สำหรับ E Klasse W124 ตัว(เกือบ)สุดท้าย เพราะออกมาในปีที่เป็นช่วงปลายอายุของบอดี้นี้แล้ว ตัวนี้จัดว่าหน้าตาดีและมีความทนทานสูง (ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องซ่อม แต่มันซ่อมแล้วอยู่ได้นาน) หน้าตาดูดีเพราะมีดาวสามแฉกปะอยู่บนฝากระโปรงหน้า (วัยรุ่นบางจำพวกชอบสะสมไอ้ดาวสามแฉกอันนี้มาก ๆ ไม่รู้ทำไม และแน่นอนว่าพวก "มัน" ไม่ได้ซื้อ แต่ "มัน" หักออกจากฝากระโปรงรถนั่นแหละ) ฟีลลิ่งเนิบนาบเหมาะกับผู้ใหญ่วัยที่ไม่สนความหวือหวา เพราะมันไม่ค่อยส่งอาการจากพื้นผ่านแป้นเหยียบและพวงมาลัยส่งสู่ร่างกายของผู้บังคับควบคุมได้มากนัก มันนุ่มนิ่ม เท้งเต้ง ทื่อมะลื่อ จะมุดจะแทรกก็ไม่ค่อยถนัด วัยรุ่น (อย่างผม) ไม่ค่อยโปรดนัก เครื่องมีแรงให้พอได้พึ่งพาอาศัย ไอ้จะให้แบบว่าเห็นช่องแล้วกระทืบให้รถพุ่งออกไปในช่องว่างในเวลาสั้น ๆ นี่เลิกหวัง แต่เวลาวิ่งยาว ๆ ก็สบายดี ประเภทเมียชอบแม่ยายรักอะไรทำนองนั้นแหละ แต่สาว ๆ นี่เห็นแล้วไม่ค่อยปลื้มเพราะไอ้หนุ่มบีเอ็มมันดูหวือหวาน่านั่งด้วยมากกว่า
สำหรับรถรุ่นนี้ อายุอ่อนกว่าหน้ายิ้มนิดเดียว ถ้าหน้ายิ้มรุ่นแรกก็ปี 89 ปีท้ายก็ 93 ซึ่งมันไล่เลี่ยกับเจ้า W124 เป็นอันมาก แปลว่า "มันต้องซ่อมเหมือนกัน" และค่าซ่อมของเบนซ์รุ่นนี้ แม้จะถูกแต่มันหมายถึงถูกกว่ารถยุโรปยี่ห้ออื่น ไม่ได้หมายความว่าถูกกว่าหน้ายิ้มแน่ ๆ แปลว่าถึงแม้จะได้มา ก็ต้องซ่อมมันอยู่ดี ทีนี้ก็ต้องมาดูว่า จริง ๆ แล้วอยากได้อะไร
1.เบื่อรถเก่า อยากได้รถใหม่ คือไม่อยากซ่อมรถแล้ว ถ้ากรณีนี้ต้องหันหน้าไปมองรถป้ายแดงสถานเดียว เพราะมันไม่ต้องซ่อม แถมประหยัดน้ำมันอีก
2.เบื่อรถคันเก่า อยากได้รถคันใหม่ ถ้าเงื่อนไขนี้ เบนซ์ก็มีสิทธิย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านได้ ต้องไปดูอีกว่าอาการอยากได้รถคันใหม่เนี่ย มันแบบไหน
2.1 อยากได้รถที่ดูใหม่หน่อย ถ้าออกมารูปนี้ ให้ไปดูข้อ 1.
2.2 อยากได้รถที่ดูหรูหรา ภูมิฐาน เป็นอันว่าเสร็จเบนซ์ครับ
แต่เชื่อได้ว่า ถ้าเอาเบนซ์มา ก็ต้องซ่อมมันต่อไป วิธีการซ่อมเบนซ์คือ ซ่อมส่วนที่เสีย กำลังจะเสีย และคาดว่าน่าจะเสียให้จบสิ้นเสียในคราวเดียว แล้วจะหายหน้าจากอู่ไปพักใหญ่ ๆ ก่อนที่จะเริ่มซ่อมกันใหม่อีกที และเหมือนเดิมครับ ซ่อมส่วนที่เสีย กำลังจะเสีย และคาดว่าจะเสียให้มันจบ ๆ ไป จะได้เอาเวลาไปทำมาหากิน ไปจ่ายค่าเทอมเด็ก ๆ หรือไปเม้าท์ไปเมาที่ไหนก็ได้ตามปกติอย่างที่ควรจะเป็น อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง เพราะเวลารถตายกลางถนนนี่มันโคตรจะไม่สนุกเลย ผ่าซิเอ้า