สำหรับคนที่อยู่วงนอก Agency โฆษณา
งานนี้ Creative เป็นคนคิดแหละครับ
เพียงแต่ว่าคิดตาม Brief ของลูกค้า และตัวสินค้า
โจทย์ ก็คงเป็นตามชื่อสินค้า คือ Angry แหละครับ
Execution ดันออกมาเป็นแบบนี้ (จริงๆ โกรธ ด้วย Execution อื่นก็ได้)
และลูกค้าก็ดันเล่นด้วย เพราะอยากได้ Impact ที่พูดกันปากต่อปาก
และครีเอทีฟก็คงอยากได้ "กล่อง" (โฆษณาแนวนี้ มีแนวโน้มที่จะได้รางวัล
คือกรรมการเค้าไม่สนหรอกว่าเค้าจะโดนหลอกอะไรหรือไม่หรือสินค้าจะขายดีหรือไม่ได้)
ที่แน่ๆ ทั้ง Agency และตัวลูกค้า เค้าคิดถึง "แรงเหวี่ยง หมุนกลับของ บูมเบอร์แรง" ที่จะย้อน
มาทำร้ายเค้า "น้อยไปหน่อย"
เวลาคนดูโฆษณา ก็คือคนรับสารธรรมดาๆนี่แหละครับ
เค้าไม่มีเวลามานั่งไตร่ตรองก่อนแหละ
และสุดท้าย มีหลายคนที่จะรู้สึกเจ็บลึกๆที่ "โดนหลอก"
ตอนแรกผมเห็นปุ๊บ ผมคิดเลยว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เพราะ
ผมเห็นโฆษณาแนวนี้ทุกปีจากการประกวด CANNES
โฆษณาตัวนี้ อาจมีคนชม และมีหลายคนที่เกลียด
แต่ผลลัพธ์ คือ ความรู้สึกต่อ Brand ของเค้าจะเป็นอย่างไรหลังจากนี้
เพราะ Feeling โฆษณา มันไม่ได้ออกมาในเชิง Feel Good แต่มันเหมือน
คนดูถูกหักหลัง ผมว่า มันแค่จะสร้าง IMPACT แค่นั้นแหละ
แต่ไม่รู้ว่า หลังจากที่ ปล่อย ad ตัวนี้แล้ว ต่อไปจะเป็นอย่างไร
เพราะลำพังยอดขายเบอร์เกอร์คิงนั้นสู้อย่างอื่นไม่ได้
เพราะจุดแข็งของเค้าคือ "เนื้อ" แต่ขณะที่คู่แข่งมีเมนูที่หลากหลายกว่า
และการตลาดแข็งแรงกว่า ผมเคยทำ ad ให้คู่แข่งเค้าแหละครับ
สำหรับ vital marketing ตัวแรกๆที่ประสบความสำเร็จ
และเข้าไปนั่งอยู่ในใจของผู้บริโภคคือ DOVE ครับ
Real Beauty Campaign
แต่สุดท้าย ผมคิดว่า นักโฆษณา ควรมีจรรยาบรรณมากว่า
แค่ "การล่าสิงโต"*
* ศัพท์ "ล่าสิงโต" แปลว่า การล่ารางวัล
จากงานเทศกาลโฆษณาที่เมือง CANNES
ซึ่ง creative คนไหน ได้รางวัลเป็น รูปสิงโต นั้นเหมือน
นักกีฬาได้ถ้วยโอลิมปิค