สวัสดีครับรีวิวนี้เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกของผมผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วย
เนื่องจากครอบครัวผมมีสมาชิก5คนเดิมที่ใช้D-Max Cab4 3.0 ปี06 มาก่อน และนั่งไปเที่ยวตจว.ไกลๆหลายคนไม่ค่อยสะดวกสะบายเท่าไรจึงมองหารถใหม่ซึ่งโจทย์คือเป็นรถPPVเครื่องดีเซล ใช้งานง่ายทน ประหยัด และแรงพอตัว เพราะพ่อและผมขับรถค่อนข้างเร็ว ตอนแรกพ่อผมมองไปที่มิว7เดิมแต่ผมเบรคไว้ว่ามิวใหม่ใกล้จะออกแล้ว จนในที่สุดmu-Xก็คลอดออกมาจนได้จึงได้มาเป็นรถคันใหม่ของครอบครัวผมโดยเลือกเป็นรุ่น4x2 3.0 Navi
โดยรีวิวนี้ผมจะเน้นไปข้อมูลทั่วๆไปของรถและการขับขี่เป็นหลักจะไม่เน้นที่ข้อมูลรายละเอียดเชิงลึกเพราะหาได้ในCatalogของเว็บISUZU และขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เป็นคนที่เก่งและขับรถมามากมายหลายรุ่นในชีวิตประจำวันจะขับนิสสันมาร์ช ปี10,ฮอนด้า ซิตี้ ปี10 และ D-Max 3.0 ปี06
โดยทริปนี่เป็นทริปแรกของรถคันนี้หลังจากรับรถวันที่25 ธันวาคม 56และเดินทางเที่ยวปีใหม่วันที่28 ธันวาคม 56โดยทริปนี่มีสมาชิกเดินทางไปด้วยกัน7คนเต็มทุกที่นั่งและต่อแร็คหลังคาเพื่อวางสัมภาระเต็มที่น้ำหนักรถรวมคนนั่งและสัมภาระน่าจะประมาญ2700กิโลกรัม+-(รถหนัก2ตันผู้โดยสาร7คนพร้อมสัมภาระ700กิโลกรัม)
รถสีน้ำตาลเด่นไม่เหมือนกระบะผู้น้องในค่ายเดียวกันล้อยางเดิมๆ
การบรรทุกสัมภาระบนหลังคาสูงตามภาพมีการต้านลมบ้าง
DRL ติดตลอดเวลาที่ติดเครื่องยนต์และดับลงเมื่อเปิดไฟหน้า ไฟหน้าแบบProjecter พร้อมไฟตัดหมอกหน้า
ด้านหลังเป็นกันชนแบบ2Toneไฟท้ายแบบใหม่สวยกว่ามิว7เดิมมากดูดีมีราคา(ถ้าเป็นไฟท้ายLEDจะดีกว่านี้มากน่าจะให้มาให้LEDมาเลย)
พร้อมปัดน้ำฝน ไล่ฝ้าหลัง เสาวิทยุแบบครีบฉลาม
คอนโซลหน้าคล้ายกับD-Maxรุ่นน้องในค่ายเดียวกัน สำหรับผมไม่ซีเรียสที่เหมือนกระบะขอให้ออกแบบดีใช้งานง่าย
โดยคันนี้เป็นรุ่นTop 4x2จะได้เป็นแอร์ออโต้ใช้งานยากเล็กน้อยแต่เรียนรู้แล้วก็จะใช้ได้ไม่ยากมีช่องใส่ของกระจุกกระจิกมากอันนี้ผมชอบมากๆ
โดยเฉพาะที่วางแก้วน้ำที่แอร์เป่าใส่จะได้กินน้ำเย็นๆตลอดเวลาที่เดินทางไกล
วิทยุISUZU MEDIA Solution ก็มีฟังก์ชั่นมากดีคุณภาพเสียงพอใช้ได้ค่อนไปทางโอเคพร้อมทั้งปุ่มควบคุมวิทยุบนพวงมาลัย
ระบบNaviติดรถเป็นSoftwareของ IGOใช้งานยากพอควรสำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้แต่ถ้าเรียนรู้สักพักก็ใช้ได้คล่องเพราะผมใช้Naviในมือถือมาก่อนนานแล้ว
และสามารถทำงานไปพร้อมๆกับการดูหนังฟังเพลงได้
และมีกล้องมองหลังจะตัดภาพไปกล้องหลังโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลังโดยเสียงเพลงหรือหนังที่เล่นอยู่ที่จอหลังยังคงเล่นต่อไป
คันเกียร์เป็นแบบปุ่มกดที่ด้านหน้าหัวเกียร์พร้อมโหมด+-เพื่อปรับอัตราทดเกียร์ด้วยตนเองถือว่าถูกใจผมและใช้งานได้ดีมากๆ
วงพวงมาลัยขนาดเล็กลงกว่าดีแม็กเดิมเล็กน้อยการจับกระชับมือดีติดตรงก้านพวงมาลัยล่างที่ใหญ่ไปเล็กน้อยทำให้จังหวะหมุนพวงมาลัยบ้างครัังจะจับไม่ถนัดมือบ้าง
น้ำหนักพวงมาลัยกำลังดีหนักแน่นขับเร็วๆมั่นใจมากบวกกระระบบช่วงล่างใหม่5-Link Suspentionที่ให้ความนุ่มแน่นมั่นใจซึ่งผมพอใจกับช่วงล่างของคันนี้มากๆให้ความนุ่มนวลมากกว่าที่ผมคาดไว้ในตอนแรกส่วนการทรงตัวถือว่าทำได้ดีกว่าดีแม็คคันเดิมที่ย้วยมาก ขับทั่วๆไปค่อนข้างเร็วเอาอยู่ไม่หวาดเสียวแต่มีจังหวะที่ผมขับกลับจากอ.ฝางเข้าอ.เมือง เชี่ยงใหม่แล้วผมไม่ได้แตะเบรคมากพอก่อนเข้าโค้งแรงๆมีอาการโคลงให้หวาดเสียวเล็กๆ แต่ก็เป็นเรื่องปกติของรถที่มีพื้นฐานทรงสูงถึง180กว่าเซนติเมตร ซึ่งเป็นความสูงที่มากที่สุดในรถกลุ่มPPVในขณะนี้
แผงหน้าปัดหน้าแบบเรื่องแสงไฟติดตลอดเวลาอ่านค่าใช้งานได้ง่ายและโชว์ข้อมูลต่างๆของรถได้ครบถ้วนดี
เบาะคู่หน้าเป็นแบบหุ้มหนังสีเบจเน้นหรูหราแต่ดูแล้วเลอะค่อนข้างง่ายส่วนตัวชอบหนังสีน้ำตาลของAll New D-Maxมากกว่าดูสวยหรูและรักษาง่ายกว่าสีเบจของmu-X
โดยเบาะฝั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า6ทิศทาง(น่าจะปรับดันหลังมาให้ด้วยอีก1ทิศทางแบบBT-50 Pro,Ranger) เบาะฝังคนนั่งครับอัตโนมือ4ทิศทาง เบาะใหญ่นั่งสบายดีแต่จะมีปีกข้างเบาะน้อยทำให้ไม่ค่อยกระชับเท่าที่ควร
เบาะนั่งแถวที่2พนักพิงค่อนข้างสั้นเพื่อที่จะพับเพื่อให้ผู้โดยสารแถวที่3ลงได้ง่าย มาพร้อมกับหมอนพิงหัวแบบตัวLคว่ำต้องยกขึ้นถึงจะใช้งานได้มาพร้อมกับเข็มขัดนิรภัยแบบ3จุดทั้ง3ที่นั่งการพับเบาะเพื่อผู้โดยสารแถว3ขึ้นลงจะเป็นการพับแบบ1Motionคือครั้งเดียวสามารถกระดกขึ้นได้เลยและสามารถเอนเบาะได้มากพอสมควรถ้าไม่มีผู้โดยสารแถว3
ข้อเสียที่ผมติดมากๆกับเบาะแถว2คือการพับเบาะด้านซ้ายจะพับคู่กับเบาะนั่งกลางด้วยซึ่งเบาะเดี่ยวที่พับได้ง่ายควรจะอยู่ทางซ้ายมากกว่าทางขวาเนื่องจะความปลอดภัยในยามจอดรถเลียบขนานกับฟุตบาท
LegRoomสำหรับแถว2จะยาวมากเข่าไม่ติดแม้จะสูงถึง180ซม. พร้อมจอเพดานขนาด10.5นิ้วสำหรับผู้โดยสารแถว2และ3 และช่องวางขวดน้ำที่แผงประตูข้างและที่พื้นคอนโซลกลาง กระจกไฟฟ้าสามารถเลือนลงได้จนสุด
เบาะนั่งตอนที่3จะเป็นเบาะที่มีลักษณะค่อนข้างเล็กแต่สามารถใช้งานได้จริงในคนที่มีรูปร่างเล็กสูงไม่เกิน170ซม.สามารถนั่งโดยสารได้ และมีที่วางแก้วน้ำทั้ง2ด้านตรงกลางจะเป็นที่วางของ การนั่งเบาะแถว3จะมีช่องสำหรับหย่อนขาได้ค่อนข้างลึกเมื่อเทียบกับรถกลุ่มเดียวกันทำให้ทุเลาะอาการเมือยขาลงได้ และมีเข็มขันนิรภัยแบบ3จุด
ข้อเสียของเบาะตอนที่3คือพลาสติกที่เป็นช่องใส่ของตรงกลางตรงจุดนี้ผมว่าไม่มีจะดีซะกว่าเผื่อเด็กเล็กๆจะนั่ง3คนหรือมีผู้โดยสารคนเดียวจะนอนยาวจะได้ไม่ทิ่มก้นหรือหลังเอา
พื้นที่วางสัมภาระด้านหลังหากไม่พับเบาะก็จะค่อนข้างแคบมาก แคบกว่ามิว7เดิมค่อนข้างมากแต่ก็แลกมาด้วยตัวถังที่สั้นลงดูดีและขับง่ายมากยิ่งขึ้นซึ่งจุดนี้สำหรับผมถือว่ายอมรับได้
และเมื่อพับเบาะนั่งแถว3ลงก็จะมีพื้นที่วางสัมภาระได้มากขึ้นแบบที่ควรจะเป็นถ้าหากพับเบาะแถว2ลงก็จะได้พื้นที่ราบเรียบตลอดยาวไปจนถึงหลังเบาะหน้าสำหรับใส่สัมภาระชิ้นใหญ่ได้อย่างดี(ความจริงมีกล่องเก็บสัมภาระท้ายที่อิซูซุแถมมาให้จะทำให้พื้นที่เรียบตั้งแต่ฝากระโปรงท้ายแต่ผมถอดออก)
เครื่องยนต์เป็นแบบดีเซลคอมมอลเรล4สูบ DOHC พร้อมเทอร์โบแปรผันให้กำลังที่177แรงม้า 380นิวตันเมตร
ต้องบอกว่าเครื่องยนต์ตัวนี้มีกำลังมาให้ใช้งานแบบเพียงพอสำหรับคนขับรถค่อนข้างเร็วแต่ไม่ใจร้อนแบบผมการเร่งเครื่องจะไหลๆขึ้นไม่ได้ดึงกระชากให้รู้สึกมากนักแต่เผลอแปปเดียวเข็มความเร็วก็ขึ้นไปมากแล้วแรงม้า177และแรงบิด380นิวตันดูตัวเลขแล้วอาจจะดูน้อยกว่าคู่แข่งต่างค่ายแต่ใช้งานจริงไม่กระจอกเลย(อ้างอิ้งจากรีวิวAll New D-Max 3.0ของพี่จิมมี่)แถม0-100ยังเร็วที่สุดกว่าคู่แข่งอีกด้วย
ซึ่งผมเองได้ลองมีโอกาสใช้แรงบิดในการขับขึ้นดอยแม่สลองและดอยอ่างขางโดยขับขึ้นส่วนใหญ่ใช้แต่เพียงเกียร์2-3(ในโหมด+-)ก็เพียงพอที่จะขึ้นดอยอ่างขางจากทางฝั่งอำเภอฝางที่ชันที่สุด สบายๆโดยมีผู้โดยสาร7คนพร้อมสัมภาระเต็มหลังคา มีอยู่จังหวะนึงที่รถกระบะวิโก้คันหน้ากำลังขับขึ้นเขาแล้วส่งจังหวะในการเลี้ยงครัชผิดทำให้เครื่องดับและไหลถอยหลังมาจะชนผมจนต้องเบรคจนหยุดนิ่งคาทางชั้นประมาญ30องศายาวๆผมได้ลบลงไปที่เกียร์1และขับแซงออกขวาไปจากรถหยุดนิ่งได้อย่างมั่นใจไม่มีหวาดเสียวและล้อไม่ฟรีทิ้งโดยที่ระบบTCSยังไม่ต้องทำงานด้วยซ้ำ ส่วนการขับเดินทางไกลกำลังเครื่องยนต์ในการแซงมีให้ใช้แบบเหลือๆ คันเร่งมีอาการดีเลย์เล็กน้อย เสี้ยววินาที่ให้รำคาญใจเล็กๆถ้าชินกับรถกะจังหวะถูกก็ขับแซงได้อย่างคล่องแคล่ว
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงผมเติมเต็มถัง65ลิตรสามารถขับไปได้ประมาญ750กิโลเมตร ขับที่ความเร็ว100-120มีบ้างช่วงไหลไปที่140
ถึงพะเยาเติมน้ำมัน
ถังที่1กลับเต็มถังได้63ลิตร กดเครื่องคิดเลขคำนวนได้12.5กิโลเมตรต่อลิตร (คาลเท็ค ดีเซลเทคร่อน)
ถังที่2เป็นการขับเลาะเส้นทางภูเขาและขับขึ้นดอยล้วนๆได้10.5กิโลเมตรต่อลิตร (Esso ดีเซล)
ถังที่3เป็นการขับกลับจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯมีรถติดหนักช่วงนครสวรรค์ ได้12.3 กิโลเมตรต่อลิตร (คาลเท็ค ดีเซลเทคร่อน)
โดยรวมการบริโภคน้ำมันถือว่าเป็นที่น่าพอใจสำหรับรถหนักเกือบ2ตันพร้อมผู้โดยสารและสัมภาระต้านลมเต็มที่ขนาดนี้ถือว่าน่าพอใจมากๆแล้ว
การเก็บเสียงของตัวรถถือว่าทำได้ในระดับที่โอเคเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีจะได้ยินเสียงเครื่องยนต์เริ่มครางเมื่อเร่งที่2500รอบ
และเสียงลมเริ่มดังจากภายนอกเข้ามาเล็กน้อยที่ความเร็ว100กิโลเมตรขึ้นไป
สรุปโดยรวมผมพอใจกับรถคันนี้มากในเรื่องช่างล่างที่นุ่มแน่น น้ำหนักพวงมาลัยที่มั่นใจ และระบบความบันเทิงพร้อมอุปกรณ์ภายในตัวรถมันเหมาะที่จะเป็นรถสำหรับการเดินทางไกลท่องเที่ยวกับครอบครัวที่ดีคันหนึ่งผมให้4ดาวครึ่งสำหรับรถคันนี้
ขอหักคะแนนครึ่งดาวจากเรื่องเบาะแถว2พับสะดวกไม่ถูกฝั่ง ช่องแอร์เหมือนรถเมล์,รถตู้คอมมิวเตอร์,วิทยุรถที่ใช้ยากไปซักหน่อย,ไม่ให้ไฟท้ายLEDตามยุคสมัย
------------เพิ่มรูปที่เที่ยวให้ดูเพลินๆครับ--------------ริมกว๊านพะเยากับโคมล้านนาสวยๆ
ไร่ชาที่ไร่บุญรอด
งานดอกไม้งามเมืองเชียงราย
น้ำพุร้อนที่อำเภอฝาง
ซากุระกับนกตัวน้อยที่ดอยอ่างขาง
ใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสีที่ดอยอ่างขาง
น้องมิวกับหมอกจัดๆยามเช้าที่ฝาง(หมอกลงเป็นละอองน้ำฝอยๆ)
น้องมิวกับดอกซากุระสวยๆ