Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: shipcake ที่ กรกฎาคม 20, 2020, 20:58:30
-
เกาะสายตาไว้กับ cx30 เป็นอย่างมากว่ายอดขายจะไปเฉือน HRV หรือไม่ ดีใจที่จะมีรถ 5 ประตูเข้ามาเล่นกันเยอะๆ จากข้อมูลเหมือนว่า mazda จะล้มเอาดีเซลเข้ามาเป็นเครื่องยนต์ทางเลือกเสียแล้ว เพราะเหตุอะไรไม่ทราบ แต่เท่าที่เกาะผมว่ามาสด้ามีปัญหาจุกจิกกับเครื่องยนต์ดีเซลพอสมควร?
-
1.5D ถ้าแก้ปัญหาเครื่องสั่นเร่งไม่ขึ้นได้ ก็จบแล้วนะ
พักหลังไม่ค่อยได้ยินเคสใหม่ๆ เรื่องนี้ล่ะ (ไม่รู้ว่าไปอุดตัดกันก่อนหรือยังไม่ถึงเวลา แต่รุ่นปี 2018 มาไม่มี ไม่มีซักคันเลยตอนนี้ ล่าสุดที่เจอก็กลางๆ 2017 แต่ใช้เยอะระดับนึงแล้ว)
และรถผมเอง 2016 ก็ยังไม่กลับมาเจอตั้งแต่อัพเดตซอฟแวร์ ก.ค. 2018 น้ำมันก็คละปั๊มสารพัดเจ้าวนกันไป แต่ยังไม่กล้า B10 และอาจจะโชคดีได้วิ่งทางโล่งบ้าง เพราะก่อนสั่นรอบแรกคือรถติดวินาศเช้าเย็นทั้งวันธรรมดาและหยุดเลย
ทีนี้ก็จะเหลือแค่เรื่องอะไหล่อายุขัยบางตัวสั้น อย่างกล่อง DC-DC Converter หรือ Capacitor ที่เบนซินก็เจอได้ หรือวาล์วน้ำไฟฟ้าดีเซลที่เข้าใจได้เรื่องราคา แต่ราคานี้อายุก็ไม่น่าจะสั้นขนาดนี้
แต่ 2.2D น้ำดัน ถ้าถึงขั้นที่ต้องเอา DPF ออกลดเกรดรถขายใหม่เหลือแค่ Euro 4 ก็คงบอกเป็นนัยได้ว่า Design Failure ของผู้ผลิตเองแล้วล่ะไม่ใช่ใครที่ไหน
Mazda คงคิดถูกครับทึ่ไม่เอา 1.8D มา
-
สงสัยว่าทำไมเครื่องดีเซลที่อยู่ในรถยนต์นั่ง
กับเครื่องดีเซลล์ที่อยู่ในรถกระบะถึงทนทานต่างกัน
เข้าใจว่าน่าจะเรื่องน้ำหนักของเครื่องยนต์ ความเงียบ
ที่อาจจะทำให้การพัฒนาต่างกัน
หรือมีประเด็นอื่นๆอีกมั้ยครับ
-
สงสัยว่าทำไมเครื่องดีเซลที่อยู่ในรถยนต์นั่ง
กับเครื่องดีเซลล์ที่อยู่ในรถกระบะถึงทนทานต่างกัน
เข้าใจว่าน่าจะเรื่องน้ำหนักของเครื่องยนต์ ความเงียบ
ที่อาจจะทำให้การพัฒนาต่างกัน
หรือมีประเด็นอื่นๆอีกมั้ยครับ
ดีเซลกระบะ แบรนด์ Mazda ไม่ใด้ใช้เครื่องยนต์ของ mazda นานมากแล้วครับ น่าจะตั้งแต่สมัย ทันเดอร์ มังกรทองโน้นเลย
ให้ตอบแบบกำปั้นทุบดินว่าทำไมถึงทนทาน ก็ เพราะเครื่องดีเซล ในกระบะ mazda เป็นของยีห้ออื่นครับ
(ไม่ได้หมายถึง mazda ไม่เก่ง พัฒนาเครื่องเองไม่ได้นะครับ แต่มันคงไม่คุ้มที่จะทำเครื่อง ดีเซลบรรทุก โดยเรื่มจาก 0 ใหม่)
-
สงสัยว่าทำไมเครื่องดีเซลที่อยู่ในรถยนต์นั่ง
กับเครื่องดีเซลล์ที่อยู่ในรถกระบะถึงทนทานต่างกัน
เข้าใจว่าน่าจะเรื่องน้ำหนักของเครื่องยนต์ ความเงียบ
ที่อาจจะทำให้การพัฒนาต่างกัน
หรือมีประเด็นอื่นๆอีกมั้ยครับ
เครื่องดีเซลเก๋งยี้ห้ออื่นๆก็เป็นที่นิยมกันทั้งยุโรปที่มีทั้งรถติดหนักๆขับเร็วมากๆอากาศที่เย็นติดลบ ภูมิประเทศเขาสูงชัน และอีกตลาดคืออินเดียที่ใช้รถสุดทรหด ติดหนักไม่แพ้ใคร อากาศทั้งร้อนนรกในพื้นราบและเย็นจัดในพื้นที่สูงชัน
ผมว่าปัญหาอยู่ที่ตัว mazda เองนะ
-
สงสัยว่าทำไมเครื่องดีเซลที่อยู่ในรถยนต์นั่ง
กับเครื่องดีเซลล์ที่อยู่ในรถกระบะถึงทนทานต่างกัน
เข้าใจว่าน่าจะเรื่องน้ำหนักของเครื่องยนต์ ความเงียบ
ที่อาจจะทำให้การพัฒนาต่างกัน
หรือมีประเด็นอื่นๆอีกมั้ยครับ
ดีเซลกระบะ แบรนด์ Mazda ไม่ใด้ใช้เครื่องยนต์ของ mazda นานมากแล้วครับ น่าจะตั้งแต่สมัย ทันเดอร์ มังกรทองโน้นเลย
ให้ตอบแบบกำปั้นทุบดินว่าทำไมถึงทนทาน ก็ เพราะเครื่องดีเซล ในกระบะ mazda เป็นของยีห้ออื่นครับ
(ไม่ได้หมายถึง mazda ไม่เก่ง พัฒนาเครื่องเองไม่ได้นะครับ แต่มันคงไม่คุ้มที่จะทำเครื่อง ดีเซลบรรทุก โดยเรื่มจาก 0 ใหม่)
ก็น่าจะจริงครับ เพราะฟอร์ดเอง ก็ไม่สามารถทำเครื่องให้ไม่จุกจิกเท่าโตโยต้า หรืออีซูซุ
คงอารมณ์ PC กับ notebook ให้เอาในกระบะมาวางในเก๋งเลยคงวางไม่ได้ หรือวางได้ 😅
-
สงสัยว่าทำไมเครื่องดีเซลที่อยู่ในรถยนต์นั่ง
กับเครื่องดีเซลล์ที่อยู่ในรถกระบะถึงทนทานต่างกัน
เข้าใจว่าน่าจะเรื่องน้ำหนักของเครื่องยนต์ ความเงียบ
ที่อาจจะทำให้การพัฒนาต่างกัน
หรือมีประเด็นอื่นๆอีกมั้ยครับ
ผมคิดว่าเป็นประเด็นเฉพาะมาสด้าเท่านั้น
เพราะบุคลิกทั่วไปของเครื่องดีเซลคือการจุดระเบิดน้ำมันด้วยการอัดไอน้ำมันดีเซล
ด้วยแรงดันสูงจนทำให้ไอดีร้อนจนระเบิดได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องใช้หัวเทียน
ซึ่งกำลังอัดนั้นอย่างต่ำๆ ต้องมี 16 กว่าๆ : 1
แต่เครื่องดีเซลมาสด้า sky D ลดกำลังอัดลงมาเหลือ 14:1 ซึ่งมันฝืนธรรมชาติ
ของน้ำมันดีเซล จึงต้องเพิ่มเติมระบบต่างๆ เข้าไปเพื่อช่วยให้วัฎจักรมันทำงานได้
เท่าที่เคยอ่านดู ระบบที่ว่ามันซับซ้อนกว่าเครื่องดีเซลทั่วไปพอควร
และผมคิดว่ามาสด้าคงออกแบบบนพื้นฐานที่ทุกองค์ประกอบการทำงานของเครื่องยนต์
ต้องเป๊ะ แต่พอการใช้งานจริง ไปเจออะไรๆ ที่ไม่พอดีกับการออกแบบไว้เลยเกิดเรื่องน่ะครับ
-
สงสัยว่าทำไมเครื่องดีเซลที่อยู่ในรถยนต์นั่ง
กับเครื่องดีเซลล์ที่อยู่ในรถกระบะถึงทนทานต่างกัน
เข้าใจว่าน่าจะเรื่องน้ำหนักของเครื่องยนต์ ความเงียบ
ที่อาจจะทำให้การพัฒนาต่างกัน
หรือมีประเด็นอื่นๆอีกมั้ยครับ
ผมคิดว่าเป็นประเด็นเฉพาะมาสด้าเท่านั้น
เพราะบุคลิกทั่วไปของเครื่องดีเซลคือการจุดระเบิดน้ำมันด้วยการอัดไอน้ำมันดีเซล
ด้วยแรงดันสูงจนทำให้ไอดีร้อนจนระเบิดได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องใช้หัวเทียน
ซึ่งกำลังอัดนั้นอย่างต่ำๆ ต้องมี 16 กว่าๆ : 1
แต่เครื่องดีเซลมาสด้า sky D ลดกำลังอัดลงมาเหลือ 14:1 ซึ่งมันฝืนธรรมชาติ
ของน้ำมันดีเซล จึงต้องเพิ่มเติมระบบต่างๆ เข้าไปเพื่อช่วยให้วัฎจักรมันทำงานได้
เท่าที่เคยอ่านดู ระบบที่ว่ามันซับซ้อนกว่าเครื่องดีเซลทั่วไปพอควร
และผมคิดว่ามาสด้าคงออกแบบบนพื้นฐานที่ทุกองค์ประกอบการทำงานของเครื่องยนต์
ต้องเป๊ะ แต่พอการใช้งานจริง ไปเจออะไรๆ ที่ไม่พอดีกับการออกแบบไว้เลยเกิดเรื่องน่ะครับ
เห็นด้วยครับ ลุ้นให้ Sky-x ,เบนซินกึ่งไร้หัวเทียน,แปลผันกำลังอัด ออกมาใช้งานได้ดี อยู่ไปยาวๆ
แต่ใจก็กังวลว่า mazda กำลัง มุ่งไปผิดทางรึเปล่า ถ้าเทรนด์ไฟฟ้ามาจริงๆ mazda จะขยับอย่างไร (หรือคลายกังวลเพราะมี Toyota หนุนหลัง ถึงเวลาก็เอาระบบ เอาตัวรถhybrid,ไฟฟ้า,ไฮโดรเจน มาแปะตรา mazda+ปรับช่วงล่าง,หน้าตาขาย)
-
ชื่อเสียงพอมันเน่าไปแล้วมันกู้คืนมายากครับ
บางยี่ห้อเกียร์พัง บางยี่ห้อน้ำดัน คนซื้อมาใช้งานมีรถใช้คันเดียวก็ต้องหลีกเลื่ยง
-
สงสัยว่าทำไมเครื่องดีเซลที่อยู่ในรถยนต์นั่ง
กับเครื่องดีเซลล์ที่อยู่ในรถกระบะถึงทนทานต่างกัน
เข้าใจว่าน่าจะเรื่องน้ำหนักของเครื่องยนต์ ความเงียบ
ที่อาจจะทำให้การพัฒนาต่างกัน
หรือมีประเด็นอื่นๆอีกมั้ยครับ
ผมคิดว่าเป็นประเด็นเฉพาะมาสด้าเท่านั้น
เพราะบุคลิกทั่วไปของเครื่องดีเซลคือการจุดระเบิดน้ำมันด้วยการอัดไอน้ำมันดีเซล
ด้วยแรงดันสูงจนทำให้ไอดีร้อนจนระเบิดได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องใช้หัวเทียน
ซึ่งกำลังอัดนั้นอย่างต่ำๆ ต้องมี 16 กว่าๆ : 1
แต่เครื่องดีเซลมาสด้า sky D ลดกำลังอัดลงมาเหลือ 14:1 ซึ่งมันฝืนธรรมชาติ
ของน้ำมันดีเซล จึงต้องเพิ่มเติมระบบต่างๆ เข้าไปเพื่อช่วยให้วัฎจักรมันทำงานได้
เท่าที่เคยอ่านดู ระบบที่ว่ามันซับซ้อนกว่าเครื่องดีเซลทั่วไปพอควร
และผมคิดว่ามาสด้าคงออกแบบบนพื้นฐานที่ทุกองค์ประกอบการทำงานของเครื่องยนต์
ต้องเป๊ะ แต่พอการใช้งานจริง ไปเจออะไรๆ ที่ไม่พอดีกับการออกแบบไว้เลยเกิดเรื่องน่ะครับ
เห็นด้วยครับ ลุ้นให้ Sky-x ,เบนซินกึ่งไร้หัวเทียน,แปลผันกำลังอัด ออกมาใช้งานได้ดี อยู่ไปยาวๆ
แต่ใจก็กังวลว่า mazda กำลัง มุ่งไปผิดทางรึเปล่า ถ้าเทรนด์ไฟฟ้ามาจริงๆ mazda จะขยับอย่างไร (หรือคลายกังวลเพราะมี Toyota หนุนหลัง ถึงเวลาก็เอาระบบ เอาตัวรถhybrid,ไฟฟ้า,ไฮโดรเจน มาแปะตรา mazda+ปรับช่วงล่าง,หน้าตาขาย)
mazda มีระบบไฮบริดเหมือน kick อยู่ครับ แต่ใช้เครื่องโรตารี่ 330 cc (มั้ง) ปั่นไฟเข้าระบบ เห็นพัฒนามานานล่ะเกือบ 10 ปีแล้วมั้ง แต่ก็ไม่เห็นคืบหน้าอะไรที่จะเอาเข้าสู่สายการผลิตแบบจริงจัง
-
วันก่อนได้ขับMazda 2 1.5D ของญาติผมที่เชียงใหม่ วิ่งไปแล้วแสนกว่าโล อัตราเร่งดีมาก ประหยัดมากๆ ยังไม่มีอาการสั่นใดๆครับ
-
เบนซิน 1.3 ในมาสด้า 2 ก็ไม่รอดครับ ทยอยหัวฉีดตันกันเรื่อยๆ เปลี่ยนทีแพงครับ
-
ใช้ 1.5d อยู่ ผมว่ามันเหมาะกับคนที่ศึกษาเรื่องรถมาบ้างอะครับ วิธีแก้แล้วจบมันมี ตัวรถดีมาก แรงพอตัว ประหยัดโคตรๆ วิ่ง ตจว.โชว์ 30 โลลิตร บ้าไปแล้ว 555 ถังนึงวิ่งเป็นพันโล น่าเสียดายถ้าไม่ได้ไปต่อ
-
2.2D
ตัด DPF แล้วหายดันจริงหรือไม่ครับ
แล้ว 1.5D มีน้ำดันมั้ยครับ
-
ชื่อเสียงมันแย่อ่ะครับ ปัญหาก็แก้ไม่ได้ ดันทุรังไปเรื่อยๆ เคยออกข่าวฟ้องผู้บริโภคอีก สุดท้ายก็เอาออกไป
ไปจัดการหลังบ้านให้ดีก่อนดีกว่า
-
ผมงงตรงที่ มาสด้า2 1.5กำลังอัด 14.8:1 ไม่เห็นมีปัญหาเลยแต่ CX-5 2.2 กำลังอัด 14.0:1 น้ำดันบ่อยมาก แล้วทำไมมาสด้าไม่ทำให้เครื่องดีเซล 2.2 กำลังอัด 14.8:1 จะได้ไม่มีปัญหา
-
ผมงงตรงที่ มาสด้า2 1.5กำลังอัด 14.8:1 ไม่เห็นมีปัญหาเลยแต่ CX-5 2.2 กำลังอัด 14.0:1 น้ำดันบ่อยมาก แล้วทำไมมาสด้าไม่ทำให้เครื่องดีเซล 2.2 กำลังอัด 14.8:1 จะได้ไม่มีปัญหา
สำหรับเครื่องดีเซล กำลังอัดยิ่งต่ำยิ่งเสี่ยงครับ
-
รู้ตัวครับ แต่เขาเรียกว่า ฝืน ครับ
ที่น่ากลัว และ โดนค่า คือ รู้ว่ามีปัญหา แต่การแก้ไขปัญหาติดลบ เนี่ยะซิ ผลลัพธ์ คือ เละครับ
-
ผมว่า มาสด้าไม่ใช่ บ.ใหญ่ ทุนวิจัยก็มีน้อย
มองแค่ในประเทศต้นกำเนิด ยังห่างไกล โตต้า นิสสัน
ดังนั้นจะสร้างอะไรนับ1ขึ้นมามันยากเสียแล้ว
ดีเซลก็เช่นกัน
โตต้า มีฮีโน่ เป็นฐานดีเซล
นิสสันก็มีทั้งตัวเองและ UD
-
ใช้ 1.5D มาตั้งแต่ 2015 นะ ยังไม่เจอและไม่อยากเจอแจ๊คพ็อต...
ถ้าผมมอง ง่ายๆครับ มาสด้าถ้าเอา 1.8 D มาอีกจะสต็อกอะไหล่มหาศาลกับรถไม่กี่รุ่น และยอดขาย บ.ที่ไม่ใหญ่มาก
ลองดูเครื่องในไทยของมาสด้าตอนนี้นะ
G 1.3 / 2.0 / 2.5 / 2.5โบ
D 1.5 / 2.2 ........... อันนี้ไม่นับอนาคตที่ต้องรับ 1.9/3.0 ใน BT50 มาด้วย อะไหล่เครื่องเก่า BT50 ก็ต้องสต็อกต่ออย่างน้อยๆก็มี 5ปี
มาสด้าเครื่องเยอะมากแล้วครับ ถ้ามองว่าอีก 2ปีคงต้องเอา sky X มาขายอีก พอเหอะแค่นี้ก็รออะไหล่กันหน้าแห้งแร้ววว
.............................
ตอนนี้ปัญหาดีเซลเหลือน้อยลงมากครับ
แต่ปัญหาดันไปกระจายใน part อื่นแทน หมดตัวเก่า เกิดตัวใหม่ไปเรื่อยๆ นั่นละครับ ... นี่ละ mazda 5555
-
1.5 ปัญหาน้อยกว่า 2.2 ตัวผมไม่แปลกใจนะถ้าจะไม่เอาบล็อคใหม่เข้ามาตอนนี้
เพราะตอนนี้ลำพังแค่ปัญหาน้ำดันที่มีอยู่ ก็ยังพบเนืองๆ
อยากให้แก้ปัญหาให้ได้อย่างยั่งยืนก่อน แล้วถึงพิจารณานำบล็อคใหม่เข้ามาครับ
-
2.2D
ตัด DPF แล้วหายดันจริงหรือไม่ครับ
แล้ว 1.5D มีน้ำดันมั้ยครับ
คนแรกที่ตัดในประเทศ น่าจะ4-5ปีที่แล้ว+ ดันครับผม
ส่วนปัจจุบันไม่ทราบนะ ไม่ได้ตามละ
-
มาสด้า 2 1.5d ใช้มา 5 ปีกว่าแล้ว อีกคันใช้เกือบ 200,000 โล ไม่พบปัญหาครับใช้ดีครับ cx5 ใชัระบบเดียวกันแต่ฝาสูบแตก อันนี้ไม่แน่ใจอยู่ที่เนื้อวัสดุหรือเปล่าครับ
-
ปัญหาคงแก้ได้ แต่อาจจะแก้ไม่คุ้มหรือเปล่า เลยขอหยุดไปเอง ขายให้น้อยลงดีกว่า
เครื่องจาก Mazda ผมว่าคุณภาพไม่ได้แย่เลย เพียงแต่มันมีปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขนี่แหละ
-
มาสด้าควร down size+ turbo และไฮบริดเถอะครับ
ดีเซล คือคำตอบ. คำพูดนี้ กลับมาใส่ เครื่องหมายคำถาม กับตัวเอง
ว่า มันยังเป็นคำตอบอยู่หรือไม่
ควรไปจับมือค่ายใหญ่ดีละครับ
-
ดีเซลโลกไม่เอาแล้วยกเว้นกะบะไทย
เค้าไป ดาวน์ไซด์ เทอรโบ เบนซินหมด
ทำดีเซลมา จะไปขายที่ไหนละ
-
เอาน้ำมันไหนเติมอ่ะครับ
อย่าง B10 ที่ประกาศเป็นมาตรฐาน ก็เติมไม่ได้ (ในคู่มือเขียนแค่ B7)
น้ำมันมาตรฐาน ยูโร 5 ก็หายาก
คนซื้อก็ต้องเอารถไปดัดแปลง ให้ไม่มีกับปัญหาน้ำมันในเมืองไทยกันเอง
-
ผมว่าต้องรู้ตัวแหละ CX-3 ตอนนี้ก็ไม่มีเครื่องดีเซลแล้ว
-
อีกส่วนหนึ่งก็คือยอดขายครับ และราคาขายที่แพงกว่าเบนซินมาก เลยไม่คุ้มที่จะทำต่อไป
-
เทรนด์โลก ไม่เอาดีเซลกันแล้วครับ ตอนนี้คิดว่า Mazda เอง ก็ต้องซุ่มพัฒนาไฟฟ้าเหมือนกันแหละ
-
ดีเซลโลกไม่เอาแล้วยกเว้นกะบะไทย
เค้าไป ดาวน์ไซด์ เทอรโบ เบนซินหมด
ทำดีเซลมา จะไปขายที่ไหนละ
จะได้เห็น อีปุปุ เครื่อง เบนซินเทอร์โบ ในเมืองไทยไหมครับ ;)
-
ดีเซลโลกไม่เอาแล้วยกเว้นกะบะไทย
เค้าไป ดาวน์ไซด์ เทอรโบ เบนซินหมด
ทำดีเซลมา จะไปขายที่ไหนละ
จะได้เห็น อีปุปุ เครื่อง เบนซินเทอร์โบ ในเมืองไทยไหมครับ ;)
ไทยเราได้ใช่ ดีเซลอีกนาน
เพราะ เราขุดน้ำมันเองครับ
พอเทรนรถไฟฟ้ามา ปริมาณการใช้เบนซินก็น้อยลง เค้าก็มีน้ำมันเหลือๆ ผลิต ดีเซลให่เราพ่นควันเล่นครับ
-
สงสัยว่าทำไมเครื่องดีเซลที่อยู่ในรถยนต์นั่ง
กับเครื่องดีเซลล์ที่อยู่ในรถกระบะถึงทนทานต่างกัน
เข้าใจว่าน่าจะเรื่องน้ำหนักของเครื่องยนต์ ความเงียบ
ที่อาจจะทำให้การพัฒนาต่างกัน
หรือมีประเด็นอื่นๆอีกมั้ยครับ
1. มาตฐานมลพิษที่สูงขึ้น ทำให้เครื่องยนต์ดีเซลรถยนต์นั่ง ต้นทุนสูง ดูแลลำบากและระบบบำบัดกลับทำร้ายระบบพื้นฐานของเครื่องยนต์เอง
2. เทรน Downsizing เครื่องยนต์ พอลดความจุ cc. ก็ไปรีดเค้นเครื่องยนต์ด้วยการเพิ่มบูสท์เทอร์โบ มีผลกับความสึกหรอภายใจชัดเจน
3. ปริมาณเครื่องยนต์ดีเซล ของรถกระบะเชิงพาณิชย์เทียบกับรถยนต์นั่งต่างกันเยอะ ทำราคาค่าอะไหล่ ความแพร่หลาย ตัวเลือกเกรดอะไหล่ และความเชี่ยวชาญของช่างในการซ่อมของดีเซลสองกลุ่มนี้ แตกต่างกันชัดเจน
เอาจริงๆ ส่วนตัวผมว่า เครื่องดีเซลในรถกระบะรุ่นใหม่ที่เป็นระบบ คอมมอนเรล นี่ก็จุกจิกขึ้นมานิดนึงนะครับ เทียบกับ ดีเซลไดเร็คอินเจกชั่น
แต่มันโชคดีตรงที่เป็นกลุ่มดีเซลเชิงพาณิชย์ ราคาซ่อมหรือค่าอะไหล่มันเลยไม่ได้ดูโหดร้ายมากเกินไป