Headlight Magazine : community
General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: PapaRo@ch~* ที่ มกราคม 28, 2010, 02:20:37
-
ว่าจะเขียนตั้งนานแล้วนะ ตั้งแต่เข้าเวปHLM ใหม่ๆเลยมั้ง แต่ตอนนั้นไม่มีเวลา พอตอนนี้มีเวลาดันไม่มีอารมณ์ซะงั้น แต่รับปากเฮียจิมเค้าไว้แล้วว่าจะทำ ก้อต้องทำละนะ เผื่ออนาคตจะมีบทความอื่นเขียนป้อนให้เวปอีก เริ่มต้นกันกับการรีวิวรถตัวเองก่อนดีกว่า รีวิวนี้ขอเขียนแบบสบายๆอ่านกันฮาๆละกัน แต่จะพยายามทำให้ละเอียดที่สุดนะ
ขอความร่วมมืองดการโพสปาดนะครับ การโพสคำถามหรือแสดงความคิดเห็นขอให้รอจนโพสรีวิวทั้งหมดจบก่อนนะครับ ขอบคุณครับ^^
;D
-
มาว่าถึงประวัติเจ้าคันนี้ก่อน มันเป็นรถคันแรกของผมครับ ที่ซื้อด้วยเงินตัวเอง ไม่ใช่เอารถพ่อแม่มาใช้ จำได้ว่าเห็นรุ่นนี้ออกมาใหม่เมื่อตอนเรียนปริญญาตรี ติดใจในรูปทรงมากๆ โดยเฉพาะด้านท้าย แหม ยังกะรถตำรวจอวกาศ 555 ยังจำโฆษณารถรุ่นนี้หลังไทยรัฐได้เลย ว่าได้รางวัลรถที่สวยที่สุดในโลกปีไหนสักปีนี่แหละ ที่เป็นรูปแอสติน่าด้านข้าง แบคกราวน์หลังเป็นหอเอนปิซ่า พอเรียนจบทำงานมีเงินเก็บเลยพยายามที่จะหามาครอบครองให้ได้ครับ กอปรกับคันเก่าที่เคยใช้คือ Toyota Corona (Carina II) ที่ได้มรดกจากพ่อกำลังจะกลับบ้านเก่าไป (ผิดที่ผมเองแหละ นิสัยเสียผมคือผมจะไม่ค่อยรักษาของ ถ้าไม่ได้ซื้อด้วยเงินตัวเองน่ะครับ) Toyotaคันนั้น ขายไป 35,000 บาทเองนะ เจ้าของคนใหม่ไม่รู้จะเอาไปปลูกสะระแหน่ที่ไหน อุ อุ
รูปนี้เป็น Catalog ญี่ปุ่นของเจ้าแอสติน่าครับ ที่ญี่ปุ่นจะเรียกว่า Lantis โดยแบ่งเป็น Lantis Sedan กับ Lantis Coupe ครับ
-
เล่าถึงการตามหาเจ้าแอสติน่ามาเป็นเจ้าของสักนิด ตอนนั้นต้องขอบคุณตา jane9090 ที่เป็นคนช่วยหาและดูรถมือสองให้ และชักนำให้เข้าสู่เวป www.mazdaclub.net เล่นเอาแต่งรถจนหมดเนื้อตัวเลยทีเดียว 555 ตอนนั้นจำได้ว่าไปดูรถประมาณ 3-4 คันครับ แต่ดูสภาพแล้วยังไม่โดนเท่าไหร่ สุดท้ายเลยไปลงประกาศตามตาในเวปมาสด้าคลับนี่แหละ วันหนึ่งก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาครับ ว่าอยากขายเจ้าแอสติน่า เราเลยนั่งรถไฟฟ้าไปดูในเมืองกัน โอ้ว คันนี้สภาพเดิมๆมากครับ ล้อ วิทยุ ไม่เปลี่ยนเลย ไมล์ก้อน้อย ขับจากบ้านมาทำงานอย่างเดียว ดูสติ๊กเกอร์ผ่านเข้าออกหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านไฮโซซะด้วย เจ้าของเดิมเธอเป็นผู้จัดการบัญชีครับ บิลการเข้าศูนย์เก็บหมดทุกใบครับ ประวัติครบมากๆ ตาเจนลองขับถอยเข้าถอยออกทีสองที แกบอกให้เอาคันนี้เลย ผมก้อ ?อ่าว ขับแค่นี้เองเหรอ จะดีเหรอพี่? ตามประสาคนไม่เคยซื้อรถมือสอง สุดท้ายแกยื่นคำขาดครับ ?ถ้าเอ็งไม่เอา พี่เอานะคันนี้? อ่าว เวรแล้วไง สุดท้ายก้อได้มาครอบครองสมใจครับ ฮี่ๆๆ
รูปนี้ถ่ายตอนได้มาใหม่ๆครับ ตัวรถเป็นปี 1996 เปลี่ยนเจ้าของมาเป็นผมตอนปี 2004ครับ สภาพแตนสุดๆ
อ้อ เจ้าของเก่าเธอขายคันนี้เพราะจะไปออก BMW E46 ป้ายแดงครับ เลยอยากขายก่อนมาสด้า 3 จะเปิดตัว ไม่งั้นราคาจะตกไปกว่านี้อีก บอกแล้วว่าเป็นผู้จัดการบัญชีจริงๆ^^
-
ตอนได้มาใหม่ๆก้อมีแต่คนค่อนขอดเป็นระยะครับ ?รถยี่ห้อนี้ต้องซื้ออะไหล่เก็บไว้เยอะๆนะ แพงและหายาก? ?รถเสียอู่ที่ไหนจะซ่อมให้เอ็ง(ว)ะ? ?ขายต่อจะเหลือเท่าไหร่เนี่ย?
เออ (มึม)ซ้ำเติมกันเข้าไป นี่มันยุคดิจิตอลแล้วนะ(โว้ย) มันจะหาอะไหล่ยากกันขนาดนั้นรึไง เวปคลับก้อมี เซียงกงก้อเดินเป็น ไม่ตายหรอกว้อย
จากการได้เป็นเจ้าของคันนี้ตอนเดือนตุลาคม 2004 ผ่านมาแล้ว 5ปี มันก้อเปลี่ยนรูปร่างไปแบบนี้แล้วจ้า 8)
-
ตกลงค่าบำรงรักษามันแพงมั๊ย? ตอบเลยว่าไม่แพงหรอก ไม่งั้นไม่เหลือเงินมาแต่งรถหรอก ไอ้ที่แต่งไปน่ะ แพงกว่าเยอะ ซื้อเจ้านี่ได้อีกคันเลยล่ะ T_T สงสัยการเข้าเวปคลับรถยนต์จะเป็นเหตุให้เสียทรัพย์กว่าปกตินะเนี่ย 555
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า มาสด้าแอสติน่า เป็นรถที่เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อปี 1994 โดยมีตัวถัง 2แบบ คือแบบSedan4ประตู และ แบบCoupe 5 ประตู (เค้าไม่เรียก Hatchbackแฮะ) ซึ่งอย่างที่บอกไปตอนต้นว่าที่ญี่ปุ่นเรียกว่า Lantis ทั้ง2แบบตัวถัง แต่บ้านเรา เจ้าแอสติน่าจะประกอบในประเทศในปี 1995 ส่วน Lantis จะเป็นรถนำเข้าทั้งหมดทั้งเครื่อง 2.0 และ 1.8 โดยมาสด้าในบ้านเราสมัยนั้นได้ยกระดับ Lantis ขึ้นไปเป็นรถคลาสเทียบกับ Accord, Camry และ แอสติน่าเป็นรถระดับ Civic, Altis ไม่รู้ว่าคิดยังไงของเค้า
สำหรับการที่ใช้ชื่อ แอสติน่านั้น ก็เป็นการสืบต่อจาก มาสด้าแอสติน่ารุ่นไฟป๊อบ ที่ขายดีในช่วงต้นยุค 90 ครับ
รูปนี่ถ่ายคู่กับแลนติสครับ หน้าตาต่างกันพอควร แต่ขนาดและภายในห้องโดยสาร แทบจะไม่ต่างกัน
-
ก่อนจะดูรายละเอียดเจ้าแอสติน่าคันนี้ (ต่อไปจะขอเรียกว่า ตาตี่ แทนนะครับ) มาว่ากันถึงเรื่องเล่าระดับ?ตำนาน?ของเจ้าตาตี่นี้ก่อน รถทุกรุ่นทุกยี่ห้อมันมักจะมีตำนานแปลกๆก่อนที่จะคลอดออกมาเสมอๆแหละนะ เพียงแต่เราจะรู้รึเปล่าเท่านั้นแหละ เอ้า มาดูตำนานที่ว่ากัน
1. ?รถรุ่นนี้ออกแบบโดย Porsche? หากใครมีเพื่อนที่ใช้รถรุ่นนี้ อาจจะเคยได้ยินเจ้าของรถพูดเรื่องนี้อยู่บ้าง(ด้วยความภาคภูมิใจอย่างแรง!) ผมเลยลองไปค้นหาที่มาของตำนานนี้ตามเวปครับ เลยไปเจอที่เวปญี่ปุ่นอยู่เวปนึง ซึ่งน่าจะเชื่อถือได้ดีทีเดียว สรุปว่า?เพ้อเจ้อ?ครับ เรื่องจริงคือ รถรุ่นนี้ออกแบบโดย MRE ( Mazda Design Center, Orberammergau, Germany) ซึ่ง Chief Designer ของ MRE ครั้งหนึ่งเคยมีส่วนร่วมในการออกแบบ Porsche รุ่น 924,928และ 944 ครับ ดังนั้นจะมาตู่ว่ารถรุ่นนี้ออกแบบโดย Porsche คงไม่ถูกนักนะ แต่โอเคแหละ อย่างน้อยมันก้อคงพอมีกลิ่นอายความเป็นรถสปอร์ตให้ได้สูดดมกันบ้างละน่า 555
รูปConcept Car ของเจ้าตาตี่ครับ ล้ำสมัยไม่เลว อย่าลืมนะว่าต้องออกแบบกันตั้งแต่ปี 1990 โน่น
-
2. ?เครื่องยนต์ออกแบบโดย Porsche? มีคำว่า Porsche เข้ามาอีกล่ะ สงสัยจะเพ้อเจ้ออีกตามเคย ยังครับ อย่างเพิ่งคิดอย่างนั้นกัน เพราะผมจะบอกว่ารถญีปุ่นหลายยี่ห้อ มักจะเอา Porsche เป็นเป้าหมายในการพัฒนารถอยู่ร่ำไป ดูอย่าง GTR R35 สิ ยังเอา Porsche เป็นเป้าหมายที่จะเอาชนะเลย ออกทะเลอีกล่ะ กลับมาเรื่องเครื่องกันต่อ ในบ้านเราแม้ว่าเครื่องของเจ้าตาตี่จะมีแต่ BP 1800CC. เท่านั้น แต่เมืองนอกเค้ามีเครื่องรหัส KF 2000CC. ด้วย ซึ่งก็คือเจ้าเครื่องที่อยู่ใน Lantis V6 นั่นแหละ ที่เค้าว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะสมัยนั้นทาง Porsche เองก็มีนโยบายในการช่วยเหลือทางด้านเทคนิคเครื่องยนต์ให้กับบริษัทรถยนต์หลายๆยี่ห้อครับ แต่น่าจะเป็นแค่เครื่อง V6 เท่านั้นนะครับ BP 1800CC. ไม่เกี่ยวจ้า
เครื่อง KL จริงๆจะอยู่ใน Mazda MX-6, Cronos/Ford Probe, Telstar ครับ แต่เนื่องจากโครงสร้างของเครื่องที่เหมือน KF จึงมักมีคนนำมาวางในตาตี่และLantis กันบ่อยๆ เพื่อตอบสนองความแรงกันครับ (KF ไทย 150 ม้า KF-ZE ญี่ปุ่น 170 ม้า KL-ZE 200 ม้า จริงๆมีเครื่อง V6 รหัส K8 และ KJ ด้วย ซึ่งเป็นเครื่องบล็อกเดียวกันทั้งหมด แต่ยิ่งพูดยิ่งออกทะเลจีนใต้ไปเปล่าๆ อย่าไปสนใจเลยครับ)
รูปเครื่อง V6 ครับ KL กับ KF จะเหมือนกันเกือบหมด ต่างกันที่ปริมาตรกระบอกสูบ KL 2500CC. KF 2000CC.
-
3. การวิ่งทดสอบที่ Nurbergring? เรื่องนี้ไม่ค่อยมีคนรู้เท่าไหร่ แต่น่าเชื่อถือสุดแล้ว เหตุที่ใช้สนามทดสอบแห่งนี้ก้อเหมือนกับข้อ2 ครับ คือเมื่อเอา Porsche เป็นเป้าหมายแล้ว เค้าทดสอบที่ไหนก้อต้องไปวัดกันที่นั่นเหมือนกันครับ และก็เพื่อให้ช่วงล่างของรถสอดคล้องไปกับการช่วยเหลือด้านการพัฒนาเครื่องยนต์ของ Porsche ด้วย ซึ่งเจ้า Astina/Lantis น่าจะเป็นรถรุ่นแรกๆของมาสด้าที่พัฒนาและวิ่งทดสอบบน Nurbergring ครับ
(รถญี่ปุ่นรุ่นแรกที่ทดสอบใน Nurbergring คือ Nissan Skyline R32 หลังจากนั้นก้อมีรถญี่ปุ่นหลายยี่ห้อมาใช้ที่นี่ด้วย เช่น Mazda Astina/Lantis, Honda NSX, Subaru Impressa มายัน GTR(R35), Lexus LF-A บลาๆๆ)
-
เอาล่ะครับ เกริ่นไปซะเยอะแล้ว มาดูเจ้าตาตี่คันนี้กันแบบเจาะลึกเลยดีกว่า ขนาดตัวถังก็ดูตามรูปละกัน จัดว่าเล็กครับ เมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกันในยุคนั้น ยิ่งเทียบกับรถยุคนี้เนี่ยยิ่งหดลงมาเทียบกับพวกรถ Sub-Compact อย่าง Vios, City กันเลยทีเดียว เพื่อนผมเคยเอาตาตี่มันไปล้างรถที่ร้านนึง ที่คิดราคาตามไซส์ S M XL ปรากฏว่าร้านคิดแค่ไซส์ S ครับ จ่ายค่าล้างเท่าVios ก้อไม่รู้จะไปเถียงทำไมให้จ่ายแพงขึ้นละเนาะ^^ อ้อ หลังคาเตี้ยมากครับ สูง 180 อย่างผมนั่งที่นั่งคนขับนี่หัวแทบติดเพดาน ห่างแค่ฝ่ามือเดียว เบาะหลังไม่ต้องพูดครับ ติดหัวเลยทันที ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องแค่ 15 ซม. ขับลำบากอยู่เหมือนกันครับ ขับใหม่ๆมีรำคาญแน่นอน จะครูดไรกันนักหนา เด๋วนี้แต่งเยอะ โหลดเพิ่มอีก ไม่ยักบ่นแฮะ 555 :P
-
ด้านหน้าดูเรียบๆ ทิ่มๆ เกลี้ยงๆบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าทำหน้าลาดๆเข้าไว้ ดูสปอร์ตดี(มั้ง) ไฟหน้าวางแนวนอนซึ่งเป็นที่มาของคำว่า?ตาตี่?นี่แหละ ภายในประกอบด้วยไฟต่ำซึ่งเป็นโคมโปรเจคเตอร์ ดูทันสมัยมาก (ในยุคนั้น) แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมหลอดไฟต่ำถึงเป็น H3 มันไม่สว่างเอาซะเลย เปลี่ยนเป็นซีนอนก้อสว่างขึ้นอีกนิด ส่วนไฟสูงเป็นโคมธรรมดา ไฟหรีกับไฟเลี้ยวอยู่ด้วยกันด้านล่าง ซึ่งเมืองไทยจะเป็นพลาสติกสีขาว แต่ของญี่ปุ่นจะเป็นสีส้มแบบในรูป ไฟตัดหมอกจะมี2แบบ แบบก่อนไมเนอร์เชนจ์ จะเป็นแบบหน้าลาย หลังไมเนอร์เชนจ์แล้วจะเป็นแบบใสตามรูป ซึ่งเป็นแบบเดียวกับไฟตัดหมอกมาสด้า ทรีบิวต์, 323 New Sedan ต่างกันแค่ขายึดเท่านั้น
-
ลืมบอกไปว่า เจ้าตาตี่นี่ หลักๆจะมีไมเนอร์เชนจ์ใหญ่อยู่ช่วงปี 97 ครับ โดยหลังไมเนอร์เชนจ์แล้ว ภายในจะเป็นสีดำล้วน กล่องเก็บของข้างประตูจะไม่มี กระจกมองข้างจะเซาะร่อง เพิ่มไฟตัดหมอกแบบใส เปลี่ยนลายผ้าหุ้มเบาะ เพิ่มระบบเบรคABS ส่วนก่อนไมเนอร์เชนจ์ใหญ่ จะมีแบบแอบเปลี่ยนเล็กๆน้อยๆ ตามสไตส์มาสด้าคือเพิ่มนู่น ลดนี่ เปะปะไปหมด ถ้านึกไม่ออก นึกถึงมาสด้า 3 ตัวปัจจุบันดูได้ เพิ่ม-ลดออฟชั่นกันทุกปีสิน่า
ส่วนของผมเป็นรถช่วงปลายปี 96 ครับ เป็นช่วงแอบเพิ่ม-ลดออฟชั่นอยู่เหมือนกัน กล่อง ECU ไม่เหมือนมั่ง ไม่มีไฟหรี่ที่แผงข้างประตูมั่ง ไฟตัดหมอกไม่มีมั่ง ก้อว่ากันไป แต่ถ้าคิดจะแต่งให้ออฟชั่นครบๆ เซียงกงช่วยท่านได้ครับ^^
-
เดิมล้อจะเป็นขอบ 14 ยาง 185/65R14 ลายเดียวกันกับ Lantis 1.8 ซึ่งจริงๆเป็น 4รู100 ครับ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเอาชุดดุมล้อของตัว V6 มาใส่ ทำให้ดุมเปลี่ยนเป็น 5รู114 ส่วนคาลิปเปอร์และจานเบรกจะมีขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกที่ดีเลยทีเดียว ล้อปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็น Rays Gramlight ขอบ17 จำชื่อรุ่นไม่ได้ ยาง 205/45R17 ครับ ไฟเลี้ยวอยู่ข้างตัวรถ เป็นรุ่นสหกรณ์ครับ ใช้ได้หลายรุ่นโคตรๆ ตั้งแต่ Astina, Lantis, New sedan, Ford Laser, Aspire, Nissan Frontier และรุ่นอื่นๆอีกมาก! มากจริงๆ ขอบอก เกิน10รุ่นแน่ๆ ไอ้ไฟเลี้ยวข้างทรงนี้อ่ะ :D
-
มาด้านท้ายกันต่อ เส้นสายตัวรถด้านหน้าจะเตี้ยไล่เฉียงขึ้นไปทางท้าย ให้อารมณ์สปอร์ตเหมือนรถพุ่งไปข้างหน้าแม้จอดอยู่กับที่ (เว่อร์มะ) ดุมหลังเปลี่ยนเป็นของรุ่น V6 เช่นกันแต่เบรกกับจานขนาดเท่าเดิม ต่างกันแค่จำนวนรูล้อเท่านั้น(คนทั่วไปคงไม่อยากใส่ล้อหน้า 5 รู ล้อหลัง 4 รูใช่มั๊ย)
กาบข้างชิ้นเล็กๆ กับ Stone Guard ดำๆ หน้าล้อหลังเป็น Accessories ของทางยุโรป ส่วนหม้อพักปลายเปลี่ยนเป็นของ Mazdaspeed ที่เติมน้ำมันอยู่ทางด้านซ้ายของตัวรถ เปิดจากภายในใต้ที่นั่งคนขับเท่านั้น
-
มาด้านหลังกันบ้าง ท้ายรถเจ้าตาตี่จะสั้นๆกุดๆ ออกแนวสปอร์ต ไฟท้ายหลังทรงสามเหลี่ยม มีแผงทับทิมกลางสีแดงเชื่อมไฟท้ายซ้ายขวา ซึ่งไอ้นี่แหละที่ผมว่าทำให้มันดูอวกาศดี กันชนด้านล่างเป็นชิ้นเดียวกันกับข้างบน แต่พ่นสีดำให้ดูสปอร์ตเข้าไปอีกหน่อยนึง (ซื้อสีกระป๋องมามุดเข้าไปพ่นเอง) มีไฟถอยหลังขนาดใหญ่ที่แผงทับทิมหลังทั้งสองฝั่ง แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นไฟตัดหมอกหลังแบบตัวยุโรปไปข้างนึง
-
ซื้อมาเกือบ 2 ปีแล้วมั้ง ไอ้ไฟตัดหมอกหลังเนี่ย ได้เปิดแค่ 3 ครั้งเองมั้ง ช่วงฝนตกหนักเว่อร์ๆ ซึ่งดูๆไปก็ไม่คุ้มเท่าไหร่ แต่แต่งมาขนาดนี้แล้ว ก้อต้องเสาะหามาให้ครบๆละนะ ส่วนป้ายMazdaspeed ด้านล่าง ไม่เพิ่มแรงม้า ได้แต่แรงโม้ไปวันๆ อ้อ เสาวิทยุเป็นแบบออโต้นะครับ เปิดวิทยุจะยืดขึ้นเอง ถ้าฟังเพลงจากเทปหรือCDหรือปิดเครื่อง ก้อจะหดเก็บเอง หล่อมากๆ
-
ที่ปัดน้ำฝนหลัง มีมาให้เลย ไม่ต้องไปหาแต่งแบบรถรุ่นอื่น ส่วนสติ๊กเกอร์คลับติดไว้บอกสังกัดและเตือนใจ ว่าเสียตังค์แต่งรถมากมายเพราะไอ้คลับนี้นี่แหละ 555
-
ไฟเบรกดวงที่ 3 ด้านบน พร้อมที่ฉีดน้ำกระจกหลัง แผงไฟทั้งหมดเป็น LED นะครับ อ่านไม่ผิดหรอก LED มีมาตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว ฮี่ๆ อ้อมีแผงไล่ฝ้ากระจกหลังด้วย
-
หลังคา Moonroof ตรงรุ่นตัวTopของญี่ปุ่น ใส่มาสดๆเมื่อเดือนก่อนเอง เปลี่ยนทั้งหลังคาเลย ไม่ได้เจาะ เหตุผลเดียวกับไฟตัดหมอกหลัง เสียเงินโดยใช่เหตุจริงๆ - -?
-
ก่อนจะดูภายในรถ เรามาดูท้ายรถกันก่อน ฝาท้ายเปิดแบบยกขึ้นทั้งฝาตามสไตล์รถ 5 ประตู มีแผงปิดท้ายให้โดยมีเชือกห้อยกับฝาท้ายครับ เปิดง่ายไม่หนักมาก ผู้หญิงก้อไม่มีปัญหาในการเปิดครับ
-
พื้นที่เก็บของท้ายรถ น้อยมากๆ อย่าได้คิดเข้าไปนอนเลย ส่วนกระเป๋าหนังใต้แผงปิดท้ายเป็นของแต่ง(อีกแล้ว)
-
ดูกันชัดๆเวลาใส่ของ จุได้น้อยจริงๆ ไม่เหมาะกับพวกบ้าหอบฟางเท่าไหร่นัก หรือมันดูน้อยเพราะSubwoofer กันแน่เนี่ย - -?
-
พื้นปิดยางอะไหล่ให้ร้านเครื่องเสียงออกแบบและทำให้ครับ โดยตรงกลางให้ทำรูกลมด้วยอครีลิคใสเอาไว้ เหตุผลก้อตามรูปนี้ครับ
ทำเผื่อไว้เซอร์วิสเจ้าถังโดนัทนี่แหละ ง่ายดี เห็นท่าไม่ดีจะได้โดดหนีทัน 555
-
เอาล่ะมาเปิดชมภายในกันต่อเลยดีกว่า เมื่อเปิดประตูมาปุ๊บ ก็จะเห็นจุดเด่นอีกอย่างนึงของเจ้าตาตี่ครับ นั่นก็คือ กระจกแบบFrameless หรือกระจกแบบไร้กรอบนั่นเอง ซึ่งเป็นจุดนึงของรถคันนี้ที่หล่อมากๆ แต่ แต่ แต่ ปัญหามันก็มีมากเช่นกัน ซึ่งไอ้กระจกแบบนี้เนี่ย ข้อเสียก็คือ เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ บูชกระจกด้านในมักจะแตกหัก ทำให้กระจกคลอน เวลาขับรถจะได้ยินเสียงลมเข้า เวลาเปลี่ยนบูชที่ว่าก็ลำบากต้องตั้งกระจกใหม่ทุกครั้ง หากช่างตั้งกระจกห่างเกินไป ก็มีเสียงลมเข้า หากตั้งชิดเกินไปเวลาปิดประตูก็ต้องใช้แรงเยอะกว่าเดิมอีก และที่สำคัญ ไอ้พวกที่ชอบมานั่งรถเราเนี่ย เวลาปิดประตูตอนลง ทำไมมันชอบจับขอบกระจกกันจัง ทำไมไม่จับที่ประตูคร้าบ กระจกมันเปื้อนรอยนิ้วมือพวกท่านนะคร้าบ ใครมีกิ๊กเยอะขับรถแบบนี้ระวังตัวไว้ละกัน หากแฟนหรือ ผบ.ที่บ้านสวมวิญญาณDSIจับได้ละก้อ งานเข้าแน่นอน :o
-
มาดูภายในกันเลยครับ คอนโซลหน้าฝั่งคนนั่งเป็นวัสดุหนังเทียมสีเทา ให้ความรู้สึกนิ่มเมื่อกดลงไป ส่วนฝั่งคนขับจะเป็นกรอบสีดำมาตั้งแต่ที่ท้าวแขนตรงกลางไล่ขึ้นมาและโค้งไปที่เรือนไมล์ยาวลงไปถึงปุ่มควบคุมกระจกฝั่งคนขับ เป็นพลาสติกดีดำแข็ง ให้อารมณ์ที่สปอร์ตดีครับ เหมือนพวกรถสปอร์ตขับหลังอย่าง Mazda RX-7 หรือ Toyota Celica ซึ่งโดยภาพรวม ผมว่าวัสดุดีกว่ารถระดับเดียวกันสมัยนี้ครับ เพราะเดี๋ยวนี้เป็นพลาสติกรีไซเคิลกันหมดแล้ว แต่สมัยก่อนยังไม่ใช้ เลยดูดีและทนทานกว่าครับ หากรถไม่ค่อยได้จอดตากแดดเท่าไหร่ สัมผัสจะนิ่มมาก ถ้าเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์แล้ว จะเป็นสีดำทั้งคอนโซล
-
แผงข้างประตูฝั่งคนขับ เป็นสีดำต่อเนื่องกับคอนโซลหน้า (ฝั่งคนนั่งจะเป็นสีเทา) มีปุ่ม-ปิดเปิดกระจกไฟฟ้าทั้ง4บาน โดยฝั่งคนขับจะเป็น Auto ทั้งขึ้นและลง ถัดมาข้างบนเป็นปุ่มล๊อคการเปิดกระจก ปุ่มล๊อคประตูทั้ง4บาน และสวิตซ์ปรับกระจกมองข้าง ส่วนปุ่มเล็กๆบนสุดคือปุ่มพับกระจกมองข้างไฟฟ้า ซึ่งในไทยจะไม่มีปุ่มนี้ครับ (เซียงกงอีกแล้วครับทั่น)
-
พวงมาลัยเปลี่ยนมาเป็นของ Mazdaspeed ขนาด 13 นิ้วหุ้มหนังด้ายแดง ของเดิมจะเป็นยูรีเทนขนาด 14นิ้วครับ
-
เรือนไมล์เปลี่ยนใหม่เป็นของ Moman สั่งมาจากยุโรปครับ คนแรกในไทยเลยมั้ง (แต่ตอนนี้มีใส่กันตรึม- -?) ของเดิมจะเป็นไฟสีเขียวธรรมดาเข็มไมล์สีขาว เหมือนกับรถยี่ห้ออื่นๆในยุคนั้นครับ อ้อ ครอบเรือนไมล์เอาไปหุ้มเคฟล่าห์ด้วย ส่วนไฟโชว์เกียร์ออโต้ ต้องใช้บริการอะไหล่เซียงกงอีกเช่นกันครับ ในไทยจะไม่มีไฟโชว์การเข้าเกียร์ที่หน้าปัด เป็นจุดที่ไม่น่าตัดออกเลยนะเนี่ย
-
เวลากลางคืนไมล์ตัวนี้จะดูทันสมัยเหมือนรถรุ่นใหม่ๆมาก เป็นของแต่งที่คุ้มค่าเงินชิ้นนึงเลยทีเดียว^^
-
จุดเด่นอีกข้อของเจ้าตาตี่คือเรื่องของช่องเก็บของครับ หากคุณเป็นคนที่ชอบเก็บของกระจุกกระจิกไว้ในรถเยอะๆ รถคันนี้จะทำให้คุณพอใจได้อย่างดีครับ ฮี่ๆ มาดูจุดแรกกันที่ใต้คอนโซลฝั่งคนขับ ใส่แว่นตากันแดดได้ หรือจะเอาไว้เก็บอุปกรณ์กันเอดส์ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด ::)
-
ฝั่งคนนั่งนี่ยิ่งเยอะ ทั้งด้านบน(Lantis V6 กล่องนี้จะไม่มีครับ เพราะเป็นAirbagแทน) ด้านล่าง ที่ท้าวแขนตรงประตูก็เปิดเป็นกล่องได้เช่นกัน (ตัวไมเนอร์เชนจ์จะไม่มีกล่องเก็บที่ข้างประตู จะกลายเป็นที่เสียบเอกสารแบบรถทั่วไปแทน)
-
นี่รูปตอนเปิดทุกกล่องครับ จุใจกันทีเดียว
-
ตรงกลางคอนโซลมีช่องเก็บให้อีก1ช่องใต้วิทยุครับ ส่วนแอร์เป็นของNippon Denso เย็นหายห่วง ซึ่งรถผมเปลี่ยนเป็นแบบดิจิตอลไปแล้ว(เซียงกงอีกนั่นแหละ) ข้อดีอีกอย่างคือมีฮีทเตอร์ในตัวครับทั้งแอร์แบบเดิมๆและแบบดิจิตอล โดยเป่าลมผ่านท่อน้ำร้อนออกมา เอาไว้โชว์หญิงหน้าหนาวครับ (ปีนึงจะหนาวกี่วันกัน) เป็นอีกจุดนึงที่รถระดับเดียวกันไม่มีให้ครับ เหนือขึ้นไปมีนาฬิกาดิจิตอล พร้อมปุ่มไฟฉุกเฉิน และไล่ฝ้าครับ
-
รูกุญแจมีไฟส่องยามค่ำคืนมาในตัว ไม่ต้องไปติดเพิ่ม ส่วนจุดเขียวๆที่เห็นคือสวิสต์สับแกส/น้ำมันครับ ติดไว้ข้างคอพวงมาลัยไม่เกะกะดี ส่วนสวิสต์ไฟตัดหมอกกับช่องเก็บเหรียญก้อเซียงกงอีกเช่นเคย อ้อ เกือบลืม ที่ปัดน้ำฝนมีหน่วงเวลานะครับ มีเสียงเตือนเวลาลืมดึงกุญแจออกหลังดับเครื่อง กับเวลาลืมปิดไฟหน้าหลังดับเครื่องด้วยครับ
-
มาที่เบาะนั่งกันบ้าง เบาะเดิมเป็นเบาะสีเทาทรงกึ่งบัคเกตซีท อ่านไม่ผิดหรอกครับ เวลานั่งลงไปจะเหมือนหย่อนลงหลุมเลย ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับคนน้ำหนักเกินมาตรฐานอย่างผมมากๆ คือฟองน้ำมันนิ่ม เวลานั่งมันยุบตัวลงไปเยอะ ทำให้ปวดหลังเวลาขับนานๆ เวลาลุกจากเบาะก้อลำบาก เลยตัดสินใจเปลี่ยนเป็น Recaro Style ซะ ปัญหาปวดหลังก็หมดไป มีปัญหาปวดหัวเพราะไม่มีเงินซื้อข้าวกินเข้ามาแทน T_T
-
กล่องวางแขนตรงกลาง ของเดิมเป็นแบบเตี้ย วางแขนไม่พอดีนัก มันเตี้ยเกินไป เปลี่ยนซะใหม่เป็นของตัวนอก สูงได้ระดับเดียวกับที่วางแขนที่ประตูฝั่งคนขับเลย^^
-
ลูกเล่นอีกอย่างของเจ้ากล่องตัวเก็บของตัวนอกนี้ก็คือ มันพลิกกลับมาเป็นที่วางแก้วได้ 2 แก้วครับ โดนการสไลด์ฝาบนไปข้างหลัง แล้วพลิกมันขึ้นมา สไลด์กลับเข้ามา ดูเท่แต่กินไม่ได้ครับ คือหลุมวางมันเตี้ยมาก วางได้เต็มที่ก็แค่กระป๋องโค้ก แถมมีโอกาสที่แขนจะไปโดนหกเลอะพื้นรถเปล่าๆ เป็นอีกข้อเสียนึงของเจ้าตาตี่ครับ นั่นคือ?ไม่มีที่วางแก้ว? นี่มันเป็นสิ่งจำเป็นของมนุษย์โลกที่มีชีวิตอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรนะคร้าบ
-
เบาะหลังไม่ได้ถ่ายรูปมา ของเยอะขี้เกียจเก็บ เอาเป็นว่าพับได้แบบ 60:40 มีที่วางแขนตรงกลางให้ครับ มาดูประตูบานหลังดีกว่า ขนาดจะเล็กกว่าบานหน้าครับ มีที่ท้าวแขนให้พองาม ส่วนที่เปิดกระจกไฟฟ้าหนีไปแปะอยู่ข้างประตูเลย อ้อ ประตูทั้ง 4 บาน เปิดกางได้เกือบ 90องศาเท่าๆกันทั้งหน้า-หลังนะครับ
-
กระจกบานหลังนี่เวลากดลงจะแปลกๆ อย่าตกใจ มันเป็นแบบนี้ทุกคันนั่นแหละ คือมันจะเอียงไปข้างหลังทีนึง ข้างหน้าทีนึง ค่อยลงไปหลบในประตู แปลกดีเหมือนกัน ตอนได้รถมาใหม่ๆนึกว่าพัง เฮ้อ......
-
เริ่มเหนื่อย เยอะจัด วันหลังถ่ายรูปให้ดูอย่างเดียวได้มะ เข็มขัดนิรภัยปรับสูงต่ำได้ ส่วนด้านหลังเป็นแบบELR 3 จุด
-
มาดูมูนรูฟจากข้างในกันหน่อย จะมีแผ่นบังแสงให้แบบเปิดด้วยมือ ส่วนตัวกระจกเปิดด้วยไฟฟ้า ไฟเก๋งตรงกลาง ถ้าเป็นรถเดิมๆจะมีไฟอ่านหนังสือซ้ายขวามาด้วย แต่พอเปลี่ยนหลังคาเป็นมูนรูฟ ไฟอ่านหนังสือจะย้ายมาอยู่ด้านหน้าที่เดียวกับสวิสซ์เปิดปิดหลังคา อ้อ ที่บังแดดมีกระจกส่องสำหรับคนนั่งเท่านั้นนะ ฝั่งคนขับไม่มี ส่วนกระจกมองหลังสามารถกดตัดแสงยามค่ำคืนได้ ที่โหนมีทุกด้านยกเว้นฝั่งคนขับเช่นกัน แต่ด้านหลังทั้งสองฝั่งมีตะขอไว้เกี่ยวกับไม้แขวนเสื้อให้มาด้วย
-
เฮ้อ จบภายในแล้ว มาดูห้องเครื่องกันต่อ เจ้าตาตี่ในไทยจะมีเครื่องยนต์เดียว คือ BP-ZE 1800CC. เป็นเครื่องรุ่นปรับปรุงจาก BP ของAstina รุ่นป๊อบอัพครับ หลักๆเลยเลยคือแรงม้าลดลง เฮ้ย ยังไง คือเหมือนว่ามีเรื่องของการควบคุมมลพิษเข้ามาเกี่ยวข้องน่ะ เจ้าตาตี่เลยต้องโดนตอนม้าไปโดยปริยาย หายไปตั้ง 15 ตัวแน่ะ T_T
-
ติดตั้งชุดแกสหัวฉีดยี่ห้อAC โดยวางหัวฉีดไว้ด้านบนคอไอดี และเอาหม้อต้มไปหลบใต้แบตซะเพื่อความเนียน (Service แต่ละทียากเรือหายเลย)
-
ห้องเครื่องไม่ได้ทำไรมาก ติดตั้งค้ำโช๊คจากตัวV6 ทำสีฝาครอบวาล์ว ชุบโครเมียมแผ่นกันความร้อนท่อไอเสีย เปลี่ยนสายหัวเทียนแต่ง ฝาหม้อน้ำซิ่ง ฝาน้ำมันเครื่อง Mazdaspeed ไส้ในทำมานิดหน่อยโดยเปลี่ยนลูกสูบเป็นของAstina รุ่นป๊อบอัพซะ (กำลังอัดต่างกันหน่อย) เปลี่ยนแคมเป็นของ Astina รุ่นป๊อบอัพอีกเช่นกัน (องศาแคมมากกว่าหน่อย) อ้อ เอาฝาสูบที่ขัดพอร์ทแล้วของเพื่อนมาใส่ด้วย ทำไปเยอะเหมือนกันแฮะ แต่สุดท้าย ก็วิ่งห่วยเหมือนเดิม ฮ่วย.....
มาดูสเปคจริงๆกันซะหน่อย
เครื่องยนต์ขับหน้ารหัส BP-ZE 4สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ปริมาตรกระบอกสูบ 1840 CC.
แรงม้าสูงสุด 125 แรงม้าที่ 6000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 16.3 กก.-ม. ที่ 4000 รอบ
อัตราส่วนแรงอัด(เดิม) 9:1 (ป๊อบอัพแรงอัด 9.8:1) ความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร
อัตราทดเกียร์ (ออโต้)
เกียร์ 1 2.800
เกียร์ 2 1.540
เกียร์ 3 1.000
เกียร์ 4 0.700
ถอย 2.333
-
มาว่ากันเรื่องการขับขี่จริงๆกัน
ทัศนวิสัยด้านหน้า ถือว่าโอเคครับ แต่สังเกตนิดนึง ว่าถ้านั่งจากในรถจะมองไม่เห็นฝากระโปรงหน้าเลยสัดนิด สมัยนี้คงชินกันกับรถรุ่นใหม่ๆหลายๆรุ่น แต่สมัยก่อนถือว่าแปลกและขับยากกันพอดู เห็นบ่นกันหลายคนอยู่นะ พวงมาลัยเพาเวอร์แบบแรคแอนด์พีเนียน รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.1 เมตรครับ
-
มุมมองด้านขวา โอเคครับ เสาA อยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างลงตัว กระจกมองข้างก็มองง่ายชัดเจนดี
-
ด้านซ้ายก็เช่นเดียวกัน ถือว่าสอบผ่านนะเรื่องทัศนวิสัยการขับขี่ แม้ว่าจะรู้สึกเตี้ยกว่ารถบ้านทั่วไป
-
มองไปด้านหลัง เจอะกับเสาC ขนาดใหญ่ เป็นปกติของรถสไตล์นี้อยู่แล้ว ยังดีนะที่คนออกแบบทำกระจกหูช้างหลังให้ ไม่งั้นคงบังควายได้ทั้งตัว >:(
-
มาว่าเรื่องการขับขี่ดีกว่า เครื่องยนต์ถือว่าดีสำหรับรถบ้านความจุ 1.8 ลิตร เรี่ยวแรงพอประมาณ (แรงแบบรถบ้านนะ) แต่ไอ้ที่แย่คงเป็นที่เกียร์ครับ บอกกันตรงๆว่าโง่ก็ว่าได้ อัตราทดเกียร์ 1 กับ 2 ที่ห่างกัน ทำให้ปวดหัวอยู่บ่อยๆยกตัวอย่างกรณีรถติด แล้วรถต้องเคลื่อนตัวด้วยเกียร์1 พอรถเคลื่อนไปได้สัก 5-10 เมตรแล้วคันหน้าเบรก พอเราจะเหยียบเบรคโดยการถอนคันเร่งออก เกียร์ที่แสนดีจะเปลี่ยนเป็นเกียร์ 2 ให้ซะงั้น ส่งผลให้รถเหมือนจะพุ่งออกไป ทำให้คนขับที่ไม่คุ้นเคยต้องเหยียบเบรคกันหน้าทิ่มอยู่บ่อยๆ นอกจากนี้หากขับเอื่อยๆแบบรอบต่ำๆซักหน่อย รถจะไต่เกียร์ไปที่เกียร์ 4 เองทั้งๆที่รอบเครื่องไม่ถึง 2000 รอบ ผลก็คือรถจะออกอาการเหี่ยวๆไร้เรี่ยวแรงซะอย่างงั้น วิธีแก้ก้อคือเลี้ยงรอบให้เหมาะสมครับ ใช้เท้าเราคุมเกียร์เอาเอง มาดูอัตราเร่งกัน 0-100Km ใช้เวลาประมาณ 15 วิครับ อืดทีเดียวสำหรับเกียร์ออโต้ แต่โชคยังดีที่มาสด้าได้ประทานปุ่ม Hold มาให้ครับ ซึ่งเจ้าปุ่มนี้การใช้งานไม่เหมือนปุ่ม Overdrive นะ มันเป็นปุ่มเอาไว้ล๊อคเกียร์ไม่ให้เปลี่ยนขึ้นไปตามใจมัน 1 เกียร์ หมายถึงถ้าเราเข้าเกียร์ไว้ที่ D แล้วกด Hold ไว้ รถจะวิ่งแค่ 3 เกียร์จากเดิม 4 เกียร์ ถ้าไว้ที่ L รถจะวิ่งแค่เกียร์เดียว จากเดิม 2 เกียร์ ทำให้เราสามารถลากรอบได้มากขึ้นครับ ซึ่งมีผลต่ออัตราเร่งที่ดีกว่าให้เกียร์มันคิดเอาเองอย่างน้อยก้อ 2-3 วิล่ะ นั่นหมายถึงถ้าเราใช้ปุ่ม Hold คุมเกียร์ออโต้ตั้งแต่ลากลงเกียร์ L ไล่มาที่เกียร์ D 0-100km จะอยู่ประมาณ 12 วินาทีเท่านั้น ก็พอไหวขึ้นมาหน่อยล่ะนะ อ้อ ไม่ต้องห่วงเรื่องความทนทานครับ รุ่นน้องผมออกตัวด้วยการสับเกียร์มาที่ L กด Hold ทุกครั้ง กว่าเกียร์จะกลับบ้านเก่าก็ตั้งแสนโลแน่ะ แหมทนมือดีจริงๆ (ขับธรรมดาไปเหอะ อย่างเอาเป็นเยี่ยงอย่างเลย) ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดา เจ้าตาตี่ถือว่าขับสนุกเอาเรื่องเหมือนกันนะ ส่วนการKick-Down ถ้ารถสภาพดีๆ ที่เกียร์ 4 จะ Kick-Down ได้ 2 ระดับ ระดับแรกคือกระทืบคันเร่งครึ่งเดียว รถจะลดเกียร์ลงเกียร์นึง แต่ถ้ากระทืบมิด รถจะลดเกียร์ลด 2 เกียร์เลย เอาไว้ใช้เวลาเร่งแซงแบบคับขันได้ดีทีเดียวครับ
-
พูดถึงมาสด้า จะไม่พูดถึงช่วงล่างได้ยังไง เจ้าตาตี่นี่ก็ไม่ทำให้ชาวมาสด้าผิดหวังครับ ด้วยช่วงล่างหน้าแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท และหลังแบบปีกนกคู่สัมพันธ์TTL ให้ความรู้สึกZoom Zoom ในการขับขี่ที่ดี เข้าโค้งได้สนุก เกาะถนนดีเยี่ยม ขับทางไกลความเร็วสูงๆ ก็ไม่เครียดมากนัก เวลาสาดโค้งแรงๆ ล้อหลังจะไม่ลอย ติดพื้นทั้ง 4 ล้อตลอดเวลา (ดูใน Youtube อ่ะ เป็นคลิปตอนทดสอบที่ Nurbergring มั้ง) พวงมาลัยคมและมีน้ำหนักใช้ได้ไม่รู้สึกว่าเบาที่ความเร็วสูง เหมือนรถยี่ห้ออื่นในยุคนั้น ขับจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ไปทางถนนสายเอเชีย ที่ความเร็วประมาณ100-120 Km/H สามารถเข้าโค้งได้ทุกโค้งโดยไม่ต้องเหยียบเบรก ถือว่าโอเคมากแล้วกับรถอายุ 10 กว่าปี ขึ้นห้วยน้ำดังก็เอาอยู่ครับ สมรรถนะเกินตัว(และเกินวัย)ทีเดียว
-
ปิดท้ายกันด้วยอัตรากินน้ำมันครับ สำหรับเครื่อง BP 1.8 เดิมๆ ในเมืองจะอยู่ที่ประมาณ 8-9 กม./ลิตร นอกเมืองประมาณ 11-12 กม./ลิตร ถือว่ากินจุพอควรเลย ยิ่งถ้าวางเครื่อง KF 2000CC. นะ ในเมืองจะกินประมาณ 7-8 กม./ลิตร หากสุดกว่านั้น วางเครื่อง KL 2500CC. ละก็มี 5-6 กม./ลิตรแน่นอนครับ (4 กม./ลิตร ก็มีคนทำมาแล้ว) ถ้าเกียร์ธรรมดาจะประหยัดขึ้นได้อีกนิดนึง ส่วนปัญหาประจำรถรุ่นนี้ก็มีไม่มากครับ เรื่องการตั้งกระจกเรื่องนึง อีกเรื่องก็คงเป็นเรื่องรอบสวิง ปัญหานี้มีหลายสาเหตุ บางคนล้างปีกผีเสื้อก็หาย บางคนเปลี่ยนกล่องECU หรือ ปีกผีเสื้อใหม่เลยก็มี นอกนั้นก็ไม่มีอะไรมากมาย ดูแลเช็คตามระยะก็เหลือๆแล้วครับ ส่วนเรื่องอะไหล่แพง บอกได้สั้นว่า?โคตรแพงครับ? ถ้าคุณเบิกอะไหล่ศูนย์มือ1นะ ยางขอบประตูหน้าข้างละหมื่นกว่า โช๊คข้างละ 7พันกว่าบาท ยางแท่นเครื่องตัวละ 3พัน แค่ฟังก็หนาวแล้ว แต่จะกลัวไปไย นี่มันยุคดิจิตอลแล้ว ของเซียงกงดีๆมีถมครับ ถูกกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง ส่วนพวกเช็คระยะทั่วไป ราคาก็ไม่ต่างจากรถยี่ห้อตลาดอื่นหรอก ของแต่งรถนี่สิที่แพงกว่าเห็นๆ แพงโฮกกกกกก
-
สรุป ?รถบ้าน หน้าตาสปอร์ต? เปรียบได้กับผู้หญิงที่แต่งตัวดี เปรี้ยว ทันสมัย แต่ลึกๆเค้าก้อเป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึงนั่นแหละ เจ้าตาตี่ก็เช่นกัน หน้าตาดูดี ทันสมัย แต่สมรรถนะก็รถบ้านดีๆนี่เอง
ข้อดี หน้าตาหล่อ ล้ำสมัย ช่วงล่างดี ขับขี่โอเค อุปกรณ์ให้มาครบเครื่อง ที่เก็บของเยอะ เครื่องมีกำลังดี
ข้อเสีย เกียร์ออโต้โง่ไปหน่อย ไม่มีที่วางแก้ว เบาะนั่งไม่สบาย ซดน้ำมันโฮก อะไหล่แพง ของแต่งโคตรแพง เข้าศูนย์ระวังโดนปล้น ;D
ราคามือสองตอนนี้ถือว่าถูกมากๆ ประมาณ 150,000- 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพ ไม่คุ้มไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วนะ
จบแล้วครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่าน เชิญสอบถามและแสดงความคิดเห็นได้ตามอัธยาศัย
-
ของแถมก่อนนอน ;D
เอาไว้แอบทำตอนเจ้านายเผลอนะครับ ฮี่ๆๆ
-
ติดตามอ่านในทันที อิอิ ขอบคุณครับ
ตอนนี้ ผมใช้ Tiburon อยู่ ซึ่งก่อนซื้อ ก็สนใจ Astina และ Lantis เหมือนกัน
แต่ติดที่ชอบ 3 ประตูมากกว่า เลยเลือก Tiburon
พอมาอ่าน Review แล้ว อยากทำบ้างเหมือนกัน
แต่ผมไม่ค่อยรู้เรื่องรายละเอียดเท่าไหร่
ไว้จะเอาแบบทั่วๆ ไปมาลงให้อ่านกันบ้างนะครับ
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
แอบชมพี่ว่าแต่งสวยมากกกกก
เห็นแล้วแอบอยากได้มาขับ
หุหุ
-
แต่งรถสวยมากเลยครับ รีวิวอ่านมันส์ดี
ขอบคุณคร้าบ
-
ขอบคุณครับ
รถสวยเชียว มันแว๊บ ถ่ายรูปก็สวย
อ่านรีวิวแล้วคิดถึงคันเก่าจัง ขับสนุกจริงๆครับ
-
ขอบคุณครับ
รีวิวถูกใจ แถมรถก็สวยด้วย ;D
-
KL ได้แล้ว..
ซะทีเห๊อะ
-
รถสวยมากครับ
ผมชอบ 323Astina รุ่นนี้มากครับ อยากได้รถสภาพแตนๆ แบบพี่บ้าง เอามาแต่งละเข้าทางเลย
เหมือน Mazda3 จะได้กลิ่นอายจากเจ้านี่พอตัว ในรุ่น 4 ประตู เพราะ ด้านท้ายได้แนวมาในทางเดียวกัน
-
กว่าจะได้คันนี้ก็ดูหลายคันเหมือนกันครับ
ต้องทำใจว่ารถรุ่นนี้ส่วนใหญ่แต่งกันหนักมือทีเดียว
แต่วันก่อนปั่นจักรยานผ่านเต้นท์รถก้อยังเห็นแบบแตนๆอยู่เหมือนกันนะ
ไม่ลงKLหรอก ไม่มีตังค์ ขอใส่กล่องพ่วงสักใบแทนได้มั๊ย :P
-
เป็นรถที่สวยอมตะอีกรุ่นนึงครับ
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
อ่านเพลินดีจัง ไม่สั้น-ไม่ยาวจนเกินไป ถ่า่ยรูปมาสวยดีครับ
ขอเป็นคันแรกที่ขอชมเลยว่าแต่งรถได้สวยแบบแตนๆ ดีมากครับ
ภายนอกดูดี ชอบล้อลายนี้สีนี้มากๆๆๆๆๆ ครับ เสียดายเป็น 5 รู ใส่กับสวิฟท์ไม่ได้ ไม่รู้ลายนี้มี 4 รูรึเปล่า
ภายในสภาพใหม่ สวยดูดีมากๆ ครับ แอร์ มาตรวัด แจ่มมาก เบาะสวย ท้าวแขนเก๋ดี
แต่ถ้าหุ้มภายในใหม่ เฉพาะในส่วนที่เป็นผ้าแผงประตูและเบาะหลัง เชื่อว่าจะทำให้รถดูดีและใหม่อีกมากโขครับ
ถ้าเจอตัวจริงขอดูรถหน่อยนะครับ ชอบจัง
-
รีวิว กระชับ ลึก กำลังดี รูปสวย เยี่ยมครับ ผมชอบ ขอบคุณคร้าบ
ผมชอบรุ่นนี้ และก็แลนติส เส้นสายรถดูยังสวยอมตะจริงๆ
แต่ฟังๆราคาอะไหล่แล้วอยากแค่มอง
ไหนๆก็ขอถามหน่อยครับ ว่า ถ้าเป็นซีวิค3ประตู,อีคาร์,แอสติน่า ตัวไหนน่าเล่นกว่ากันครับ
-
รีวิวดีมากเลยครับ รูปดีสั้นได้ใจความ
ผมก็ใช่ Astina เหมือนกันครับ ปี96 เหมือนกัน สีเดียวกันอีก ^^'
เพียงแต่รถเดิมๆไม่ได้แต่งอะไรเลยครับ ^^
-
ผมชอบ รู่นนี้มากครับ ยิ่ง ถ้าทำ ดำก้านกับแม็ก รมดำ นะ รักเลย
แต่พี่ก็แต่งรถได้สวยจริงๆๆ ครับ
-
ภายนอกดูดี ชอบล้อลายนี้สีนี้มากๆๆๆๆๆ ครับ เสียดายเป็น 5 รู ใส่กับสวิฟท์ไม่ได้ ไม่รู้ลายนี้มี 4 รูรึเปล่า
ล้อลายนี้มีแบบ 4 รูแน่นอนครับ เซียงกงช่วยท่านได้
ว่าแต่ ไม่อยากเปลี่ยนดุมเป็นตัว Sport 5 รู114 มั่งเหรอครับ ผมมีหนังสือแต่งรถญี่ปุ่น Swift เค้าเปลี่ยนเป็นดุม 5 รูกันหมดเลยนะ
ไหนๆก็ขอถามหน่อยครับ ว่า ถ้าเป็นซีวิค3ประตู,อีคาร์,แอสติน่า ตัวไหนน่าเล่นกว่ากันครับ
ตอนซื้อคันนี้เมื่อ 5 ปีก่อน ผมก้อเทียบกับ ซีวิค3ประตูเหมือนกัน แต่สุดท้ายไม่เอา เพราะราคามือสองใกล้เคียงกัน แต่มาสด้าจะได้ใหม่กว่า1Gen และออฟชั่นเยอะกว่า
แต่หลังๆเหมือนจะรู้สึกว่าคิดผิดนิดๆ เพราะซีวิค 3D ของแต่งเยอะมาก อะไหล่ถูกกว่มากด้วย แต่งแรงได้อีกเยอะด้วย เจ้าตาตี่นี่จะได้แค่ความไม่โหลซะมากกว่า
ส่วนอีคาร์ ผมว่ารถมันธรรมดาไป แต่ถ้าแต่งเน้นแรง ก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะครับ แต่เหมือนจะได้ยินว่าปัญหาประจำรุ่นคือเกียร์เลยนะ
ผมชอบ รู่นนี้มากครับ ยิ่ง ถ้าทำ ดำก้านกับแม็ก รมดำ นะ รักเลย
มีคนทำสีดำด้านแล้วครับ รุ่นนี้ ได้ข่าวว่าพ่นมือเองเลย แต่เห็นผ่านตาก็สวยดุ ใช้ได้เลยทีเดียว
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ
เจ้าตาตี่นี่ผมก็มีอยู่คันนึงเพิ่งเอาเข้าอู่ไปเมื่อกี้นี่เองสดๆร้อน
พอดีจอดซื้อของรถมุมบันไดหลบตามากเลยครูดเข้าไป T T
แต่ของผมเป็นตัวเกียร์ธรรมดาครับขับมันมากเอาไว้ขับเล่นเสาร์อาทิตย์
เข้าโค้งมันส์แอบซัดกับพวกบ้าพลังประจำแหะๆเครื่องเคราก็ไม่ได้น้อยหน้านะครับ
แรงดีไม่มีตกแต่รอบจะมาก็เริ่มที่ประมาณ 3000 ครับมีดึงมันส์ๆแต่ก็ไม่เท่าพวกเครื่องเทอร์โบนะครับรอบมาไวจะว่าไปแล้วมาสด้านี่ทำเกียร์ออโต้
ไม่ค่อยเก่งครับ ที่ผมไปทำเพิ่มก็แค่เปลี่ยนสปริงโหลดกดล้อให้เข้ากับซุ้มพองาม ของแต่งนี่หายากจริงครับ
แต่อะไหล่นี้สบายๆเซียงกงเยอะกินน้ำมันนี่ก็พอรับได้นะครับผมก็ว่ามันก็ไม่ค่อยกินจุเท่าไหร่นะเท่าทีจำได้เต็มถัง
ใช้แก๊สโซลฮอล95กลับมาเติมขีดดรอปลงเหลือ1ช่องไฟแดงเตือนหน้าปัทที่เซ็ททั้งหมดวิ่งได้ ประมาณ 530+นิดๆ กิโลครับ
ขับในเมืองนะครับเห็นพ่อจูนให้เล็กน้อย(ไม่รู้แกไปทำตรงไหนเหมือนกันประหยัดน้ำมันแถมซ่อนเปรี้ยวอีกเครื่องเปิดดูก็ bp 1800 หน้าตาเดิมๆทุกวันนี้ถามแกก็ยิ้มและหัวเราะเบาๆอย่างมีเลสนัยเจ็บใจว้อยย)ตอนแรกก็วิ่งไม่ไม่เกิน 400 กว่าโลเลยซัดโค้งนี่ไม่ต้องเบรค(แล้วแต่เกียร์)แล้วกดยัดเข้าไปรถข้างหลังที่ไล่มาก็จะกลายเป็นจุดเล็กๆในบัดดล
พ่อซื้อมาตั้งแต่สมัยผมเป็นเด็กทุกวันนี้บางทีแกก็แอบเอาไปซัดบ้างเหมือนกันแหะๆแต่ตอนนี้ผมใช้สลับกับน้องสามใหม่ครับ
น้องสามใหม่เข้าอู่คดียังไม่จบซ่อมเสร็จพ่อใช้ขายทิ้ง ตอนนี้ก็ใช้พี่ตี๊นาตาตี่ไปก่อน ก่อนหน้านี้ที่ขายน้องออสใหม่ไปเพราะไม่ถูกใจรับไม่ได้ในหลายๆเรื่องก็กลับมาใช้คันนี้แหระแล้วออกน้องสามก็มีคนมาชนอีกโปรเจคใหม่ จะเอาน้องอิมจะมีอะไรหรือเ้ปล่าอีกก็ไม่รู้ ???หรือเป็นอาถรรพ์? ที่ต้องกลับมาตายรังที่เดิม555
ข้อเสียรถรุ่นนี้เท่าที่ขับก็ไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง(หรือผมติดฟิมล์มืดไปหว่า) วงเลี้ยวรถกว้างไปหน่อย ของแต่งหายากโผล่มาทีแย่งกันหัวแตก
อะไหล่เบิกห้างแพง แล้วเปลืองตังค์เพรราะต้องหานู่นหานี่มาเสริมแต่งให่หล่ออยู่เสมอ กับเปลืองน้ำมันเพราะขับมันส์นี่แหระ 5555
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆมาให้ชมกันครับ
ปล.
แอบถามเพื่อนผมเป็นเซลล์บอกว่าน้องออสใหม่(ตัวที่แปะหน้าเวปนั่นแหระแต่เพื่อนยังไม่เห็นภาพไม่เห็นรถเลย)เริ่มส่งรถให้ลูกค้าตั้งแต่มีนาครับ
รถรับจองตั้งแต่ตอนสิ้นปีที่แล้ว สีที่ไม่มีทำออกมาแล้วคือสีแดงกับสีน้ำเงินครับ ออฟชั่นภานในยังไม่ทราบครับ เครื่องและเกียร์กล่องecu ตัวเดิมยกมาทั้งดุ้น ครับ:)
-
เป็นรุ่นที่ดูยังไงก็ไม่เคยเก่าเลย ชอบจริงๆครับ
ขอบคุณสำหรับReviewที่เยี่ยมมากเลยครับ ;D
-
รีวิวดี รถก็แต่งได้สวยมาก
อ่านแล้วอยากได้รุ่นนี้ขึ้นมาอีกครั้งเลย เคยหาซื้อมือสองอยู่แต่หาสภาพดีๆไม่ได้เลยถอดใจไปอ่ะครับ
-
แจ่มครับ ผมว่า ตาตี่เนี่ย ต้นแบบ DNA ของ Mazda3 เลยนะ ดูจากเส้นสายข้างรถ รุ่นนี้ไม่เก่าไปอีกนานครับ ;D
-
สวยไม่สร่างจริงๆครับสำหรับรุ่นนี้ ;)
-
เหมือนเคยมีอยู่คันนึงน๊า................ ;D
-
เหมือนเคยมีอยู่คันนึงน๊า................ ;D
ขาย Protege แล้วไปซื้อตาตี่ ;D
-
เหมือนเคยมีอยู่คันนึงน๊า................ ;D
ขาย Protege แล้วไปซื้อตาตี่ ;D
รู้ได้ไงเนี่ย หารูปนังม่วงไม่เจอเลย คิดถึงเหมือนกัน ::)
-
ผมก็ใช้มาสด้าเหมือนกันครับ แต่เป็น 626TTL นะ ขับสนุกเลยทีเดียวครับ ช่วงล่างมั่นใจได้ รถ 20 ปี เเล้วครับ เครื่อง FE 2.0 ขับดีใช้ได้ แต่ตอนนี้มันเริ่มรวนเเล้วแฮะ เกียโง่อย่างที่พี่ว่าเลยครับออโต้น่ะ แต่ตอนเครื่องมันยังดีๆประกอบกับโดยรวมมันยังดีๆอยู่มันก็วิ่งได้ดีไม่แพ้ใครเลยนะ แต่ว่า อะไหล่หายากพอสมควรเลยครับ พวกไฟท้ายไรเงี้ย ของผมตัว 5 ประตูนะ แต่ถ้าตัว 4 ประตูยังหาง่ายกว่าหน่อย ไฟหน้าหาง่ายเพราะใช้ตัวเดียวกับตัว 4 ประตู แต่ช่วงท้ายหายากอ่ะ ตอนนี้ก็หาๆอยู่ครับ ใส่ไฟท้าย 2 ข้างไม่เหมือนกันอยู่ แตกไปข้างนึง ได้มาเป็นคนละลายกัน แผงทับทิมกลางก็พ่นสีไปแล้วครับ อยากได้อู่ดีๆซ่อมมันให้สมบูรณ์เหมือนเดิมเหมือนกันครับ
ปล. รีวิวดีครับ รูปเยอะดี แต่งสวยดีครับ
-
เป็นรุ่นที่ดูยังไงก็ไม่เคยเก่าเลย ชอบจริงๆครับ
ขอบคุณสำหรับReviewที่เยี่ยมมากเลยครับ ;D
เห็นด้วยเลยครับ :)
ีรีวิวอ่านเพลินดี ภาพก็สวย รถก็สวย
-
ขอชมเลยครับ แต่งรถสวยมาก ผมก็ชอบแต่งแนวเรียบๆตรงรุ่นแบบนี้แหล่ะ เข้าใจเลยว่าของแต่งแต่ละชิ้นกว่าจะได้มาคงไม่ธรรมดา
และมีความทรงจำดีๆเกี่ยวกับมัน รูปถ่ายก็สวยได้อารมณ์ครับ
เห็นแล้วอยากได้สักคันเลยหล่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ;)
-
รู้ได้ไงเนี่ย หารูปนังม่วงไม่เจอเลย คิดถึงเหมือนกัน ::)
นังม่วงปัจจุบันวิ่งอยู่ KL แล้วโน่น ท่าทางยังแรงเหมือนเดิม :D
ปล. วันนี้ไปนั่งเล่นที่อู่ซ่อมมาสด้าเจ้าประจำเช่นเคย
โอ๊ะ!!! พี่โต๊ะ วสันต์นี่นา
เค้าเอา 626TTL มาซ่อมครับ เค้าบอกเป็นมรดกของที่บ้าน
ปัจจุบันพี่โต๊ะขับ MX-5 NB ครับ คุยกับแกเห็นว่าอยากปลดล๊อค 180Km อยู่
สาวกมาสด้าเหมือนกันนะเนี่ย :o
-
ขอบคุณครับ สำหรับ รีวิว
ผมว่า รถรุ่นนี้ เป็น รถที่ดูสปอร์ต ดีนะครับ
แม้จะออกมานานแล้วแต่ยังมอง แล้วดู ไม่เบื่อ :)
-
เห็นมานานก็ยังคิดว่ามันสวยดี พอมาเล่าให้ฟังก็เลยกระจ่างเลยขอบคุณครับ ;D ;D ;D
-
ล้อลายนี้มีแบบ 4 รูแน่นอนครับ เซียงกงช่วยท่านได้
ว่าแต่ ไม่อยากเปลี่ยนดุมเป็นตัว Sport 5 รู114 มั่งเหรอครับ ผมมีหนังสือแต่งรถญี่ปุ่น Swift เค้าเปลี่ยนเป็นดุม 5 รูกันหมดเลยนะ
ขอบคุณครับ แต่ถ้าต้องไปยุ่งกับดุมล้อ ขอเปลี่ยนเป็น Lenso ลายนี้ดีกว่า ชอบจัง
-
สรุป ?รถบ้าน หน้าตาสปอร์ต? เปรียบได้กับผู้หญิงที่แต่งตัวดี เปรี้ยว ทันสมัย แต่ลึกๆเค้าก้อเป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึงนั่นแหละ เจ้าตาตี่ก็เช่นกัน หน้าตาดูดี ทันสมัย แต่สมรรถนะก็รถบ้านดีๆนี่เอง
ข้อดี หน้าตาหล่อ ล้ำสมัย ช่วงล่างดี ขับขี่โอเค อุปกรณ์ให้มาครบเครื่อง ที่เก็บของเยอะ เครื่องมีกำลังดี
ข้อเสีย เกียร์ออโต้โง่ไปหน่อย ไม่มีที่วางแก้ว เบาะนั่งไม่สบาย ซดน้ำมันโฮก อะไหล่แพง ของแต่งโคตรแพง เข้าศูนย์ระวังโดนปล้น ;D
ราคามือสองตอนนี้ถือว่าถูกมากๆ ประมาณ 150,000- 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพ ไม่คุ้มไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วนะ
จบแล้วครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่าน เชิญสอบถามและแสดงความคิดเห็นได้ตามอัธยาศัย
ขอบคุณสำหรับ Review นะครับ ...
ภาพนี้ .. ถ่ายที่ไหนน่ะครับ ;D
-
โอ้ว์ ตัวแม่แต่งรถมากๆครับ อ่านแล้วชอบ อยากขโมยมาลองมั่งจัง ชอบมากครับ
-
รถสวยมากเลยครับ
ชอบๆๆๆ
-
รุ่นนี้ตอนแรกคิดจะซื้อมาครอบครองเป็นรถคันแรกครับ แต่ไม่มั่นใจกับอัตรการกินน้ำมัน และการบำรุงรักษาเลยเทใจไปรักน้องแจ๊ส
แต่ยังไงก็ยังชอบอยู่ครับ ก็ได้แต่ชื่นชมคนที่ได้มีไว้ในครอบครองครับ ชอบสุดตรงประตูไร้กรอบนี่แหละครับ ส่วนรูปร่างภายนอกดูกี่ทีก็สวยไม่สร่างครับ ยินดีด้วยนะครับที่ได้มีไว้ครอบครอง
-
ภาพนี้ .. ถ่ายที่ไหนน่ะครับ ;D
ถ่ายตอนหลงทางขณะออกจากอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนจังหวัดลำปางครับ
พอดีอยากลองทางกลับอีกทางที่ไม่ใช่ถนนใหญ่ เลยลัดเลาะเข้าหมู่บ้านดู
เจอทุ่งนาสีทองพอดีเลยถ่ายเก็บไว้ครับ ;D
-
ทำรีวีว โปรทีเจ มั่งดีมั้ยเนี่ย
-
ทำรีวีว โปรทีเจ มั่งดีมั้ยเนี่ย
เชียร์ให้ทำเลยครับ
อยากอ่าน รีวิว Mazda เยอะๆครับ
ผมชอบ Astina(ตาตี่) , 626 Hatchback , Rx-7 , RX-8 , Protege' โฉมก่อนเปลี่ยนเป็น Mazda3 , MX-5 ทั้ง NA-NB-NC
หุหุ
-
สวยกว่าที่คิดมากๆ
ขอบคุณครับ
-
จะมีใครรีวิว Lantis อีกคันไหมน้อ
-
รีวิวดีคับ :D
-
ดีใจจริงๆเลย ได้เจอกับสาวกมาสด้าเหมือนกันอีกตั้งหลายคน
:'( :'( :'( รู้สึกซึ้ง ๆกะความรู้สึกของตัวเองและของทุก ๆ คนที่มีต่อรถมาสด้าจัง :'( ;)
-
ตามมาอ่านครับ ;D
-
เขียนอ่านสนุก ภาพสวย รถก็สวยครับ
อยากถามเกี่ยวกับอู่ ที่ใช้อยู่ประจำและกี่อู่แนะนำ ที่หาซื้ออะไหล่ ด้วยครับ เพราะกำลังเล็งรถรุ่นนี้อยู่ครับ
ใครอยากขายลงบอกไว้นะครับ ขอเกียร์ออโต้สภาพดีครับ
-
น้องสามของพี่
-
ผมอยากได้รถคุณจังเลย 555555555555555+
ขอถามหน่อยครับ
แอร์ดิจิตอลตรงรุ่นนี่ประมาณเท่าไหร่ครับรวมค่าทำ
แล้วเบาะด้วยครับ ราคาเท่าไหร่
-
เพิ่งได้มาอ่าน ชอบมากๆครับเขียนได้ดีมากเลยครับ
ชอบมาสด้าอยู่แล้ว โดยเฉพาะเจ้าตาตี่ กับ แลนตีส