Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: mamaman ที่ สิงหาคม 25, 2021, 11:55:50
-
เมือ ราคา Hybrid ต่ำกว่า ICE
Altis Hybrid vs Civic ICE turbo
ขอเหตุผลเพื่อนอะไรมา ซื้อ ICE 100 % ครับ
หาก ผู้ชื้อชาวไทย ส่วนใหญ่ มองการประหยัด
กลายเป็นว่า Civic ICE turbo น่าจะเกมส์พลาด
แต่หากผู้ซื้อเน้นไปทาง สมรรถนะ
Civic ICE turbo น่าจะปัง
สำหรับผม ถ้าให้เลือกผมขอไป Hybrid เพื่ออนาคต โมดิฟาย เป็น EV ได้ครับ
-
tota hybrid มันแปลงเป็น EV ไม่ได้เลยครับ
civic แรงชนะขาดลอย บำรุงรักษาง่ายกว่า ขายต่อราคาไม่ตกเท่าไฮบริด
สุดท้ายพิสูจน์กันที่ยอดขายครับ ใครก็เดาได้civic กินขาดแบบยอดเป็นเท่าตัวแน่นอน
-
เพราะคนไทยส่วนใหญ่ ยังกลัวการ ซ่อมบำรุง และราคาขายต่อของรถ hybrid
แล้ส altis hybrid ไม่ค่อยแรง ตามตัวเลขในกระดาษ ในความเป็นจริง
แล้วแต่นิสัยการขับของแต่ละคน
-
ผมเกรงว่า ผู้ซื้อชาวไทย จะไม่สนใจความประหยัดน่ะสิครับในปัจจุบัน ..
ราคาน้ำมันเบนซินจะทะลุ 30 บาทแล้ว ไม่มีใครบ่นกันแบบเมื่อหลายปีก่อนที่นิยมติดแก็สหนีน้ำมันแพงกันทั้งประเทศ ..
-----------
เอาล่ะกลับมาตามหัวข้อ ... ผมก็ยังคิดว่าลูกค้าปัจจุบัน น่าจะเลือกที่ สมรรถนะ มากกว่าความประหยัดแล้วนะ ... ดูจากยอดขาย Altis Hybrid ก็น่าจะตอบได้ และอีกอย่างผมว่า การที่รถเครื่อง 1.5 เทอร์โบ แต่เติม E85 ได้ นี่จัดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลย ..
เหตุผลที่ผมยังเลือกซื้อ ICE 100 % ก็เพราะ Hybrid มันไม่แรง ประหยัดไม่ต่างถ้าเทียบกับการเติม E85 แค่นั้นแหละ .... แต่ถ้าจะไปเล่น Hybrid ก็คงเป็นในรถยุโรป เพราะ Hybrid เค้าได้ทั้งแรงและประหยัด ไม่ใช่ Hybrid อืดๆแบบ altis
-
พอเอาคำว่าคุ้ม ที่วัดด้วยเงิน รถไฮบริดโตโยต้าตัว 1.8 Hv
มันอารมณ์เหมือนเก๋งติด LPG แบบพรีเมียมแท้ศูนย์เลยครับ เพราะมันไม่แรง
ประหยัดตก กม.ละ 1.3-1.6 บาท พอๆกับรถติด LPG
ราคาตกพอๆกัน ซ่อมก็คงจะไม่ต่างกกัน หากอายุเยอะ
สุดท้าย ถังเฉลี่ยค่าใช้จ่ายน้ำมัน ราคารถ ความแรง
รถน้ำมันก็ไม่ได้แพงไปกว่ารถไฮบริดเลย
-
ลองไปขับเทียบดูสิครับ ผมชอบสมรรถนะของ Turbo มากกว่า มันสนุกกว่าขับ HV ที่เหยียบไม่ค่อยพุ่งครับ
-
ที่นี่ไม่ใช่ญี่ปุ่น ไม่ใช่ยุโรป
วิธีคิดของคนมันไม่เหมือนกัน
คันใหญ่กว่า แบรนด์หรูกว่า รถสวยกว่า
ลูกเล่นเยอะกว่า
เรื่องประหยัด เรื่องมลพิษ เป็นเรื่องแถมๆขำๆ
ขืนเอามาซีเรียสจะถูกล้อเลียนเปล่าๆ ครับ
-
คนไทยไม่ได้ซื้อรถเงินสด และไม่ได้รวยทุกคนนี่ครับ
นึกเล่นๆ จากสมัยก่อน ผ่อนรถ 4-7 ปี ขายแล้วไปดาวน์คันใหม่
ถ้าเป็น hybrid ต้องลุ้นว่าต้องเปลี่ยนแบตมั๊ย ต้องเก็บตังค์อย่างไร...
ถ้าประหยัดจริง ป่านนี้เราคงได้เห็นแท๊กซี่ใช้ hybrid กันหมดแล้ว
แบตเตอรี่ ค่าขายซากหรือขายรถให้คนขับใช้ต่อ อายุการใช้งาน ล้วนเป็นต้นทุนที่ผู้ขับต้องจ่ายเพิ่มขึ้นทั้งนั้นน่ะครับ
-
อ่อครับ ก้เท่านั้นครับ civic ขายดีอยู่ดีครับเพราะมัน ลงตัวสำหรับคนส่วนมาก ส่วนผมถ้าซื้อก้ fe ครับ
Remap การขับขี่เทียบกับ altis hybrid เรื่องความแรงคนละเรื่องครับ ดึตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ใช่แบบไฮบริด
ที่เก่งไม่เกิน 140 พอเกินไป หงอยเหลือเกิน พูดแล้วก้เซ็ง chr hv ที่บ้านเวลาเอามาขับ ช่วงล่างพร้อม200 ม้า
สบาย แต่อืดดีจริง
-
ถ้า toyota รอ 2.0 hybrid แล้วค่อยมาคุยกัน
1.8 hybrid อืดเกิน
-
มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ Hybrid vs ICE เลยครับ
Altis มันแทบไม่มีอะไรเด่นกว่า Civic เลย แต่ในทางกลับกัน Civic ได้เปรียบเรื่องสมรรถนะมากกว่าชัดเจน และขนาดด้วย
เครื่องไม่แรง แต่ประหยัดน้ำมัน ผมไม่เรียกว่ามันคือข้อดีนะ เพราะมันคือ Trade-off ที่เอาสมรรถนะไปแลกมาต่างหาก
-
ซ่อม Hybrid = ซ่อม EV ซ่อม ICE
ซ่อม ICE = ซ่อม ICE อย่างเดียว
ส่วนตัวไม่เลือก Hybrid แน่นอนครับคู่นี้ เกิน 120 ไปแล้วอย่างเหี่ยว แล้วถ้าไกลถ้าขับเกิน 120 นี่ไม่ได้ประหยัดเลย
-
จากที่ใช้ chr hv อยู่นะครับ ความประหยัดนี่แน่นอน เซฟค่าน้ำมันสบายๆ
แต่มันอืดไปอ่ะ ทั้งๆที่ hybrid ยุโรปแรงและประหยัดได้ ซึ่งช่วงล่างchrนี่ ผมว่ารับ200ม้าได้สบายนะ
เห็น civic ออกใหม่ ยังอยากได้เลยครับ เครื่องเค้าแรงดี 8)
-
ถ้าขอเหตุผลว่าทำไมถึงซื้อ civic turbo แทนที่จะเป็นaltis hybrid เรื่องเครื่องยนต์
1. 1.5T แรงกว่า1.8hv มาก (hybridประหยัดจริง แต่ถ้าเน้นประหยัดมากๆคงไปซื้อeco carแล้วเอาส่วนต่างมาเติมน้ำมันดีกว่ามั้ย)
2. ICEมันทำต่อได้ โมได้ แต่altis hvมันแทบทำอะไรกับระบบไม่ได้เลย ถึงทำประกันขาด จบกัน ส่วนเรื่องเอาhybridเปลี่ยนเป็นEV ผมว่าเป็นไปไม่ได้เลย ซื้อEVใหม่เผลอๆราคาไม่ต่างกับค่าดัดแปลง
3. ไม่ต้องคอยกังวลว่าแบตจะเสื่อม แบตเสื่อมอัตราเร่งdropกินน้ำมันมากขึ้น แต่ICEมันแทบจะstableตลอดอายุการใช้งาน
4. ค่าบำรุงรักษา อันนี้ผม+- civicน่าจะเชคระยะบ่อยกว่า แต่..altisหมดประกัน10ปีอาจต้องเปลี่ยนแบต, rebuildคามร้าน หลักหมื่น+
5. ราคาขายต่อ เป็นที่รู้กันว่าhybridราคาตกกว่าแน่ๆ
-
รถเทอร์โบยังไงก็ไปได้อีกหลายสเต็ป ส่วนไฮบริดได้แค่ไหนก็แค่นั้นต่อให้ปลดล้อคก็ได้เพิ่มนิดเดียว
-
ผมว่าคนส่วนใหญ่มันดันไม่เลือก Hybrid น่ะสิครับ
ดีไม่ดีคนจะเอาไปเทียบกับ City E-Hev ซะอีก ถ้าจะซื้อ Altis Hybrid แล้วมาเน้นประหยัด
-
ไล่อ่านคอมเม้นลงมา มันก็เป็นไปตามที่เคยฟังสัมนามาจริงๆ
ว่า user คำนึงเรื่องค่าใช้จ่ายโดยรวม และสมรรถนะความสนุก
ไม่ได้มองไปถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ
ในระดับสากลถึงได้พยายามสร้างกฎหมายมลพิษ และยกระดับความเข้มงวด
มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อมุ่งบังคับไปยังผู้ผลิต
ในกรณีนี้ ถ้ามองในแง่การขาย ถูกใจลูกค้า Honda คงตอบโจทย์ได้เต็มๆ
แต่ในแง่ผู้ผลิตที่ต้องอยู่ภายใต้ regulation ต่างๆ อย่าง Carbon neutralize
ทาง Honda จะทำยังไงในเมื่อยังปล่อย product ที่คายมลภาวะแบบนี้อยู่
หรือจริงๆ แล้วก็แอบๆ ทำอะไรอย่างที่ VW หรือ Mitsubishi เคยทำรึเปล่า?
-
ไม่กลัว hybrid toyota ไม่ได้หลงไหล vtec/turbo แต่ดูยังไง civic ก็น่าขับกว่า altis
City ก็น่าขับ Yaris/Ative
แค่จับพวงมาลัยก็เกิดความแตกต่าง มองขอบประตู วัสดุ ยิ่งไปกันใหญ่ เสียดายความอึด ถึก ทน ซ่อมไม่แพง มาแพ้ผิวสัมผัส และบรรยากาศในห้องโดยสาร
-
ไฮบริดที่ว่ามามันเป็นไฮบริดทุนต่ำและโบราณ
ประหยัดแค่พอได้ ส่วน performance ไม่มี
ส่วน ice ที่ว่ามา มันยังเป็นของค่อนข้างใหม่ในตลาดรถบ้าน
ประหยัดพอได้ แต่ performance จัดว่าดี ไปต่อก็ง่าย
นี่ยังไม่ได้คิดไปถึงเรื่องราคาอะไหล่ ราคาขายต่อ ฟีเจอร์ของรถ
ใครพอใจแบบไหนซื้อแบบนั้น
แต่คนจะควักเงินล้านซื้อรถสักคันคงคิดอยู่บ้าง
ตลาดมันจะตัดสินเอง
-
ผมมองว่า ฐานลูกค้าส่วนใหญ่ ถ้ามีกำลังออกรถ c-segment ซักคันนึง
ประเด็นเรื่องความประหยัดเชื้อเพลง มันไม่ใช่ primary ที่จะเอามาตัดสินชี้ขาดได้
และถึงได้ มันก็ไม่ได้เป็น primary ของผู้ซื้อทุกคน
ถ้า weight สองอย่าง ระหว่าง ประหยัด vs สมรรถนะ ตัวเลขยอดขายบอกเราว่าอย่างหลัง
ส่วนอย่างแรกมันมีประเด็นการ maintanance ที่คอยสร้างความกังวลอีก
(แต่ในความเป็นจริง มันมีเรื่อง ขนาด หน้าตา ภายนอก ภายใน การขับขี่ เข้ามาร่วมด้วย)
fc 1.8 คือคำตอบที่ชัดที่สุด สำหรับรถ segment นี้ในตลาดบ้านเรา เหมือนว่า honda เค้าตีโจทย์แตกกว่า
นำเสนอจุดที่ตัวเองทำได้ดี ได้ชัดเจนและมองเห็นจับต้องได้ง่าย
ส่วน hybrid ก็ทำมาขายเหมือนเป็นทางเลือกให้
เดี๋ยว h-rv มาก็เหมือนกับ ปูพรม b-car , c-car , compact suv กลุ่มลูกค้าโคตรใหญ่รออยู่ละ
คนจะออกรถ มันต้องมีของ honda อยู่เป็นตัวเลือกมั่งแหละ
-
ผมว่า รถ ที่เป็นเครื่อง hybrid หรือ ไม่ใช่ แล้วกลุ่มลูกค้าจะเลือกอะไรมากกว่ากัน เช่น altis หรือ civic ตัวการบำรุงรักษาและขายต่อก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ลูกค้าอาจจะกังวลโดยเฉพาะการซ่อมระบบ Hybrid ในระยะยาว
ส่วนเรื่องกำลังเครื่องก็แล้วแต่รุ่น อย่าง camry เอง เป็น hybrid ที่ไม่อืด
แต่ผมว่าในส่วนของ altis กับ civic มันอาจจะมาจาก องค์รวมของตัวรถ ที่ civic อาจจะโดดเด่นกว่า กับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อรถระดับนี้ นอกจากความแรง ทั้งภายนอก ภายใน เพราะพอดูตัว cross เครื่องเดียวกันอืดเหมือนกัน ก็ยังขายดี แต่อาจจะมีปัจจัยที่คู่แข่งสำคัญปลายอายุ แต่ก็ทำให้เห็นว่า ลูกค้าปัจจุบันน่าจะยอมรับรถ hybrid ได้มากขึ้น ถ้ารวมๆ ของรถมันตอบโจทย์
-
chr ตัวเบนซิน ไดโน่ได้ประมาณ 120 คิดว่าตัวไฮบริดจะเหลือสักเท่าไหร่ครับ 555
แล้วจะไปแข่งกับซีวิคโบได้ไง ผมยังมองไม่ออกเลย
https://www.youtube.com/watch?v=u7lZ4M0Ces0 (https://www.youtube.com/watch?v=u7lZ4M0Ces0)
-
เลือก Civic ครับ เวลาขับทางไกล จังหวะเร่งแซงดีๆ มันมีความสำคัญกับ ชีวิต มากกว่า
เจอบ่อยเลย พวกขับช้าแช่ขวา พอเราจะแซงซ้าย ม่าง มาเร่งแข่ง หวงทางข้างหน้าซะงั้น
เอารถอืดวิ่ง จังหวะตรงนั้น อาจจะหมดไป หรือ เป็นอันตรายมากเลย
เรื่องการกินน้ำมัน เครื่อง 1.5 T ตัวนี้ไช่ย่อย
ถ้าขับเนียนๆ รู้จักจังหวะหลอกให้เกียร CVT ลงต่ำๆ
ทางไกล น่าจะได้ ป้วนเปี้ยน 19-20 km/lit พอได้นะ
Hybride ใน c segment ญี่ปุ่น มันไม่น่าใช้ ได้แค่ความเถสียรกว่ายุโรปและประหยัดน้ำมัน แค่นั้น
ยังไงก็ไม่เอา
-
โตโยต้ามีของดีแต่ กักไว้ไม่เอามาขาย ทำไมจะทำให้ 1.8 ไฮบริดมันแรงกว่านี้ไม่ได้ ผมว่ามันทำได้เพราะพรีอุสมันยังเร็วกว่านี้ได้ แคมรี่ทำได้
แต่เพราะต้องกักนั่นแหละ กลัวว่าจะกระทบยอดรถแคมรี่รถราคา1.8 ล้าน ในเมื่อครอส อัสติสมันขายได้ราคาครึ่งเดียว ก็เอาสมรรถนะไปแค่นี้แหละ
ผมคนนึงที่เป็นสาวกโตโยต้าตั้งแต่ขับวีออสเห็บหมาตั้งแต่เรียนจบ แล้วทำงาน ใช้ไป 9 ปียอมรับว่าใช้ดีมาก แรงประหยัด จนจะเปลี่ยนรถรอเจ้า
อัลติสมา ครอสมา แต่ผมอกหัก ฝันสลาย รับไม่ได้รถ พศ นี้มันแรงได้แค่นี้เหรอ
จนตอนนี้ผมจะบอกโตโยต้าว่า ผมออก civic EL+ มาขับได้อาทิตย์กว่าๆ แล้วครับ ชีวิตผมเหมือนเจอเนื้อคู้ที่รอมานานแสนนาน ผมจบแล้วครับ
-
ที่นี่ไม่ใช่ญี่ปุ่น ไม่ใช่ยุโรป
วิธีคิดของคนมันไม่เหมือนกัน
คันใหญ่กว่า แบรนด์หรูกว่า รถสวยกว่า
ลูกเล่นเยอะกว่า
เรื่องประหยัด เรื่องมลพิษ เป็นเรื่องแถมๆขำๆ
ขืนเอามาซีเรียสจะถูกล้อเลียนเปล่าๆ ครับ
ฮอนด้าหรูกว่าโตโยต้ายังไงครับ
-
เพราะลูกค้าของ 2 รุ่นนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานยังสนุกกับการขับรถ ชอบแรงดีมากกว่าประหยัด
แถม Altis หน้าตาก็ไม่โดดเด่น แคบกว่าด้วย คนที่จะใช้คือคนที่ต้องการความเชื่อมั่นใน brand มาก่อน
ไม่เกี่ยวกับ Hybrid หรือน้ำมันเท่าไหร่หรอกครับ อยู่ที่สวยถูกใจ+แรง เท่านั้นแหละ
ลองโตต้าเอา Hybrid มาแต่up เครื่องให้แรงกว่านี้ ยอดอาจจะสูสีขึ้นก็ได้แต่คงไม่ทำหรอกเค้าเปลี่ยนแนวทางแล้ว
-
Hybrid ไม่สามารถ Modify ให้เป็น EV 100% ได้นะครับ
แต่ข้อดีของรถยนต์ Hybrid กับ Plug-in Hybrid ก็คือ
-ประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป
-ขับสนุกทั้ง EV Mode และ Mode น้ำมัน
-ค่าบำรุงรักษาดีกว่า ถูกกว่า ซ่อมง่ายกว่า รถที่ติด LPG
-ถ้าคุณเลือกรถยนต์ Hybrid/PHEV ละ ดีกว่าที่คุณไปเลือกรถยนต์น้ำมันแล้วน้ำมันราคาขึ้น ต้องการติดแก๊ส LPG คงแพงน่าดูครับ และ ไม่ได้ช่วยให้ประหยัดน้ำมันขึ้นมาเลยครับ แถมพอใช้งานไปนานๆ เริ่มมีปัญหาจุกจิก ซ่อมง่าย แต่ค่าซ่อมแก๊ส LPG แพงกว่าแบตเตอรี่ Hybrid/PHEV
-ถ้าคุณใช้โหมด EV บ่อยๆในช่วงออกตัวครั้งแรกในแต่ละวัน น้ำมันในรถ Hybrid/PHEV อยู่ได้ถึง 1 เดือนเลยทีเดียวครับ (น้ำมันในรถเบนซิน ติดแก๊ส LPG อยู่ได้นานถึง 15 วัน (เท่ากับน้ำมันในรถ Diesel) ถ้าใช้ LPG คู่กับน้ำมันเบนซิน แต่ถ้าน้ำมันในรถเบนซินแบบไม่ติดแก๊ส LPG เลยละ อยู่ได้นานถึง 7 วันครับ)
-
ที่นี่ไม่ใช่ญี่ปุ่น ไม่ใช่ยุโรป
วิธีคิดของคนมันไม่เหมือนกัน
คันใหญ่กว่า แบรนด์หรูกว่า รถสวยกว่า
ลูกเล่นเยอะกว่า
เรื่องประหยัด เรื่องมลพิษ เป็นเรื่องแถมๆขำๆ
ขืนเอามาซีเรียสจะถูกล้อเลียนเปล่าๆ ครับ
ฮอนด้าหรูกว่าโตโยต้ายังไงครับ
หลับตาลงสิครับ หายใจช้าๆ แล้ว
ถ้า ได้ยินชื่อ Toyota นึกถึงรถลักษณะไหน
ได้ยินชื่อ Altis นึกถึงรถแบบไหน จินตนาการว่าคนขับเป็นยัง
แล้วถ้าได้ยินชื่อ Honda ล่ะ จะนึกถึงรถบุคลิกแบบไหน
และถ้าได้ยินชื่อ Civic ล่ะครับ นึกถึงอะไรเกี่ยวกับชื่อนี้บ้าง
ทั้งหมดมันเป็นอิมเมจ และจะทำให้เรานึกต่อไปถึงลักษณะของคน
ที่จะอิมเมจถึงเราเมื่อได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของรถคันนั้น
-
รถกลุ่มนี้ลูกค้าเน้นแรงครับ
ถ้าไฮบริดของอัลติสแรงแบบ ไฮบริดของ camry นั่นละถึงจะสูสี
-
ไล่อ่านคอมเม้นลงมา มันก็เป็นไปตามที่เคยฟังสัมนามาจริงๆ
ว่า user คำนึงเรื่องค่าใช้จ่ายโดยรวม และสมรรถนะความสนุก
ไม่ได้มองไปถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ
ในระดับสากลถึงได้พยายามสร้างกฎหมายมลพิษ และยกระดับความเข้มงวด
มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อมุ่งบังคับไปยังผู้ผลิต
ในกรณีนี้ ถ้ามองในแง่การขาย ถูกใจลูกค้า Honda คงตอบโจทย์ได้เต็มๆ
แต่ในแง่ผู้ผลิตที่ต้องอยู่ภายใต้ regulation ต่างๆ อย่าง Carbon neutralize
ทาง Honda จะทำยังไงในเมื่อยังปล่อย product ที่คายมลภาวะแบบนี้อยู่
หรือจริงๆ แล้วก็แอบๆ ทำอะไรอย่างที่ VW หรือ Mitsubishi เคยทำรึเปล่า?
ต้องบอกว่ามนุษย์ก็ยังเห็นแก่ตัวอยู่ดีครับ
ถ้าถามผม สมมติเลยนะ ถึงสมรรถนะเท่ากันเลย แต่ hybrid ราคาตกกว่า ค่าบำรุงแพงกว่า ICE ผมก็ยังลังเลที่จะซื้อ
ถ้าสมรรถนะดีกว่าแบบฉีกไปเลยเช่น plug-in hybrid ก็ว่าไปอย่าง
เป็นหน้าที่ของรัฐบาลด้วยครับ ที่ต้องผลักดัน เช่น ถ้าใจดีก็ให้สิทธิที่จอดรถสถานีรถไฟฟ้าใหญ่ หรือเมกา ให้เลนเฉพาะ EV หรือ ใจร้ายทำแบบอังกฤษ คือคิด Co2 Tax รถเข้าเมือง london งี้ อาจจะจูงใจมากขึ้น
ปล.เวลาขับรถแล้วเจอกระบะควันดำพ่นหมึกแค่คันเดียวก็รู้สึกว่า เออ มันน่าจะปล่อยมลพิษ = รถ ICE ธรรมดา เป็น 100 คันละมั้ง แล้วก็เห็นเต็มบ้านเต็มเมือง
-
อันนี้ผมต้องยอมรับล่ะครับว่า พอมาถึงเลเวลคนธรรมดาทั่วไปสำนึกรักสิ่งแวดล้อม เทียบกับ ต้นทุนการครอบครอง และ ความสนุกในการขับขี่ สองปัจจัยหลังมีผลมากกว่า
ผมคงจะเลือก HYBRID ถ้าผมวิ่งเยอะขับต่อปี 30,000 ถึง 40,000 กิโล และขายรถก่อนสิบปี ปีนึงผมคงประหยัดมากกว่าเครื่องเทอร์โบได้ปีละ 30,000 - 40,000 บาท เพื่อ ยอมแลกกับสมรรถนะที่ลดลงแต่ได้ประหยัดค่าน้ำมันก็คุ้มแล้ว
แต่ปัจจุบันโจทย์ผมขับที่ 10,000 - 20,000 กิโลต่อปี คิดว่าน่าจะเก็บรถใช้เกินสิบปี หลังสิบปีไม่ต้องกังวล ค่าแบต ค่าอินเวอร์เตอร์ ค่า ABS ที่รวมๆน่าจะเกือบ 200,000 บาท พร้อมกับได้อัตราเร่ง 0-100 ที่ขับสนุกกว่า เครื่องเทอร์โบดูเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว
-
ณ ตอนนี้ ผมว่า Civic น่าใช้กว่าครับ เพราะเครื่อง turbo ขายต่อราคาดีกว่า Hybrid แน่นอน เอามาชดเชยค่าน้ำมันส่วนต่างได้
อีกอย่าง คือ เครื่อง 1.5 ในเมืองก็คงไม่เลวร้าย แต่แน่นอน น้อยกว่า Hybrid แน่ๆ
สรุป ตอนนี้ไป Civic ครับ ตัว EL เหลือๆ ส่วน Corolla Hybrid ต้องส่วนลดมาไม่ต่ำกว่าแสน ถึงซื้อครับ
-
สำหรับผมถัดจากรถที่ใช้น้ำมัน จะต้องเป็นรถไฟฟ้า100% ทำให้ผมไม่มองพวกรถhybrid
เหมือนที่toyotaพยายามดันมากลายปี ผมเกรงว่าโตโยต้าอาจจะเป็นแบบnokia หรือkodak
ที่ตกยุค ตามยุคสมัยไม่ทัน จึงโดนคัดสรรออก
-
หลักๆ มันไม่ได้อยู่ที่เครื่องยนต์เลย ไม่เกี่ยวกับ hybrid หรือturbo ด้วย มันอยู่ที่คันไหนสวยกว่าใหญ่กว่า กันต่างหาก เรื่องอื่นแค่ เรื่องรองๆ ทั้งนั้น ถ้าถามในนี้ แน่นอน ส่วนใหญ่ชอบขับรถ เลือกเครื่อง turbo แน่นอน แต่คนส่วนไปไม่ได้ให้ความสำคัญขนาดนั้น ดูจากยอดขาย ดูอย่าง civic FC ตัวที่ขายดีไม่ใช่รุ่น turbo เลย
-
altis มันติดภาพลักษณ์แท็กซี่ไปแล้ว ใครขับจะโดนเหน็บเป็นประจำ
ข้อดีในอดีตที่คนชอบคงเป็น อึด ถึก ทน แต่ปัจจุบันไม่แน่ใจว่ายังเป็นแบบนั้นอยู่หรือเปล่า
-
ไล่อ่านคอมเม้นลงมา มันก็เป็นไปตามที่เคยฟังสัมนามาจริงๆ
ว่า user คำนึงเรื่องค่าใช้จ่ายโดยรวม และสมรรถนะความสนุก
ไม่ได้มองไปถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ
ในระดับสากลถึงได้พยายามสร้างกฎหมายมลพิษ และยกระดับความเข้มงวด
มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อมุ่งบังคับไปยังผู้ผลิต
ในกรณีนี้ ถ้ามองในแง่การขาย ถูกใจลูกค้า Honda คงตอบโจทย์ได้เต็มๆ
แต่ในแง่ผู้ผลิตที่ต้องอยู่ภายใต้ regulation ต่างๆ อย่าง Carbon neutralize
ทาง Honda จะทำยังไงในเมื่อยังปล่อย product ที่คายมลภาวะแบบนี้อยู่
หรือจริงๆ แล้วก็แอบๆ ทำอะไรอย่างที่ VW หรือ Mitsubishi เคยทำรึเปล่า?
ต่างประเทศกฎหมายเขาแรงไม่เหมือนไทย eu5 eu6 ทั้งหลาย
หันกลับมาไทย ดูพวกรถกระบะดีเซล ภาษีแสนถูก ทุกวันนี้ยังขายกันชิล ๆ แถมบางคนมีถอด DPF ออกด้วยซ้ำไป ไม่รู้ต่อภาษีผ่านได้ไง
อนาคต รถยุโรปเครื่องดีเซลทั้งหลาย ที่เขาไม่ใช้คงมาเลอะทิ้งที่ไทย
-
คนนิยม Civic 1.5 Turbo เหตุผลมีแค่ 2 ข้อ ครับ 1.รถสวย 2.แรง
ถ้าซื้อให้ขับ ผมเลือก Civic 1.5 Turbo แน่นอน
แต่ถ้าให้ซื้อเอง ผมเลือก Altis 1.8 Sport เบนซินล้วน ไม่เอา Hybrid
ผมเน้นใช้งานระยะยาว 10 - 20 ปี ดังนั้นขอใช้แบบสบายใจดีกว่า
-
หลักๆ มันไม่ได้อยู่ที่เครื่องยนต์เลย ไม่เกี่ยวกับ hybrid หรือturbo ด้วย มันอยู่ที่คันไหนสวยกว่าใหญ่กว่า กันต่างหาก เรื่องอื่นแค่ เรื่องรองๆ ทั้งนั้น ถ้าถามในนี้ แน่นอน ส่วนใหญ่ชอบขับรถ เลือกเครื่อง turbo แน่นอน แต่คนส่วนไปไม่ได้ให้ความสำคัญขนาดนั้น ดูจากยอดขาย ดูอย่าง civic FC ตัวที่ขายดีไม่ใช่รุ่น turbo เลย
+1
คนซื้อ civic เพราะมันดูภาพลักษณ์ดีกว่า รสนิยมดีกว่า แม้ว่าจะราคาเท่ากัน
แถมภายใน civic ก็กินขาด ดูผู้ดีกว่าเยอะ
Altis โฉมที่แล้วมันยังพอขายได้ในกลุ่มที่เน้น ทนถึก กว้างนั่งสบาย
แต่เจนปัจจุบันเหลืออะไรบ้าง พื้นที่ภายในก้เล็กลงชัดเจน การออกแบบภายในก็สู้ไม่ได้
อาจจะเหลือทนทานอยู่ แต่ก็ไม่เท่าแต่ก่อนเพราะมี Hybrid พ่วงอยู่
สรุป Altis ตอนนี้จุดขายคืออะไรครับ ผมยังมองไม่เห็นนอกจาก เน้นประหยัดน้ำมันเท่านั้น
-
โคโรล่าอัลติส จะชนะก็ตรงหน้าตาสวยกว่าซีวิคใหม่นี่แหละครับ ซีวิคมันไม่สวยอะไรเลย กับเกียร์e-cvt เป็นเฟืองไม่ใช่สายพานครับ. ส่วนไฮบูดเฮ้ย ไฮบริด มันไม่น่าสนใจตรงค่าแบตแหละครับ มีนมีอายุการใช้งาน ระบบซับซ้อนช่างทั่วไปซ่อมยากกว่าผูกโบแน่ๆ. ถึงแม้ไส้ในมันจะลดการสึกหรอไปได้เยอะเพราะมีมอเตอร์ช่วยออกตัว. แต่ไม่ชอบนิสัยโตโยต้าชอบกั๊กและดันแต่ไฮบริดเกินไป ทำตัวเหมือนนิสสันไม่ยอมเข้าใจรสนิยมคนไทยเลยครับ. เก่งแต่ทุ่มตลาดตีตั๋วเด็กตอนมาทีหลัง
-
ถ้าอยากมองตื้นๆ คิดง่ายๆครับ รถสวย แบรนด์ได้ แค่นั้น เอาฮอนด้า แล้วไปลุ้นสนิมเอาอีกที สนิม ผุแล้วผุเลย ถ้าปัญหานี้แก้ไม่ขาด ผมไม่กล้าหรอกครับ ขอดูไปสักระยะก่อนดีกว่า
ขับในเมือง รถเทอร์โบ เร่งๆเบรคๆ ถ้าคนอยู่ กทม รถไฮบริดยังไงก็น่าใช้ ในเมือง 18-20 km/l ส่วนรถสันดาปเดิมๆ มีเทอรโบ ยังไงก็ 8-10 km/l ซึ่งผมขับในเมืองแทบทุกวัน จ่ายกับข้าว ไปทำงาน ส่วนทางไกลนี่นานๆที ไม่ได้ไปทุกวัน คือรถไฮบริดเนี่ย มัน 18-24 km/l ในการขับแบบปกติ ทุกที่ ทุกเวลา แบบไม่ต้องพยายาม สบายๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมาคอยเสียบปลั้ก จ่ายค่าไฟ เพื่อจะให้มันประหยัดระดับ 18-20 km/l แบบรถยุโรปด้วย (ไฟก็ไม่ได้ฟรี ชาร์ตไฟบ้านก็มีค่าไฟ) เอาง่ายๆ ว่าขับได้ราวๆ 700 km ต่อถัง
ส่วนใครที่บอก E85 ประหยัด เคยเอามาคำนวนจริงๆ ไม่ได้ดีกว่า E20 95 ขนาดนั้น เข็มน้ำมันมันลงโหดมาก รถจ่ายน้ำมันมากขึ้นเยอะ กินโหด เข็มตกไว ถ้าในเมืองเดิมๆ 8 เติม e85 นี่มี 6-7 km/l หลังๆ เติม 95 เอา ขี้เกียจแวะปั้มบ่อยๆ
จากที่อัพมาจากรถสันดาป ผมไม่กลับไปใช้ละครับ รอไปไฟฟ้าทีเดียว ตอนลงเขา ใช้ Regen brake ช่วย ลงเขาสบาย ไม่อันตราย สลับกับเบรคปกติ ไม่ร้อน ขึ้นเขา มอเตอร์ไฟฟ้า มันมีทอร์คต้นช่วย ขึ้นได้ ประหยัดน้ำมันกว่ารถน้ำมันพอสมควร รถไฮบริดโตโยต้าใหม่ๆ regenerative เบรค หน่วงแรง แบบลงเขาลากยาวๆสบายๆ ไม่ยากไม่ลุ้น ขึ้นเขาก็สบาย ไม่ต้องสนเกียร์ พิสูจน์มาแล้วกับกาญจนบุรี + เชียงใหม่
ส่วนขับทางไกล เครื่องยนต์ติดๆ ดับๆ สลับกัน และเป็น NA ไม่มีเทอร์โบ รถไม่มีชิ้นส่วนเทอร์โบให้สึกหรอเพิ่ม ไม่มี heat soak ให้ต้องลุ้นเวลาเดินทางไกล ถึงจะบอกว่าต้องดูแลทั้งสองอย่าง แต่เครื่องยนต์ดับ ครึ่งติดครึ่ง แถมทำงานสบายกว่า มันก็เหมือนทำงานแค่ครึ่งเดียว ที่รถไฮบริดโตโยต้า ให้ใช้น้ำมันเครื่องเบอร์ 20 ตอนแรกผมก็สงสัย พอขับทางไกลจริงๆ ห้องเครื่องมันเย็นเวอร์มาก แทบไม่มีความร้อน คิดว่าช่วงอุณหภูมิการทำงานมันต่ำกว่ากันพอสมควรเลยทีเดียว
ตัดภาพมารถเทอร์โบ ก็มีเทอร์โบ มีอินเตอร์คูลเลอร์ มีเกียร์ CVT ที่ต้องซ่อมบำรุงเพิ่ม รถไฮบริด มีแบต มีอินเวอร์เตอร์ แต่แบตก็รับประกัน 10 ปี ซึ่งผมน่าจะเปลี่ยนรถไปก่อนแล้ว
รถเทอร์โบ ใช้ๆไป แกนเทอร์โบ เทอร์โบซีล ความเสียหายจากความร้อนในระยะยาว ปัญหา CVT สึกหรออีก แต่ถ้าขายทุกห้าปี ก็อาจจะไม่ต้องคิดมาก ยกเว้นสนิมที่อาจจะฉุดราคาขายต่อ
Hybrid Toyota ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ส่วนตัวก็เคยคิดจะลองไป turbo แต่พอได้ขับ prius ที่เป็นรถสำนักงานบ่อยๆ ขับจนจะเป็นซากรถละ มันก็ไม่เห็นจะเสียอะไรเท่าไหร่ อินเวอร์เตอร์ไม่พัง ส่วนแบตได้เปลี่ยนฟรี แถมเติมน้ำมันทีขับกันลืม จนสุดท้ายก็มาออกไฮบริดใช้เองจนได้
ส่วนตัว Civic มันก็น่าขับ ระบบช่วยเหลือการขับก็จัดเต็มทุกรุ่นย่อย ถ้าจะรู้สึกว่าน่าใช้ก็ตรงนั้น แต่ถ้าให้ลุ้นสนิม กับการกินน้ำมันเพิ่มขึ้น ผมไม่เอา ไปเอา CHR หรือ Cross ดีกว่า คือเหมือน Cross มันมาแก้ปัญหาความแคบของ Altis แลกกับเบรคมือไฟฟ้า หรือจะเป็น CHR ถ้ายังไงผมก็ไม่ได้แคร์คนด้านหลังขนาดนั้น (มันก็กว้าง แค่ทึบๆ เฉยๆ)
ถ้าจะด่า Toyota น่าด่าเรื่องทำไมไม่เอา 2.0 Hybrid มาขาย มันทำให้คนติดภาพว่า Hybrid มันต้องอืด ต้องช้า ทั้งที่จริงๆ ใน Camry Hybrid อัตราเร่งมันทรงพลัง ทันใจกว่า 2.5g เยอะมาก อย่างน้อยจะได้สร้างประสบการณ์การขับขี่ดีๆให้ลูกค้า (เช่น City ehev)
https://youtu.be/cu7bU_ZXDl0
-
ถ้าโจทย์นี้เลือกยากครับ civic ตัวรถดีมาก แต่มาเสียตรงงานประกอบกับปัญหาสนิม ที่ honda ไม่ยอมแก้ไข เลยขอบาย honda ยาวๆเลย ไม่อยากมาเสี่ยงสนิม ส่วน toyota ก็กั๊กเหลือเกิน ในเมื่อ honda กด 1.5 T มาในราคาจับต้องได้ แต่ทำไมตัวเอง เอาเครื่อง Hybrid รุ่นใหม่ๆมาไม่ได้ อย่ามาอ้างว่า เอามาแล้วทำราคาไม่ได้ ผมไม่เชื่อ
-
อ่าน เหตุผลแต่ละท่าน
ค่ายรถไทย นี่ ปวดตึบๆ แน่ครับ เดาใจ User ยากมากๆ
-
ต้องบอกว่ามนุษย์ก็ยังเห็นแก่ตัวอยู่ดีครับ
ถ้าถามผม สมมติเลยนะ ถึงสมรรถนะเท่ากันเลย แต่ hybrid ราคาตกกว่า ค่าบำรุงแพงกว่า ICE ผมก็ยังลังเลที่จะซื้อ
ถ้าสมรรถนะดีกว่าแบบฉีกไปเลยเช่น plug-in hybrid ก็ว่าไปอย่าง
เป็นหน้าที่ของรัฐบาลด้วยครับ ที่ต้องผลักดัน เช่น ถ้าใจดีก็ให้สิทธิที่จอดรถสถานีรถไฟฟ้าใหญ่ หรือเมกา ให้เลนเฉพาะ EV หรือ ใจร้ายทำแบบอังกฤษ คือคิด Co2 Tax รถเข้าเมือง london งี้ อาจจะจูงใจมากขึ้น
ปล.เวลาขับรถแล้วเจอกระบะควันดำพ่นหมึกแค่คันเดียวก็รู้สึกว่า เออ มันน่าจะปล่อยมลพิษ = รถ ICE ธรรมดา เป็น 100 คันละมั้ง แล้วก็เห็นเต็มบ้านเต็มเมือง
กะบะ 200 ม้า ไปแรีแมบ พ่นหมึก ภาษี ต่ำกว่า Eco car และ Hybrid ครับ
ย้อนแยงมั้ยละ 555555
-
สุดท้ายทั้งสองค่ายก็รีดทุกอย่างลดต้นทุนเพื่อทำกำไรสูงสุด...ไฮเทคโลว์คอส
-
ที่ทำงานมี Camry Hybrid ACV50 ตัวแรก วิ่งไป 3 แสนกว่าโล ไม่เห็นจะมีปัญหาระบบ Hybrid เลยนะครับ
-
รถ Hybrid ในสายตาคนไทย มันไม่เคยเป็นรถประหยัดนะครับ
แต่ไหนแต่ไร ก็ได้ชื่อว่าเป็นรถที่ค่าบำรุงรักษาแพง ไม่คุ้มค่าน้ำมันที่ใช้น้อยลง
-
Civic น่าใช้กว่ามาก ทั้งภายใน ภายนอก option
ถ้าเน้นประหยัด น้ำมันไป altis ภาษี hybrid ต่ำกว่า ราคาถูกกว่า
-
ไล่อ่านคอมเม้นลงมา มันก็เป็นไปตามที่เคยฟังสัมนามาจริงๆ
ว่า user คำนึงเรื่องค่าใช้จ่ายโดยรวม และสมรรถนะความสนุก
ไม่ได้มองไปถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ
ในระดับสากลถึงได้พยายามสร้างกฎหมายมลพิษ และยกระดับความเข้มงวด
มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อมุ่งบังคับไปยังผู้ผลิต
ในกรณีนี้ ถ้ามองในแง่การขาย ถูกใจลูกค้า Honda คงตอบโจทย์ได้เต็มๆ
แต่ในแง่ผู้ผลิตที่ต้องอยู่ภายใต้ regulation ต่างๆ อย่าง Carbon neutralize
ทาง Honda จะทำยังไงในเมื่อยังปล่อย product ที่คายมลภาวะแบบนี้อยู่
หรือจริงๆ แล้วก็แอบๆ ทำอะไรอย่างที่ VW หรือ Mitsubishi เคยทำรึเปล่า?
Hybrid หรือแม้กระทั่ง EV ก็ไม่ได้สะอาดอย่างที่คิดครับ ต้นทุนคาร์บอนจากการผลิตรถไฮบริดและ EV นั้นสูงกกว่ารถ ICE เยอะเหมือนกันนะครับโดยเป็นผลมาจากการผลิตแรร์เอิร์ทมาทำแบตเตอรี่ เมื่อสักปีที่แล้วผมอ่านการวิเคราะห์เจอว่า ถ้าคำนึงถึงการผลิตตั้งแต่ต้นทาง กว่ารถ EV จะผลิตคาร์บอนน้อยกว่ารถ ICE ถ้าคำนวนจากการใช้งานปีละ 20,000 ไมล์ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี
อีกประเด็นสำคัญคือการรีไซเคิลรถ ICE ทำได้ง่ายและประสิทธิภาพดีกว่า ทำให้ถ้านับรวมทั้งไซเคิลแล้วรถ ICE ปัจจุบันผมว่าทำ Carbon Neutral ได้ไม่หนีรถ EV เลยนะครับ อาจจะดีกว่าในประเทศที่ระบบการรีไซเคิลแย่แบบประเทศไทยด้วยซ้ำ
-
ผมงงตรง ไฮบริด แล้วจะเป็น EV ได้ยังไง :-\ :-\ :-\ :-\ :-\
คนที่ยังซื้อรถน้ำมันอยู่ หลายๆ คนก็อยากได้ ไฮบริด เพราะความประหยัด แต่พออ่านข่าวเรื่องการซ่อมอะไรต่างๆ ก็ไม่อยากเสี่ยงตรงนั้น
-
1.5T อัตราการกินน้ำมัน ก็ไม่ได้ขี้เหร่ แล้วนะครับ ระดับ 10 Km/L กลางๆ ถึง 10 ปลายแล้ว
อาจจะต่างกัน Hybrid ของ Toyota ที่ทำตัวเลขได้ดี แต่มันก็ไม่ได้มากขนาดเห็นชัดขนาดนั้น
ยังไม่รวมเรื่องค่าซ่อมบำรุง เรื่องสมรรถณะอีก และ อื่นๆ อีก เพราะซ่อม Hybrid หลังหมดประกัน มันไม่ได้ถูก (ณ วันนีี้นะ) แต่ถ้าซื้อ Hybrid วันนี้ อีก 5-10 ปี แบตเตอร์เอย อินเวิสเตอร์เอย อาจจะถูกลงมาเยอะแล้วก็เป็นไปได้นะ แต่มันก็ต้องซ่อมตัวเครื่องยนต์ด้วยนี่ซิ เหมือน x2 เลย
ถ้า Toyota ออก 1.5T พร้อมเกียร์ AT 6-8 Speed มา ผมยังมองว่า ยอดขายและความว๊าววว จะไล่ Civic ได้ดีกว่า Hybrid ด้วยซ้ำ
-
ผมงงตรง ไฮบริด แล้วจะเป็น EV ได้ยังไง :-\ :-\ :-\ :-\ :-\
คนที่ยังซื้อรถน้ำมันอยู่ หลายๆ คนก็อยากได้ ไฮบริด เพราะความประหยัด แต่พออ่านข่าวเรื่องการซ่อมอะไรต่างๆ ก็ไม่อยากเสี่ยงตรงนั้น
ตัว Hybrid ใช้ระบบ E-power ทำงานเป็นหลักไงครับ
หลักๆ รถ Hybrid สมัยใหม่ มันขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์เป็นหลักครับ
ผมแค่มองว่า ในอนาคตอีก 10 เทคโนโยีก้าวหน้า เรายกเครื่องออกใส่แทน ด้วยแบตเล็ก เปลี่ยนชุดควบคุม
เราอาจได้ รถ ขับจ่ายตลาดเล่นๆได้
-
แล้วเดี๋ยวปลายปี good cat มา ซึ่งมันไซส์เท่าๆกับ c แฮทช์แบค แล้วราคามันไม่เกิน 1.19ล้านด้วยอีก
มันยิ่งตอกย้ำเลยว่า รถน้ำมันมันแพงเกินไปแล้วรึป่าว แห่ะๆ
-
ที่นี่ไม่ใช่ญี่ปุ่น ไม่ใช่ยุโรป
วิธีคิดของคนมันไม่เหมือนกัน
คันใหญ่กว่า แบรนด์หรูกว่า รถสวยกว่า
ลูกเล่นเยอะกว่า
เรื่องประหยัด เรื่องมลพิษ เป็นเรื่องแถมๆขำๆ
ขืนเอามาซีเรียสจะถูกล้อเลียนเปล่าๆ ครับ
ฮอนด้าหรูกว่าโตโยต้ายังไงครับ
หลับตาลงสิครับ หายใจช้าๆ แล้ว
ถ้า ได้ยินชื่อ Toyota นึกถึงรถลักษณะไหน
ได้ยินชื่อ Altis นึกถึงรถแบบไหน จินตนาการว่าคนขับเป็นยัง
แล้วถ้าได้ยินชื่อ Honda ล่ะ จะนึกถึงรถบุคลิกแบบไหน
และถ้าได้ยินชื่อ Civic ล่ะครับ นึกถึงอะไรเกี่ยวกับชื่อนี้บ้าง
ทั้งหมดมันเป็นอิมเมจ และจะทำให้เรานึกต่อไปถึงลักษณะของคน
ที่จะอิมเมจถึงเราเมื่อได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของรถคันนั้น
Toyota = รถทรงแก่หน่อยๆ ถึกๆทนๆ
Honda = รถสวย วัสดุแย่เสียงก๊อกแก๊ก
Altis = แท็กซี่ รถพ่อบ้านแม่บ้าน คนมีอายุ
Civic = รถยอดฮิตวัยรุ่น แตะไม่ได้สาวกเยอะ
ถ้านับแบรนด์ต่อแบรนด์ก็ไม่ต่างอ่ะครับ แบรนด์ตลาดทั้งคู่ ถ้านับรุ่นรถ Altis ดูด้อยกว่า Civic จริงเพราะมีแท็กซี่ คนส่วนใหญ่คงไม่เลือกใช้ แต่ไม่ใช่ว่าจะเหนือกว่าทุกรุ่น Camry ยังถือว่าดูหรูกว่า Accord เพราะภาพลักษณ์รถผู้บริหาร มันก็สลับกันไป แย่บางรุ่น ดีบางรุ่น ทุกแบรนด์
แต่ต้องยอมรับว่าผู้ใช้ Honda มี Brand loyalty สูงมากโดยเฉพาะ Civic บางคนถึงขั้นเอาไปเทียบกับบีเอ็มด้วยซ้ำ มันสื่อกันมาแบบนี้จากแบรนด์ธรรมดาจะกลายเป็นแบรนด์หรูก็ไม่แปลกใจ
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกต้องขออภัยด้วย
-
ผมงงตรง ไฮบริด แล้วจะเป็น EV ได้ยังไง :-\ :-\ :-\ :-\ :-\
คนที่ยังซื้อรถน้ำมันอยู่ หลายๆ คนก็อยากได้ ไฮบริด เพราะความประหยัด แต่พออ่านข่าวเรื่องการซ่อมอะไรต่างๆ ก็ไม่อยากเสี่ยงตรงนั้น
ตัว Hybrid ใช้ระบบ E-power ทำงานเป็นหลักไงครับ
หลักๆ รถ Hybrid สมัยใหม่ มันขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์เป็นหลักครับ
ผมแค่มองว่า ในอนาคตอีก 10 เทคโนโยีก้าวหน้า เรายกเครื่องออกใส่แทน ด้วยแบตเล็ก เปลี่ยนชุดควบคุม
เราอาจได้ รถ ขับจ่ายตลาดเล่นๆได้
Hybrid toyota ไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ของ honda น่ะใช่
แต่ถึงใช่ก็ทำความเร็วสูงไม่ได้ครับ
-
ที่นี่ไม่ใช่ญี่ปุ่น ไม่ใช่ยุโรป
วิธีคิดของคนมันไม่เหมือนกัน
คันใหญ่กว่า แบรนด์หรูกว่า รถสวยกว่า
ลูกเล่นเยอะกว่า
เรื่องประหยัด เรื่องมลพิษ เป็นเรื่องแถมๆขำๆ
ขืนเอามาซีเรียสจะถูกล้อเลียนเปล่าๆ ครับ
ฮอนด้าหรูกว่าโตโยต้ายังไงครับ
หลับตาลงสิครับ หายใจช้าๆ แล้ว
ถ้า ได้ยินชื่อ Toyota นึกถึงรถลักษณะไหน
ได้ยินชื่อ Altis นึกถึงรถแบบไหน จินตนาการว่าคนขับเป็นยัง
แล้วถ้าได้ยินชื่อ Honda ล่ะ จะนึกถึงรถบุคลิกแบบไหน
และถ้าได้ยินชื่อ Civic ล่ะครับ นึกถึงอะไรเกี่ยวกับชื่อนี้บ้าง
ทั้งหมดมันเป็นอิมเมจ และจะทำให้เรานึกต่อไปถึงลักษณะของคน
ที่จะอิมเมจถึงเราเมื่อได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของรถคันนั้น
Toyota = รถทรงแก่หน่อยๆ ถึกๆทนๆ
Honda = รถสวย วัสดุแย่เสียงก๊อกแก๊ก
Altis = แท็กซี่ รถพ่อบ้านแม่บ้าน คนมีอายุ
Civic = รถยอดฮิตวัยรุ่น แตะไม่ได้สาวกเยอะ
ถ้านับแบรนด์ต่อแบรนด์ก็ไม่ต่างอ่ะครับ แบรนด์ตลาดทั้งคู่ ถ้านับรุ่นรถ Altis ดูด้อยกว่า Civic จริงเพราะมีแท็กซี่ คนส่วนใหญ่คงไม่เลือกใช้ แต่ไม่ใช่ว่าจะเหนือกว่าทุกรุ่น Camry ยังถือว่าดูหรูกว่า Accord เพราะภาพลักษณ์รถผู้บริหาร มันก็สลับกันไป แย่บางรุ่น ดีบางรุ่น ทุกแบรนด์
แต่ต้องยอมรับว่าผู้ใช้ Honda มี Brand loyalty สูงมากโดยเฉพาะ Civic บางคนถึงขั้นเอาไปเทียบกับบีเอ็มด้วยซ้ำ มันสื่อกันมาแบบนี้จากแบรนด์ธรรมดาจะกลายเป็นแบรนด์หรูก็ไม่แปลกใจ
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกต้องขออภัยด้วย
ขอมองย้อนแย้งฮอนด้า= ดีไซน์ฉาบฉวย ชอบก็อปปี้ลอกมา แบบดูลวกๆ ทำให้ความงดงามเท่าต้นฉบับไม่ได้จากที่สังเกตุ
Honda jazz gd - ge = benz a class 1997
Honda city 2009 ด้านท้ายลอก bmw
Honda crv. ไฟท้ายลอกวอลโว่ ตระกูลxc
Honda s2000 = bmw z3
Honda civic ปัจจุบันเหมือนด้านไปก็อปรถยุค90มาแต่มันไม่ละเมียดและยังไม่กลมกล่อมครับมองนังไงก็ไม่สวย
ผมงงตรง ไฮบริด แล้วจะเป็น EV ได้ยังไง :-\ :-\ :-\ :-\ :-\
คนที่ยังซื้อรถน้ำมันอยู่ หลายๆ คนก็อยากได้ ไฮบริด เพราะความประหยัด แต่พออ่านข่าวเรื่องการซ่อมอะไรต่างๆ ก็ไม่อยากเสี่ยงตรงนั้น
ตัว Hybrid ใช้ระบบ E-power ทำงานเป็นหลักไงครับ
หลักๆ รถ Hybrid สมัยใหม่ มันขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์เป็นหลักครับ
ผมแค่มองว่า ในอนาคตอีก 10 เทคโนโยีก้าวหน้า เรายกเครื่องออกใส่แทน ด้วยแบตเล็ก เปลี่ยนชุดควบคุม
เราอาจได้ รถ ขับจ่ายตลาดเล่นๆได้
Hybrid toyota ไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ของ honda น่ะใช่
แต่ถึงใช่ก็ทำความเร็วสูงไม่ได้ครับ
เล่นมีเกียร์เดียวครับไม่แปลกที่ความเร็วตันครับ
-
ผมงงตรง ไฮบริด แล้วจะเป็น EV ได้ยังไง :-\ :-\ :-\ :-\ :-\
คนที่ยังซื้อรถน้ำมันอยู่ หลายๆ คนก็อยากได้ ไฮบริด เพราะความประหยัด แต่พออ่านข่าวเรื่องการซ่อมอะไรต่างๆ ก็ไม่อยากเสี่ยงตรงนั้น
ตัว Hybrid ใช้ระบบ E-power ทำงานเป็นหลักไงครับ
หลักๆ รถ Hybrid สมัยใหม่ มันขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์เป็นหลักครับ
ผมแค่มองว่า ในอนาคตอีก 10 เทคโนโยีก้าวหน้า เรายกเครื่องออกใส่แทน ด้วยแบตเล็ก เปลี่ยนชุดควบคุม
เราอาจได้ รถ ขับจ่ายตลาดเล่นๆได้
Hybrid toyota ไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ของ honda น่ะใช่
แต่ถึงใช่ก็ทำความเร็วสูงไม่ได้ครับ
เป็นปกติรถ ไฟฟ้า ระดับบ้านๆ ที่ไม่ใช้ เครื่องช่วย วิ่วได้แค่ 160 แบบ Kick ครัย
Toyota ก็มี Mode E-power แบบ Nissan และ Honda ในตัวตัวครับ แค่เค้าไม่ได้ ป่าวประกาศ เพราะ Hybrid มันหนือกว่าระบบ E-power ไง
ตอนนี้ Hybrid Toyota มี ครบ ทุก Mode นะครับ มันคือ E-power + เกียร์ ด้วย
-
ถ้าวัดกันที่ความประหยัดค่าน้ำมัน altis Hybrid Premium ราคา 994,000 กับ altis 1.8 Sport 964,000
ทั้ง 2 รุ่น ออฟชั่นเท่ากัน ต่างกันที่เครื่องยนต์ ส่วนต่าง 30,000 บาท ก็คุ้มน่ะครับ