Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: tarahlm ที่ มิถุนายน 30, 2017, 08:28:47
-
สืบเนื่องจากกระทู้คำถามก่อนหน้า ขอแยกประเด็นนี้มาต่างหาก
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=59767.msg1052150#new
ได้ไปอ่านจากบทความหลายอันของฝรั่งซึ่งกล่าวเน้นถึงการวอร์มเครื่องในหน้าหนาว
ที่อากาศหนาวเย็นกว่าบ้านเรามาก ซึ่งความเห็นก็ยังแตกต่างกันไป
แต่แนวโน้มส่วนใหญ่ออกไปทางไม่จำเป็นแล้วล่ะ
ลองอ่านรายละเอียดกันดูด้วยครับ (เผื่อผิดพลาด ภาษาอังกฤษผมไม่แข็งแรง)
จริงๆในต่างประเทศเมืองหนาว มีความเชื่อบอกต่อกันมานานแล้ว
ตั้งแต่สมัยเครื่องยนต์ยังเป็นคาร์บูเรเตอร์ ที่ในหน้าหนาวต้องมีการวอร์มเครื่องยนต์ก่อน
เพื่อป้องกันเครื่องยนต์เดินไม่เรียบ สะดุด
แต่พอมาเป็นเครื่องยนต์สมัยใหม่ที่เป็นหัวฉีด ความเชื่อเช่นนี้เริ่มเปลี่ยนไป
มีคนอีกกลุ่มที่ความเห็นขัดแย้งว่าไม่จำเป็นต้องวอร์มเครื่องก่อน
อธิบายด้วยเหตุผลว่า เครื่องยนต์หัวฉีดนั้นมีคอมพิวเตอร์คุมการจ่ายเชื้อเพลิง
ให้เหมาะสมกับอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมภายนอกอยู่แล้ว
ใช้เวลาไมี่กี่วินาทีหลังสตาร์ทเครื่องยนต์ น้ำมันหล่อลื่นก้ถูกส่งไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้แล้ว
สตาร์ทแล้วขับรถไปได้เลย (โดยใช้ความเร็วปกติ)
ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้ถึงอุณหภูมิทำงานของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น
ซึ่งการวอร์มเครื่องยนต์ที่รอบเดินเบานิ่งอยู่กับที่ ต้องใช้เวลานานกว่าจะทำให้ถึงอุณหภูมิทำงาน
ซึ่งนำไปสู่การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น
และเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ในขณะนั้น ปล่อยไอเสียที่เป็นมลพิษมากขึ้น
http://www.thesilverlining.com/westbendcares/blog/bid/170167/Are-there-any-benefits-to-warming-up-my-car-on-a-cold-day
นอกจากนี้บางความเห็นยังแสดงสบับสนุนด้วยว่า
การวอร์มเครื่องเช่นนั้นยิ่งทำให้มีการสึกหรอของเครื่องยนต์มากขึ้น
อธิบายว่า ขณะวอร์มเครื่องขณะเครื่องเย็น จะมีการจ่ายเชื้อเพลิงมากขึ้น
เชื้อเพลิงส่วนเกินจะทำตัวเป็นสารทำละลาย ไปชะล้างน้ำมันหล่อลื่นที่เคลือบฟิล์มบางๆรอบกระบอกสูบ
ทำให้คุณสมบัติการหล่อลื่นลดลง ทำความเสียหายสึกหรอของชิ้นส่วนได้มากกว่า
http://www.popularmechanics.com/cars/a19086/warming-up-your-car-in-the-cold-just-harms-engine/
http://www.roadandtrack.com/car-culture/videos/a30249/why-you-shouldnt-warm-up-your-car/
ผิดถูกอย่างไรคงต้องพิจารณากันเองนะครับ
ส่วนตัวผม รถยนต์เก๋งเบนซินคันเก่าใช้ไปหกแสนโล โดยยังไม่เคยโอเวอร์ฮอล์เครื่องยนต์สักครั้ง
คันนั้นก็ไม่เคยใช้วิธีการวอร์มเครื่องก่อนเลย
-
ผิด ถูก จำเป็นหรือไม่ ไม่คิด แต่ผมก็ทำ โดยการคลานช้า ๆ สี่ห้านาที ก่อนใช้งานจริง...
-
start 30 วิ ก็เริ่มออกตัวได้ ขับไปความเร็วปกติจนถึงความร้อนได้ที่ หลังจากนั้นขับยังไงก็ได้
-
สืบเนื่องจากกระทู้คำถามก่อนหน้า ขอแยกประเด็นนี้มาต่างหาก
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=59767.msg1052150#new
ได้ไปอ่านจากบทความหลายอันของฝรั่งซึ่งกล่าวเน้นถึงการวอร์มเครื่องในหน้าหนาว
ที่อากาศหนาวเย็นกว่าบ้านเรามาก ซึ่งความเห็นก็ยังแตกต่างกันไป
แต่แนวโน้มส่วนใหญ่ออกไปทางไม่จำเป็นแล้วล่ะ
ลองอ่านรายละเอียดกันดูด้วยครับ (เผื่อผิดพลาด ภาษาอังกฤษผมไม่แข็งแรง)
จริงๆในต่างประเทศเมืองหนาว มีความเชื่อบอกต่อกันมานานแล้ว
ตั้งแต่สมัยเครื่องยนต์ยังเป็นคาร์บูเรเตอร์ ที่ในหน้าหนาวต้องมีการวอร์มเครื่องยนต์ก่อน
เพื่อป้องกันเครื่องยนต์เดินไม่เรียบ สะดุด
แต่พอมาเป็นเครื่องยนต์สมัยใหม่ที่เป็นหัวฉีด ความเชื่อเช่นนี้เริ่มเปลี่ยนไป
มีคนอีกกลุ่มที่ความเห็นขัดแย้งว่าไม่จำเป็นต้องวอร์มเครื่องก่อน
อธิบายด้วยเหตุผลว่า เครื่องยนต์หัวฉีดนั้นมีคอมพิวเตอร์คุมการจ่ายเชื้อเพลิง
ให้เหมาะสมกับอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมภายนอกอยู่แล้ว
ใช้เวลาไมี่กี่วินาทีหลังสตาร์ทเครื่องยนต์ น้ำมันหล่อลื่นก้ถูกส่งไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้แล้ว
สตาร์ทแล้วขับรถไปได้เลย (โดยใช้ความเร็วปกติ)
ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้ถึงอุณหภูมิทำงานของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น
ซึ่งการวอร์มเครื่องยนต์ที่รอบเดินเบานิ่งอยู่กับที่ ต้องใช้เวลานานกว่าจะทำให้ถึงอุณหภูมิทำงาน
ซึ่งนำไปสู่การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น
และเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ในขณะนั้น ปล่อยไอเสียที่เป็นมลพิษมากขึ้น
http://www.thesilverlining.com/westbendcares/blog/bid/170167/Are-there-any-benefits-to-warming-up-my-car-on-a-cold-day
นอกจากนี้บางความเห็นยังแสดงสบับสนุนด้วยว่า
การวอร์มเครื่องเช่นนั้นยิ่งทำให้มีการสึกหรอของเครื่องยนต์มากขึ้น
อธิบายว่า ขณะวอร์มเครื่องขณะเครื่องเย็น จะมีการจ่ายเชื้อเพลิงมากขึ้น
เชื้อเพลิงส่วนเกินจะทำตัวเป็นสารทำละลาย ไปชะล้างน้ำมันหล่อลื่นที่เคลือบฟิล์มบางๆรอบกระบอกสูบ
ทำให้คุณสมบัติการหล่อลื่นลดลง ทำความเสียหายสึกหรอของชิ้นส่วนได้มากกว่า
http://www.popularmechanics.com/cars/a19086/warming-up-your-car-in-the-cold-just-harms-engine/
http://www.roadandtrack.com/car-culture/videos/a30249/why-you-shouldnt-warm-up-your-car/
ผิดถูกอย่างไรคงต้องพิจารณากันเองนะครับ
ส่วนตัวผม รถยนต์คันเก่าใช้ไปหกแสนโล โดยยังไม่เคยโอเวอร์ฮอล์เครื่องยนต์สักครั้ง
คันนั้นก็ไม่เคยใช้วิธีการวอร์มเครื่องก่อนเลย
Clearanceโลหะ VS อุณหภูมิทำงาน สึกหรอเยอะสุดครับ เรื่องการจ่ายน้ำมันopen loop ตอนสตาร์ทตอนเช้า แล้วไปล้างน้ำมันเครื่องที่เคลือบกระบอกพวกนี้เล็กน้อยครับ
คิดตามนะครับ ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นลง ตามไลน์เนอร์ เส้นตัดขวางในกระบอก(cross hatches) พอมันเคลื่อนอีกstroke มันก็มีน้ำมันเครืองกักไว้ตามรอยcross hatchesใหม่
รถขับทุกวัน สตาร์ทเครื่อง ปรับอิริยาบท สัก10-30วินาที ขับออกไปเรื่อยไล่เกียร์ตามปกติ แป้บเดียวก็พอ ไม่ต้องทำให้ชีวิตยุ่งยาก แต่ไม่ลากเกียร์แบบสวมวิญญาณ
โคลิน แมคเครย์ ก็พอครับ
ที่มันสึกหรอเยอะคือช่วงที่มันยังไม่ร้อนแล้วยิ่งไปตะบี้ตะบันมันครับ ทุกชิ้นส่วนในเครื่องยนต์มีclearanceครับ
-
ถามเรื่องวอร์มเครื่องยนต์ แล้วเกียร์ออโต้ละครับ
-
เอาจริงๆผมไม่สนเครื่องยนต์หรอก ยังไงก็ไม่พัง :D
ผมสนใจเกียร์มากกว่า
เช้าๆ ผมไม่อยากใส่เกียร์ D (หรือ R) ตอนเรอบเครื่อง 1500RPM
ถ้ารอรอบเครื่องมันดรอปลงมาถึง 1พันรอบนิดๆ ถึงจะเปลี่ยนมาที่เกียร์ขับเคลื่อนครับ
เรื่องของเรื่องคือไม่อยากให้มันกระตุกมากกลัวจะเสียเงินซ่อมโอเวอฮอลอะครับ
ผมขับรถมาตั้งแต่ 12 ไม่มีคันไหนเครื่องพังเลย(ผมไม่ได้โมเครื่องนะ)
เคยแต่เกียร์พังทั้ง MT และ AT
-
รถส่งของผม พอขึ้นของเสร็จเช้า คนงานกระโดดขึ้นรถ คนขับบิดกุญแจตบเกียร์ออกตัวเลยไม่เคยสตาร์ทจอดเฉยๆให้ควันเข้าบ้าน
เลขไมล์ตอนนี้ 70,000กม. เพราะตีกลับมารอบนึงแล้ว
ไม่พัง แรงดี กินน้ำมันเท่าเดิม มีแต่ช่วงล่างที่พังกับท่อยางต่างๆที่เสียไป
คู่มือรถก็บอกไม่ต้องๆวอร์ม ให้ออกตัวได้เลย
เรื่องคำว่าเครื่องเย็น ของไทยเราคงไม่เย็นแบบพวกยุโรป ญี่ปุ่นแน่ๆครับ
-
ผมทำตามคู่มือรถแนะนำ
-
อุ่นเครื่องด้วยการขับไปช้าๆก่อนสัก30วิ จากนั้นซัดร้อยได้เลย
-
สตาร์ทเครื่อง ขับออกจากบ้านเลย วิ่งในหมู่บ้าน วิ่งในซอย ก่อนออกถนนใหญ่ แค่นี้ก็เป็นการวอร์มในตัวได้แล้วครับ
-
รถส่งของผม พอขึ้นของเสร็จเช้า คนงานกระโดดขึ้นรถ คนขับบิดกุญแจตบเกียร์ออกตัวเลยไม่เคยสตาร์ทจอดเฉยๆให้ควันเข้าบ้าน
เลขไมล์ตอนนี้ 70,000กม. เพราะตีกลับมารอบนึงแล้ว
ไม่พัง แรงดี กินน้ำมันเท่าเดิม มีแต่ช่วงล่างที่พังกับท่อยางต่างๆที่เสียไป
คู่มือรถก็บอกไม่ต้องๆวอร์ม ให้ออกตัวได้เลย
เรื่องคำว่าเครื่องเย็น ของไทยเราคงไม่เย็นแบบพวกยุโรป ญี่ปุ่นแน่ๆครับ
+10 มาร่วมต่อต้านความเชื่อผิดๆกันครับ
-
ผมไม่อุ่นแบบจอดอยู่กับที่ครับ ก็สตาร์ทแล้วก็ขับช้าๆปล่อยไหลจนออกถนนใหญ่ครับ
-
เกียร์ธรรมดาไม่มีผล
แต่ออโต้มีผลแน่นอน
เคยเช่า City 2013 รถอายุ 2 ปี เลขกิโล 4 หมื่น
เกียร์แย่มาก กระตุกแปลกๆ สับจังหวะแปลกๆ เครื่องก็สั่น
ผิดกับรถผมที่เลขไมล์ 1.4 แสน นิ่งกริ๊ปเหมือนรถป้ายแดง
อาจจะเป็นที่การวอมเครื่อง ส่วนเรื่องการเช็คระยะเจ้าของรถบอกดูแลตามคู่มือตลอด
ส่วนตัวมองว่าเกียร์ออโต้มีผล
แต่เกียร์ธรรมดาไม่น่าส่งผล
-
ส่วนใหญ่เกียร์จะไปก่อนเครื่องครับ เครื่องอึดอยู่นะครับ ถ้าเราไม่ปล่อยให้น้ำมันเครื่องแห้ง หรือใช้เกินระยะ กับ ระบบหม้อน้ำ
-
ผมไม่เชิงว่าอุ่นเครื่องนะครับ แต่ถ้า สตาร์ทรถแล้ว จะไม่ออกตัวทันที อย่างน้อยต้อง 30 วินาที ครับ ส่วนใหญ่พออกตัวแล้ว ก็ไม่มีที่ให้เร่งทำความเร็วครับ ดั้งนั้น 4-5 นาทีแรก ส่วนใหญ่จะรอบต่ำมากๆครับ
-
ผมก็ออกเลยเหมือนกันครับ
แต่เครื่องเย็น เกียร์เย็น สังเกตุได้ชัดเจนว่าการเปลี่ยนเกียร์กระตุกกว่าตอนมันได้อุณหภูมิทำงานแล้ว
เป็นแบบนี้ทุกคัน
ใช้คันละ 2-3 แสน กม. ก็ไม่เป็นไรนะ เบื่อขายออกไปก่อนเลยไม่ได้เห็นว่าคันไหนมีปัญหาครับ
-
แค่ติดเครื่องรัดเข็มขัด ปรับนู่นนี่นั่นในรถก็น่าจะพร้อมล่ะคับ
ไทยอากาศไม่ได้ติดลบ ไม่มีความจำเป็นไดๆเลยที่ต้องวอร์มเครื่อง
ยกเว้นรถจอดนานหลายวันขึ้นไป จะติดเครื่องรอน้ำมันไหลเวียนดีๆก่อนแล้วเดินตรวจสภาพรอบรถผมว่าเหลือๆแล้วนะ
ขับมาหลายคันก็ไม่มีคันไหนส่อแววพังนะคับ ;) ปป
-
ผมขึ้นรถคาดเข็มขัด แล้วค่อยสตาร์ทรถ ถอยลงออกจากบ้าน ไม่เคยวอร์ด เพราะอีก 2 นาทีต่อมาจะได้จอดวอร์มที่ไฟแดงแรกพอดีครับ 555
ปล สรุปไม่เคยวอร์มเลยครับ แต่ผมเคยใช้รถนานสุดก็ 180000 กิโล ก็ขายครับ เลยไม่รู้ว่าระยะยาวเป็นไงบ้าง
-
รถที่ผมใช้อยู่ทุกวันนี้...เวลาสตาร์ทเครื่องจะมีไฟสีน้ำเงินขึ้นเพื่อบอกว่าเครื่องยังเย็นอยู่ พอเครื่องเริ่มอุ่นได้ที่ไฟสีน้ำเงินก็จะดับไปครับ..........
ผมเคยตามไปอ่าน board เมืองนอกที่ใช้รถค่ายเดียวกัน เขาแนะนำว่าวิศวกรใส่ไฟน้ำเงินมาให้เพื่อต้องการให้มีการอุ่นเครื่องก่อนเพื่อให้เครื่องอยู่ในสภาวะที่ดีพร้อมก่อนออกรถ ในที่อากาศร้อนมันก็อุ่นเครื่องเร็ว ที่อากาศหนาวก็อุ่นเครื่องช้าหน่อย คือมันไม่ต้องอุ่นเครื่องก่อนก็ได้ สตาร์ทรถแล้วขับออกไปเลยมันก็ไม่พังเดี๋ยวนั้นหรอก.......(แต่นานๆไปอันนี้ผมไม่รู้ครับ)
ในอีกแง่ผมมองมันไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่องเมืองร้อนเมืองหนาวเท่าไหร่ครับ บางประเทศอย่างอเมริกาบางรัฐนี่ร้อนเป็นทะเลทรายเลย รถที่ขายแถบนั้นก็มีไฟน้ำเงินแจ้งเตือนให้อุ่นเครื่องเหมือนที่อื่นๆ
หรืออย่างบ้านเราเองถ้าขับไปนอนค้างบนดอยถึงจะไม่ใช่หน้าหนาว บางทีตื่นมาเตรียมจะออกรถอุณภูมิลงเหลือต่ำกว่า 10 องศาสภาพก็ไม่ต่างเมืองหนาวเท่าไหร่
สุดท้ายผมเชื่อวิศวกรที่ออกแบบและผลิตรถว่าควรอุ่นเครื่องก่อนครับ (จากการที่เขาใส่ไฟอุ่นเครื่องสีน้ำเงินมาให้) ใครจะบอกว่าล้าหลังหรือเชื่อผิดๆก็ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคลไป รถใครรถมัน......
-
ก็คงไม่ถึงกับต้องอะไรมากมายอ่ะครับ ติดเครื่อง เก็บข้าวของ เปิดแอร์ คาดเข็มขัด ก็ไปได้แล้ว ไปช้าๆ พออุณหภูมิเครื่องยนต์ถึงปกติที่มันทำงานค่อยขับได้เต็มที่ :)
-
ซิตี้คันเก่าผมปี 2010 ปีแรกสตารืทปั๊บ ผมขับแบบปกติเลย ใช้มา 6 ปี ก็ไม่มีปัญหา
เอาเคสมอเตอร์ไซค์ดีกว่า สมัยน้นวัยรุ่น สตารืทปั๊บ ออกตัวบิดสุดเลย ก้ไม่เห้นมันจะพัง
เอาเป้นว่า สตาร์ทแล้วขับๆ ออกไปเหอะ อย่างเพิ่งเร็วมากกว่าพอ ขีดความร้อนอยู่ตรงกลางเมือไหร่ค่อยขับเร็ว
-
ตอนเช้าติดเครื่อง ลงไปเปิดประตู ดูแมวใต้รถ ดูล้อยางว่าลมอ่อนหรือเปล่า พอขึ้นรถเกจ์ความร้อนก็ขยับขึ้นไปขีดนึง แล้วค่อยๆคลานออกจากบ้าน
เรื่องวอร์มเครื่องจริงๆผมไม่เครียดเท่าไร แต่ผมเน้นเรื่องวอร์มเกียร์ออโต้มากกว่า ให้น้ำมันเกียร์จ่ายไปทั่วๆก่อน แล้วค่อยขยับรถ
สมัยก่อนอีคาร์สตาร์ทเครื่องแล้วขับปกติเลย เครื่องไม่มีปัญหาอะไร แต่เกียร์ออโต้ช่วงหลัง 8 หมื่นโลค่อนข้างกระตุก ขนาดถ่ายน้ำมันเกียร์สม่ำเสมอด้วย (Diaqueen SP-II)
แต่ถ้าเครื่องร้อนก็กลับมาเปลื่ยนนิ่มครับ
-
ผม vios แค่รอให้ไฟสถานะเครื่องยนต์เย็นดับ หรือรอบอยู่ต่ำกว่าพันถึงออกขับเรื่อยๆถึงหน้าหมู่บ้านแล้วค่อยขับปกติครับ
อีกคันนี่ลำบาก
altis cng ต้องรอติดเครื่องทิ้งไว้ 10 นาที ถึงขับได้ไม่งั้นมันลากเกียร์ไม่ยอมเปลี่ยน
เคยเข้าศูนย์ เสียบคอมดู กับทาง TMT TMT ได้แต่งง
แต่ผมติดใจเรื่องอุณภูมิน้ำมันเกียร์
เลยให้จับใหม่สองสามรอบ
สรุป ถ้าอุณภูมิน้ำมันเกียร์ ไม่ถึง 50c มันก็ลากกกกกก อยู่นั่นแหละครับ TT
กระทู้แรก แต่แอบอ่านมานาน เห็นคำถามนี้ สมัครมาตอบเลยผม ไม่รู้ทำไม
ปล เพิ่งรู้ว่าตอบกระทู้นี่ก็ยาก มีขั้นตอน แต่ก็ดีครับ กรองคนได้ระดับนึง
-
ผมรอรอบเครื่อง drop แล้วก็ไปเลย
-
คู่มือบอกไม่ต้องวอร์ม แต่ผมก็วอร์ม
วอร์มของผมคือสตาร์ทไว้ รอเข็มรอบตก ก็ค่อยเคลื่อนรถ แป๊บเดียวครับ
ลุงข้างบ้านผม ชอบเบิ้ลเครื่องตอนเช้า ๆ แกคงจะวอร์มเครื่องละมั้ง
โคตรหนวกหู
-
ส่วนใหญ่ผมจะนอให้รอบนิ่งและความร้อนในระดับปกติ
แต่หลายครั้งรีบๆ.สตาทปุ๊บ หน้าจอยังไม่ทันขึ้น. ออกตัวล้อฟรี เลย
-
คู่มือบอกไม่ต้องวอร์ม แต่ผมก็วอร์ม
วอร์มของผมคือสตาร์ทไว้ รอเข็มรอบตก ก็ค่อยเคลื่อนรถ แป๊บเดียวครับ
ลุงข้างบ้านผม ชอบเบิ้ลเครื่องตอนเช้า ๆ แกคงจะวอร์มเครื่องละมั้ง
โคตรหนวกหู
เช่นเดียวกันครับ วอร์มเครื่อง โดยรอจนเข็มรอบตก จึงค่อยออกเดินทาง
คือทำแล้วสบายใจครับ อาจจะสิ้นเปลืองบ้าง แต่ก็ปล่อยผ่าน :-[ ค่อยไปเก็บคืนตอนขับ
-
เรื่องเครื่องผมว่าไม่เท่าไหร่หรอกห่วงเรื่องเกียร์มากกว่า อีกอย่างทางยุโรปส่วนใหญ่เค้าเกียร์ธรรมดารึเปล่า ส่วนตัวรอแค่ประมาณ 10-15 วิแล้วค่อยออกตัวเพราะรอฟังเสียงเครื่องและเสียงรอบๆว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า
-
แล้วคูลดาวน์ล่ะครับ จำเป็นไหมครับ
-
ผมติดเครื่องประมาณ 30 วิ ก็ขับช้าๆๆ ออกจากบ้าน (ในหมู่บ้าน ปกติก็ขับช้าอยู่แล้ว)
ขับประมาณ 3 นาที พอออกถนนใหญ่ ความร้อนก็ขึ้นถึง 7X องศา ( วาล์วน้ำเปิดที่ 85 องศา )
แต่ถ้าติดเครื่อง จอดอยู่กับที่ 3 นาที (เครื่องยนต์ไม่มี Load) ความร้อนขึ้นไม่ถึง 60 องศาครับ
สรุป อุ่นเครื่อง ไม่จำเป็นต้องจอดอยู่กับที่นานๆ แค่ขับด้วยรอบเครื่องต่ำๆ ก็พอครับ
-
;D สตาร์ทปุ๊บ ปล่อยไหล
ถ้ามันยังไม่เข้าที่รอบมันจะสูงครับ น่าจะสลิป
เกียร์ CVT มันมีอุณหภูมิทำงานของมันอยู่ครับ
-
ผมก็ไม่รู้ว่าจำเป็นมั๊ย แต่ผมทำตลอด ::) ::)
-
ว่าจะไม่ตอบ แต่เห็นคำว่าหน้าหนาวที่ ตปท...
ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่สึกหรอ หรือกินน้ำมันมากขึ้นอย่างเดียวนะครับ
.
.
ถ้าเครื่องไม่ร้อน ฮีทเตอร์มันไม่ทำงานนะครับ
เหมือนเข้าไปนั่งในตู้แช่แข็ง ปิดฝา สตาร์ทแล้วขับออกไปเลย
.
ก้คงไม่ไหวครับ
หนักหน่อยก้ถ้าหิมะเต็มหน้ากระจก เปิดไล่ฝ้า(กระจกหน้า)น้ำแข็งไม่ละลาย ขับรถออกไปเลยก้อันตรายอีกนะครับ
-
ผมใช้การออกตัวขับช้าๆ เอาครับ
-
ว่าจะไม่ตอบ แต่เห็นคำว่าหน้าหนาวที่ ตปท...
ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่สึกหรอ หรือกินน้ำมันมากขึ้นอย่างเดียวนะครับ
.
.
ถ้าเครื่องไม่ร้อน ฮีทเตอร์มันไม่ทำงานนะครับ
เหมือนเข้าไปนั่งในตู้แช่แข็ง ปิดฝา สตาร์ทแล้วขับออกไปเลย
.
ก้คงไม่ไหวครับ
หนักหน่อยก้ถ้าหิมะเต็มหน้ากระจก เปิดไล่ฝ้า(กระจกหน้า)น้ำแข็งไม่ละลาย ขับรถออกไปเลยก้อันตรายอีกนะครับ
"......So what should you do? Start it up, make sure all your windows are clear of ice/snow/fog, and just drive the thing! The engine will warm up faster, and therefore you'll get nice warm heat coming out of the vents sooner, which is what you want anyway. ..."
จากลิ้งค์ที่ 4 ของกระทู้ครับ
http://www.roadandtrack.com/car-culture/videos/a30249/why-you-shouldnt-warm-up-your-car/
-
ส่วนตัวผมจะรอให้รอบเดินเบาลดลงมาปกติ (ประมาณ 800 rpm) ก่อนถึงขับรถออกไปครับ
-
ผมไม่ start รถปล่อยน้ำมันทิ้งเฉยๆ ทั้ง warm up ทั้ง cool down แน่ แต่จะใช้ขับช้า เข้าเกียร์ d แบบไม่กดคันเร่งไหลไปประมาณ
30 วินาที จึงค่อยกดคันเร่งช้าๆ cool down ก็เช่นกัน เข้าหมู่บ้านแล้วผมขับช้ามากคันหลังอยากแซงก็ แซงไป
-
คันเก่าผมไม่ได้ทำ แต่ไม่ได้ใช้รอบสูงในช่วงแรกๆที่ออกรถ ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ
-
จะเอาแบบไหนล่ะครับ ประเภทที่ว่าขึ้นรถ เตรียมท่านั่งเรียบร้อย สตาร์ทเครื่องปุ๊บล้อหมุนทันทีเลยรึเปล่า
ได้น่ะมันได้หรอกครับ ไม่งั้นถ้าคุณวิ่งหนีโจรไล่ยิงมา ขึ้นรถสตาร์ทเครื่องแล้วต้องรอวอร์มเครื่องก่อนค่อยออกรถ
มันก็โดนโจรยิงก่อนแล้วล่ะ แต่ว่า ในชีวิตเราเนี่ย มันรีบ ๆ ลน ๆ แบบนั้นทุกวันมั้ย ถ้าไม่ ก็แค่ติดเครื่องแล้ว
ค่อยคาดเข็มขัดนิรภัย เปิดวิทยุ จูนช่อง เลือกเพลง ปรับเสียง สัก 10 วิ 20 วิ ค่อยออกรถก็ไม่ได้ทำให้ชีวิต
มันแย่ลงไม่ใช่เหรอ
การหมุนของเครื่องยนต์เนี่ย มันไม่ได้มีผลแค่การหล่อลื่น การเสียดสีกันของลูกสูบกับเสื้อสูบ หรือพวกชิ้นส่วน
ในเกียร์เท่านั้น พวกสายพานต่าง ๆ รอบนอกเครื่องมันก็มีอยู่ ไดชาร์จ ปั๊มพาวเวอร์ อื่น ๆ อีก
ให้เวลามันขยับตัวสักแป๊บ แล้วค่อยเรียกม้ามาใช้งานดีกว่ามั้ย
ของพวกนี้มันไม่ได้เห็นผลทันที พังในบัดดลหรอก แต่ระยะยาวมันส่งผลแน่ ๆ
ลองคิดดูสิว่าทำไม คนบางคน ขับรถบางคัน ไม่กี่กม. มีน้ำมันเครื่องซึมตามปะเก็นบ้าง สายพานร้องเอี๊ยดอ๊าด
หรือขาด ในระยะทางไม่กี่หมื่น กม. บ้าง หรือไม่ก็เกียร์ลาโลกเร็ว กลายเป็นที่ร่ำลือกันว่ารถรุ่นนี้เปราะ มีปัญหาเยอะ
ทั้ง ๆ ที่รถรุ่นเดียวกันนี้แต่อยู่ในมือเจ้าของอีกคนกลับบอกว่า ทนทานดี ไม่เปราะ ไม่ได้เป็นปัญหาอย่างที่คนอื่นเจอล่ะ
-
สตาร์ทเครื่อง คาดเข็มขัด เปิดเพลง ผมออกเลยครับ คลานช้าๆไป 700 เมตรจากบ้านผมถึงถนนใหญ่
เครื่องอุ่นได้ที่พอดี
-
ปกติไม่รีบก็ปล่อยไหลไปจนปากซอยค่อยกด
-
เอาแบบนี้ผมยกตัวอย่างนึงให้ง่ายๆเลย ถ้าอุณหภูมิของเครื่องยนต์ มันไม่มีผลอะไรจริงๆ
ทางบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เค้าจะไม่ผลิต "วาล์วน้ำ" ใส่มาให้ในรถครับให้เสียสตางค์ครับ
ขับมาแบบนี้ไม่เห็นพัง? ถูกครับ มันไม่พังวันนี้พรุ่งนี้หรอกครับ พวกนี้มันสร้าง
"excessive wear" ให้กับชิ้นส่วนโดยไม่จำเป็น สมมติ ว่า ชิ้นส่วนเครื่องยนต์
ชิ้นหนึ่งอายุการใช้งาน 300000กิโลเมตร อาจะเหลือ 250000กิโลเมตร...
บางท่านอาจจะบอกว่า ผมใช้รถ5ปีก็เปลี่ยน... ถ้าเช่นนั้น ก็คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะ
มันคงไม่พัง วันนี้พรุ่งนี้อยู่แล้วครับ แต่อย่าลืมครับ ดูแลรถได้ กับดูแลรถเป็น ความหมายมันไม่เหมือนกัน
ชิ้นส่วนทุกชิ้นส่วนในเครื่องยนต์มันมีClearanceครับ
-
เอาแบบนี้ผมยกตัวอย่างนึงให้ง่ายๆเลย ถ้าอุณหภูมิของเครื่องยนต์ มันไม่มีผลอะไรจริงๆ
ทางบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เค้าจะไม่ผลิต "วาล์วน้ำ" ใส่มาให้ในรถครับให้เสียสตางค์ครับ
ขับมาแบบนี้ไม่เห็นพัง? ถูกครับ มันไม่พังวันนี้พรุ่งนี้หรอกครับ พวกนี้มันสร้าง
"excessive wear" ให้กับชิ้นส่วนโดยไม่จำเป็น สมมติ ว่า ชิ้นส่วนเครื่องยนต์
ชิ้นหนึ่งอายุการใช้งาน 300000กิโลเมตร อาจะเหลือ 250000กิโลเมตร...
บางท่านอาจจะบอกว่า ผมใช้รถ5ปีก็เปลี่ยน... ถ้าเช่นนั้น ก็คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะ
มันคงไม่พัง วันนี้พรุ่งนี้อยู่แล้วครับ แต่อย่าลืมครับ ดูแลรถได้ กับดูแลรถเป็น ความหมายมันไม่เหมือนกัน
ชิ้นส่วนทุกชิ้นส่วนในเครื่องยนต์มันมีClearanceครับ
กลัวว่าท่านอื่นจะพลอยหลงประเด็นไปด้วยครับ
ในบทความไม่ได้กล่าวว่า อุณหภูมิ..ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
แต่อธิบายไปในแง่ว่า สำหรับรถสมัยใหม่ การวอร์มอุ่นเครื่องยนต์ที่รอบเดินเบาเป็นเวลานานตามความเชื่อดั้งเดิม
กลับทำให้เครื่องยนต์ถึงอุณหภูมิการทำงานช้าลงยิ่งกว่าอีก
ทำให้สูญเสียเชื้อเพลิงมากขึ้น ไอเสียมลพิษมากขึ้น
นอกจากนี้บางบทความกล่าวว่า ยิ่งทำให้การสึกหรอของเครื่องยนต์มากขึ้นด้วย
ส่วนหน้าที่หนึ่งของวาล์วน้ำนั้น หลายท่านอาจจะทราบกันดีอยู่แล้ว
มีการทำงานแบบปิดกักน้ำหล่อเย็น ไม่ให้ระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ไปยังหม้อน้ำ(radiator)
เพื่อให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ถึงอุณหภูมิทำงานเร็วขึ้นในตอนแรกสตาร์ทเครื่องยนต์
-
ใครจะว่าไงก็ช่าง รถยุคใหม่ยุคเก่า ผมชินกับการอุ่นเครื่องทุกเช้าเป็นประจำ จนติดเป็นนิสัยถาวรไปแล้ว เผาน้ำมันนิดหน่อยคงไม่เกิน5บาท ดีกว่าชิ้นส่วนสึกหรออย่างรวดเร็ว แล้วซ่อมเป็นพันเป็นหมื่น ชีวิตบ้านนอกไม่เร่งรีบครับ
-
เอาแบบนี้ผมยกตัวอย่างนึงให้ง่ายๆเลย ถ้าอุณหภูมิของเครื่องยนต์ มันไม่มีผลอะไรจริงๆ
ทางบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เค้าจะไม่ผลิต "วาล์วน้ำ" ใส่มาให้ในรถครับให้เสียสตางค์ครับ
ขับมาแบบนี้ไม่เห็นพัง? ถูกครับ มันไม่พังวันนี้พรุ่งนี้หรอกครับ พวกนี้มันสร้าง
"excessive wear" ให้กับชิ้นส่วนโดยไม่จำเป็น สมมติ ว่า ชิ้นส่วนเครื่องยนต์
ชิ้นหนึ่งอายุการใช้งาน 300000กิโลเมตร อาจะเหลือ 250000กิโลเมตร...
บางท่านอาจจะบอกว่า ผมใช้รถ5ปีก็เปลี่ยน... ถ้าเช่นนั้น ก็คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะ
มันคงไม่พัง วันนี้พรุ่งนี้อยู่แล้วครับ แต่อย่าลืมครับ ดูแลรถได้ กับดูแลรถเป็น ความหมายมันไม่เหมือนกัน
ชิ้นส่วนทุกชิ้นส่วนในเครื่องยนต์มันมีClearanceครับ
กลัวว่าท่านอื่นจะพลอยหลงประเด็นไปด้วยครับ
ในบทความไม่ได้กล่าวว่า อุณหภูมิ..ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
แต่อธิบายไปในแง่ว่า สำหรับรถสมัยใหม่ การวอร์มอุ่นเครื่องยนต์ที่รอบเดินเบาเป็นเวลานานตามความเชื่อดั้งเดิม
กลับทำให้เครื่องยนต์ถึงอุณหภูมิการทำงานช้าลงยิ่งกว่าอีก
ทำให้สูญเสียเชื้อเพลิงมากขึ้น ไอเสียมลพิษมากขึ้น
นอกจากนี้บางบทความกล่าวว่า ยิ่งทำให้การสึกหรอของเครื่องยนต์มากขึ้นด้วย
ส่วนหน้าที่หนึ่งของวาล์วน้ำนั้น หลายท่านอาจจะทราบกันดีอยู่แล้ว
มีการทำงานแบบปิดกักน้ำหล่อเย็น ไม่ให้ระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ไปยังหม้อน้ำ(radiator)
เพื่อให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ถึงอุณหภูมิทำงานเร็วขึ้นในตอนแรกสตาร์ทเครื่องยนต์
การติดเครื่องอยู่กับที่ ความร้อนขึ้นช้ากว่ากับขับแบบช้าๆ จริงๆ ครับ
-
ติดเครื่อง 30 วินาที รอบลดลงเหลือ พันนิดๆ ผมก็ใส่ D คลานด้วยรอบเครื่องเท่านั้นแหละครับ ลงจากลานจอดรถ 3-4 ชั้น ถึงทางออก ก็ราว 2-3 นาที จึงออกถนน เช้ารถแทบไม่มี ไปต่อช้าๆอีก 2-3 นาที ก็สบายแล้วครับ
คลานที่รอบเดินเบา ก็ใกล้ๆกับอุ่นอยู่กับที่นะครับ รอบเท่ากันเลย
เกียร์ก็ไม่น่ามี load อะไรมาก ก็คลานไปตามนั้นไม่ได้กด แค่แปะๆเท้้าเบาๆ
-
ผมวอร์มเครื่องยนต์ ให้น้ำมันเลี้ยงแกนเทอร์โบอิ่มตัว เป็นห่วงเทอร์โบ+เกียร์ออโต้มากกว่าครับ