ผู้เขียน หัวข้อ: พี่จิมมี่ พี่แพน เพื่อนๆ ฟันธงหน่อยครับ ระหว่าง civic hybrid กับ civic 2014  (อ่าน 4198 ครั้ง)

ออฟไลน์ tynny

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 44
    • อีเมล์
กำลังตัดสินใจสองตัวนี้
ตัว civic hybrid ได้ราคา ดอก 0% ส่วนลด 1 แสน ผ่อน 5 ปี ดาวน์ 19% คือเท่ากับ 1,005,000 บาท ตัว Top
ตัว civic 2014 ได้ราคา ดอก 2.65% ส่วนลดไม่มี ผ่อน 5 ปี ดาวน์ 20% คือ เท่ากับ 950,000+90000 (ดอกเบี้ย) ตัว ES

จุดประสงค์
อยากได้รับประหยัดน้ำมันในระยะยาว
ขับไปทำงาน ในเมืองแถว เอกมัย อ่อนนุช พระโขนง คลองเตย
กังวลเรื่องเดียว เพราะตอนเทสไดร์ฟไม่เจอ auto stop ของ hybrid มันน่ารำคาญมากแค่ไหน ไม่เห็นมีใครรีวิวไว้

เพื่อนๆว่าตัวไหนดี
1. ความประหยัด ในเมือง นอกเมือง ระหว่างตัวธรรมดา กับ hybrid
2. อัตราเร่งในการขับขี่ ในเมือง นอกเมือง ระหว่างตัวธรรมดา กับ hybrid
3. ความคุ้มค่า เน้นใช้รถระยะยาว ห้าปีขึ้นเพราะกว่าจะผ่อนหมด
4. ปกติชอบ พรีอุส แต่ส่วนต่าง ค่าผ่อน ค่าดอก ค่าอะไหล่ถ้าเสียในอนาคต และ ระบบจอดแล้วเข็นไม่ได้ ถ้าเข็นได้ปลอดล็อคประกันหลุดอีก เลยตัดใจแม้ใจจะชอบและเงินไม่ถึงก็ตาม
5. คำตอบเลือกอะไรดีครับ

รบกวนแนะนำหน่อยนะครับ จะจองแล้ว
หมายเหตุ หรือ ควรรอหรือชลอการซื้อจนปลายปีนี้ไหม เพื่ออะไรออกใหม่ เช่น Jazz hybrid แต่เดาว่าเครื่องไม่ใช่ earth dream และอาจไม่ประหยัดเท่ามั้งครับ หรือ รอ vezel แต่เดาว่าเครื่อง 1.8 แต่ไม่มี hybrid แค่เติม e85 ได้ อาจกินน้ำมันห่างกันเล็กน้อยกว่า CRV

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,047
ตามโจทย์ก็ไฮบริดครับ หรือถ้าเสียดายจริงๆก็รอ ไฮบริด 2014

ออฟไลน์ 0%

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,580
ลองพิจารณา prius ดีๆ ข้อที่ติงมา civic hybrid ก็มีเหมือนกัน โดยเฉพาะอะไหล่ การซ่อม แบตเตอรี่

prius ตอนนี้เชื่อว่า ส่วนลดก็เยอะ โปรน่าจะแรงไม่แพ้กัน

แล้วจอดเข็นไม่ได้เป็นปัญหามากขนาดนั้นรึเปล่า


แต่ถ้าคุ้มสุด ดูมือสอง มีประกันเหลือ ผมเห็นตัวท๊อป solarcell ราคาไม่ถึงล้านเลย หายไปสี่แสน  :o :o

ออฟไลน์ jeerawuth

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 36
ผมไปลองขับมาแล้ว มันไม่ถึงกับน่ารำคาญนะครับ ระบบ Auto Stop  หลายจังหวะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเครื่องดับอยู่ ถ้าลองขับยาวๆ อาจจะจับสังเกตได้ แต่เพื่อนผมที่ได้ได้ลองขับไปต่างจังหวัดก็ไม่รู้สึกถึงปัญหาที่ว่านะ ส่วนตัวแอบชอบอัตราเร่งที่มาทันใจกว่าที่คาด คือผมไปลองขับนิวซิตี้แล้วมาต่อด้วยซีวิคไฮบริดเลย เห็นความต่างได้ชัดว่าแม้จะเกียร์ซีวีทีเหมือนกัน ดรัมเบรกเหมือนกัน เครื่องแรงพอๆ กัน แต่ซีวิคไฮบริดให้ความเร็วในการเร่งแซง และการเบรคที่มั่นใจกว่ามาก คิดว่าภาพรวมมันเหนือกว่ารถ b seg ทั่วไปแน่ๆ (ก็แหงล่ะ รถแพงขนาดนั้น) ถ้าไม่นับเฟียสต้า อีโคบูสต์นะครับ ส่วนถ้าเทียบกับเครื่อง 1.8 ผมว่าโจทย์มันเหมือนจะผิดฝาผิดตัวไปหน่อย เพราะซีวิคไฮบริด (ในราคาลดกระหน่ำเท่านั้น) มันกำลังมองหาคนที่อยากได้รถไซส์ใหญ่กว่า b-seg ขับได้มั่นคงกว่า แต่ไม่อยากได้เครื่องใหญ่เกินไป ประหยัดน้ำมันในระดับเดียวกันกับ b-seg หรือดีกว่าในบางด้าน และได้การขับขี่ที่ไม่ทิ้งห่างหากเทียบกับเครื่อง 1.8 จนเกินไป

โดยรวมผมมองว่ามันเป็นรถที่น่าใช้นะ ถ้าเทียบกับส่วนลดต่างๆ ที่ได้มา แต่ถ้าคุณคิดเยอะ อยากรอคันอื่นเพื่อเปรียบเทียบ ความได้เปรียบ ณ เวลานี้ของรถไฮบริดที่คุณถามก็จะลดมูลค่าลงไป กล่าวคือถ้าคุณอยากได้รถที่ราคาพอใจที่สุด ลองขับแล้วพอใจที่สุด ดีดเครื่องคิดเลขแล้วคุ้มสุด เทียบกับตัวอื่นแล้วคุณก็ยังพอใจตัวนี้อยู่ มันก็คือรถที่คุณเจอในเวลานี้ครับ ถ้ารออีกหกเดือนหรือหนึ่งปีขึ้นไป มูลค่าที่สูงตอนนี้มันก็เปลี่ยนไปตามตัวเลือกใหม่ๆ รวมถึงแผนการตลาดในอนาคตที่เพิ่มเข้ามาครับ  :)

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 30, 2014, 03:07:53 โดย jeerawuth »

ออฟไลน์ rut191

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,211
ถึงว่า ช่วงนี้ถึงได้เห็นcivic hybrid ป้ายแดงบ่อยจัง

ออฟไลน์ Tan Int

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,708
    • อีเมล์

1. ความประหยัด ยังไงไฮบริดก็ประหยัดกว่า
2. อัตราเร่ง อันนี้จำไม่ได้แฮะ แต่ถ้าเอาตามตัวเลข Hybrid เครื่อง 1.5 รวมมอเตอร์แล้วแรงม้าน้อยกว่า แต่แรงบิดเยอะกว่า
3. ความคุ้มค่า ถ้า Hybrid มาราคานี้จริงก็คุ้มนะ อีกอย่างฮอนด้าเขาขยายเวลาประกันแบตเตอรี่เป็น 10 ปีแล้วด้วย
4. ตัดใจเลยก็ดีครับ เชื่อว่าตอนนี้ราคาตกระนาว แต่อย่าลืมดอกรถมือสองมหาโหด+VAT 7% ที่รวมกันไปมาอาจจะแพงกว่า Civic 1.8/Hybrid
5. เลือกอะไรก็แล้วแต่ความพอใจครับ แต่สำหรับผม กรณีนี้เลือก Civic Hybrid ครับ

1994 Civic EH9 (4dr) VTi (Made in Japan)
1998 Civic EK 1.6VTi-E Special Edition
2011 Corolla Altis E CNG (Come back)

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
อัตราเร่ง 1.8 เร็วกว่า
อัตราการสิ้นเปลือง Hybrid ชนะขาด
แต่ถ้า 1.8 เติม E85 ค่าเชื้อเพลิงก็ถูกลงมาก
ตอนขายต่อหลังจากที่ใช้ครบ 5 ปี รุ่น 1.8 จะออกง่ายกว่าเพราะคนไม่ค่อยกลัว ในขณะที่รถไฮบริดนั้นคนอาจไม่กลัวตอนป้ายแดง แต่ถ้าให้ซื้อรถที่ใช้มาแล้ว 5 ปี ความกลัวจะเป็นคนละแบบ ถึงตอนนั้นส่วนต่างของราคาตอนป้ายแดงก็ถูกหักลบไปแล้ว

ผมไม่รู้ว่าคุณจะติดแก๊สหรือเปล่า แต่ถ้าติด ค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงยิ่งถูกลงไปอีกเมื่อเทียบกับไฮบริด และมองว่าไฮบริดของ Honda ตัวนี้ก็ไม่ได้เจ๋งอะไรมาก มันแค่ประหยัดกว่ารถพันแปด แต่ตัวมันเองก็วิ่งเหมือนรถพันห้าเช่นกัน โดยส่วนตัวผมซื้อรถผมคิดเผื่อการใช้งานยาว 10 ปี ผมจึงมองตัว 1.8 ที่มีกลไกต่างๆซิมเปิ้ลและใช้การได้ดีจริงกว่า แต่ถ้าคิดว่าใช้ห้าปีขายแล้วทำใจได้ถ้าไม่มีคนซื้อ ก็เอา Hybrid
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
ใช้ยาวๆ เล่น 1.8 ธรรมดาดีกว่าครับ
มองภาพข้างหน้า อีก 6-7 ปี เมื่อมันเริ่มงอแง เริ่มเสีย โดยเฉพาะอะไหล่เครื่อง+ช่วงล่าง
ถ้าเป็นไฮบริด คงต้องวิ่งเข้าศูนย์อย่างเดียว แต่ 1.8 ธรรมดา คงหาอู่เข้าสบายๆ

อัตราเร่ง ถ้าไม่ได้กดเต็มๆผมว่าไม่ทิ้งกัน กดเป็นมาเหมือนกัน ใช้ได้ทั่วไทย
พูดถึงความประหยัด ถ้าขับในเมืองอาจจะเห็นชัดๆว่าต่าง
ตัว 1.8 ถ้าคลานในเมืองก็กินน้ำมันดุเหมือนกันนะครับ
แต่ออก ตจว. เจ้า 1.8 ทำ 15-16 โลลิตรได้สบายๆนะครับ

ส่วนตัวผม ถ้าเคสแบบนี้ ใช้นานๆ ทนๆ 1.8 เหอะครับ

ออฟไลน์ MUK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,999
เรียนถามเพิ่มเติมครับ
แบตที่ว่ารับประกัน 10 ปี คือเงื่อนไขยังไงครับ
 :)

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,855
  • *** HLM.COM ***
ตัวธรรมดาติดแก๊สครับ

แต่เสียดายดอก 0 เปอร์เซ็น