Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: nattanon_661 ที่ พฤศจิกายน 24, 2011, 13:23:31
-
แม้ไฮบริดจะเป็นแนวทางใหม่ที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ที่ยืนยันได้ในความประหยัดอย่างแน่นอน แต่ด้วยคำถามที่หลายคนคงคาใจว่า มันจะแรงได่หรือไม่ วันนี้มีคำตอบมากฝากกัน
ถึงจะปิดฉากไปอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับงาน New York Auto show 2011 ที่อลังการด้วยค่ายรถยนต์มากมายหลายเจ้า ทว่าท่ามกลางงานนี้ก้มีรถไฮบริดคันหนึ่งที่น่าสนใจ ที่มันเป็นผลงานของ Fox Marketing ที่ต้องการนำเสนอว่าไฮบริดก็สามารถแรงได้ดั่งใจหากคุณต้องการ
Lexus CT200h นั้นเป้นรถไฮบริดรุ่นหนึ่งที่บ้านเราก็มีวางจำหน่ายด้วยราคาที่เริ่มตั้งแต่ 2.19 ไปจรดที่ 2.69 ล้านบาท ทว่ารถที่ท่านเห็นนี้ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ภายนอกรถคันนี้ดูผิวเผินก็ไม่ต่างจาก CT200h ที่มีวางจำหน่ายในบ้านเรามากนัก ที่มาพร้อมสีพิเศษ พร้อมการปรับแต่งให้รับกับความสปอร์ตมากขึ้น ด้วยชุดแต่งพิเศษใหม่หมดจดรอบคันทั้งลิ้นหน้า สเกิร์ตข้างไปจนถึงกันชนหน้าหลัง ก่อนสาดสี Carizzma Cinnamon Quartz Pearl เหลือบเข้ากับสีดำมาพร้อมล้อ iforge ขอบ 20 นิ้ว จากโรงงานรัดพร้อมยางหน้ากว้าง 225/30 ก่อนปรับระบบช่วงล่างให้ดีขึ้นเล็กน้อย
ในห้องโดยสารไม่ได้มีอะไรใหม่เลย เพราะทั้งหมดจัดมาพร้อมตั้งแต่ออกจากสายการผลิตในโรงงานที่จัดมาด้วยความหรูหรา จะมีต่างก็เพียงเบาะนั่งคู่หน้าจาก Yonaka Ronin สีดำเดินด้ายสีแดง และชายประตูมีไฟ LED พร้อมตราแบรนด์ Lexus
แน่นอนความพิเศษทั้งหมดนั้นไม่ได้อยู่ที่ภายนอกหรือภายในห้องโดยสารสาร แต่เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร Atkinson นี้ถูกเพิ่มพละกำลังให้ตอบสนองความสนุกสนานในการขับขี่มากยิ่งขึ้นจาก 134 แรงม้า หวดขึ้นมามากถึง 300 แรงม้า ด้วยการติดตั้ง Supercharger จาก eaton supercharge เข้าไป ที่ดูดอากาศผ่านชุดอินเทคจาก Climax Racing แล้วหล่อเย็นไอดีผ่านชุดอินเตอร์คูลเลอร์จาก Yonaka ที่แรงถึงขนาดนี้ต้องมีการปรับเบรคด้วยจานเซาะร่อนที่มาควบกับเบรค 4 พอท ทุกล้อ
ทั้งหมดนี้นับเป็นครั้งแรกก็ว่าที่รถยนต์ไฮบริดถูกทำให้มีความแรงในระเดียวกับสปอร์ตคาร์ แม้ก่อนหน้านี้ค่ายรถยนต์สปอร์ตคาร์ ที่น่าสนใจด้วยการพัฒนาให้ความเป้นไฮบริดยังตอบสนองได้ดีและมีพละกำลังขึ้นมากถึง 300 แรงม้าเลยทีเดียว
ผลงานล่าสุดจาก fox marketing นี้นับว่าน่าสนใจพอสมควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะ การปรับเครื่องยนต์ 1.8 ให้ได้มากถึง 300 แรงม้าจาก 134 แรงม้า วึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักเมื่อต้องทำงานกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า..
(http://r3.static.fsanook.com/weblog/entry/0/2268/lexus-ct-supercharge-05.jpg)
(http://r3.static.fsanook.com/weblog/entry/0/2268/fox-marketing-lexus-ct-200h-interior-front-seat-7.jpg)
(http://r3.static.fsanook.com/weblog/entry/0/2268/lexus_front_ns_42711_717.jpg)
(http://r3.static.fsanook.com/weblog/img/entry_gallery/0/2268/lexus_rear_ns_42711_717_1304497902.jpg;r:width=580;static:static_auto;file:dc111a.jpg)
(http://r3.static.fsanook.com/weblog/entry/0/2268/lexus_whl_ns_42711_717.jpg)
ขอบคุณ sanook.com
-
ไม่คิดเลย ว่า CT200h จะแต่งซิ่งได้ดูดีขนาดนี้
มองจากด้านหลัง ดูซุ้มล้อโป่งอลังการมาก
-
เห็นตัว มาตรฐาน ก็จัดว่าสวยแล้ว พอแต่งปุ๊ปนี่เรียกว่า จัดว่าแจ่มเลยทีเดียว :o
-
ปรับเครื่องยนต์ 1.8 ให้ได้มากถึง 300 แรงม้าจาก 134 แรงม้า วึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักเมื่อต้องทำงานกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า
จากเดิมที่สวย เป๊ะ อยู่แล้ว แต่งแล้วสวยคมมาก
แต่เห็นแล้วมันเด่นก็ตรงที่ เอาเครื่อง 1.8 ไฮบริด รีดกำลังออกมาได้ 300 แรงม้านี่แหละ
-
งานนี้เรียกว่าได้ทั้ง หล่อหรู รักษ์โลก สปอร์ตแรงได้อีก
-
Supercharge ทำมัยนะเขาไม่นิยมกัน เห็นแต่นิยมเทอร์โบ ดูหลักการแล้ว เหมือนว่าม้าจะมาแต่ีนต้นเลย มันจะหลังติดเบาะมัยนะ
-
แค่เห็นสเกิร์ต ก็ไม่กล้าเข้าไปเทียบแล้ว ดุมาก
-
แค่เห็นสเกิร์ต ก็ไม่กล้าเข้าไปเทียบแล้ว ดุมาก
ผมเห็นด้วยครับ ว่าจะเม้นเหมือนกันเลยครับ
-
ทำสีแบบนี้ทั้งคัน ราคา น่าจะประมาณเท่าไรครับ
และสีแบบนี้เค้าเรียกว่า สี อะไรครับ
ชอบมากเลย ;D
-
ตามที่เข้าใจ ผมว่า ซุปเปอร์ชาร์จจะมีราคาที่แพงกว่า และยังต้องการการปรับจูนที่ละเอียดพอสมควร อีกทั้ง อาศัยพละกำลังของเครื่องยนต์ที่มากกว่าเทอโบร์ครับ
ไม่แน่ใจว่า ถูกต้องรึเปล่านะครับ ^^
-
ของเพื่อนผมอัลพาร์ดตัวเก่า ยัดTurbo ครับ ;D ;D ;D คงมีคันเดียวในไทย
-
อีกคันนึงที่คิดว่า น่าจดจำพอสมควรคือCR-Z HKS รู้สึกว่าทำได้ 300HPพอกันแต่ไม่รู้นั่นเป็นแรงม้าแตะพื้นหรือเปล่า ทำความเร็วได้ 250KM/H จำได้ว่าเคยลงOption อยู่หลายรอบเหมือนกัน ส่วนCT200 คันนี้รู้สึกขัดใจโป่งล้อยังไงๆไม่รู้แหะดูเกินๆไปนิดนึง แต่ก็ถือว่าโอเคแล้วที่ทำได้ขนาดนี้ ยอดมากครับ~
-
ขับสนุกหลุดโลกเลยทีเดียว
(เดี๋ยวนี้รถไฮบริดดูหน้าตาเริ่มดุกันขึ้นแหะ ::))
-
สุดยอดเรยครับ รถไฮบริดแต่งแรง ;D ;D ;D ;D
-
ซุเปอร์ชาร์จนั้น อายุการใช้งานสั้นครับ ตลอดอายุการใช้งานของรถ 1แสนกิโลเมตร เปลี่ยนซุปเปอร์ชาร์จ ประมาณ2ลูก คุณคิดว่าไหวมั๊ยครับที่จะซื้อมาใช้ แรงมาเร็วก็จริง แต่ อายุการใช้งานสั้นครับ
-
แล้วมันยังประหยัดอยู่ในconceptของรถไฮบริดหรือป่าวอะครับเพราะเครื่อง1.8ล่อไป300ม้า นึกถึงควมประหยัดไม่ออกเลยทีเดียว
-
แล้วมันยังประหยัดอยู่ในconceptของรถไฮบริดหรือป่าวอะครับเพราะเครื่อง1.8ล่อไป300ม้า นึกถึงควมประหยัดไม่ออกเลยทีเดียว
ก็อาจต้องแลกมาด้วย 11km/l ครับ
-
ซูเปอร์ชาร์จนั้นน่าเสียดายที่หลายคนมองว่าไม่เวิร์ค ทั้งๆที่ความจริงก็มีข้อดี
ไม่ใช่แค่เรื่องมาเร็ว มาช้า (อันที่จริง ซูเปอร์ชาร์จแบบ Centrifugal ก็มาช้าไม่แพ้เทอร์โบ)
ซูเปอร์ชาร์จเหมาะกับรถขับหน้าขนาดเล็ก March 1.2 เมืองนอกมี 98 ม้า เรี่ยวแรงไล่ๆ
รถพันห้าเพราะว่ามีซูเปอร์ชาร์จนี่ล่ะ ทีนี้พอต้องติดตั้งในเนื้อที่แคบๆโดยเฉพาะ
กับรถขับหน้า หน้าสั้น และท่อร่วมไอเสียอยู่หลังเครื่อง เอาเทอร์โบไปยัดตรงนั้น
เซอร์วิสยาก และส่งความร้อนไปห้องโดยสารเยอะ
ถ้าติดซูเปอร์ชาร์จ มันก็แค่เปลืองที่ตรงชุดท่อไอดีนิดเดียว ส่วนท่อร่วมไอเสีย
ใช้ร่วมกับพวกเครื่อง NA เลยยังได้ (ถ้าจะเน้นลดต้นทุน)
ยิ่งเป็นพวกรถเครื่อง V6,V8 คันไหนที่ห้องเครื่องไม่กว้างจริง การทำเทอร์โบ
จะลำบาก เพราะเนื้อที่แคบ (อย่าง Mitsubishi Galant VR-4 6A12T)
ใช้เทอร์โบคู่ เดินท่อทางอินเตอร์กันให้วุ่น หรือถ้าเป็นเทอร์โบเดี่ยว
ก็ต้องเลือกว่าจะเอาไว้ฝั่งไหน ท่อร่วมไอเสียจะวุ่น ถ้าทำให้ไม่ยุ่งเหยิง
ก็จะได้ท่อสั้นข้างยาวข้าง efficiency แย่ บูสท์มาช้ากว่าที่ควรเป็น ถ้าใช้ท่อร่วม
equal length ต้นทุนแพง..และท่อฝั่งที่ชิดเทอร์โบจะต้องเดินคดไปคดมา
อยู่พักหนึ่งก่อนเข้าเทอร์โบ ..มีที่พอหรือเปล่า
จริงอยู่ว่าถ้าจะแรงแบบเต็มที่ ต้องเทอร์โบลูกช้างๆ แต่บางคนไม่ได้ต้องการแบบนั้น
บริษัทบางบริษัทบอกอยากเก็บห้องเครื่องให้ดูเรียบร้อย ไม่อยากลงทุนทำท่อร่วมไอเสีย
แบบวิลิศมาหรา อยากงานจบเร็ว ประหยัด..เปรี้ยง..ยัดซูเปอร์ชาร์จ จบ
เบนซ์ใช้วิธีนี้อย่างที่เราเห็นใน C-Class ตาถั่ว..ไม่กระจอกเท่าไหร่ด้วยเพราะเครื่อง 1.8
บล็อคนั้นทำม้าได้ตั้งแต่ 140 กว่าๆถึง 190กว่าตัว เกิน 100 ม้าต่อลิตรนะ รวมถึง
รุ่นใหญ่อย่าง AMG E55 W211, SL55 R230 แต่ปัจจุบัน เมื่อกระแสตอบรับ
ของเทอร์โบดีขึ้น วิทยาการการออกแบบและวัสดุของเทอร์โบดีขึ้น เขาก็พร้อมใจ
บอกกับซูเปอร์ชาร์จว่าน้องวี๊ดบึ้มจ๊ะ เราแยกทางกันเถอะ
ผมยังรู้สึกเลยว่าซูเปอร์ชาร์จ ไม่ได้เลว ถ้าเลือกใช้ถูกกับวัตถุประสงค์ ผมยังอยากให้มีคนทำ
Supercharge kit แบบขำขำบูสท์ไม่มาก มาใส่กับรถบ้านที่พวกเราซื้อหามาใช้กันเลยครับ
ถ้ามาเป็นชุดง่ายๆก็มีสายพาน ตัวซูเปอร์ชาร์จ กล่องหลอก ECU หลักๆแค่นี้
ต้นทุนจริงๆนิดเดียว ลองใครทำดูสิ Supercharge kit for Jazz ชุดละ 30,000 ใส่แล้ว
ม้าเพิ่มเป็น 150 แรงบิดเพิ่มเป็น 210Nm ..บูสท์ต่ำๆทำได้นะ ไม่ต้องมีอินเตอร์คูลเลอร์ก็ทำได้
-
ต้นทุนจริงๆนิดเดียว ลองใครทำดูสิ Supercharge kit for Jazz ชุดละ 30,000 ใส่แล้ว
ม้าเพิ่มเป็น 150 แรงบิดเพิ่มเป็น 210Nm ..บูสท์ต่ำๆทำได้นะ ไม่ต้องมีอินเตอร์คูลเลอร์ก็ทำได้
:o :o :o ถ้า ได้จริงๆ ผมจะจัดซักชุด :D
-
ซูเปอร์ชาร์จนั้นน่าเสียดายที่หลายคนมองว่าไม่เวิร์ค ทั้งๆที่ความจริงก็มีข้อดี
ไม่ใช่แค่เรื่องมาเร็ว มาช้า (อันที่จริง ซูเปอร์ชาร์จแบบ Centrifugal ก็มาช้าไม่แพ้เทอร์โบ)
ซูเปอร์ชาร์จเหมาะกับรถขับหน้าขนาดเล็ก March 1.2 เมืองนอกมี 98 ม้า เรี่ยวแรงไล่ๆ
รถพันห้าเพราะว่ามีซูเปอร์ชาร์จนี่ล่ะ ทีนี้พอต้องติดตั้งในเนื้อที่แคบๆโดยเฉพาะ
กับรถขับหน้า หน้าสั้น และท่อร่วมไอเสียอยู่หลังเครื่อง เอาเทอร์โบไปยัดตรงนั้น
เซอร์วิสยาก และส่งความร้อนไปห้องโดยสารเยอะ
ถ้าติดซูเปอร์ชาร์จ มันก็แค่เปลืองที่ตรงชุดท่อไอดีนิดเดียว ส่วนท่อร่วมไอเสีย
ใช้ร่วมกับพวกเครื่อง NA เลยยังได้ (ถ้าจะเน้นลดต้นทุน)
ยิ่งเป็นพวกรถเครื่อง V6,V8 คันไหนที่ห้องเครื่องไม่กว้างจริง การทำเทอร์โบ
จะลำบาก เพราะเนื้อที่แคบ (อย่าง Mitsubishi Galant VR-4 6A12T)
ใช้เทอร์โบคู่ เดินท่อทางอินเตอร์กันให้วุ่น หรือถ้าเป็นเทอร์โบเดี่ยว
ก็ต้องเลือกว่าจะเอาไว้ฝั่งไหน ท่อร่วมไอเสียจะวุ่น ถ้าทำให้ไม่ยุ่งเหยิง
ก็จะได้ท่อสั้นข้างยาวข้าง efficiency แย่ บูสท์มาช้ากว่าที่ควรเป็น ถ้าใช้ท่อร่วม
equal length ต้นทุนแพง..และท่อฝั่งที่ชิดเทอร์โบจะต้องเดินคดไปคดมา
อยู่พักหนึ่งก่อนเข้าเทอร์โบ ..มีที่พอหรือเปล่า
จริงอยู่ว่าถ้าจะแรงแบบเต็มที่ ต้องเทอร์โบลูกช้างๆ แต่บางคนไม่ได้ต้องการแบบนั้น
บริษัทบางบริษัทบอกอยากเก็บห้องเครื่องให้ดูเรียบร้อย ไม่อยากลงทุนทำท่อร่วมไอเสีย
แบบวิลิศมาหรา อยากงานจบเร็ว ประหยัด..เปรี้ยง..ยัดซูเปอร์ชาร์จ จบ
เบนซ์ใช้วิธีนี้อย่างที่เราเห็นใน C-Class ตาถั่ว..ไม่กระจอกเท่าไหร่ด้วยเพราะเครื่อง 1.8
บล็อคนั้นทำม้าได้ตั้งแต่ 140 กว่าๆถึง 190กว่าตัว เกิน 100 ม้าต่อลิตรนะ รวมถึง
รุ่นใหญ่อย่าง AMG E55 W211, SL55 R230 แต่ปัจจุบัน เมื่อกระแสตอบรับ
ของเทอร์โบดีขึ้น วิทยาการการออกแบบและวัสดุของเทอร์โบดีขึ้น เขาก็พร้อมใจ
บอกกับซูเปอร์ชาร์จว่าน้องวี๊ดบึ้มจ๊ะ เราแยกทางกันเถอะ
ผมยังรู้สึกเลยว่าซูเปอร์ชาร์จ ไม่ได้เลว ถ้าเลือกใช้ถูกกับวัตถุประสงค์ ผมยังอยากให้มีคนทำ
Supercharge kit แบบขำขำบูสท์ไม่มาก มาใส่กับรถบ้านที่พวกเราซื้อหามาใช้กันเลยครับ
ถ้ามาเป็นชุดง่ายๆก็มีสายพาน ตัวซูเปอร์ชาร์จ กล่องหลอก ECU หลักๆแค่นี้
ต้นทุนจริงๆนิดเดียว ลองใครทำดูสิ Supercharge kit for Jazz ชุดละ 30,000 ใส่แล้ว
ม้าเพิ่มเป็น 150 แรงบิดเพิ่มเป็น 210Nm ..บูสท์ต่ำๆทำได้นะ ไม่ต้องมีอินเตอร์คูลเลอร์ก็ทำได้
ทำเองเลยครับ ท่าน เดี๋ยว ผมอุดหนุน ซัก 2 ชุด /
-
พี่แพนครับ ถ้ามันได้ สัก 30000 ผมจะสั่งมารอจัดให้ suzuki swift eco car ซะเลย เห็นราคาชุดคิดต่างประเทศแล้วจะเป็นลม
-
ใช่ หาเสปคที่รองรับเครื่องประมาณ 1.2-1.5 L แล้วหาโรงกลึงทำจุดยึดกับเครื่อง
แต่ละรุ่นที่มีในตลาด อาจรวยไม่รู้เรื่องเลยนา ผู้การ ผมให้ 50000บาท ก็มีคนซื้อ
-
อย่าว่าแต่คุณๆจะอยากได้ ผมยังอยากได้มาใส่ HR16DE ของผมเลยครับ
แต่ถ้าราคาเกิน 50,000 เป็นผม ผมไม่เอาละ เพราะถ้าแตะ 6-7 หมื่น
ผมลงทุนทำชุดเทอร์โบ เดินอินเตอร์คูลเลอร์ครบระบบไปเลยดีกว่า
ซูเปอร์ชาร์จ ถ้าทำแบบขำขำคือเน้นแรงบิด เน้นติดตั้งง่าย ทำเองได้
ที่อู่ทั่วไป (ไม่ต้องเก่งเครื่องเก่งจูน) และราคาต้องเป็นไปตามแรงที่ได้
ถ้าจ่าย 50,000 ได้ม้าเพิ่ม 30 ตัว สู้จ่าย 70,000 แล้วเพิ่ม 50 ตัวไปเลยทีเดียวจบดีกว่า
-
อย่าว่าแต่คุณๆจะอยากได้ ผมยังอยากได้มาใส่ HR16DE ของผมเลยครับ
แต่ถ้าราคาเกิน 50,000 เป็นผม ผมไม่เอาละ เพราะถ้าแตะ 6-7 หมื่น
ผมลงทุนทำชุดเทอร์โบ เดินอินเตอร์คูลเลอร์ครบระบบไปเลยดีกว่า
ซูเปอร์ชาร์จ ถ้าทำแบบขำขำคือเน้นแรงบิด เน้นติดตั้งง่าย ทำเองได้
ที่อู่ทั่วไป (ไม่ต้องเก่งเครื่องเก่งจูน) และราคาต้องเป็นไปตามแรงที่ได้
ถ้าจ่าย 50,000 ได้ม้าเพิ่ม 30 ตัว สู้จ่าย 70,000 แล้วเพิ่ม 50 ตัวไปเลยทีเดียวจบดีกว่า
พื้นฐานของเครื่อง NA เดิมๆ ระดับ 1500cc + - มันจะรับแรงม้าอีก 50 ตัวไหวหรอครับ ถ้าไหว...จะรับได้นานแค่ไหน อันนี้น่าคิด.....
ถ้าเครื่องประมาณ 1500cc แล้วได้ม้าอีก 50 ตัว ผมว่าปรับบูสเริ่มไม่น้อยแล้วนะ น่ากลัวนะเนี่ย
แล้ว 6-7 หมื่นนีรวมกล่องด้วยป่าวครับ ถ้ายัดโบ ไม่มีกล่อง ไม่ได้จูนอย่างระเอียด ผมว่าก็เสี่ยวเอาเรื่อง คาดว่าใส้จะไหลได้นะครับ
ถ้าขับธรรมดา ไม่อัดมาก ปรับบูสน้อยๆก็อาจรอดตัวไป แต่เท่าที่่เห็นมา รายไหนรายนั้น ติดโบตอนแรกจะเอาแค่บูสน้อยๆขับสนุกๆ
พอเอาเข้าจริงทนไม่ไหวสักคน ปรับบูสเพิ่ม กล่องจูนก็ไม่มี อากาศ น้ำมัน อะไรก็แล้วแต่ที่คลุกเคราอยุ่ในเครื่องมันมั่วไปหมด
หนสุดท้าย.....ลูกสูบก็มานอนยิ้มข้างนอกอยุ่ดี ฮ่าๆ
ผมสนุบสนุนเรื่องการปรับจูนครับ สำคัญมาก ถึงสำคัญที่สุดสำหรับรถเทอร์โบ ขนาด NA พวกทำเต็มๆอย่างพวกตระกูล B กับ K ยังยัด Motec ใบเป็นแสนกันเพียบเลย
ขอย้ำถ้าไม่มีกล่องคลุม ต้องปรับบูสน้อยจริงๆสำหรับท่อนล่างเดิมๆ แล้วห้ามซนด้วย อิอิ
อ้อ....ถ้าจะให้ดีไม่ต้องติดปรับบูสมือในรถเลยดีกว่า ปลอดภัยแน่นอน
ผมว่าถ้าจะให้จบแล้วปลอดภัยเครื่องประมาณ 1500 cc เดิมๆ ห้ามทำให้ม้าเกิน 20-30 ตัวเป็นเรื่องปลอดภัยที่สุด
สำหรับท่อนล่างเดิม กล่องเดิม ทุกอย่างเดิม เลือกเทอร์โบให้เหมาะสมกับขนาดเครื่อง ใหญ่เกินไม่ได้ประโยชน์จริงๆสำหรับเครื่องเดิมๆ
เดินระบบให้ถูกต้อง ปรับบูสไม่ให้เกิน 7-8 ปอนด์ ช่วงล่างเดิมก็ยังพอรับได้อยู่
รับรองคุณจะได้ใช้รถของคุณนานขึ้นอย่างแน่นอน แถมไม่ต้องอายใครด้วยถ้าเจอตระกูลเดียวกัน
แต่ถ้าคุณอยากได้ม้าจากเครื่องประมาณ 1500 cc ในระดับ 100 ตัว +- แบบนี้ต้องสุด สุดทุกอย่าง กล่องแต่ง ทำเครื่องทั้งตัว ยัดปลอกเปลี่ยนลูก
อะไรก็ได้ที่ทำให้มันทน ทำให้หมด เทอร์โบลูกใหญ่หน่อย บูสหนัก ระบบครบถ้วน ผมเห็นสเตปนี้เกิน สองแสนทุกคันยังไม่รวมช่วงล่าง
ถ้าทำเยอะขนาดไหน แล้วสุดท้ายก็ใส้ไหลอยู่ดี เพราะมันโอเวอร์เกินขอบเขตของตัวเครื่องระดับนี้จะรับได้
อย่าลืมนะครับ บริษัทมันคิดมาให้เป็น NA ตั้งแต่เกิด เพราะฉะนั้นชิ้นส่วนหลักๆทุกอย่าง มันรองรับได้แค่ NA เท่านั้น
จากจุดสูงสุด ลงสู่จุดต่ำสุด หนสุดท้ายถ้าอยากแรงแบบถาวร การติดเทอร์โบกับเครื่อง NA อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
ผมเห็นเพื่อนผมหลายคัน ก็กลับมาเป็น NA แต่เพิ่มความจุ หรือแต่งท่อนบนอะไรก็แล้วแต่ มันทนกว่ากันมากทีเดียว อันนี้สิ....น่าคิด
หมายเหตุ ......
แต่ถ้าชีวิตนี้อยากลองขับรถเทอร์โบสักครั้ง สนองความต้องการล้วนๆ อยุ่นอกเหนือเหตุผลใดๆทั้งสิ้น
ขอแนะนำให้ทำแค่สเตปแรกพอ เพราะยังมีเครื่องเชียงกงรอเป็นอะไหล่ให้คุณอีกมากมาย ในราคาที่พอคบหาได้