วันนี้เบื่อๆ ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ และเห็นหลายคนสงสัยว่าทำไม ปตท. กำไรเยอะแยะ กำไรแสนล้านนั้นมาจากการค้าปลีกน้ำมันทั้งหมดใช่ไหม
วันนี้ผมก็เลยเอาส่วนของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันของ ปตท. มาให้ดูกันครับ
ผมจะไม่พูดถึงธุรกิจอื่นนะครับ เพราะเพื่อนสมาชิกคงสนใจแต่ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน
ปีที่แล้ว(54) ปตท. มีกำไรจากธุรกิจในมือ ปตท. กว่า 200 บริษัท มีกำไรทั้งสิ้นรวม 186,498.23 ล้านบาท(ไม่สุทธิ)
ก่อนอื่นต้องเข้าใจกันก่อนว่า ค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.5 บาท/ลิตร บวกลบ 0.3 บาท ประมาณไม่เกินนี้
ถ้าปั๊มน้ำมันไหน ปตท. ไม่ได้ดำเนินกิจการเอง 1.5 บาทก็จะหาร 2 กับเจ้าของปั๊มอีกทอดนึง
กำไรต่อลิตรก็จะเฉลี่ยอยู่ประมาณ 0.75 บาท (ปี 54)
ปีที่แล้ว ปตท. ขายน้ำมันได้ 21,807 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า(53) 5%
สรุปคือ ปตท. มีกำไรจากธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน 13,224 ล้านบาท แบ่งเป็นน้ำมัน 11,973 ล้านบาท
และที่ไม่ใช่น้ำมัน 1,251 ล้านบาท (ประมาณพวกร้านกาแฟ หรืออะไรในปั๊มน้ำมันที่ไม่ใช่น้ำมันทำนองนี้ครับ)
แต่ทั้งหมดเป็น EBIDA (EBITDA = Earning Before Interest, Taxes Depreciation and Amortization
กำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ยจ่าย ค่าเสื่อมราคา และ ค่าใช้จ่ายก่อนการดำเนินงานตัดจ่าย)
ส่วนปัญหาการขึ้นลงของราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ไม่สอดคล้องกับตลาดโลก อันนี้ไม่สามารถหาคำตอบได้เหมือนกันครับ
ทั้งนี้ ต้องดูส่วนของโครงสร้างราคาน้ำมันครับ
และปัญหาคุณภาพน้ำมันของน้ำมัน ผมขอไม่พูดถึงนะครับ แต่โรงกลั่นน้ำมันที่ดีที่สุดตอนนี้ถ้าจำไม่ผิดเป็นของ ไทยออยล์ครับ
ข้อมูลมาจากการประชุมผู้ถือหุ้น ปตท. ครับ
(
http://www.set.or.th/th/company/files/opp_day/4_2011/ptt.pdf)
ปล. ผมไม่ได้ถือหุ้น ปตท. นะครับ ออกแนวไม่ชอบด้วยซ้ำ จะรัฐวิสาหกิจก็ไม่ใช่ จะมหาชนก็ไม่เชิง ผมคิดว่า 2 อย่างนี้มันไปด้วยกันยากครับ
บริหารงานรัฐมันต้องคิดถึงประชาชนเป็นหลัก แต่เอกชน(มหาชน) ต้องคิดถึงกำไรสูงสุดเป็นหลัก
งั้นเรียกว่าบริษัทพลังงานข้ามชาติที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แล้วกันครับ
ส่วนค่าการตลาดวันนี้(5/6/2555)เฉลี่ยอยู่ที่ 1.8X บาทครับ
งดมาม่านะครับ ทานมากๆ ส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจครับ
แสดงความคิดเห็นกันได้ตามเหตุและผลครับ
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า เตรียมปรับลดราคาเบนซินลง 30 สต./ลิตร , แก๊สโซฮอล์ 40 สต./ลิตร และดีเซล 30 สต./ลิตร
มีผลหลังเที่ยงคืนวันนี้