Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: shipcake ที่ พฤศจิกายน 01, 2020, 12:50:32
-
จริงๆแล้วรถญี่ปุ่น สมัยอดีตกาลก็มาจากการพัฒนารถแบบของ อเมริกา หรือเปล่า แต่เป็นไปด้วยมั้ยว่าญี่ปุ่นปลูกฝังให้เป็นคนที่บ้างานมาก เลยทำให้ทุกคนมุ่งๆแต่ทำงาน จนมีรถที่ขับได้ใกล้เคียงกับชาติตะวันตก และด้วยราคาที่ไม่แพง คนไทยเลยยอมรับว่ามันก็ขับได้เหมือน เบ้นซ์ นี่ว๋า อะไรแบบี้มั้ย
- ในตอนนี้รถเมืองจีนกำลังตีตลาดไทย คนไทยก็ร้องยี้ๆเพราะมันคือรถที่ห่วยแตก จีนแดง ไม่มีมาตรฐาน แต่แท้จริงแล้วจีนเองก็พัฒนารถมาจากรถแบบของอเมริกา อังกฤษ หรือไม่
-
ญี่ปุ่นผลิตรถยนต์มาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่2 แล้วนะ จีนเพิ่งผลิตได้ไม่นาน ญี่ปุ่นพัฒนาไปเรื่อยๆ จีนคงตามไม่ทันง่ายๆ อีกอย่างการออกแบบเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นที่ถูกใจคนไทย เกาหลีผลิตรถยนต์มานานกว่าจีน แต่รูปทรงการออกแบบก็ยังไม่ถูกใจคนไทย ดังนั้นจึงยากที่จีนจะผลิตรถยนต์ได้ถูกใจคนไทย คล้ายๆกับที่คนไทยชอบสไตล์สาวญี่ปุ่น จะเอาหญิงจีนมาแต่งหน้าทาปากหรือทำศัลยกรรมให้คล้ายหญิงญี่ปุ่นก็คงไม่ถูกใจคนไทยเท่าหญิงญี่ปุ่นอยู่ดี
-
จุดเด่นที่สุดของจีนตอนนี้ คือต้นทุนครับ ไม่ว่าจะพัฒนา หรือ หรือผลิต
RD ไม่ต้องเริ่มจาก 0 ใช้การร่วมทุน การเข้าซื้อบริษัท ต่างๆ ทั้งผลิต ทั้งชิ้นส่วน
จีนจึงก้าวหน้าไปใวมาก ครับ จะมายึดถือว่าผลิตมาก่อน แล้วคนมาที่หลังตามไม่ทันมันไม่เสมอไปครับ เช่น Nokia Yahoo Hotmail
ยกตัวอย่างให้รอดู Geely Proton Volvo Lotus ครับ ว่าจะมีการแชร์เทคโนโลยีกันแค่ไหน Geely Proton จะกระโดดไปมากแค่ไหน
ส่วนเรื่อง ความสวยงานภายนอก ภายใน ก็มีการซื้อทั้งตัวคน ซื้อทั้งบริษัทที่รับออกแบบ ช่วงหลังเรื่องดีไซน์ก็สวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่เรายังมองไม่ค่อยสวย อาจจะมาจากการวิจัยตลาด ที่จีน ยังไม่เข้ามาทำในบ้านเราแบบเต็มที่ก็ได้ครับ
-
เอาจริงๆนะหลายคนไม่ได้ยี้รถจีนหรอก ภายในผมชอบหมดแหละวัสดุใช้ได้ แค่ความจริงที่ว่าในไทยยังประกอบไม่ดีมาก กับบริการหลังการขายยังแย่นี้มันเรื่องจริง คือถ้าในมุมมองผมและหลายคนที่ใช้รถเกิน 10 ปีขึ้นไปเนี่ยมันไม่ไหวจริงๆนะ แล้วค่ายใหม่ๆมาเนี่ยอาจจะดีขึ้นก็ได้เพราะเห็นตัวอย่างไปแล้ว ถ้าปรับปรุงให้ดีกว่ามันก็น่าสนหมดแหละครับ
ส่วนรถ ญี่ปุ่น เกาหลี แต่ก่อนอาจจะใช่ แต่เขาก็พิสูจน์ตัวเองมาแล้วนะว่าของเขาดีจริง ถ้าจีนพิสูจน์ได้บ้างก็ดีครับถ้า ราคาถูก ดี ทน ออปชั่นไม่ต้องจัดหนักมากก็ได้ (แต่ก็เป็นจุดขายเขาอะเนอะ) ผมก็พร้อมซื้อนะ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าที่ อะไรๆก็เป็นใจให้จีนซะขนาดนั้นผมว่ามันน่าสนใจดีออก
-
เหมือนกันครับ แต่ต่างที่ยุคสมัย จะให้ไปเหมือนยุคเก่าเป๊ะคงเป็นไปไม่ได้ ยังต้องให้เวลาเค้าครับ
ทุกวันนี้รถอเมริกันที่เค้ามีเทคโนโลยี่สูงก็ปัญหาบานครับ
-
เหมือนมือถือแหละครับ
ตอนนี้มือถือจีนก็พัฒนาไปค่อนข้างไว มือถือญี่ปุ่นก็แพงเกินไปในสเปคที่เท่ากัน มือถือเกาหลีก็ล้ำจริง แต่ไม่ทน...
-
เทคโนโลยีญี่ปุ่นยังเหนือจีน แต่ต้นทุนราคาจีนทำได้ถูกกว่า
-
ถ้ามันเหมือนกัน ก็ย่อมใช้งานได้ดี มี reliability เหมือนกันสิครับ
-
ญี่ปุ่นพัฒนารถโดยเดินตามเยอรมันมากกว่าอเมริกาครับ อเมริกาพึ่งมายุคหลังๆที่ญี่ปุ่นจะเอาใจตลาดอเมริกา
เพราะตัวเลขดี แต่ถ้าเทียบมันก้ปกติแหละครับ สมัยก่อนคนก้ยี้เครื่องจักรญี่ปุ่นเพราะหาว่าเลียนแบบเยอรมัน
วันนึงคนรับได้ก้เป็นของดีไป ทั้งนี้ทั้งนั้นก้ขึ้นอยู่กับproductว่าออกมาแล้วดีและถูกใจมนุษย์แต่ไหน ถึงทุกวันนี้
รถไฟในญี่ปุ่นถ้ารถทั่วๆไปหรือshinkanzen บางส่วนก้ให้โรงงานในญี่ปุ่นผลิตเอง แต่ถ้าเป็น Shin-kanzen
บางส่วนและโครงการใหม่ maglev ที่วิ่งเร็วจัด 500-600km/h พวกนี้ญี่ปุ่นยังให้เยอรมันพัฒนาและ
ผลิตให้อยู่ครับ รถยนต์จากจีนถ้าทำproduct ออกมาแล้วดีแบบที่คนคาดหวังก้ไม่นานครับ สามารถขึ้นมาอยู่
ในระดับสูงๆได้ ซึ่งตอนนี้ยังครับในประเทศอื่นเป็นยังไงผมไม่แน่ใจแต่ไทย รถจีนที่ขายอยู่ยังไม่ผ่านเท่าไหร่
ครับ ที่บ้านผมมี hs อยู่คันนึง 7 เดือนใช้ไป 21000km มีใส่เกียร์ถอยกล้องถอยหลังทำงานบ้างไม่ทำบ้าง
จอกลางจิกสกรีน อย่างที่คุณจิมมี่ว่า เกียร์กระตุกหัวทิ่ม(แต่ศูนย์บอกไม่เป็นไร555 คนที่ขับประจำเค้ารับได้
ผมก้ไม่รู้จะพูดทำไม) มีอีกหลายเรื่องครับ มันเหมือนมีของเยอะแต่ใช้ได้จริงบ้างไม่จริงบ้างและรถชอบไป
โฟกัสในสิ่งที่ไม่ได้จำเป็นสำหรับการเป็นรถยนต์คันนึง แต่กลับทำหน้าที่รถยนต์ทั่วๆไปได้ไม่ดี 5555
เครื่องยนต์เทคโนโลยีก้ค่อนข้างล้าหลังครับ กินน้ำมันเหมือนรถยุค 2000-2010 ครับ ข้อดีก้พอมีครับ
ช่วงล่างโอเค หน้าตารถภายนอกภายในโอเค ไฟambient เท่ๆ ประมาณนั้นครับ แต่บอกจริงๆผมเกรงว่า 3
ปีจะได้ขายครับ ดูมันจะไปไม่ถึง5 ปีครับจากอาการหลายๆอย่าง สำหรับผมที่เจอประมาณนี้ ส่วนรุ่นหรือยี่ห้อ
อื่นๆ ผมไม่ทราบครับ
-
มือถือจีนที่ขายได้เพราะทำราคาเหลือครึ่งเดียวของเกาหลี ดังนั้นรถจีนถ้าจะให้ขายได้ก็ต้องมีราคาครึ่งหนึ่งของรถญี่ปุ่น
-
https://youtu.be/LSYD4a3RzW4
คลิปนี้อธิบายไว้ละครับ
เอาจริงๆ รถญี่ปุ่นเน้นคุณภาพ ทนทาน ถูก มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เป็นจุดอ่อนของรถยุโรปเจ้าตลาดด้วยครับ หรือโตโยต้าที่เกิดในอเมริกา เพราะขาย คุณภาพ (quality) ความประหยัด(ในช่วงที่อเมริกันมีแต่ V8 หัวยาวๆ) ความทนทาน ใช่งานง่าย
ซี่งตรงนี้ผมว่าต่างจากรถจีนน่ะ ที่เน้นถูกไว้ก่อน โดยเน้นขายราคาถูกๆ ตัดราคาสไตล์จีนมากกว่าเน้นคุณภาพและความทนทาน reliability แบบรถญี่ปุ่นในยุคก่อน
ดูจากปัญหาที่หลายๆคนพบเจอ
-
https://youtu.be/LSYD4a3RzW4
คลิปนี้อธิบายไว้ละครับ
เอาจริงๆ รถญี่ปุ่นเน้นคุณภาพ ทนทาน ถูก มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เป็นจุดอ่อนของรถยุโรปเจ้าตลาดด้วยครับ หรือโตโยต้าที่เกิดในอเมริกา เพราะขาย คุณภาพ (quality) ความประหยัด(ในช่วงที่อเมริกันมีแต่ V8 หัวยาวๆ) ความทนทาน ใช่งานง่าย
ซี่งตรงนี้ผมว่าต่างจากรถจีนน่ะ ที่เน้นถูกไว้ก่อน โดยเน้นขายราคาถูกๆ ตัดราคาสไตล์จีนมากกว่าเน้นคุณภาพและความทนทาน reliability แบบรถญี่ปุ่นในยุคก่อน
ดูจากปัญหาที่หลายๆคนพบเจอ
ขอบคุณครับ เปิดคลิปมาด้วยรถ GTR ผมว่าเมกันหลายคนคงเชื่อในขุมพลังของนิสสันแน่ๆในสมัยนั้น
-
รถจีนมันสวยนะครับ และ จีน ไม่ใช่ จีนแดงห่วยๆนะ
แต่ๆๆๆ ความทนทาน และ การรับประกัน ในระยะยาว มันพึ่่งพาไม่ได้
ระบบการจัดการ ห่วยแตก รออะไหล่ เป็นชาติ
และ ความรู้เชิงลึก เทคโนโลยีเยอะ แต่ขาด ประสบการร์ครับ ต้องรออีกสักพัก
-
ญี่ปุ่นที่รถได้ถึงขนาดนี้ สู้กับตลาดโลกได้
ผมมองที่เรื่อง mindset คนทำรถมากกว่าคนขยันทำงานนะครับ
อาจจะเพราะส่วนตัวเคยเห็นคนญี่ปุ่นขยันทำงานเกินเหตุแต่ได้ผลลัพธ์ที่ล้มเหลวไม่รู้กี่ครั้งด้วยแหละ อะไรที่มากไปก็ไม่ดีครับ
แต่ mindset เค้าเป็นที่ยอมรับจริงครับ มองที่ตัวลูกค้า มองกันที่ต้นสายปลายสาย ทำรถที่สู้ด้วยคุณภาพที่สามารถไปกันได้กับราคาที่ประชาชนทั่วไปยอมรับได้ไม่ว่าจะตลาดไหนก็ตาม
ส่วนรถจีน ผมขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์นานกว่านี้ซักหน่อยก่อนครับ
-
ตอนรถญี่ปุ่นมา รถเมกันแพง+กินน้ำมัน คนยอมรับไม่ง่ายกว่า
รถจีนมาตอนที่รถญี่ปุ่นแข็งแกร่ง เลยอัด option มาให้เพียบใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง
รอรถจีนคุณภาพนิ่งเมื่อใหร่ คนจะยอมรับมากขึ้นไปเอง
ตอนนี้รถญี่ปุ่นเลยต้องอัด option บ้างแต่ราคายังแพงอยู่ดี
รอยุค EV ที่เริ่มได้พอๆกันคิดว่าจีนจะตีตื้นได้ช่วงนั้นแหละ
-
ประมาณมีมนี้? (https://scontent.fbkk2-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/123139765_3598836536898089_8694426271286014376_n.jpg?_nc_cat=109&ccb=2&_nc_sid=8bfeb9&_nc_ohc=agc41RNYI3YAX8PEr3X&_nc_ht=scontent.fbkk2-3.fna&oh=6ea549e6b40c1c6d98c6a2602a4142b5&oe=5FC48FE2)
-
ตอนรถญี่ปุ่นมา รถเมกันแพง+กินน้ำมัน คนยอมรับไม่ง่ายกว่า
รถจีนมาตอนที่รถญี่ปุ่นแข็งแกร่ง เลยอัด option มาให้เพียบใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง
รอรถจีนคุณภาพนิ่งเมื่อใหร่ คนจะยอมรับมากขึ้นไปเอง
ตอนนี้รถญี่ปุ่นเลยต้องอัด option บ้างแต่ราคายังแพงอยู่ดี
รอยุค EV ที่เริ่มได้พอๆกันคิดว่าจีนจะตีตื้นได้ช่วงนั้นแหละ
+1 ครับ
-
รถแต่ละที่มา ที่ละประเทศ แต่ทวีป มันจะมี design language แต่เป้นเอกลักษณ์ ชัดเจน
แต่ปัจจุบัน ด้วย trend ด้วย technology ด้วย R&D ด้วยหลายๆ อย่าง มันทำให้รถแต่ละประเทศ มันขยับเข้ามาไกล้กันมากขึ้น โดยจะตั้งใจ(ก๊อป) หรือไม่ก็ตาม
ดังนั้น รถประเทศไหน ก็เหมือนๆ กันนั้นละครับ
ที่ต่างกัน คือ ความตั้งใจ, know how, Impression และ ความเป็นตัวรถ ของมัน อันนี้มองยังไงก็เห็น ไม่มีทางเหมือนกัน
-
รถจีนมีเยอะมากครับ หลายยี่ห้อ แต่คนจีนก็ยังนิยมรถญี่ปุ่นมากกว่านะ
รถยนต์มันมีอะไรมากว่านั้นครับ ภาพลักษณ์ ศูนย์บริการ การรับประกัน อะไหล่ระยะยาว ปัญหาจุกจิก ความประหยัดน้ำมัน ราคาขายต่อ
ผมไม่ได้แอนตี้จีนนะ พวกอย่างเค้าทำมาตอบโจทย์มากกว่าญี่ปุ่นก็มี เช่นเครื่องกรองอากาสเสี่ยวมี่ อันนี้ฮิตไปทั่วจริงๆ
-
ชื่อว่าต่อไปยังไงก็ไม่รอดครับดูสินค้าจีนต่างๆที่เข้ามาในไทยตอนนี้ แต่น่าจจะค่อนข้างนานครับอีกสักพักหล่ะ เพราะรถยนต์มันไม่ได้เสียแล้วทิ้งเลยเหมือนพวก อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือ gadget ต่างๆได้ โดยปัญหาหลักๆของรถมันคือเรื่อง reliability หล่ะครับถ้าทำได้อย่างน้อยระดับประมานแบรนด์รองของญีปุ่นเมื่อไหรก็เริ่มน่ากลัวละครับ แต่ราคาห้ามไปตั้งเท่าเค้านะครับรับรองคนเปลี่ยนมาใช้เพียบแน่นอน
-
แค่เป้าหมายด้านคุณภาพ ในมุมมองผู้ผลิต ก็สู้ไม่ได้แล้ว แล้ว Finished Product มันจะสู้ได้อย่างไรละครับ
-
ตอนนี้ยังเทียบ ญี่ปุ่นไม่ได้ในเรื่องของ reliability กับ aftersales ซึ่งต้องใช้เวลาในการสะสม
แต่ถ้าเป็นเรื่อง technology หรือการออกแบบไม่ได้ห่างกันแล้วครับ scale ที่จีนมองในแง่ของ volume นี่น่ากลัวมากครับมันจะทำให้ต้นทุนมาการพัฒนารถยนต์โมเดลนึงต่ำมาก ทำให้มาสู้กับรถญี่ปุ่นได้ด้วยกลยุทธ์ราคา พอจำนวนรถในถนนมากขึ้นมันก็มีรถให้ service aftersales มากขึ้นตามไปด้วยอะไหล่ก็จะถูกตามลงไป brand จีนสมัยก่อนที่เข้ามาอย่างตงฟงตายด้วยข้อจำกัดแบบนี้
ตอนนี้ MG โดนยำหนักเพราะเรื่อง reliability กับ aftersales แต่ผมมองว่าอีก 5 ปีถ้ายังคงยอดขายระดับ 2 หมื่นคันต่อปีได้ยังงัยก็น่ากลัวครับ XiaoMi, Huawei ทำให้ดูในตลาด home appliance กับ electronic มาแล้ว
-
ขึ้นกับจริตใคร จริตมันครับ
-
การมองเป็นสัญชาติก็ดูจะเหมารวมมากเกินไปนะครับ อย่างเช่นในช่วง 1970-1990 ก็จะเป็นการแข่งกันระหว่าง gm ซึ่งเป็นเจ้าตลาด กับ ford volvo subaru chysler ในตลาดอเมริกา แล้ว gm ก็เพลี่ยงพล้ำให้กับบริษัทรถญี่ปุ่น การมีบริษัทหัวหอกจะทำให้ลากคู่แข่งขันในประเทศพัฒนาตามไปด้วยทั้งอุตสาหกรรม มีหลายเหตุผลที่รถจีนจะยังต้องเจออุปสรรคที่ไม่อาจก้าวข้ามได้อยู่
1. รถจีน copy ดีไซร์รถชาติอื่นแบบน่าเกลียด กฎหมายสิทธิบัตรในจีนอ่อนแอ ตลาดแบบนี้จะเกิด innovation ได้ยาก ทำได้แค่ copy และปรับปรุงให้ดีให้เท่านั้น สูงสุดที่จีนจะทำได้คือด้อยกว่าหรือเทียบเท่าเท่านั้น ตลาดแบบนี้สิ่งใหม่ๆ จะไม่เกิด จนกว่าจะปรับปรุงกฎหมาย
2. know how หรือ technology จีนอาศัยซื้อมาเพราะมีเงินเยอะ ญี่ปุ่นเศรษฐกิจไม่ดีมาหลายสิบปี แต่จีนเศรษฐกิจดีมากมีเงินทุนมหาศาล แต่บางอย่างต้องใช้เวลา เช่น supply chain หรือ ศูนย์บริการ ไม่มีทางที่คุณจะสร้างศูนย์บริการ dealer หลายร้อยหลายพันแห่งได้ภายในระยะเวลาแค่ 1-2 ปี
ถ้าคุณมองให้ดีๆ คุณจะเห็น e-commerce รายแรก amazon จีน copy และปรับปรุง alibaba
รถไฟฟ้า รายแรก tesla จีน copy และปรับปรุง ev จีน
smart phone รายแรก iphone จีน copy และปรับปรุง huaweii
search engine รายแรก google จีน copy และปรับปรุง ...ชื่ออะไรจำไม่ได้
social network รายแรก facebook จีน copy และปรับปรุง เยอะมากที่จีน
computer เครื่องแรก apple จีน copy และปรับปรุง บลา บลา บลา...
จีนได้เปรียบเรื่องต้นทุนมากกว่าชาติอื่น เพราะเป็นประเทศกำลังพัฒนามาก่อน ญี่ปุ่นเป็นประเทศพัฒนาแล้วมาตั้งแต่ 1990 แล้ว คนจีนเก่งเยอะผมยอมรับเพราะจบมาจาก top U ในอเมริกานั่นแหละ แต่ผมยังไม่เห็นอะไรใหม่จากจีน เห็นแต่ copy และปรับปรุง อีก 20-30 ปี ในแง่เศรษฐกิจจีนอาจจะแซงอเมริกา แต่ในแง่กฎหมาย สังคม เสรีภาพ หรือแม้แต่ระบบธนาคารยังด้อยกว่ามาก ญี่ปุ่นเก่งนะครับเขาสร้าง bitcoin รายแรก นานๆ จะเห็นชาติอื่นที่ไม่ใช่อเมริกาสร้างอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาได้
ในอนาคตรถจีนจะดีกว่าชาติอื่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าจะมีบริษัทรถจีนเก่งๆ ก้าวข้าม toyota tesla benz bmw volkwagen ได้หรือไม่ คู่แข่งเหี้ยมๆ ทั้งนั้น ผมไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ในตลาดจีนแน่
-
- Huawei พัฒนาเร็วนะ การยอมรับของบ้านเราก็เร็วด้วย ย้อนหลังสัก 6 - 7 ปีก่อน วันที่บริษัทผม จะแจกมือถือพนักงานให้ใช้ app บริษัท พอบอกว่า จะแจก Huawei มีแต่คนร้องยี้ จะเอา lot ที่เป็น samsung ไม่เอามือถือจีน มันกระจอก .. แต่ทุกวันนี้น่าจะไม่มีคนร้องยี้กับมือถือยี่ห้อนี้แล้วล่ะ (แต่ผม คนนึง ที่ใช้ Tablet เค้าได้ไม่กี่เดือนก็ขายทิ้งนะ .. ไม่ถูกจริต หลายอย่างยังรู้สึกว่า เค้าสักแต่ทำ แต่ไม่คิดลึก ไม่นึกถึงคนใช้จริงๆ)
- สิ่งหนึ่ง ที่ญี่ปุ่นมี แต่จีน ไม่มี (หรือ ผมไม่เห็น ?) ก็คือ ความตั้งใจ ในการดีไซน์ ในการออกแบบ ตั้งใจในแบบที่ พอได้ใช้แล้วก็เออ... เค้าคิดจริงๆนะ ไม่น่าเชื่อว่า เค้าจะคิดถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ อะไรประมาณนั้นน่ะครับ
ย้อนมาเรื่องรถ
รถยุค 90 ..
หันไปมองรถยุโรป ค่ายไหนให้ที่วางแก้วมามั่ง ? เยอรมัน / สวีเดน ไม่มีใครให้มาเลย แต่ญี่ปุ่น จำได้ว่า แค่ Lancer E-car ก็มีมาให้ละ แถมช่องใส่เหรียญ (ที่วางตั้งๆ) ไฟหน้าปัด ปรับหรี่ได้ มันหมายถึง ความใส่ใจเล็กๆน้อยๆ ซึ่งพวกนี้ เราจะพบได้จาก ของที่คิด จาก คนญี่ปุ่น น่ะครับ
แต่พี่จีน เค้าเน้น copy อย่างเดียวเลย ลอกๆมา เอาสวยๆ เอาดูดี เอาถูกๆ เป็นใช้ได้ละ
-
... นึกอะไรขึ้นมาได้เรื่องนึง อยากเล่าให้ฟัง ...
ณ.ช็อปเล็ก ๆ แห่งนึง ในพื้นที่แผนกดีไซน์ของบริษัทญี่ปุ่นค่ายหนึ่ง
งานออกแบบผลิตภัณฑ์นั้น นอกเหนือไปจากงานดีไซน์รูปร่างหน้าตา styling และ function การใช้งานแล้ว
งานออกแบบอีกอย่างที่คนทั่วไปไม่ค่อยนึกถึง แต่มันมีความสำคัญมาก ๆ คืองานออกแบบทางวิศวกรรม
หรือการออกแบบโครงสร้างชิ้นส่วนต่าง ๆ แต่ละชิ้น ๆ ที่จะเป็นชิ้นส่วนย่อยๆ นำมาประกอบขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์
ตัวนั้น
จะมีสักกี่บริษัท ที่ในขั้นตอนการออกแบบอันนี้ จะมีขั้นตอนที่ให้พนักงานชำนาญการจากฝ่ายผลิต ฝ่าย QC
และฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมตรวจสอบและลงความเห็นร่วมกัน ก่อนที่ drawing นั้นจะถูก approve แล้ว
เข้าสู่ขั้นตอนการสร้างแม่พิมพ์
และขั้นตอนนี้ ทางฝ่ายดีไซน์ จะทำชิ้นส่วน prototype ขึ้นมา เพื่อให้ฝั่งโรงงานได้ทดลองประกอบ และตรวจสอบ
ยืนยันก่อนที่จะอนุมัติ drawing
ฝ่ายผลิต จะส่งหัวหน้างาน คนงานในสายการผลิตมาทดลองประกอบ
... ประกอบได้มั้ย, การประกอบอยู่ในที่บังตา ไม่สามารถเช็คได้ว่าประกอบสนิท แน่นหนาดีหรือไม่
มีโอกาสลืมใส่ชิ้นส่วน ลืมขันน็อต หรือสลับชิ้นส่วนผิดหรือไม่ บลา ๆ ๆ
ฝ่าย QC เจ้าหน้าที่จะหอบเอาแฟ้มใหญ่มา ข้อมูลปัญหาที่เคยเจอ ข้อมูลการเคลม การร้องเรียนจากลูกค้า
เอามาตรวจสอบด้วย
Supplier ผู้ผลิตชิ้นส่วนก็เช่นกัน เข้าร่วมด้วย
และแน่นอนว่า นักออกแบบ เป็น Engineer ที่หัวดี แม่นทฤษฏี การคำนวนเป๊ะ
แต่ประสบการณ์งานสนาม หน้างาน การใช้งานจากลูกค้า ย่อมสู้ผู้ที่อยู่หน้างานไม่ได้
ข้อผิดพลาดต่าง ๆ จะถูกตรวจพบมากมาย ถูกคัดกรอง ไล่เรียงลำดับ ให้แก้ไข ก่อนอนุมัติแบบ
ทีมงานที่เป็นคนญีปุ่น เมื่อเจอแต่ละปัญหา ไม่ใช่แค่จดบันทึกเพื่อแจ้งเท่านั้น แต่ยังพยายามคิด
หาวิธี หาแนวทาง เพื่อแนะนำวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมให้แก่นักออกแบบเหล่านั้นด้วย
ตัดภาพมาอีกทีม ที่เข้าร่วมตรวจสอบงานออกแบบ แต่เป็นอีกกลุ่ม มาจากทางฝั่ง ตะวันตก
เพราะ product ตัวนี้ จะต้องไปประกอบที่นั่นด้วย
ทีมงานฝั่งตะวันตก ก็ชี้ปัญหาที่พบเจอจากการทดลองประกอบ prototype นี้เช่นกัน
พร้อมทั้งจดบันทึก ไล่เรียงไปทีละปัญหา 1, 2, 3, ... แล้วก็ส่งใบ comment นี้ให้ทางฝ่ายออกแบบ
"ยู ไปแก้ปัญหามานะ ไอ จดให้ตามนี้ เป็นหน้าที่ของยู ฝ่ายออกแบบที่จะไปคิดนะ
ไอ มีหน้าที่ชี้ปัญหาออกมา ที่เหลือเป็นหน้าที่ยู"
(บริษัทอื่น มีขั้นตอนนี้มั้ย ไม่รู้นะครับ อาจไม่ใช่ทุกบริษัทญี่ปุ่นที่มีขั้นตอนงานนี้)
เท่านี้ก็พอจะมองออกใช่มั้ยครับว่า นอกเหนือจากเทคโนโลยี เงินทุน ต่าง ๆ แล้ว
Culture, mindset ค่านิยม ของคนกลุ่มนั้น ซึ่งอาจจะเป็น culture ของบริษัท, culture ของชนชาติ
นั้นมันย่อมมีผลต่อ คุณภาพ product ของเขา
ซึ่ง พอหันมามอง product ทางฝั่งตะวันตก
เทคโนโลยี สมรรถนะ มันยอดเยี่ยมมาก
แต่ เอาแน่ เอานอนไม่ได้
บางคันดีก็ดีใจหาย บางคันตาร้าย ก็เคลมมันเข้าไป
ขึ้นยานแม่เป็นว่าเล่น
ส่วน จีน ผมไม่รู้ แต่ถ้าดูจาก culture, mindset, ค่านิยม
ก็พอจะเดาอนาคตได้ มั๊งครับ
-
ถ้ามีเวลาลองอ่านดูครับ
http://www.headlightmag.com/exclusive-first-impression-mg-zs-ev-mg-hs-mg-rx8/ (http://www.headlightmag.com/exclusive-first-impression-mg-zs-ev-mg-hs-mg-rx8/)