1.ขายได้น้อยมาก(ในสายตาค่ายรถ) ทำให้...
2.ไม่คุ้มทุนที่จะต้องมาลงทุนกับการสต๊อก อะไหล่ ตามกฏของการนำเข้า
3.และเมื่อนำเข้ามาขาย เมื่อเจอข้อสอง ก็จะสู้เกร์มาร์เก็ตไม่ได้ เพราะพวกนั้นไม่ต้องสต๊อกอะไหล่ตามกฏ
ตามนี้เลยครับ...
อะไรก็ตามที่ขายโดยบริษัทตัวแทน ทำโดยบริษัทตัวแทน จะต้อง...
เข้าศูนย์ไหนก็ได้, ช่างต้องรู้เรื่องทุกศูนย์ = บริษัทมีค่าใช้จ่ายอบรมช่าง, ทำตำรา ทำฐานข้อมูล
อะไหล่ต้องเร็ว ต้องครบ = ทำระบบฐานข้อมูลให้ค้นหาแม่นจำ, สต็อก, จัดส่ง และจัดเก็บให้นานหลายปี
ตัวรถ = ต้องทดสอบว่าไม่มีปัญหากับ กฏหมาย-กฏเกณฑ์ของประเทศ (เช่นเรื่องมลพิษ etc.),
สภาพภูมิประเทศ, ภูมิอากาศ, คุณภาพน้ำมันในท้องตลาด, ตัววิทยุรับคลื่นไทย ฟังก์ชั่นเมนู
ภาษาไทย, ป้ายเตือนต่าง ๆ ภาษาไทย etc.
จึงต้องมีงานทดสอบ แก้ไข ปรับแต่งบางอย่าง (อาจต้องเปิดเป็นสเป็คสำหรับประเทศไทย
ซึ่งเป็นการเพิ่มรุ่นย่อยในแง่โรงงานประกอบ และอาจสร้างความยุ่งยากให้แก่โรงงานมากขึ้น)
ทั้งหมดมีค่าใช้จ่าย และมันคือต้นทุนครับ
ในขณะที่เกรย์....
เข้าศูนย์เกรย์ = มีไม่กี่ที่ การเตรียมการง่ายกว่ามาก แต่ไม่สะดวกลูกค้า
อะไหล่ = อยู่ที่เกรย์จะสต็อกเท่าไหร่ และจัดเก็บกี่ปี (ส่วนใหญ่ไม่นาน)
ตัวรถ = แค่ต้องผ่านกฏหมาย-กฏเกณฑ์ของประเทศ, แต่เรื่องอื่น ๆ นั้นไม่สามารถแก้ไขสเปคจากโรงงานได้
เพราะเป็นแค่หยิบรถที่มีในตลาดต้นทางเอาเข้ามาขาย จึงไม่ต้องทำอะไรใด ๆ (บางครั้งมีปัญหาเรื่อง
รับคลื่นวิทยุ, ภาษา ฟังก์ชั่น เมนู ป้ายเตือนต่าง ๆ )
มันจึงเป็นที่มาว่าทำไม พอบริษัทตัวแทนขายเองทีไร แพงกว่าเกรย์ทุกครั้งไปครับ