต่างกันเลย
ก็คงอยู่ที่การทดลองขับ รับได้มั้ยกับแรงดึงแบบนี้ เสียงดังของดีเซล เสียงเงียบของเบนซิน
การเหยียบยาว ๆ หรืออารมณ์ต่าง ๆ ที่ดีเซลและเบนซินแตกต่างกัน
แต่เทียบแบบนี้แล้ว คนที่อยากจะครอบครองเจ้า F30 นี้ อย่างน้อยผม 1คน
เริ่มเอนเอียงมาทาง 320i แล้วล่ะครับ

**อันนี้ทฤษฏีผมเอง ผิดถูกยังไง ก็แนะนำกันมาได้ครับ ผมคิดแบบง่าย ๆ น่ะครับ  ;D

ปล.ท่านอื่น ๆ มีปัจจัยอื่น ๆ ในการขับขี่มาเปรียบเทียบที่ไม่ใช่ในเชิงตัวเลขระหว่างดีเซลกับเบนซิน
เช่นใครดึงกว่า ใครเหยียบยาวดีกว่า เสียงเครื่อง ฯลฯ ก็เชิญแสดงความคิดเห็นที่กระทู้นี้ได้เลยนะครับ


มาคำนวณกันใหม่ครับ เอาแบบโคตรเป๊ะ !!!!! สนอง need สาวก BMW ที่ต้องการความเป๊ะ ตารางด้านล่างจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป เป็นการคำนวณใหม่ให้ใกล้เคียงที่สุดตามมาตรฐานผมอีกเช่นเคย ย้ำ!!!ตามมาตรฐานผม
แต่จะพยายามให้เป๊ะที่สุดครับ
แต่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันบางอันผมต้องสมมตินะครับ แต่เราสมมติความเร็วมาตรฐาน HLM วิ่ง 110นะจ๊ะ อย่ามาพูดว่าในเมืองนอกเมือง โง้นงี้ ถ้าอยากจะคำนวณในเมืองนอกเมืองแนะนำไปคำนวณเองเด้อ

มาลุยกันเลย ไม่ตีกลม ๆ แล้วนะจ๊ะ  ;) แต่อัตราเฉลี่ยน้ำมันบางอันเป็นตัวเลขสมมตินะจ๊ะ

320d  อัตราสิ้นเปลือง เป๊ะ ๆ  20.61กิโล/ลิตร
Diesel 29.99 คำนวณค่าใช้จ่าย 1.45 บาท/กิโลเมตร

มาฝั่ง 320i บ้าง ราคาน้ำมันมีหลายช่วงแล้วแต่จะใช้ แต่ผมจะเปรียบเทียบทุกอันดู
อัตราเฉลี่ยเป๊ะ ๆ 16.94กิโล/ลิตร ของ เบนซิน95 ถ้าอันอื่นจะลองสมมติดูนะครับ
ถ้าเป็นน้ำมันเบนซินไล่จากถูกสุด ถึงแม้บางทีฝั่งโซฮอล์อาจจะระเหยเร็วกว่าและได้ระยะทางน้อยกว่าก็ตาม
เนื่องจาก F30 ตัวนี้เติม E85 ไม่ได้ จึงไม่นำน้ำมัน E85 มาคำนวณนะครับ

Gasohol E20  32.18  น้ำมันนี้ห่วยสุดผมให้  14.00กิโล/ลิตร  คำนวณค่าใช้จ่าย 2.29 บาท/กิโลเมตร
Gasohol 91    34.68  น้ำมันนี้ห่วยมากผมให้ 15.00กิโล/ลิตร  คำนวณค่าใช้จ่าย 2.31 บาท/กิโลเมตร
Gasohol 95    37.13  น้ำมันนี้ห่วยนิดๆผมให้ 16.00กิโล/ลิตร  คำนวณค่าใช้จ่าย 2.32 บาท/กิโลเมตร
Gasoline 95    44.35  น้ำมันนี้พี่จิมมี่เทสคือ  16.94กิโล/ลิตร  คำนวณค่าใช้จ่าย 2.60 บาท/กิโลเมตร
*Gasoline 95 + Gasohol 95 อย่างละครึ่ง  คำนวณค่าใช้จ่าย 2.46บาท/กิโลเมตร
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้าเติมน้ำมันชนิดเดียวตลอด 100,000 กิโลเมตร มาดูว่าดีเซลประหยัดกว่าน้ำมันแต่ละชนิดกี่บาท
เทียบค่าใชจ่ายต่อ 1กิโลเมตร ระหว่างน้ำมันเบนซินชนิดต่าง ๆ กับน้ำมันดีเซล

Gasohol E20  ส่วนต่าง 0.84 บาท/กิโลเมตร ดีเซลประหยัดกว่า 84,000บาท
Gasohol 91    ส่วนต่าง 0.86 บาท/กิโลเมตร ดีเซลประหยัดกว่า 86,000บาท
Gasohol 95    ส่วนต่าง 0.87 บาท/กิโลเมตร ดีเซลประหยัดกว่า 87,000บาท
Gasoline 95    ส่วนต่าง 1.11 บาท/กิโลเมตร ดีเซลประหยัดกว่า 111,000บาท

*สำหรับคนรักรถและอยากประหยัดด้วย เติมน้ำมันที่ดีผสมการประหยัด
Gasohol 95 + Gasoline 95 อย่างละครึ่ง ส่วนต่าง 1.01 บาท/กิโลเมตร ดีเซลประหยัดกว่า 101,000บาท
 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นั่นหมายความว่า ถ้าสมมติคนขับ 320d ไปเจอเพื่อนที่ใช้ 320i แต่น้ำมันแตกต่างกัน 5คน 5แบบ
คนขับดีเซลจะต้องขับระยะทางเท่าไรถึงจะคุ้มกับส่วนต่างที่จ่ายแพงกว่า 220,000บาท

ไปเทียบกับคนที่เติม Gasohol E20 คนขับดีเซลต้องขับ 261,940 กิโลเมตร ถึงจะคุ้มส่วนต่าง
ไปเทียบกับคนที่เติม Gasohol 91   คนขับดีเซลต้องขับ 255,813 กิโลเมตร ถึงจะคุ้มส่วนต่าง
ไปเทียบกับคนที่เติม Gasohol 95   คนขับดีเซลต้องขับ 252,873 กิโลเมตร ถึงจะคุ้มส่วนต่าง
ไปเทียบกับคนที่เติม Gasoline 95   คนขับดีเซลต้องขับ 198,198 กิโลเมตร ถึงจะคุ้มส่วนต่าง
*ไปเทียบกับคนที่เติม Gasohol 95 + Gasoline 95 อย่างละครึ่ง คนขับดีเซลต้องขับ 217,821 กิโลเมตร ถึงจะคุ้มส่วนต่าง


**สรุป ใครขับเบนซินถ้าอยากจะคุ้มก็ต้องขับกันประมาณ 200,000 โลถึงจะคุ้มส่วนต่างนะครับ
    อันนี้ไม่รวมการซ่อมบำรุง การเสื่อมของเครื่องที่แตกต่างกันนะครับ เราเอาทีละเรื่องเดี๋ยวมันจะ งง

โอ๊ย !!! ตาลาย ผมพยายามสุด ๆ ละนะครับเพื่อความเป๊ะ
แต่จะถูกใจหรือไม่ก็ลองดูเอาเองละกันครับ ผมช่วยได้เท่านี้ล่ะครับ
เพราะอัตราสิ้นเปลืองของน้ำมันแต่ละประเภท พี่จิมมี่ไม่ได้เทสน้ำมันครบทุกชนิด อัตราสิ้นเปลืองอื่นผมเลยสมตติเอา
ตามความสร้างสรรค์อันน้อยนิดของสมองผม 555+ ถ้าอ่านถึงตรงนี้ไม่เข้าใจลองอ่านทุกบรรทัดตั้งแต่ต้นจนจบใหม่ครับ

สุดท้ายบางครั้งตัวเลขและเหตุผล ก็ไม่ได้มีความหมายไปมากกว่าอารมณ์และความอาร์ทของเราจริงมั้ยครับ
ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำแนะนำนะครับ บ๊ายบาย  ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2013, 23:32:25 โดย SADAEW »

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
ตามความเห็นของผมนะ งวดนี้ 320i N20 ชนะ !!

แรงกว่า ราคารถถูกกว่า ประหยัดต่างกันนิดนุง และที่สำคัญเสียงไม่ดัง

ออฟไลน์ fishfinger

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 868
กระทู้มีประโยชน์มากๆ ปักหมุดอะไรไว้แบบนี้ได้ไหมเนี่ย

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ครับ
ถ้าผมมีโอกาสซื้อคงเป็น 320i
เพราะใช้รถแค่ปีละ  10,000โล
สงสัยถ้าซื้อดีเซลมาคงได้ขายก่อนที่จะคุ้มค่าน้ำมัน
ที่สำคัญเบนซินแรงกว่า เงียบกว่า ลากรอบได้มันส์กว่า
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ Parinceo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,210
ตอนนี้เชียร์ไม่ทันแล้ว  :-\

ผมคนนึงชอบเบนซิลมากกว่า แต่เพื่อความประหยัด คุณแม่เลยเลือกดีเซล
เคยคืดเลขไปเทียบๆเลย ท่านก็ไม่ฟังครับ สุดท้ายเลยต้องทำใจว่าคนมีอายุเค้าจะไม่ยอมเปลี่ยนความคิดอะไรง่ายๆ

ปล. แต่ราคาขายต่อดีเซลตกน้อยกว่านะครับ

ออฟไลน์ che_dtracker

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 128
ดูจากกระทู้นี้ชัดเจนเลย

ความประหยัดของตัวดีเซลกว่าจะคืนทุนนานมาก สมรรถนะก็ด้อยกว่าตัวเบนซินอีก 
ดีอย่างเดียว สบายใจตอนเติมน้ำมัน 

ออฟไลน์ promay

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 132
    • อีเมล์
อย่าลืมว่าข้อมูลที่ท่านคิดออกมานั้นเป็นการเปรียบเทียบแค่ค่าเชื้อเพลิงอย่างเดียวนะครับ แต่การใช้งานจริงต้องมีค่าMaintenance.ระยะยาวเข้ามาด้วยนะครับ
ส่วนต่างอาจจะไม่มากขนาดนี้

ออฟไลน์ f1rstgot

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 850
    • อีเมล์
อัตราสิ้นเปลืองที่คุณเอามาคำนวน จริงๆแล้วมันต้องแบบนี้นะครับ การที่ปัดเศษอัตราสิ้นเปลืองของ20d ที่ได้ 20.68 มาเป็น20กลมๆ คุณลดลงมาตั้งเกือบๆ0.7โล/ลิตร ? อีกแค่0.3โล/ลิตร ก็ได้1โล/ลิตร แล้วนะครับ ผมว่าลองมาคิดแบบนี้ดีกว่า 20.68 ปัดเป็น 20.70 เพิ่มแค่0.02 ดีกว่ามั้ยครับ ? เพราะในกรณี 320i คุณใช้วิธีปัดขึ้น จาก 16.94 เป็น 17กลมๆ แต่พอมาเป็น20d ดันใช้วิธีปัดเศษลงไปตั้ง 0.7โล/ลิตร หละครับ ส่วน 320i ก็เพิ่มจาก 16.94 เป็น 17 เพิ่มไป 0.06 เพิ่มมากมากกว่า 20d อยู่ที่ 0.04 แล้วลองคิดดูใหม่นะครับ ระยะทางหลายแสนโลแบบนี้ แค่ 0.5โล/ลิตร ก็มีผลต่อเงินเติมน้ำมันมากแล้วครับ
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลือง ที่บอกว่า มีคนเติม เบนซินอยู่5แบบ คุณคิดเปรียบเทียบได้ทั้ง5แบบครับ แต่! คุณไม่มีทางรู้ครับว่า น้ำมันที่ถูกกว่าเบนซิน95 มันจะได้อัตราสิ้นเปลือง กี่กิโลเมตร/ลิตร ไม่ใช่เติมE20ราคาลิตรละ32บาทแล้วจะได้อัตราสิ้นเปลือง16.94โลลิตร คุณจะเปรียบเทียบกับ16.94โลลิตรได้ก็ต่อเมื่อคิดราคาน้ำมันเบนซิน95เท่านั้น เพราะฉนั้น คุณต้องเอาราคาน้ำมันเบนซิน95ไปคำนวนครับ เพราะน้ำมันเบนซิน ยิ่งถูก อัตราสิ้นเปลืองยิ่งแย่ เบนซิน95 อัตราสิ้นเปลืองดีสุด แต่ก็แพงสุด ก็ได้ 17โลลิตร ถ้าเป็นเบนซิน91 ถูกกว่า95 แต่อัตราสิ้นเปลืองก็แย่ลงไปด้วย ไม่ถึง17หรือ16.94แน่นอน ยิ่งแก๊สโซฮอลล์95 91 ไม่ต้องพูดถึง แย่กว่า เบนซิน91

สรุป.. ลองคำนวนแบบที่ผมพิมพ์ไปให้ดูหน่อยนะครับ 20d 20.7โล/ลิตร ราคาน้ำมัน29.9บาท / 20i 17โล/ลิตร ราคาน้ำมัน44.35 เอาตามนี้นะครับ ขอบคุณครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2013, 13:09:32 โดย f1rstgot »

ออฟไลน์ cloud

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 668
    • อีเมล์
อยากให้กระทู้นี้ปักหมุดจังเลยครับ  แต่ดีเซลเวลาเติมน้ำมันกับอัตราเร่งมันมีผลทางด้าน อารมณ์มากเลย จะรู่สึกว่ามันดีคุ้มค่ามาก ถึงแม้จะรู้ๆอยู่ว่าส่วนต่างระดับ2แสนบาทคงมีน้อยคนที่จะวิ่งคุ้ม เพราะรถระดับนี้ส่วนใหญ่จะจอดซะมากกว่า

ออฟไลน์ TnP_PKt

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,430
คิดตามทฤษฎี จขกท ไม่ผิดครับ ในกรณีที่ทั้งชีวิตวิ่ง 110 ตลอด

แต่กลับกันหากวิ่งในเมือง 100% หละครับ ลองคิดดูว่า

ดีเซลจะอยู่ประมาณ 11-13 กม./ล เบนซินประมาณ 8-10 กม./ล.

บอกตามตรงนะ ใครบอกว่าวิ่งในเมืองรถติดๆ ได้ 15 กม./ล โดยที่

ไม่ใช่ไฮบริดผมไม่ค่อยเชื่อนะ ขนาดอีโค่คาร์เครื่อง 1.2 รถติดๆ

ผมยังได้เต็มที่แค่ 11 กม./ล เลย ส่วนดีเซลวิ่งในเมืองได้ 13.5 กม/ล

เป็น E250 CDI กลับไม่ได้แตกต่างกับวิ่งทางไกลนัก เพราะฉะนั้นผมลองหารดู

ดีเซล 13 กม./ล คงตกกิโลละ 2.2 บาท

เบนซินผมให้ GSH 95 10 กม./ล ตกกิโลละ 3.7 บาท

ส่วนต่างที่เกิดขึ้นคือ 1.5 บาท/กม. ต้องวิ่งประมาณ 150,000 ถึงคุ้มทุน

แต่หากใช้ GSH 95 + เบนซิน 95 ก้จะมีส่วนต่าง กม.ละ 1.8 บาท

ซึ่งที่คิดทั้งหมดนี้ยังไม่ปัจจัยที่น่ากลัวหลายอย่าง เช่น

อนาคตราคาน้ำมัน ซึ่งมีแนวโน้มว่าดีเซลจะถูกตรึงไว้แบบนี้

ลองคิดว่าหากโจทย์นี้เราคิดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว น้ำมันดีเซลปรับตัวขึ้นไม่กี่บาท

แต่เบนซินปรับจนมีบางช่วง 95 ทะลุ 50 บาทก้มีมาแล้ว

ปล.แต่หากผมต้องซื้อผมคงเลือกเบนซิน

GreenG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ boyddii

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 575
  • Bunny
กำลังจะนั่งคำนวนเล่นๆอยู่พอดี ชอบ 320d มากกว่า ทั้งๆที่ 320i ดีกว่าในทุกด้าน ยกเว้นอัตราสิ้นเปลือง แต่พอคิดค่าน้ำมันแล้วก็คุ้มกว่าอยู่ดี ,, แบบนี้ต้องทำไงดีละเนี่ย 5555+  ::)

ออฟไลน์ maxx

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 85
คิดเล่นๆ เฉพาะตัวเลขขับทางไกลอย่างเดียว ไม่เอาตัวเลขในเมืองมาคิด เนื่องจากอัตราแปรผันเยอะในแต่ละพื้นที่
สมมุติว่าขับปกติปีละประมาณ 35,000 โล
ใช้รถแบบปกติเติมเฉพาะ gasohol 95 ซึ่งให้ประสิทธิภาพเครื่องดีและสะดวกในการหามาใช้งานมากที่สุด
สมมุติเลขอัตราสิ้นเปลืองของ gasoline 95 16.94 โลลิตร ->gasohol 95
ประสิทธิภาพลดลง 3% เหลือ 16.43 โลลิตรเอามาคำนวณก่อนนะครับ

ฝั่งเบนซิน อัตราสิ้นเปลือง 16.43 โลลิตร ค่าน้ำมันคิดอัตราแปรผันเฉลี่ยที่ 38.5 บาทต่อลิตร
ปีนึงจะเสียค่าน้ำมัน (35,000/16.43)*38.5  = 82,014.6 บาท

ฝั่งดีเซล อัตราสิ้นเปลือง 20.68 โลลิตร ค่าน้ำมันคิดอัตราที่ 29.99 บาทต่อลิตร
ปีนึงจะเสียค่าน้ำมัน (35,000/20.68)*29.99  = 50,756.7 บาท

ส่วนต่างต่อปี 31,257.9 ต่อปี พิจารณาส่วนต่างราคารถ 220,000 บาท จะต้องใช้รถอย่างน้อย 220,000/31,257.9 =7.03 ปีถึงจะผ่านจุดคุ้มทุน

สมมุติว่าพิจารณาปัจจัย รถติดทำให้ได้ระยะทางที่ได้ลดลง
โดยที่คิดว่าการขับในเมือง+ขับทางไกล ในการใช้งานจริงจะทำให้อัตราสิ้นเปลืองลดลงเหลือ 80% ของทั้งฝั่งดีเซลและเบนซิน

ฝั่งเบนซิน อัตราสิ้นเปลืองจะเหลือ 16.43*0.8 = 13.144 โลลิตร
ปีนึงจะเสียค่าน้ำมัน (35,000/13.144)*38.5  = 102,518.2 บาท

ฝั่งดีเซล อัตราสิ้นเปลืองจะเหลือ 20.68*0.8 = 16.544 โลลิตร
ปีนึงจะเสียค่าน้ำมัน (35,000/16.544)*29.99  = 63,445.9 บาท

ส่วนต่างต่อปี 39,072.4 ต่อปี พิจารณาส่วนต่างราคารถ 220,000 บาท จะต้องใช้รถอย่างน้อย 220,000/35,985.9 = 5.63 ปีถึงจะผ่านจุดคุ้มทุน

สรุปอย่างไม่คิดเยอะคือ 320d จะคุ้มค่าต่อเมื่อ
1. การใช้งานอยู่ในเขตเมืองเยอะกว่าการขับทางไกล
2. ใช้รถอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป (หมด BSI พอดี)
3. คุ้มทางใจ ก็ในเมื่อดีเซลมันให้แรงบิดดีกว่า+ชอบเสียงเครื่องดีเซลมากกว่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 24, 2013, 14:56:16 โดย maxx »

ออฟไลน์ zeb80

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 413
ผมคิดเหมือนจขกท.ครับ

แถมที่คิดส่วนต่างนี่ยังไม่รวม Time Value of Money นะครับ พูดง่ายๆคือเงิน 100 บาทในวันนี้กำลังซื้อไม่เท่ากับ 100 บาทในอีก 5-10 ปีข้างหน้าเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อและหลายๆอย่าง

แต่ไม่นับถึงค่า Maintenance นะเพราะผมไม่ทราบจิงๆว่าเครื่องตัวไหนดูแลถูกกว่า

ออฟไลน์ NoName__???

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,152
เห็นด้วยว่าผิดพลาดการปัดเศษ และตัวแปรที่ไม่เหมือนกันของน้ำมันเบนซิลแต่ละชนิด เพราะฉะนั้น ใช้ค่าอัตราการกินน้ำมันตัวด้วยกันไม่ได้
ไม่Sig ค่ะ ;D

ออฟไลน์ wooot

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 304
    • อีเมล์
ขอบคุณครับ  เป็นแนวทางที่ดีมากสำหรับคนที่กำลังชั่งใจ  :D
เรื่องค่าน้ำมัน ลองเอาชนิดที่พี่จิมมี่ทดสอบไว้มาเปรียบเทียบกันตรงๆเลยครับ  ใช้เป็นราคาตั้งต้นครับ
ถ้าลองเอาค่าใช้จ่ายที่ทำนายได้ในอนาคต 5 ปีมาลองคิดดู ผมว่าน่าสนใจนะครับ  เช่น
ประกันภัย-ภาษีประจำปี-คาดูแล เช็คระยะ-มารวมด้วย บนสมมติฐานว่ารถทั้งสองคันใช้เหมือนๆกัน ระยะทางเท่าๆกัน

ต้องรบกวนท่านเจ้าของรถหรือผู้มีประสบการณ์แชร์ข้อมูลละครับ

ออฟไลน์ kreaninw

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 254
    • อีเมล์
เป็นผมเลือกเบนซินดีกว่า เพราะราคารถเริ่มต้นถูกกว่า และเพราะราคาดีเซลทุกวันนี้มันแค่ถูกตรึงเอาไว้ ถ้าวันใดมันถูกปล่อยลอยตัวขึ้นมาหละ อิอิ

ไม่ได้บอกว่ามันจะขึ้นแน่ๆนะครับ เหมือนกับ LPG ที่บอกว่าจะเลิกอุ้มมาตั้งหลายปีแล้วก็ยังทำไม่ได้ ไม่รู้ว่ามิถุนายนปีนี้ รัฐจะทำตามฝันเลิกอุ้ม LPG ได้สำเร็จอย่างที่ประกาศเอาไว้รึเปล่า ว่าไปสถานการณ์ดีเซลเองก็ไม่สู้ดีครับ เพราะรัฐเองก็รู้แล้วว่าปัจุบันมีรถหรูจำนวนมากที่ใช้น้ำมันดีเซล ผิดกับวัตถุประสงค์ในการตรึงราคา แต่ถ้าดีเซลจะโดนเล่นบ้าง ก็คงต้องหลังจาก LPG หละครับ

จริงๆอยากให้รัฐเล่นดีเซล เพราะคนใช้เบนซินจะได้เติมน้ำมันถูกลง เห็นคนเติมวีออสต้องเสียภาษีค่าน้ำมันให้คนขับปอร์เช่ดีเซล มันก็ทั้งดูแปลกและขัดหูขัดตาอยู่บ้างเหมือนกันครับ ฮา

ออฟไลน์ Mr.Siri

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 148
ถ้าใช้รถนานๆ เกิน5ปี
ในขณะที่รัฐยังตรึงราคาดีเซลไปเรื่อยๆ
ส่วนตัว ผมว่าดีเซลคุ้มกว่าครับ
แต่ในเรื่องความรู้สึกของการขับขี่ อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
320i ติดแก๊สโลด ดีเซลยังยอมแพ้เบย  ;D

ออฟไลน์ kruttha

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
ตามที่ทดสอบเติม เบนซิน 95 ลิตรละตั้ง 47 บาท
แต่ถ้าเติม แกสโซฮอล 95 หรือ 91 หล่ะ ผลจะเป็นอย่างไรครับ

ออฟไลน์ ushuaia

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 6
ก่อนจองช่วงงานมอเตอร์โชว์ ผมทำตาราง excel คำนวณดู จากอัตราสิ้นเปลือง ในโบชัวร์ ของทั้ง 2 รุ่น โดยเอาในเมืองกับนอกเมืองมาหารเฉลี่ย คิดเทียบกับราคาส่วนต่าง ราคาน้ำมัน สรุปว่า ถ้าใช้รถมากๆๆๆ ดีเซลถึงจะคุ้ม แต่ถ้าใช้รถปีละ 20000 โล กว่าดีเซลจะคุ้มทุนค่าตัว 220000 ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ 10-15 ปีเลยทีเดียวครับ ผมก็เลยจอง 320i ทั้งๆที่ตอนนั้น กระแส d มาแรงมากจริงๆ

ปล. ผมไปทดลองขับ ทั้ง d และ i สรุปว่า ผมว่าแรงพอๆกัน แต่ d ออกตัวกระชากกว่าแค่นั้น

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
ปัจจัยที่ทำให้ดีเซลดีกว่า

1. ขับในเมือง ดีเซลประหยัดกว่า
ส่วนต่างความคุ้มค่าของดีเซลจะเพิ่มขึ้น
เบนซินลากรอบนิดนึง เพื่อให้รถวิ่ง
ดีเซล แค่เตะคันเร่งแผวๆ รถวิ่งไปแล้ว
รอบเดินเบา รอบที่เกียรแรกๆ ก่อนเจอรถติดก็ต่ำกว่า

2. ค่าบำรุงรักษา ในระยะยาว เชื่อว่า ดีเซลเทอร์โบ VS เบนซินเทอร์โบ
ดีเซล น่าจะถูกตังกว่า

.........................

แต่ เบนซินจะน่าสนใจกว่าทันที

ถ้าราคาน้ำมันดีเซล ปล่อยไปให้ถูกต้องตามกลไกตลาด
ดีเซลจะไม่น่าใช้เลย

ออฟไลน์ Andanes

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 34
ผมเชื่อว่า เมื่อผ่านไป 60คห.

คนที่ยังลังเลก้อยังลังเลต่อไปคร้าบบบ  ;D ;D

ทำงัยได้ ก้อมันน่าใช้ทั้งคู่เลย.

ทางที่ดีก้อ ซื้อ d มาขับเอง   และซื้อ i ให้เมียขับ

 :o :o

ออฟไลน์ MaiSki

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 679
d จะขายไม่ออกก็เพราะโดน i ขัดขานี่แหละ เป็นผมตอนนี้เลือก i แบบไม่ลังเลเลย

ออฟไลน์ KAKASHII

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,638
  • งามปะละ
ตัว base ท่าทางจะขายดี

ส่วนไฟไปติด Projector transformer เอา 55+

ออฟไลน์ simcity

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,372
เป็นการคำนวนที่ดีครับ

แต่อย่าลืมว่าราคาขายต่อเครื่องดีเซลยังงัยก็ขี่เบนซิลอีกเป็นแสนนะครับ

เบนซิลผมว่าตัว Base 2.249 ล้าน น่าจะคุ้มที่สุด เทียบกับสิ่งที่ได้

ถ้าเป็นตัว 320i standard กับ 320d ผมยังเลือก 320d ครับ

ออฟไลน์ kruttha

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
ผมเลือก d ไปแล้ว เพราะสนแค่ตอนจ่ายเงินค่าน้ำมันต่อครั้งที่ถูกกว่า และความประหยัดน้ำมันแค่นั้นครับ อิอิ

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
หากไปรื้อดูผมเคยโพสไปแล้วหละประมาณนี้
สำหรับผม คำนวนจากจากใช้งานจริงของตัวเอง จะใช้ถึง 5 ปีกว่า ถึงจะคุ้มทุน และส่วนตัวชอบเสียงเครื่องเบนซินมากกว่า
ปัจจัยมันหลากหลายมากๆ สุดท้าย ความคุ้มความชอบ แล้วแต่ชอบจริงๆ
ผมเลือก 320i เพราะถูกกว่าและเครืองเงียบกว่า

เวลารถติด ดีเซลก็ได้ข่าว ไม่ประหยัดเท่าไหร่นะ เพราะหากคุณ Jimmy วัดได้ต่างกัน 20.7 กับ 16.9 เท่ากับ ดีเซลประหยัดกว่า 20%
หากในเมือง เบนซิน 10 โลลิตร ดีเซล น่าจะ 12 โลลิตร

แต่อย่าลืมว่าเมื่อไหร่เลิกสนับสนุนก็ตัวใครตัวมัน เพราะเมืองนอกดีเซลแพงกว่าเบนซินนะ
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ kruttha

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
หากไปรื้อดูผมเคยโพสไปแล้วหละประมาณนี้
สำหรับผม คำนวนจากจากใช้งานจริงของตัวเอง จะใช้ถึง 5 ปีกว่า ถึงจะคุ้มทุน และส่วนตัวชอบเสียงเครื่องเบนซินมากกว่า
ปัจจัยมันหลากหลายมากๆ สุดท้าย ความคุ้มความชอบ แล้วแต่ชอบจริงๆ
ผมเลือก 320i เพราะถูกกว่าและเครืองเงียบกว่า

เวลารถติด ดีเซลก็ได้ข่าว ไม่ประหยัดเท่าไหร่นะ เพราะหากคุณ Jimmy วัดได้ต่างกัน 20.7 กับ 16.9 เท่ากับ ดีเซลประหยัดกว่า 20%
หากในเมือง เบนซิน 10 โลลิตร ดีเซล น่าจะ 12 โลลิตร

แต่อย่าลืมว่าเมื่อไหร่เลิกสนับสนุนก็ตัวใครตัวมัน เพราะเมืองนอกดีเซลแพงกว่าเบนซินนะ

ส่วนตัวผมคิดว่ากว่าจะเลิกสนับสนุนคงต้องรอไม่อุ้ม LPG ก่อนหล่ะครับ เห็นว่าจะไม่อุ้มก็เลิกไม่ได้ซักที
ส่วนดีเซลพวกเกี่ยวกับระบบข่นส่งก็ยังใช้กันมากจะเลิกอุ้มคงอีกนาน พอดีขายทิ้งไปก่อนแล้วหล่ะครับ หุหุ

ออฟไลน์ kreaninw

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 254
    • อีเมล์
หากไปรื้อดูผมเคยโพสไปแล้วหละประมาณนี้
สำหรับผม คำนวนจากจากใช้งานจริงของตัวเอง จะใช้ถึง 5 ปีกว่า ถึงจะคุ้มทุน และส่วนตัวชอบเสียงเครื่องเบนซินมากกว่า
ปัจจัยมันหลากหลายมากๆ สุดท้าย ความคุ้มความชอบ แล้วแต่ชอบจริงๆ
ผมเลือก 320i เพราะถูกกว่าและเครืองเงียบกว่า

เวลารถติด ดีเซลก็ได้ข่าว ไม่ประหยัดเท่าไหร่นะ เพราะหากคุณ Jimmy วัดได้ต่างกัน 20.7 กับ 16.9 เท่ากับ ดีเซลประหยัดกว่า 20%
หากในเมือง เบนซิน 10 โลลิตร ดีเซล น่าจะ 12 โลลิตร

แต่อย่าลืมว่าเมื่อไหร่เลิกสนับสนุนก็ตัวใครตัวมัน เพราะเมืองนอกดีเซลแพงกว่าเบนซินนะ

ส่วนตัวผมคิดว่ากว่าจะเลิกสนับสนุนคงต้องรอไม่อุ้ม LPG ก่อนหล่ะครับ เห็นว่าจะไม่อุ้มก็เลิกไม่ได้ซักที
ส่วนดีเซลพวกเกี่ยวกับระบบข่นส่งก็ยังใช้กันมากจะเลิกอุ้มคงอีกนาน พอดีขายทิ้งไปก่อนแล้วหล่ะครับ หุหุ

ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นไปได้นะที่จะเลิกอุ้มดีเซล เพราะภาคขนส่งก็จะถูกดันไป NGV เท่านั้นเอง นอกจากนั้นยังมีวิธีอื่นๆที่จะเอามาใช้แกล้งรถหรูดีเซลที่ไม่ได้อยู่ในภาคขนส่งอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นภาษี ขึ้นค่าต่อทะเบียนรายปี ฯลฯ

แต่ผมมองว่ามันยังไม่ใช่อนาคตอันใกล้(แต่ก็ไม่แน่) ยังไงก็ต้องจัดการกับ LPG ให้ได้ก่อน ถ้า LPG ผ่านฉลุย ดีเซลยิ่งไม่ยากเลยครับ ทางออกในภาคขนส่งมันมีอยู่ละ ทำ NGV ให้เยอะกว่านี้อีกหน่อยปิดเกมดีเซลได้สบายเลย ฮา