Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: gundam126 ที่ กันยายน 24, 2018, 21:46:14
-
ดูสเปค ทั้ง2รุ่น ข้อดีต่างกัน
1.รุ่น1.6จะได้เบาะหนัง ส่วน1.8เบาะผ้า ตรงนี้ชั่งใจคือ ทั้ง2รุ่นมันได้ถุงลม7จุด ทำให้เบาะผ้าถ้าจะเอาไปหุ้มหนังก็เสี่ยงถุงลมอาจออกมาได้ไม่ดีเวลาเกิดอุบัติเหตุ
2.รุ่น1.6แอร์มือหมุน 1.8แอร์ดิจิตัล
3.เครื่องยนต์ต่างกันแบบรู้สึกได้ไหมครับ
4.ไม่มีไฟตัดหมอกทั้งคู่
5.รุ่น1.6ให้ปุ่มstartมาให้ แต่1.8ยังเป็นกุญแจบิดอยู่เลย
6.ออพชั่น1.6Gดันให้มากกว่าอีก แต่1.8Eดีกว่าแค่เรื่องเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า เป็นเพื่อนๆจะเลือกรุ่นไหนครับ
ปล.รถทุกคัน ผมขับไม่เกิน120กม./ชม.
-
1.8 E ครับ
เพราะออฟชั่นพวก push start ไปติดเพิ่มข้างนอกได้ครับ
แอร์มือหมุน ไม่สวยครับ เชย
-
1.6G ครับ ได้เบาะหนังกับปุ่ม start คุ้มแล้วครับ
ขับไม่เร็วไม่ต้องเอาตัว 1.8 เลย เพราะ 1.6 ตัวนี้พลังควายอยู่แล้ว
-
ถ้าไปไหนมาไหนคนเดียวส่วนใหญ่หรือ 2 คนแนะนำเป็น 1.6 ครับแต่ถ้าไปไหนเป็นครอบครัว 4-5 คนแนะนำ 1.8 สำหรับเรื่องภาษีประจำปีแน่นอนครับ 1.8 แพงกว่าอยู่แล้ว
-
1.8 E ขับดีกว่าชัดเจนครับ แยกออกเลย
-
เท่าที่เคยขับมา ผมว่า 1.6G ก็พอครับ ยิ่งจขกท.ขับไม่เร็วอยู่แล้วด้วย แถมออปชั่นตัว 1.6G ได้เยอะกว่า 1.8E ด้วย
-
1.6G ครับ กำลังเหลือๆแล้ว อยากเท่เมื่อไหร่จัดงบติดจอ + กล้องมองหลัง + แอร์ Auto + Cruise control รวมๆไม่กี่หมื่น เท่านี้ผมก็ว่า Option ครบแน่นคันต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว
-
1.6G พอครับ ถ้ายังไม่พอก็ไปรีแฟลชต่อครับ ;D ;D
-
1.8 เหลือดีกว่าขาดเยอะ เบาะไปหุ้มหนังได้ครับ แต่เครื่องยนต์ไปเปลี่ยนทีหลังยากกว่า
-
1.6 ประหยัดดีครับ อัตราเร่งพอตัว
ส่วนเรื่องแอร์ ยังไม่ทีฮีตเตอร์ ก่อปัญหาแน่นอนครับ ผมว่ามือหมุนก็ไม่เป็นไร
-
ไม่เน้นแต่งรถ ไม่เน้นขับเร็ว 1.6G ครับ
อยากถามท่านสมาชิกเพิ่มเติมครับ ว่าเครื่อง 1.6 ซึ่งนิยมในกลุ่ม Taxi ส่วนใหญ่จะทำให้ตอนขายต่อจะยากกว่าเครื่อง 1.8 ไหมครับ
เพราะคนซื้อหรือเต้นท์รถอาจจะกลัวว่าเป็น Taxi มาก่อน เลยอาจจะเน้น 1.8 ไว้ก่อน เพราะน่าจะมีโอกาสเป็น Taxi น้อยกว่า
-
ผมเชียร์1.8 ครับเครื่องยนต์ห่างกันเยอะอยู่ครับ
-
ถ้าปกติไม่ขับรถเร็ว และขับในตัวเมืองเป็นหลัก รุ่น 1.6G ก็คุ้มค่าแล้วครับ
ส่วนตัวผมคิดว่าแค่ได้เบาะหนังจากโรงงานก็คุ้มแล้วครับ แถมยังประหยัดน้ำมันด้วยครับ
-
ตอนผมซี้อก็เจอปัญหาโลกแตกแบบนี้ละครับ คือ ราคาใกล้กันมาก แค่ 5000 บาท
แต่สุดท้ายผมเลือก 1.6G เพราะ
- ผมสายจอด เพราะบินบ่อย
- วิ่งครั้งนึงก็ไม่เกิน 120 - 130 กม/ชม ส่วนใหญ่ไปทำงานสนามบิน
- ไม่ค่อยออกต่างจังหวัด
- ออปชั่นครบ ไม่ต้องแต่งเพิ่ม
ตัวเครื่องยนต์มีการปรับอุปกรณ์ภายนอกเครื่องใหม่ อย่างไส้กรองน้ำมันเครื่อง จากเดิมที่เป็นกรองกระดาษใช้ถ้วยครอบ ก็กลับมาใช้กรองเหล็กเหมือนเดิม
ส่วนอัตราเร่ง เครื่อง 1.6 ตัวนี้ปรับซอฟท์แวร์ใหม่ อัตราเร่งดีกว่าหน้าหมูเครื่อง 1.8 สมัยก่อนซะอีก
และช่วง 80-120 ยังเร็วกว่า Civic FC 1.8 ด้วย (อ้างอิงจากตารางทดสอบในเว็บได้ครับ)
***เพิ่มเติม***
อ้างอิงจากโบรชัวร์ Altis Revision ล่าสุด C02300T-18050 (รูปหน้า 1.8S)
1.8E ยังคงเป็นแอร์มือหมุน เหมือน 1.6G นะครับ
-
อยากถามท่านสมาชิกเพิ่มเติมครับ ว่าเครื่อง 1.6 ซึ่งนิยมในกลุ่ม Taxi ส่วนใหญ่จะทำให้ตอนขายต่อจะยากกว่าเครื่อง 1.8 ไหมครับ
เพราะคนซื้อหรือเต้นท์รถอาจจะกลัวว่าเป็น Taxi มาก่อน เลยอาจจะเน้น 1.8 ไว้ก่อน เพราะน่าจะมีโอกาสเป็น Taxi น้อยกว่า
เดี๋ยวนี้ 1.8E ก็โดนเป็นแท็กซี่เยอะครับ เพราะ 1.6G ขาดตลาด
ตอนขายต่อแค่สังเกตเรื่องทะเบียน ถ้าอยู่ในหมวด 5กX / 6กX / 7กX / 8 กX / 9 กX / 1ขX / 2ขX แบบนี้ไม่ค่อยมีปัญหา
เพราะแท็กซี่ทั้งหมดจะอยู่ในระบบ 8 ปี ก่อนปลดประจำการณ์
ซึ่งตอนนั้นทะเบียนคงเป็น 5จก ไม่ก็ 6จก
หรือสังเกตจากทะเบียนเมื่อเทียบกับรถรุ่นนั้นๆ เช่น รถเก่าแต่ทะเบียนใหม่ ก็ให้สงสัยไว้ก่อนครับ
-
อยากถามท่านสมาชิกเพิ่มเติมครับ ว่าเครื่อง 1.6 ซึ่งนิยมในกลุ่ม Taxi ส่วนใหญ่จะทำให้ตอนขายต่อจะยากกว่าเครื่อง 1.8 ไหมครับ
เพราะคนซื้อหรือเต้นท์รถอาจจะกลัวว่าเป็น Taxi มาก่อน เลยอาจจะเน้น 1.8 ไว้ก่อน เพราะน่าจะมีโอกาสเป็น Taxi น้อยกว่า
เดี๋ยวนี้ 1.8E ก็โดนเป็นแท็กซี่เยอะครับ เพราะ 1.6G ขาดตลาด
ตอนขายต่อแค่สังเกตเรื่องทะเบียน ถ้าอยู่ในหมวด 5กX / 6กX / 7กX / 8 กX / 9 กX / 1ขX / 2ขX แบบนี้ไม่ค่อยมีปัญหา
เพราะแท็กซี่ทั้งหมดจะอยู่ในระบบ 8 ปี ก่อนปลดประจำการณ์
ซึ่งตอนนั้นทะเบียนคงเป็น 5จก ไม่ก็ 6จก
หรือสังเกตจากทะเบียนเมื่อเทียบกับรถรุ่นนั้นๆ เช่น รถเก่าแต่ทะเบียนใหม่ ก็ให้สงสัยไว้ก่อนครับ
แล้วถ้าในทางกลับกันละครับ หากเราเป็นคนขายรถ Altis 1.6 ซึ่งเราใช้เป็นรถบ้าน (ไม่ใช่ Taxi) จะขายออกยากกว่า 1.8 เพราะความเชื่อว่าอาจจะเป็น Taxi ไหมครับผม
ขอบคุณล่วงหน้าครับผม
-
ผมว่า 1.6G ดูจะจบกว่าถ้าไม่ได้ขับเร็ว เบาะผ้าไปหุ้มหนัง มีปัญหากับ Airbag แน่นอนครับ และจะไม่รู้เลยจนกว่าจำเป็นจะต้องใช้งาน airbag และอันที่จริง สมัยผมใช้หน้าแบน 1.6G ขับขึ้น 140-160 ไม่ใช่เรื่องยากนะครับ (ส่วนใหญ่ผมขับคนเดียว) แล้วก็เคยเอาขึ้นปางอุ๋ง น้ำหนาว แบบพากันไป 5 คนของเต็มท้ายรถ ก็ขึ้นดอยได้ชิวๆ เพราะงั้นกำลังเครื่องผมว่าพอครับ ไม่น่าห่วง
แต่ถ้าชอบขับเร็วอยากสนุก เพิ่มเงินแล้วไปเล่น 1.8S หรือตัวที่สูงกว่า ก็ได้ของที่ดีกว่าครับ ลองดูครับผม แต่ถ้างบมีแค่นี้ 1.6G ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่เลยครับ
-
ระบบความปลอดภัยเท่ากัน ผมเลือก 1.8E ครับ
-
อยากถามท่านสมาชิกเพิ่มเติมครับ ว่าเครื่อง 1.6 ซึ่งนิยมในกลุ่ม Taxi ส่วนใหญ่จะทำให้ตอนขายต่อจะยากกว่าเครื่อง 1.8 ไหมครับ
เพราะคนซื้อหรือเต้นท์รถอาจจะกลัวว่าเป็น Taxi มาก่อน เลยอาจจะเน้น 1.8 ไว้ก่อน เพราะน่าจะมีโอกาสเป็น Taxi น้อยกว่า
เดี๋ยวนี้ 1.8E ก็โดนเป็นแท็กซี่เยอะครับ เพราะ 1.6G ขาดตลาด
ตอนขายต่อแค่สังเกตเรื่องทะเบียน ถ้าอยู่ในหมวด 5กX / 6กX / 7กX / 8 กX / 9 กX / 1ขX / 2ขX แบบนี้ไม่ค่อยมีปัญหา
เพราะแท็กซี่ทั้งหมดจะอยู่ในระบบ 8 ปี ก่อนปลดประจำการณ์
ซึ่งตอนนั้นทะเบียนคงเป็น 5จก ไม่ก็ 6จก
หรือสังเกตจากทะเบียนเมื่อเทียบกับรถรุ่นนั้นๆ เช่น รถเก่าแต่ทะเบียนใหม่ ก็ให้สงสัยไว้ก่อนครับ
แล้วถ้าในทางกลับกันละครับ หากเราเป็นคนขายรถ Altis 1.6 ซึ่งเราใช้เป็นรถบ้าน (ไม่ใช่ Taxi) จะขายออกยากกว่า 1.8 เพราะความเชื่อว่าอาจจะเป็น Taxi ไหมครับผม
ขอบคุณล่วงหน้าครับผม
ผมขายไปแล้วครับ 1.6G หน้าแบน สภาพรถบ้านกับรถแท็กซี่ มันต่างกันเยอะมากครับ ตอนที่ผมขาย โพสท์ลงขายดีเที่ยงคืน มีโทรเข้ามาถามตอนเช้า 9 โมงคนนึงแล้วขับรถจากประจวบขึ้นมาดูเลย วางเงินจองทันทีตอนมาถึงช่วงหัวค่ำ แต่ระหว่างวันมีคนขับมาขอดูและลงคิวรอไว้อีก 2 คน เรียกว่าเนื้อหอมมาก ดูขายต่อง่ายมาก รถคันอื่นๆในคลับ NewAltis เท่าที่ผมเคยถาม ก็ขายออกง่ายและไวกว่า 1.8 ด้วย เพราะคนที่ซื้อต่อไปใช้ มักเป็นครู หรือข้าราชการต่างจังหวัด ที่หารถประหยัดๆขับ ไม่ได้เน้นแรง ถ้าตัว 1.8 ที่เน้นแรงมักเป็นวัยรุ่น ก็จะไปตาย Civic แทนซึ่งราคาดีกว่าตอนเป็นมือสอง ผมว่าประเด็นแท็กซี่ไม่ค่อยน่าห่วงครับ คนที่ซื้อต่อจริงดูสภาพออกไม่ยากครับ แท็กซี่นี่จะโทรมมากๆอยู่แล้วจนไม่มีความรู้รถมากนักก็แยกออกได้ถ้าช่างสังเกต
-
ข้อ1นี่สำคัญมากครับ หลายคนกังวลเรื่องถุงลมนี่แหละถ้าเอาไปหุ้ม
อัลติส1.6อัตราเร่งไม่ได้อืดนะ ถ้าไม่ได้ขับเหยียบแหลกเวอร์วัง 1.6Gจบครับ
-
อยากถามท่านสมาชิกเพิ่มเติมครับ ว่าเครื่อง 1.6 ซึ่งนิยมในกลุ่ม Taxi ส่วนใหญ่จะทำให้ตอนขายต่อจะยากกว่าเครื่อง 1.8 ไหมครับ
เพราะคนซื้อหรือเต้นท์รถอาจจะกลัวว่าเป็น Taxi มาก่อน เลยอาจจะเน้น 1.8 ไว้ก่อน เพราะน่าจะมีโอกาสเป็น Taxi น้อยกว่า
เดี๋ยวนี้ 1.8E ก็โดนเป็นแท็กซี่เยอะครับ เพราะ 1.6G ขาดตลาด
ตอนขายต่อแค่สังเกตเรื่องทะเบียน ถ้าอยู่ในหมวด 5กX / 6กX / 7กX / 8 กX / 9 กX / 1ขX / 2ขX แบบนี้ไม่ค่อยมีปัญหา
เพราะแท็กซี่ทั้งหมดจะอยู่ในระบบ 8 ปี ก่อนปลดประจำการณ์
ซึ่งตอนนั้นทะเบียนคงเป็น 5จก ไม่ก็ 6จก
หรือสังเกตจากทะเบียนเมื่อเทียบกับรถรุ่นนั้นๆ เช่น รถเก่าแต่ทะเบียนใหม่ ก็ให้สงสัยไว้ก่อนครับ
แล้วถ้าในทางกลับกันละครับ หากเราเป็นคนขายรถ Altis 1.6 ซึ่งเราใช้เป็นรถบ้าน (ไม่ใช่ Taxi) จะขายออกยากกว่า 1.8 เพราะความเชื่อว่าอาจจะเป็น Taxi ไหมครับผม
ขอบคุณล่วงหน้าครับผม
ผมขายไปแล้วครับ 1.6G หน้าแบน สภาพรถบ้านกับรถแท็กซี่ มันต่างกันเยอะมากครับ ตอนที่ผมขาย โพสท์ลงขายดีเที่ยงคืน มีโทรเข้ามาถามตอนเช้า 9 โมงคนนึงแล้วขับรถจากประจวบขึ้นมาดูเลย วางเงินจองทันทีตอนมาถึงช่วงหัวค่ำ แต่ระหว่างวันมีคนขับมาขอดูและลงคิวรอไว้อีก 2 คน เรียกว่าเนื้อหอมมาก ดูขายต่อง่ายมาก รถคันอื่นๆในคลับ NewAltis เท่าที่ผมเคยถาม ก็ขายออกง่ายและไวกว่า 1.8 ด้วย เพราะคนที่ซื้อต่อไปใช้ มักเป็นครู หรือข้าราชการต่างจังหวัด ที่หารถประหยัดๆขับ ไม่ได้เน้นแรง ถ้าตัว 1.8 ที่เน้นแรงมักเป็นวัยรุ่น ก็จะไปตาย Civic แทนซึ่งราคาดีกว่าตอนเป็นมือสอง ผมว่าประเด็นแท็กซี่ไม่ค่อยน่าห่วงครับ คนที่ซื้อต่อจริงดูสภาพออกไม่ยากครับ แท็กซี่นี่จะโทรมมากๆอยู่แล้วจนไม่มีความรู้รถมากนักก็แยกออกได้ถ้าช่างสังเกต
ขอบคุณมากครับผม :D :D :D
-
เลือกรุ่นที่ไม่ใช่แอร์ดิจิตอล
แฟนผมมี 1.8 esport ปรับแอร์ 28 ข้างนอก 26 ยังออกมาเป็นลมหนาว
ทุกวันนี้ในรถมีผ้าห่มกองไว้ด้านหลังเสมอ
-
ถ้าไม่รีบใช้รถรอดู all new ไม่ดีกว่าเหรอครับ ราวๆปีหน้าก็น่าจะเปิดตัวในไทยแล้ว
-
1.6.ถ้านั่งคนสองคน กำลังพอได้อยู่
แต่สามคนขึ้น รู้สึกมันวิ่งไม่ออก เหยียบมากก็กินเยอะ
1.8 เถอะ
-
1.8 e ไม่ต้องสืบเลยครับ
-
เลือกรุ่นที่ไม่ใช่แอร์ดิจิตอล
แฟนผมมี 1.8 esport ปรับแอร์ 28 ข้างนอก 26 ยังออกมาเป็นลมหนาว
ทุกวันนี้ในรถมีผ้าห่มกองไว้ด้านหลังเสมอ
ตัวที่ไม่ใช่แอร์ออโต้ก็สภาพเดียวกันครับ
-
คิดว่าอัตราการกินน้ำมันคงไม่ต่างกันมาก แต่ได้เครื่องใหญ่ ขับสบายกว่านะครับ
-
เน้นขับอย่างเดียวส่วนตัวผมเลือก 1.8E ครับ เอาเครื่องใหญ่ไว้ก่อน บางทีเครื่องใหญ่ไม่จำเป็นต้องชับซิ่งเสมอไปหรอกครับ แต่ตอนเร่งแซงมันต่างกันจริงๆ แค่วินาทีเดียวมันหมายถึงพ้นหรือไม่พ้นเลยนะครับ อยากให้ไปลองขับดูก่อนอย่ามองแค่ตัวเลขหรือ option ครับ
-
เน้นขับ ไป 1.8
เน้น option ไป 1.6
-
คู่นี้ ถ้าให้ผมเลือก คงจิ้ม 1.6G เพราะอยากได้เบาะหนังนี่แหละครับ
จะเอาเบาะผ้าไปหุ้มเบาะหนังก็คงจะยาก เนื่องจากติดแอร์แบค
และส่วนตัวผมว่าเครื่อง 1.6 มันก็เหลือๆแล้วนะครับ ยิ่งส่วนมากขับคนเดียวด้วย สบายครับ
-
1.8E สิครับ ภายในทำใหม่เองได้ครับ แล้ว 1.8ตัวนี้ แรงดีมาก น่าขับครับ
-
อยากจิ้ม 1.8 แต่ติดเรื่องเบาะผ้ากับถุงลมอย่างเดียวเลย เลือกเองคงเลือก 1.6 ครับ วันๆคงไม่ได้ใช้สมรรถนะมาก
-
ถามส่วนลดเน็ตๆ คันไหนถูกกว่าเอาคันนั้นครับ
-
เอา1.8 ครับ ความประหยัดไม่ต่าง แต่เดินทางไกล เหนื่ิอยน้อยกว่าครับ
-
1.8 เครื่องมาก่อน
-
1.8 สิครับ :-*
-
หลากหลายความคิดมากเลยก็ขึ้นอยู่กับว่าให้ความสำคัญตรงไหนมากกว่า ส่วนตัวผมคงไป 1.6G เพราะขับไม่เร็วนัก เคยขับมาแล้วพบว่าเพียงพอที่สำคัญอยากได้เบาะหนัง ถ้าอยากแรงด้วยไป 1.8ESport ดีกว่า
-
เลือกรุ่นที่ไม่ใช่แอร์ดิจิตอล
แฟนผมมี 1.8 esport ปรับแอร์ 28 ข้างนอก 26 ยังออกมาเป็นลมหนาว
ทุกวันนี้ในรถมีผ้าห่มกองไว้ด้านหลังเสมอ
ตัวที่ไม่ใช่แอร์ออโต้ก็สภาพเดียวกันครับ
แป่ว นึกว่าโดนแต่ตัว auto
โตต้าเค้าคิดอะไรอยู่นะ
Civic E ไม่มี heater ยัง auto แบบคอมตัดต่อได้จริงเลย
ยิ่งแฟนเป็นคนขี้หนาว ขับทางไกลกลางคืนทีไรอยากฟ้องสคบ เรื่องแอร์ออโต้มากๆ
-
เลือกรุ่นที่ไม่ใช่แอร์ดิจิตอล
แฟนผมมี 1.8 esport ปรับแอร์ 28 ข้างนอก 26 ยังออกมาเป็นลมหนาว
ทุกวันนี้ในรถมีผ้าห่มกองไว้ด้านหลังเสมอ
ตัวที่ไม่ใช่แอร์ออโต้ก็สภาพเดียวกันครับ
altis แอร์ดิจิตอลเย็นจริงครับ ใช้ตั้งแต่รุ่นหน้าหมู หน้าแบน ยิ่งฝนตกเย็นมากขนาดปรับ 28
-
ถ้านั่งแค่ 1-2 คนส่วนตัวคงมอง 1.6G น่าสนใจกว่าเยอะ
แต่ถ้านั่งกัน 4-5 คนแบบนี้ค่อยสนใจเครื่อง 1.8
-
1.6G ครับ
-
1.8 E ครับ
เพราะออฟชั่นพวก push start ไปติดเพิ่มข้างนอกได้ครับ
แอร์มือหมุน ไม่สวยครับ เชย
โอ้โหแค่มือหมุนเชยสะแล้ว ;D ;D ;D
-
คุ้มออพชั่น กับ คุ้มสมรรถนะ
เป็นผมเลือกยากเหมือนกันครับ เคยใช้หน้าแบน 1.8 dual vvt-i + cvt มันปรู๊ดปร๊าดทันใจดีมาก แต่ 1.6 g ตัวนี้ก็ถือว่าคุ้มจัด ได้ push start smart entry เบาะหนังจากโรงงาน ทั้งคู่แอร์มือบิด
-
ผมเลือก1800ครับ ผมใช้รุ่น v navi my14 เครื่องแรงแซงไม่เสียวครับ เลือกเครื่องใหญ่ไว้ก่อนเพราะถนนบ้านเราอันตราย กระบะดันรางจี้ตูด ช้าแช่ขวา เลี้ยวซ้ายไม่มองขวาเยอะแยะไปหมด อัตราเร่งที่ดีกว่าสามารถนำเราพ้นจากสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดีกว่าครับ
-
ย้ำอีกครั้งครับ
1.8E แอร์มือหมุน ภายในดำ กุญแจสตาร์ท เบาะผ้า ไม่มีไฟกระจกแต่งหน้า
ที่สำคัญคือ รุ่นไหนที่ไม่มีจอ ก็ไม่มีบลูทูธ ตรงนี้ศรีรับไม่ได้
-
1.6g ครับ เพียงพอ กำลังเครื่องเหลือเฟือ อ็อพชั่นได้ครบโดยเฉพาะพวกคีย์เลส และปุ่มสตาทร์
ซื้อมาแล้วก็เอาไปใส่เครื่องเสียงพร้อมกล้องถอย งบไม่เกิน 1 หมื่น เท่านี้ก็ครบครันแล้วครับ
หรืออยากจะอัพเกรดไฟหน้า Led แบบรุ่นท็อป เดี๋ยวนี้มีของมือสองสภาพใหม่ โคมคู่ละหมื่นกลางๆ ถอดเปลี่ยนพร้อมปลั้กแปลงตรงรุ่นไม่ต้องตัดต่อสายไฟ คุณก็จะได้ไฟหน้าสวยๆสว่างๆแล้ว
และถึงจะเป็นแค่ล้อขอบ 16 แต่ใช้ไปเถอะครับ นุ่มสบายลงตัวสุดแล้ว ขอบ 17 ระยะยาวตึงตังจนน่ารำคาญ
-
เลือกว่าเราอยากได้สิ่งไหนจากรถคันนี้มากกว่ากันครับ มีดีพอตัวทั้งคู่
ที่บ้านมี 1.8E ครับ ขับละมันส์ดี 55
-
สำหรับผมตัวเลือก 1.6G กับ 1.8E ผมไป 1.6G ครับ
ขับหลายครั้ง มันไม่อืดเหมือน 1.6 เดิม VVTI + 4 auto
ถ้าจะได้ 1.8 สำหรับผมออฟชั่นต้องมากกว่า ดังนั้นจะเลือก 1.8 Esport ขึ้นไปครับ
-
ขับ 1.6E ถ้ามีผู้โดยสารไม่เกิน 2 พอ OK แต่ถ้านั่ง 4-5 คน จะเห็นความต่างอย่างชัดเจน ระหว่าง 1.6 กับ 1.8
ยิ่งขึ้นที่สูง เนินเขา สะพานสูงๆ จะยิ่งรู้สึกได้ชัดเจน ส่วนอุปกรณ์ตกแต่งเพื่อความสะดวก ผมเอาไว้เป็นรอง
อย่างเบาะตอนซื้อ 1.6E ก็เบาะผ้า (ไม่ใช่ G) ก็ขอเซลเปลี่ยนเบาะหนังได้