อ่านหลายความเห็นแล้วเพลียครับ บอกตรงครับ พวกที่ไม่เดือดร้อนจากการขึ้นราคาก็อยากให้ขึ้น อย่างนั้นอย่างนี้
แล้วพวกที่เดือดร้อนละครับจะทำยังงัยครับ เฃพวกเขาเดือดร้อนแบบเต็มเลยครับ แล้วไอ้พวกที่บอกว่าตัวเอง
ก็ประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าต้องปรับให้ได้ ถามจริงเถอะครับ ผมว่าผู้ประกอบการขนส่งมันไม่ค่อยเดือดร้อนหรอกครับ
เพราะถ้าราคาน้ำมันดีเซลขึ้น พวกคุณก็ขึ้นค่าขนส่ง เอาภาระไปให้ผู้บริโภคแบกแทน หรือจะมีผู้ประกอบการส่งสินค้าท่าน
ไหนยอมแบกรับเอาไว้เอง โดยการไม่ขึ้นค่าขนส่งบ้างครับ อยากเห็นหน้าจัง
ส่วนประเภทที่ชอบอ้างเรื่องกระบะบ้าพลังทั้งหลาย ถามจริง คนพวกนี้มีกี่เปอร์เซนเหรอครับ
ผมว่านะครับ ตอนนี้เศรษฐกิจตอนนี้ ช่วยเห็นใจคนจนพวกหาเช้ากินค่ำหน่อยเถอะครับ ผมว่าถ้าขึ้นจริงพวดเขาเหล่านั้น
คงลำบากหน้าดูเลยครับ ส่วนพวกมีอันจะกินทั้งหลายก็อยากแอ็บให้มันมากเกินไปครับ
คนในเว็บนี้ส่วนใหญ่มันรวยไง แต่ผมยังจนอยู่ ใช้กระบะ
คุณไม่จนหรอกครับ ยังมีรถกระบะขับ ถ้าจะบอกว่าต้องเดินทาง ก็ขายรถ นั่งรถเมล์ได้เป็นร้อยๆปี ถ้าต้องใช้ทำงานขนส่ง ก็ดมแก๊สได้ คือคุณยังดิ้นรนเอาตัวรอดได้
ที่ผมห่วงมากกว่าคือ คนกลุ่มที่ไม่มีรถมากกว่า อย่างที่ท่าน Aek บอก ราคาค่าครองชีพทุกอย่างมันขึ้นตามค่าขนส่ง คมนาคมแน่ๆ ทีนี้แหละ รากหญ้าจะอยู่กันยังไง
ทุกวันนี้ผ่านมาแค่ สี่ ห้าปีราคาข้าวเป็นขึ้นมาเกือบเท่าตัว ซึ่งอนาคตจะหนักกว่านี้แน่ๆครับ นอกจากคมนาคมแล้ว ปศุสัตว์ ก็จ่อขึ้นเช่นกัน ไปดูได้เลยครับ ต้นทุนหมู ไก่ ทุกวันนี้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าเนื้อกันทุกเดือน รายใหญ่ๆสายป่านยาวๆก็แค่พอถูไถ
ส่วนที่ท่านทั้งสองว่ามา ผมมั่นใจครับว่าท่านไม่จนแน่ๆ แล้วคนมีอันจะกินก็ไม่มีใครคิดหรอกครับว่า "สมน้ำหน้าพวกคนจน" หรือ "คนจนจะเป็นยังไงก็ช่างมัน" เค้ามองกันถึง "ความเหมาะสม" และ "กลไกเศรษฐกิจ" มากกว่า ขึ้นราคาดีเซล ไม่ใช่แค่คุณเดือดร้อน ทุกคนเค้าก็เดือดร้อนเหมือนกัน มากน้อยต่างกันตามโอกาส และ ดวงในการใช้ชีวิตที่ผ่านมา
ใครจะซื้อรถอะไร ใช้รถอะไร มันก็เรื่องของเค้า การที่เราเจอคนขับรถกระบะบ้าพลังจี้ตูด ทำนิสัยเสียใส่บ่อยๆ ไม่ได้หมายความว่าคนขับกระบะทุกคนเป็นคนไม่ดี ไม่ได้หมายความว่าคนขับรถกระบะควรเดือดร้อนมากกว่าคนขับรถหรู
แต่ที่สำคัญก็ไม่ได้หมายความว่า คนขับรถกระบะ "ควรน่าสงสารและน่าเห็นใจมากกว่าคนขับรถหรูๆด้วยเช่นกัน" เพราะไม่มีใครบังคับให้ท่านซื้อรถมาใช้อีกเช่นกัน