ผู้เขียน หัวข้อ: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า  (อ่าน 11449 ครั้ง)

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 09:21:17 »
http://rcw.ms/forum/threads/898681

เรื่องนี้ได้ข้อคิดหลายอย่างเลยอยากให้อ่านกัน

ผมเคยอยากได้โรลบาร์มาใส่เท่ๆ เจออย่างนี้เข้าไปเปลี่ยนความคิดเลย

ออฟไลน์ Thor.1

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 557
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 09:33:54 »


   อ่านจนจบผมก็ว่าโรลบาร์-โรลเคจไม่ผิดนะครับ.....แค่ทุกอย่างมันเข้าจุดโฟกัส จึงเกิดเรื่องแบบนี้


  โรลบาร์-โรลเคจที่ทำมาถูกต้อง........มีไว้ยังไงดีกว่า



  ขอแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวน้องเขาด้วยครับ.

ออฟไลน์ chanvitjeab

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 172
    • อีเมล์
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 09:38:14 »
หมวกกระแทกกับการ์ดเรล!!! แค่นึกก็สยองแล้วครับ
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตครับ

ออฟไลน์ redsun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,102
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 09:59:00 »
โค้งนี้
น่าจะมีพื้นที่เหลือข้างแทรกให้เยอะๆกว่านี้ครับ
จริงอยู่นักแข่งต้องเข้าได้ทุกไลน์ แต่ถ้าพลาดขึ้นมามันหนักครับ
อย่าลืมว่าไม่ได้ขับคันเดียว มันมาเป็นกลุ่มการแย่งการสะกิดบังไลน์
อาจมีคราบน้ำมัน ละอองน้ำ ทัศนวิสัยไม่ดี
เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ขอแสดงความเสียใจครับ
RIP ครับ

ออฟไลน์ Nismo De Alpina

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,561
  • Whatever brews your coffee.
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 10:07:27 »
ใช่แล้วครับ โรลบาร์ไม่ผิดนะ ลองไม่มีโรลบาร์แล้วแรงปะทะสำหรับรถเล็ก
แบบนี้สภาพคงแย่กว่านี้ครับ มียังไงก็ดีกว่า

แต่ก็นั่นแหละยังไงก็สู้โรลบาร์พวก Full race ไม่ได้หรอก ลองไปหาดูพวก
รถ WRC ชน-ปะทะ-คว่ำแต่ละทีน่าตายมาก แต่ห้องโดยสารยังคงสภาพดีมาก
คนก็ปลอดภัย

งานนี้สนามยังไม่เซฟตี้พอ ก็ต้องปรับแก้กันไป
และอีกอย่างต้องมีรถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือครบ ไม่ใช่แค่รถกระบะมูลนิธิ
และไม่ได้ว่ารถกระบะมูลนิธิไม่ดี แต่ถ้ามีรถพยาบาลมันสามารถช่วยเหลือเบื้องต้นได้ดีกว่า

เสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วยครับ


Eventually i've made my home country,Thailand.

ออฟไลน์ Emission-Tester

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 359
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 10:15:43 »
ขอแสดงความเสียใจ กับ เหตุการที่เกิดขึ้นนี้ด้วยครับ
Emission Laboratory Testing

ออฟไลน์ PJ"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,722
  • Fake Forester
    • อีเมล์
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 10:23:33 »
ไม่ใช่โรบาร์ไม่ช่วยครับ แต่หัวของคนขับไปกระแทกกับเสาการ์จ

ถ้าไม่มีโรล์บาร์ผมว่ารถขาดครึ่งคัน

RIP ให้ผู้เสียชีวิตด้วยครับ

ออฟไลน์ north

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 431
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 10:28:15 »
RIP

ออฟไลน์ SP

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,745
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 10:29:47 »
เสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วยครับ เหตุการณ์นี้ถ้าเกิดไม่มีโรล์บาร์สภาพรถคงจะเละกว่านี้

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 10:49:09 »
เป็นเรื่องน่าเสียดายครับ หลายปัจจัย แต่เป็นนักแข่ง ยังไงก็คงต้องมีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 10:49:23 »
เสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยนะครับ

จุดที่ผมสังเกตุคือ ยางรถที่วางไว้ป้องกัน มันดูน้อยไปนะ ดูการแข่งรถเมืองนอก วาง 5-6 ชั้นในบางสนาม ขนากดรถพุ่งเข้าไป ยังไม่ถึงการ์ดเรลเลยครับ
อันนี้เหมือนรถกระแทกอย่างแรง ไม่มีอะไรกันเท่าไหร่ ก็เหมือนชนกำแพงเลย เข็มขัดก็แค่รั่งไม่ให้หลุด แต่แรงกระแทกคงมากจริงๆ

แค่คิดนะครับ ถ้้าวางยางซ้อนกัน 5-6 แถว คงไม่ถึงการ์ด
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ kimmeng21

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,207
    • อีเมล์
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 10:50:17 »
RIP
"โอกาส มันก็เหมือนสายน้ำ ที่ไหลผ่านมา แล้วก็ผ่านไป ถ้าคุณไม่ตักตวงมันไว้ สายน้ำมันก็จะไม่ไหลย้อนกลับ"

ออฟไลน์ Tuned by Pex

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 669
  • เสือดำ หมีขาว
    • Tuned by Pex
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 11:34:04 »
RIP ครับ
85 Mercedes Benz 230 E W123
91 Honda Civic EG 4 Door
03 BMW 323i E46
04 Honda Jazz GD 1.5 VTEC
10 Honda Accord G8 2.4 EL Navi
13 Toyota Vios 1.5 E Auto
13 Honda Civic FB 1.8 E
14 Honda Odyssey Absolute RC1
17 BMW 420d Coupe M Sport F32

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 12:03:21 »
เสียใจด้วยครับ

- เข้าใจว่า รถคันนี้อาจจะใช้ทั่วๆไปด้วย เลยทำโรลบาร์ให้เข้า-ออกได้สะดวก
ผลคือ ฝั่งประตูด้านข้าง เลยเป็นจุดที่ทำให้ป้องกันแรงกระแทกจาก Guard Rail ไม่อยู่
(เห็นว่า มีที่ชายล่างประตูอันเดียว ตรงกลางประตู โล้นๆ รับแรงเต็มๆ)

ถ้ามียางคอยซับซัก 1-2 เส้น ผลคงไม่ออกมาเป็นแบบนี้
เสียใจด้วยจริงๆครับ

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 14:24:50 »
โรลบาร์มันก็ทำหน้าที่จนสุดความสามารถของมันแล้วนะ อุทาหรณ์เรื่องนี้ผมว่าคือความเร็วนะครับ ขนาดในสนามแข่งสภาพแวดล้อมปิดที่มียางซับแรงปะทะ มีโรลบาร์ในรถพร้อมสรรพ คนขับมีประสบการณ์พร้อม ก็ยังหนีไม่พ้นความตาย แล้วบนถนนหลวงล่ะ? ใครที่รักความเร็วชอบอัดให้เกิน180ให้แตะ200อย่าลืมนึกถึงเรื่องนี้ ความตายมันง่ายกว่าที่คิดกันนัก
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ iKrit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,726
  • Blue. Just BLUE.
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 15:20:08 »
สยองเลย ว่าจะเอารถผมไปวิ่งเล่นในสนามนั้นซักครั้งในชีวิต >_<
"การไม่มีดราม่าเป็นลาภอันประเสริฐ"
แต่มนุษย์มาม่าบางคนก็ชอบเปิดประเด็นทุกที เอ้อ...แปลก

ออฟไลน์ YF-19

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 974
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 16:16:36 »
เชื่อไม๊ 80-90% ของอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ

ส่วนน้อยที่จะมาจาก defect ของรถ หรือ ถนน หรืออื่นๆ

เวลาเกิดอุบัติเหตุ โทษกันแต่รถ หรือโทษแต่คนอื่น หรือโทษดวง

กรณีนี้ เป็นความเสี่ยง ที่พบได้จากการขับรถ เพราะไม่ใช่ว่ามีทุกอย่างแล้วจะปลอดภัย 100%

อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ เปอร์เซ็นต์จะน้อย แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ มีโอกาสเกิดกันทั้งนั้น

สังเกตไม๊ ว่าไม่มีใครพูดถึงคนขับ แล้วลองคิดไม๊ ว่าถ้าขับเข้าโค้งซัก 40 กม./ชม. ผลมันจะไม่เป็นแบบนี้

ในเมื่อเอาชีวิต ไปเสี่ยง ก็ต้องมีโอกาสรับผลเสี่ยงนั้นเองเป็นเรื่องธรรมดาครับ หมองูตายเพราะงูเป็นเรื่องปกติ

ถ้าไม่เคยใช้มีดปอกผลไม้ ก็ไม่มีทางโดนมีดบาด กลับกันคนทำงานปอกผลไม้ทุกวัน ซักวันมันก็ต้องบาดอยู่ดี

ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติม แต่อยากให้เข้าใจชีวิต ทำอะไรมันก็ได้ผลเกี่ยวกับที่ทำทั้งนั้นแหละครับ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม
รีวิว "VW scirocco" กำลังจะมาครับ ขอเวลาอีกนิด

รีวิว "Hyundai coupe" ของผมเอง ติชมได้ตลอดครับ
http://www.headlightmag.com/webboard/index.php?topic=3731.0

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 18:06:33 »
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ

ออฟไลน์ Bimmer Boy

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 597
    • อีเมล์
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 21:03:52 »
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยครับ

ออฟไลน์ Koong

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 993
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2013, 22:20:14 »
เชื่อไม๊ 80-90% ของอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ

ส่วนน้อยที่จะมาจาก defect ของรถ หรือ ถนน หรืออื่นๆ

เวลาเกิดอุบัติเหตุ โทษกันแต่รถ หรือโทษแต่คนอื่น หรือโทษดวง

กรณีนี้ เป็นความเสี่ยง ที่พบได้จากการขับรถ เพราะไม่ใช่ว่ามีทุกอย่างแล้วจะปลอดภัย 100%

อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ เปอร์เซ็นต์จะน้อย แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ มีโอกาสเกิดกันทั้งนั้น

สังเกตไม๊ ว่าไม่มีใครพูดถึงคนขับ แล้วลองคิดไม๊ ว่าถ้าขับเข้าโค้งซัก 40 กม./ชม. ผลมันจะไม่เป็นแบบนี้

ในเมื่อเอาชีวิต ไปเสี่ยง ก็ต้องมีโอกาสรับผลเสี่ยงนั้นเองเป็นเรื่องธรรมดาครับ หมองูตายเพราะงูเป็นเรื่องปกติ

ถ้าไม่เคยใช้มีดปอกผลไม้ ก็ไม่มีทางโดนมีดบาด กลับกันคนทำงานปอกผลไม้ทุกวัน ซักวันมันก็ต้องบาดอยู่ดี

ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติม แต่อยากให้เข้าใจชีวิต ทำอะไรมันก็ได้ผลเกี่ยวกับที่ทำทั้งนั้นแหละครับ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม

ตัวนักแข่งผิดพลาดน่ะมันแน่นอนอยู่แล้วทุกคนรู้  แต่พลาดจนเสียชีวิตจะไปโทษนักแข่ง 80- 90 % ผมก็ไม่เห็นด้วยนัก  เพราะกรณี่นี้เกิดขึ้นในสนามแข่งขัน  ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันต้องมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ

ประเด็นของเรื่องนี้น่าจะอยู่ตรงนี้มากกว่า คือจะทำอย่างไรเพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุลงให้ได้     แต่อุบัติเหตุมันก็ไม่บอกซะด้วยว่าจะเกิดในลักษณะไหน  ก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะป้องกันได้       แต่สำหรับเคสนี้กรณี้    ผมขอโทษว่าการออกแบบสนามมีส่วนมากที่สุด     

เพราะเห็นว่าบริเวณหรือพื้นที่ข้างๆแทรค  ควรจะมีมากกว่านี้ และควรจะเป็นพื้นทราย เพื่อชะลอความเร็วของรถลงก่อนที่จะไปกระแทกกับขอบกั้น    เพราะถ้าขอบกั้นอยู่ชิดกับแทรคขนาดนั้น   ต่อให้ใช้ยางหนาสักกี่ชั้นก็ตามมันก็ช่วยได้ไม่มาก   เพราะไม่มีระยะทางและเวลาที่จะทำให้รถชะลอความเร็วลงก่อนที่จะกระแทก   
ถ้านึกไม่ออก   ลองนึกภาพตอนที่ลิฟตก  ต่อให้มีเซฟตี้เบลอย่างดี เบาะนั่งอย่างดี อยู่ในลิฟนั้น  และลิฟมีโครงสร้างแข็งแรงมากๆ    แต่ถ้าความเร็วมันไม่ลดลงก่อนปะทะ  ยังไงก็ตายอยู่ดี  ...."เหมือนที่เจ้าของบทความบอกนั่นแหละ    ตอนเราเคลื่อนที่อวัยวะภายในเรามันก็เคลื่อนที่ด้วย   แต่ตอนที่ตัวเราหยุดแบบกระทันหัน อวัยวะภายในเรามันไม่สามรถจะทนและหยุดแบบกระทันหันแบบนั้นได้"

ออฟไลน์ YF-19

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 974
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2013, 02:48:42 »
เชื่อไม๊ 80-90% ของอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ

ส่วนน้อยที่จะมาจาก defect ของรถ หรือ ถนน หรืออื่นๆ

เวลาเกิดอุบัติเหตุ โทษกันแต่รถ หรือโทษแต่คนอื่น หรือโทษดวง

กรณีนี้ เป็นความเสี่ยง ที่พบได้จากการขับรถ เพราะไม่ใช่ว่ามีทุกอย่างแล้วจะปลอดภัย 100%

อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ เปอร์เซ็นต์จะน้อย แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ มีโอกาสเกิดกันทั้งนั้น

สังเกตไม๊ ว่าไม่มีใครพูดถึงคนขับ แล้วลองคิดไม๊ ว่าถ้าขับเข้าโค้งซัก 40 กม./ชม. ผลมันจะไม่เป็นแบบนี้

ในเมื่อเอาชีวิต ไปเสี่ยง ก็ต้องมีโอกาสรับผลเสี่ยงนั้นเองเป็นเรื่องธรรมดาครับ หมองูตายเพราะงูเป็นเรื่องปกติ

ถ้าไม่เคยใช้มีดปอกผลไม้ ก็ไม่มีทางโดนมีดบาด กลับกันคนทำงานปอกผลไม้ทุกวัน ซักวันมันก็ต้องบาดอยู่ดี

ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติม แต่อยากให้เข้าใจชีวิต ทำอะไรมันก็ได้ผลเกี่ยวกับที่ทำทั้งนั้นแหละครับ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม

ตัวนักแข่งผิดพลาดน่ะมันแน่นอนอยู่แล้วทุกคนรู้  แต่พลาดจนเสียชีวิตจะไปโทษนักแข่ง 80- 90 % ผมก็ไม่เห็นด้วยนัก  เพราะกรณี่นี้เกิดขึ้นในสนามแข่งขัน  ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันต้องมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ

ประเด็นของเรื่องนี้น่าจะอยู่ตรงนี้มากกว่า คือจะทำอย่างไรเพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุลงให้ได้     แต่อุบัติเหตุมันก็ไม่บอกซะด้วยว่าจะเกิดในลักษณะไหน  ก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะป้องกันได้       แต่สำหรับเคสนี้กรณี้    ผมขอโทษว่าการออกแบบสนามมีส่วนมากที่สุด    

เพราะเห็นว่าบริเวณหรือพื้นที่ข้างๆแทรค  ควรจะมีมากกว่านี้ และควรจะเป็นพื้นทราย เพื่อชะลอความเร็วของรถลงก่อนที่จะไปกระแทกกับขอบกั้น    เพราะถ้าขอบกั้นอยู่ชิดกับแทรคขนาดนั้น   ต่อให้ใช้ยางหนาสักกี่ชั้นก็ตามมันก็ช่วยได้ไม่มาก   เพราะไม่มีระยะทางและเวลาที่จะทำให้รถชะลอความเร็วลงก่อนที่จะกระแทก  
ถ้านึกไม่ออก   ลองนึกภาพตอนที่ลิฟตก  ต่อให้มีเซฟตี้เบลอย่างดี เบาะนั่งอย่างดี อยู่ในลิฟนั้น  และลิฟมีโครงสร้างแข็งแรงมากๆ    แต่ถ้าความเร็วมันไม่ลดลงก่อนปะทะ  ยังไงก็ตายอยู่ดี  ...."เหมือนที่เจ้าของบทความบอกนั่นแหละ    ตอนเราเคลื่อนที่อวัยวะภายในเรามันก็เคลื่อนที่ด้วย   แต่ตอนที่ตัวเราหยุดแบบกระทันหัน อวัยวะภายในเรามันไม่สามรถจะทนและหยุดแบบกระทันหันแบบนั้นได้"

เฮ้อ........... ผมไม่ใช่นักแข่งรถ ผมไม่ได้หมายถึงในสนามแข่ง หมายถึงบนท้องถนน (ในที่นี้หมายถึงขับรถยนต์บนถนน)

แล้วก็ไม่ได้บอกว่า 80-90% ขับตายเพราะประมาท

"ผมบอกว่า 80-90% ของสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ(เขียนไว้ชัดเจน)"

อุตส่าห์มีกระทู้ที่จั่วหัวว่าเป็นอุทาหรณ์ เลยพูดถึงแง่มุมที่ว่า ขนาดป้องกันเต็มที่ในสนามแข่งยังตายได้ เพราะการขับรถเป็นความเสี่ยงอย่างนึง

ยิ่งขับเร็วขับแข่ง ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงมากกว่าเยอะ หากเกิดอุบัติเหตุถึงชีวิตก็ต้องทำใจรับไว้บ้าง เพราะทำเกี่ยวกับอะไรก็จะได้รับผลเกี่ยวกับสิ่งนั้น(ตามที่ยกตัวอย่างด้านบน)

ความหมายก็มีเท่าที่เขียนไปเท่านั้น ทำไมถึงไปเข้าใจอะไรที่ผมไม่ได้เขียน

แล้วส่วนประเด็นสำคัญน่ะ ผมคิดถึงจุดนี้  " ถึงป้องกันเต็มที่แล้ว(ทำรถ ทำสนาม ใส่ชุดนิรภัย)  ก็ยังมีโอกาสตาย แล้วจะทำยังไงให้โอกาสตายน้อยลง มันคือขับให้ระวังมากขึ้น คิดถึงความปลอดภัยมากขึ้น(แต่อาจทำเวลาได้ลดลง)"

ถ้าทำได้ก็จะช่วยลดอุบัติเหตุได้มากขึ้น เพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้น ก็เท่านั้นเอง




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 05, 2013, 03:02:59 โดย YF-19 »
รีวิว "VW scirocco" กำลังจะมาครับ ขอเวลาอีกนิด

รีวิว "Hyundai coupe" ของผมเอง ติชมได้ตลอดครับ
http://www.headlightmag.com/webboard/index.php?topic=3731.0

ออฟไลน์ pradiw

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 171
    • อีเมล์
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2013, 07:13:46 »
RIP ครับ

ออฟไลน์ friend2929

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 195
    • อีเมล์
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2013, 09:45:25 »
RIP ครับ ผมไม่ทราบว่า roll-bar เขาไม่ใส่ตรงประตูด้วยเหรอครับดูประตูเบี้ยวเข้ามาไม่ปลอดภัยเลย

ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2013, 04:41:59 »
ขนาดเซฟแล้วยังเล่นซะกะโหลกแตก ผมว่าเช็คหมวกกัน็อคก่อนเลย
ส่วนโรลเคจผมว่ามันทำหน้าที่ได้ดีแล้ว แต่น่าจะมีกฏให้หุ้มวัสดุซับแรงกระแทกเพิ่มด้วย อย่างน้อยก็น่าจะช่วยได้บ้าง ถ้าคอไม่หักอะนะ

สนามก็ด้วย เป็นส่วนทำความเร็วแท้ๆ ทำไมดูไม่เซฟเอาซะเลย
H.

ออฟไลน์ Koong

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 993
Re: แชร์ อุทาหรที่สนามโบนันซ่า
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2013, 20:52:18 »
เชื่อไม๊ 80-90% ของอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ

ส่วนน้อยที่จะมาจาก defect ของรถ หรือ ถนน หรืออื่นๆ

เวลาเกิดอุบัติเหตุ โทษกันแต่รถ หรือโทษแต่คนอื่น หรือโทษดวง

กรณีนี้ เป็นความเสี่ยง ที่พบได้จากการขับรถ เพราะไม่ใช่ว่ามีทุกอย่างแล้วจะปลอดภัย 100%

อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ เปอร์เซ็นต์จะน้อย แต่ก็เป็นเปอร์เซ็นต์ มีโอกาสเกิดกันทั้งนั้น

สังเกตไม๊ ว่าไม่มีใครพูดถึงคนขับ แล้วลองคิดไม๊ ว่าถ้าขับเข้าโค้งซัก 40 กม./ชม. ผลมันจะไม่เป็นแบบนี้

ในเมื่อเอาชีวิต ไปเสี่ยง ก็ต้องมีโอกาสรับผลเสี่ยงนั้นเองเป็นเรื่องธรรมดาครับ หมองูตายเพราะงูเป็นเรื่องปกติ

ถ้าไม่เคยใช้มีดปอกผลไม้ ก็ไม่มีทางโดนมีดบาด กลับกันคนทำงานปอกผลไม้ทุกวัน ซักวันมันก็ต้องบาดอยู่ดี

ที่พูดนี่ไม่ได้ซ้ำเติม แต่อยากให้เข้าใจชีวิต ทำอะไรมันก็ได้ผลเกี่ยวกับที่ทำทั้งนั้นแหละครับ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม

ตัวนักแข่งผิดพลาดน่ะมันแน่นอนอยู่แล้วทุกคนรู้  แต่พลาดจนเสียชีวิตจะไปโทษนักแข่ง 80- 90 % ผมก็ไม่เห็นด้วยนัก  เพราะกรณี่นี้เกิดขึ้นในสนามแข่งขัน  ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันต้องมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ

ประเด็นของเรื่องนี้น่าจะอยู่ตรงนี้มากกว่า คือจะทำอย่างไรเพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุลงให้ได้     แต่อุบัติเหตุมันก็ไม่บอกซะด้วยว่าจะเกิดในลักษณะไหน  ก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะป้องกันได้       แต่สำหรับเคสนี้กรณี้    ผมขอโทษว่าการออกแบบสนามมีส่วนมากที่สุด    

เพราะเห็นว่าบริเวณหรือพื้นที่ข้างๆแทรค  ควรจะมีมากกว่านี้ และควรจะเป็นพื้นทราย เพื่อชะลอความเร็วของรถลงก่อนที่จะไปกระแทกกับขอบกั้น    เพราะถ้าขอบกั้นอยู่ชิดกับแทรคขนาดนั้น   ต่อให้ใช้ยางหนาสักกี่ชั้นก็ตามมันก็ช่วยได้ไม่มาก   เพราะไม่มีระยะทางและเวลาที่จะทำให้รถชะลอความเร็วลงก่อนที่จะกระแทก  
ถ้านึกไม่ออก   ลองนึกภาพตอนที่ลิฟตก  ต่อให้มีเซฟตี้เบลอย่างดี เบาะนั่งอย่างดี อยู่ในลิฟนั้น  และลิฟมีโครงสร้างแข็งแรงมากๆ    แต่ถ้าความเร็วมันไม่ลดลงก่อนปะทะ  ยังไงก็ตายอยู่ดี  ...."เหมือนที่เจ้าของบทความบอกนั่นแหละ    ตอนเราเคลื่อนที่อวัยวะภายในเรามันก็เคลื่อนที่ด้วย   แต่ตอนที่ตัวเราหยุดแบบกระทันหัน อวัยวะภายในเรามันไม่สามรถจะทนและหยุดแบบกระทันหันแบบนั้นได้"

เฮ้อ........... ผมไม่ใช่นักแข่งรถ ผมไม่ได้หมายถึงในสนามแข่ง หมายถึงบนท้องถนน (ในที่นี้หมายถึงขับรถยนต์บนถนน)

แล้วก็ไม่ได้บอกว่า 80-90% ขับตายเพราะประมาท

"ผมบอกว่า 80-90% ของสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ เกิดจากคนขับ(เขียนไว้ชัดเจน)"

อุตส่าห์มีกระทู้ที่จั่วหัวว่าเป็นอุทาหรณ์ เลยพูดถึงแง่มุมที่ว่า ขนาดป้องกันเต็มที่ในสนามแข่งยังตายได้ เพราะการขับรถเป็นความเสี่ยงอย่างนึง

ยิ่งขับเร็วขับแข่ง ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงมากกว่าเยอะ หากเกิดอุบัติเหตุถึงชีวิตก็ต้องทำใจรับไว้บ้าง เพราะทำเกี่ยวกับอะไรก็จะได้รับผลเกี่ยวกับสิ่งนั้น(ตามที่ยกตัวอย่างด้านบน)

ความหมายก็มีเท่าที่เขียนไปเท่านั้น ทำไมถึงไปเข้าใจอะไรที่ผมไม่ได้เขียน

แล้วส่วนประเด็นสำคัญน่ะ ผมคิดถึงจุดนี้  " ถึงป้องกันเต็มที่แล้ว(ทำรถ ทำสนาม ใส่ชุดนิรภัย)  ก็ยังมีโอกาสตาย แล้วจะทำยังไงให้โอกาสตายน้อยลง มันคือขับให้ระวังมากขึ้น คิดถึงความปลอดภัยมากขึ้น(แต่อาจทำเวลาได้ลดลง)"

ถ้าทำได้ก็จะช่วยลดอุบัติเหตุได้มากขึ้น เพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้น ก็เท่านั้นเอง






ขอโทษครับผมอาจจะเข้าใจผิด    ก็ท่านบอกว่า" กรณีนี้ "   และจะะให้ผมเข้าใจว่าท่านหมายถึงการขับรถบนถนนทั่วไปได้อย่างไร     ตัวอย่างที่ท่านยกมาที่บอกว่าไม่มีใครพูดถึงคนขับ มันก็กรณีในสนามแข่ง   .....    แต่ถ้าท่านหมายถึงบนถนนทั่วไป ยอมรับว่าที่ท่านพูดมาถูกต้องที่สุดครับ  และถ้าเป็นอุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนใหญ่เขาก็โทษคนขับกันอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องเอามาพูด....

คือท่านจะสื่อถึงการขับบนท้องถนน แต่ท่านดันเอาเรื่องราวที่เขาไม่พูดถึงความผิดพลาดของคนขับในสนามแข่งมาเป็นตัวอย่าง   ผมก็ งง ซิครับ