Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: jaesz ที่ ตุลาคม 15, 2010, 11:28:01
-
เดี๋ยวครับเีดี๋ยว อย่าเพิ่งคิดว่าผมโพสท์ผิดห้อง
[ เพิ่มเติมนิดครับ ใครหวังจะเห็นรถสปอร์ต สองประตู มีหลังคา มีตัวถังสวย ๆ บายเลยครับ อย่าอ่าน เดี๋ยวจะผิดหวัง ไอ้นี่ไม่ใช่เลยครับ ]
คือ ผมอยากใ้้ห้มันเป็น DIY มากกว่า แต่ ตอนทำไม่ได้ถ่ายรูปไว้ทั้งหมด เลยกลายเป็น Review ไปจะดีกว่า และคิดว่า คนที่พอรู้เรื่องงานเชื่อม งานไฟฟ้า บ้าง รับรองว่า ถ้าอยากทำ หรือ จะเอาไปทำเป็นแบบ ก็ไม่ยากครับ
เกริ่นนิดนึง
ทำทำไม ? ทำอะไร ? ใช้เงินเท่าไหร่ ?
สมัยผมเรียนจบใหม่ๆ เมื่อ13 ปีก่อนผมมักจะคุยกับเพื่อนเสมอ ๆ ว่า ผมอยากทำรถยนต์ยี่ห้อคนไทย และเพื่อนคนที่ผมคุยด้วยบอกว่า ถ้านายเริ่มได้จริง ๆ เราเอาด้วย ตอนนั้นเศรษฐกิจเมืองไทย แย่มาก ๆ หางานก็ยังไม่ได้ ไอ้เรื่องคิดจะทำอะไรใหญ่ ๆ ขนาดนั้น คงเป็นไปไม่ได้ 13 ปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก
คำพูดในวันนั้น กับการได้คุยกับเพื่อนคนเดิมอีกครั้ง กระตุ้นอยากให้ผมทำรถอีก แต่ ด้วยฐานะทางการเงิน เวลา และการเลี้ยงลูก 1 ขวบ ไม่อาจจะทำให้ผมทำอะไรอย่างนั้น ได้ ผมก็เลย ตั้งว่า เอาแค่ รถเล็ก ๆ แล้วกัน ใช้แบตเตอรรี่ มอเตอร์ ตั้งบนโครงเหล็กง่าย ๆ นั่งได้สองคน คือผมกับลูก
งบประมาณก็ ซัก 3000 ถ้าเกินนี้ก็หยุด อย่าให้เกิน
ต้องวิ่งได้ซัก 15 -20 นาที เป็นอย่างน้อย
มีเบรค มีคันเร่ง
คิดปุ๊ป ผมก็เดินไปข้างบ้าน ไปร้านขายวัสดุก่อสร้าง สั่งให้เขามาส่ง
ยังไม่ได้แบบอะไร
แต่รู้ว่า มันน่าจะต้องเหลี่ยม ๆ ก็เลยตัด ๆ เชื่ือม ๆ จน ได้มา แบบนี้
-
เป็นกำลังใจให้ครับ :D
-
จะบอกว่า ไม่มีแบบอะไรเลยก็ไม่ถูก ผมเคยไปอ่านเจอ บทความของอีตานี่เข้าครับ
R.J. Capotosto
จริง ๆ แล้ว อ่านเจอเมื่อห้าปีก่อน แต่ไม่ได้ทำอะไร เก็บ ๆ ไว้
-
IDEA สำคัญของรถคันนั้น MI's Highway KART
คือใช้เครื่องยนต์
มีสี่ล้อ
มีเบรค คันเร่ง เหมือนโกคาร์ท
และ ระบบบังคับเลี้ยว ที่ผม ลอกเอามาใช้แต่ก็ดัดแปลงบ้าง ตามความเหมาะสมกับวัสดุที่มีอยู่
ระบบเครื่องยนต์นั้น ผมขอบาย เพราะผมไม่อยากไปเติมน้ำมันอีก หากผมทำพาหนะอะไรเองได้ สาบานเลย มันจะต้องไม่ใ่ช้น้ำมันนำเข้าเป็นอันขาด !
-
จุดอ่อนสำคัญของโครงเหล็กทื่อ ๆ คือ มันไม่สามารถ ประกอบเอาล้อให้เลี้ยวลงไปได้โดยเวลาเลี้ยว ล้อจะติดกับโครง เรียกว่า ลืมพื้นฐานง่าย ๆ ของรถไป คือ ซุ้มล้อนั่นแหละ
ก็เลยมีการตัดต่อใหม่ ตรงด้านหน้า อย่างที่เห็น
อันนี้คือรูปตอนทาสีไปแล้วครับ
-
ปาดครับ อิอิ เข้ามารอ ;D
-
แก้ไขโครงสร้างเสร็จ ผมก็ประกอบล้อจักรยานที่ไปซื้อมา 1200 บาท สองคู่ หรือ 4 ล้อ เป็น ล้อหน้า 2 ล้อหลัง 2 โดยเจ้าชุดล้อหลัง จะมีบ่าเกลียวสำหรับใส่ เสตอร์ แต่ ผมเอามาใส่เฟืองตาย เพราะกะว่าจะทำถอยหลังได้ในอนาคต
จริง ๆ แล้ว ผมกะว่า จะใช้ล้อถูก ๆ กว่านี้ แต่ หาไม่ได้จริง ๆ ครับ ล้อถูก ๆ โง่ ๆ ไม่มีลูกปืนก็ซัดไป 300 แล้ว นี่ถ้าเอาล้อแบบมียาง ใส่ลูกปืน ใส่เพลา เกินกว่านี้แน่
ล้อจักรยาน 16"ที่เห็น เลยเป็นทางเลือก บังคับ ที่ผมต้องใช้ ตอนซื้อล้อ คิดไว้ว่า งบทั้งคัน จะเกินไหมนี่
-
ชุดเฟือง กับ โซ่ เบอร์ 25(จริง ๆ เบอร์นี้เล็กไปหน่อย) แต่อย่างว่า งบมันจำกัด ซื้อของเป็น ๆ มา ก็ต้องทำใจ หมด ไป 600 บาท ได้โซ่ กับเฟืองมาชุดหนึ่ง แพงจัง
ดันไปเจอร้านขายโซ่กับเฟืองราคาถูกทีหลัง 300 บาท น่าจะอยู่
ประกอบเข้ากับมอเตอร์สตาร์ทจากเซียงกงรังสิต 800 บาท แพงมาก แต่ก็ยังนับว่าถูก หากไปซื้อเซียงกงนครปฐม ( แถวบ้านผมอะ ) ถามมา 1200 เป็นรุ่นถูกสุดแล้ว
อะ ประกอบเข้าไปกับโซ่ และคล้องกับล้อ ก็ได้อย่างนี้ครับ
-
เรื่องเสียตังค์ยังไม่หมดครับ
เบรค ที่ใช้ผมลองมาแล้วว่า ถ้าใช้เบรคก้ามจุดหมุนเดี่ยว รถจะหยุดไม่ไหว เลยต้องลงทุนอีก 250 กับ ไอ้เจ้านี้ ซึ่งทำให้รถหยุดอยู่กับที่ได้อย่างไม่ต้องกังวล
-
ประกอบเสร็จ ผมก็ใส่เบาะ ที่ำทำจากไม้ยางต่อเป็นแผ่น ตัดให้ได้ขนาด เอายางบุ เอาหนังเทียมหุ้ม
ตัวโครงรถ ทาสีรองพื้นกันสนิมไว้ก่อน แต่ภายในท่อเหล็ก ไม่สามารถทำอะไรได้ คงต้องปล่อยมันไป
ได้ออกมาเป็นคันดังนี้
-
พร้อมวิ่งแล้วครับ
แต่ ครั้งแรกที่ถอยรถ ลงไปกับทางลาด ผมก็รู้เลยว่า ระบบช่วงล่างแบบนี้ คงไม่เหมาะกับถนนที่ไม่เรียบแน่ ๆ เพราะ ล้อมันลอยเตื่องข้างหนี่งหากเจอพื้นเอียง แบบนี้ครับ
-
อ้าว ลืมบอก
แบตเตอรี่ที่ใช้ ก็แบตเก่า ๆ ที่ถอดมาจากรถยนต์ตอนจะเปลี่ยนลูกใหม่ ร้านขอรับเคลม 300 ผมเลย ขอเก็บไว้ก่อนครับ พอมันเสื่อมสุด ๆ ค่อยว่าเอาไปเก็บตัง 555
-
ทดลองวิ่งแล้ว ความเร็ว สูงสุด คือ 35 Km/Hr ตอนแบตเต็ม ๆ วัดโดยเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์ครับ ไอเดียวัดความเร็วที่เอามาจากคนอื่นอีกเหมือนกัน
ความร้อนของไดชาร์จพุ่งไปแตะ 90 องศา C
แต่มานั่งนึก ๆ คิดว่า มอเตอร์สตาร์ท ติดกับเครื่องรถอยู่ตลอดเวลา อุณหภูิมิเกินนี้แน่ ๆ น่าจะทนไหวครับ
-
แต่อีกแล้วครับ
ความเร็วสูงสุดนั้น มันเกินกว่านั้นแหละ แต่ ผมจะถอนไฟก่อน เพราะ
1. ผมไม่รู้ว่า Motor Start มันใช้ได้แบบต่อเนื่องนานแค่ไหน ผมต่อไฟตรง ๆ ไม่มีควบคุมอะไรทั้งนั้น
2. การลากนาน ๆ VOLTAGE จาก battery จะDrop ลงมาก เหมือนกับ Short Circuit battery เลยก็ว่าได้ และอาจจะทำให้มันไปอยู่ในภาวะ Deep Discharge ซึ่งแบตจะเสียเร็วกว่าที่ควรเป็น
3. ถนนที่ผมวิ่ง ไม่อำนวย ต่อช่วงล่าง (555 จะว่าช่วงล่างไม่อำนวยก็ไม่ได้นะ )
มันก็เลยมักจบที่ความเร็ว 35Km/Hr.
ระยะทางที่ทำได้ เกิน 10 Km แน่นอนครับ แต่เกินเท่าไหรไม่รู้ ผมวิ่งแค่นี้ แบตก็ลงมาที่ 6 Volt แล้ว ต้องรอมัน Recover ถึงจะเอาไปวิ่งต่อ ซึ่งพอมัน recover แล้ว ผมก็เสียบชาร์จก่อนทุกที
-
เอ เหมือนจะจบแล้วนะครับ ขอจองพื้นที่ไว้ก่อน กินข้าวนิดหนึ่ง ถ้าไม่ลืมอะไร ผมก็ขอจบตรงนี้แล้วกันครับ
ขอบคุณที่อ่านครับ
และ ขออภัย คนที่คาดหวังว่าจะเห็นอะไรมากกว่านี้ด้วยครับ ถ้า มันไม่ถูกหมวดกับเว็บ ลบได้ครับ ไม่ว่ากันครับ
-
ขอบคุณสำหรับความคิด ดีๆ ครับ
ผมว่าลงทุนไม่เยอะ แต่สามารถวิ่งได้ระดับ 35 km/h นี่เจ๋งแล้วครับ ;D
-
เก๋อ่ะ
-
ผมก็มีครับ เป็นรถไฟฟ้า แต่เป็นมอไซด์เก่าของคุณลุง กว่าจะใช่ได้หมดไป เกือบ 6000 บาทครับ
ของพี่นี่สุดยอดครับ งบ 3000 ได้ตั้ง 4 ล้อ ของผม เกือบ 6000 ได้แค่ 2 ล้อเอง ;D ;D ;D ;D ;D ;D
-
สุดยอดไปเลยครับ :D
-
ถ้าจะทำเป็นรูปธรรมจริงๆ ตามที่ผมคิดๆ ไว้คือ มีทุนซัก 10 ล้านบาท จากการเล่นหุ้นหรือทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่
หาทีมงาน (อันนี้สำคัญมาก) ที่เราจะปรึกษาหารือได้ ให้ครบทุกด้าน หารถดีๆ มาหนึ่งคัน เพื่อมาก๊อปปี้ก่อน
อาจจะเอาส่วนประกอบที่ชอบจากหลายๆ รุ่นมารวมกันก็ได้ ภายในห้องโดยสาร ยี่ห้อ A ช่วงล่างยี่ห้อ B เป็นต้น
ที่ต้องเตรียมไว้ 10 ล้าน เพราะต้องมีต้นทุนค่าทำ mould สำหรับ part plastic บางส่วน ส่วน part เหล็ก ตัวถัง ใช้เคาะขึ้น
รูปเอา หรือจะใช้วัสดุอื่นๆ ทดแทนก็ได้ ตัวเครื่องยนต์กับเกียร์ เลือกเอารุ่นที่ชอบ (อนาคตค่อยคิดต่อเรื่องทำเครื่องยนต์/เกียร์)
ถ้าร่วมมือกันทำหลายๆ คนน่าจะออกมาเหมือนรถที่ขายได้จริงๆ ซักคันแน่ แต่ก็เป็นแค่ prototype เท่านั้น ซึ่งส่วนที่ลำบาก
คือการแกะ drawing part ทั้งหมด ที่ต้องใช้ปริมาณคนมากมายมหาศาล ตรงจุดนี้จะเป็นจุดที่ยากที่สุด และถ้าทำไม่
ละเอียดเรียบร้อยดี ก็จะออกมาแบบรถจีนก๊องแก๊งอย่างที่เห็น แต่ไปขอซื้อ drawing จากบริษัทรถต่างๆ คงทำไม่ได้ง่ายๆ
เหมือน Proton ไปซื้อของ Mitsu จะโจรกรรมมาแบบที่บริษัทรถจีนทำก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง ถึงแม้ว่า หลายๆ คนในเวปนี้
จะมีเพื่อนที่สามารถเอา drawing ออกมาจากบริษัทรถได้ก็ตาม ดังนั้น ก็คงต้องค่อยๆ ก๊อปชิ้นส่วนเพื่อทำ drawing ต่อไป
ปัญหาต่อมาคือ การหาเงินเพื่อมาจ้างคนเขียน drawing นี่แหล่ะ ดูๆ แล้ว 10 ล้านก็อาจจะเอาไม่อยู่ แต่ถ้าพยายามจริงๆ
อาจจะลวกๆ ไปบ้าง มันก็อาจทำออกมาได้ แต่คุณภาพจะได้แค่จีนๆ รึเปล่า ก็มีโอกาสสูง เมื่อทำรถต้นแบบออกมาได้ ก็
ลองไปออกบูธงานสำคัญๆ อย่าง motorshow ดู อาจจะมีเศรษฐีบางคนอยากเล่นกับเราด้วยก็ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดคือเราต้อง
มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ปั่นเงินมาลงทุนตรงนี้ได้เอง ส่วนจะมีใครมา join ก็ว่ากันอีกที ปรึกษากับทีมงานดีๆ ให้ออกแบบยังไง
ผลิตยังไงให้ประหยัดต้นทุนให้มากที่สุด
อันนี้คิดแบบเล่นๆ ดูนะครับ ประเด็นหลักๆ ที่ต้องมีคือ เงินและทีมงาน ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ซะทีเดียว คิด plan ไว้บ้างก็ไม่เสียหาย
ปัญหาใหญ่ถัดมาคือ ถ้าเราทำรถออกมาได้หนึ่งคัน ส่วนที่สำคัญมากๆ ก็คือ ตัวเครื่องยนต์ กับเกียร์ จะซื้อของบริษัทไหนมาใส่
ให้ได้ถูกไม่แพง แต่คุณภาพก็ต้องดีด้วย ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ควรจะซื้อของใคร ? แต่ถ้าทุนหนาๆ ก็ต้องเริ่มการค้นคว้า
ผลิตเครื่องยนต์และเกียร์ได้เลย ที่จริงมันไม่ยากเลย ยิ่งถ้ามีรัฐสนับสนุนด้วย คลิ๊กเดียวไม่เกิน ปีสองปี รถยนต์ก็ผลิตได้แล้วนะ
เริ่มแรกต้องก๊อป part component, assembly part ต่างๆ ไปก่อน แต่โครงตัวถัง รูปลักษณ์ภายนอก ก็ออกแบบกันเองให้ดู
แตกต่างเป็นของบริษัทเราเองมาได้
-
เจ๋งคร้าบบ เปิดประทุน 2 ที่นั่ง พกพาเครื่องยนต์ไม่มีลูกสูบพลังงานไฟฟ้า ราคาในงบ 3000 บาท
-
เอาแค่ใช้วิ่งไปจ่ายกับข้าว ไปซื้อของปากซอย ก็เท่ห์แล้วครับ
นี่ถ้าได้วงจรควบคุมมอเตอร์แจ่มๆสักชุด ผมว่าจบละ คันนี้ ไม่ต้องคิดมากเรื่องช่วงล่างครับ ขนาดจักรยาน ยังไม่มีช็อค ไม่มีสปริง ยังขี่กันได้
ก็คิดซะว่าเจ้านี่เป็นจักรยานไปก็แล้วกัน :D
-
สุดยอดครับ เจ๋งดี ;D
-
นึกถึง dragster เรียกว่าอะไร รถหน้ายาวอะครับ
ไม่มีโชค+ขับหลังเหมือนกัน อิอิ
-
สุดยอดครับพี่
ทำเองใช้เอง รวยแน่ๆ
-
แล้วถ้าเพิ่ม วงจร VSD (Variable Speed Drive) เข้าไปน่าจะดีนะครับ หาวงจรในเน็ต ซื้อของบ้านหม้อ แล้วต่อวงจรเอง น่าจะไม่เกิน 1000
แล้วไปหาซื้อไดชาร์จมอเตอร์ไชค์ ตามร้านขายของเก่า พ่วงเข้าไปเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ และใส่ คาปาซิเตอร์ พ่วงไปที่แบตเตอรี่
น่าจะช่วยในเรื่องของกระแสไฟ เดินเรียบขึ่นครับ แต่คิดว่า คุณเจ้าของกระทู้คงคิดไว้หมดแล้วแหละ ติดแค่งบและเวลาเท่านั้น ใช่ป่ะ
;D
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
แล้วถ้าเพิ่ม วงจร VSD (Variable Speed Drive) เข้าไปน่าจะดีนะครับ หาวงจรในเน็ต ซื้อของบ้านหม้อ แล้วต่อวงจรเอง น่าจะไม่เกิน 1000
แล้วไปหาซื้อไดชาร์จมอเตอร์ไชค์ ตามร้านขายของเก่า พ่วงเข้าไปเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ และใส่ คาปาซิเตอร์ พ่วงไปที่แบตเตอรี่
น่าจะช่วยในเรื่องของกระแสไฟ เดินเรียบขึ่นครับ แต่คิดว่า คุณเจ้าของกระทู้คงคิดไว้หมดแล้วแหละ ติดแค่งบและเวลาเท่านั้น ใช่ป่ะ
;D
วงจรทำไว้แล้วครับ
แต่...
อย่างที่เห็นครับ ผมไม่จำเป็นต้องใช้เลย เพราะ แรงดัน หล่นไปเร็วมาก อาจจะเพราะแบตเก่าด้วยก็ได้ครับ
ผมลองทั้ง BUCK BOOST แล้วก็รู้สึกว่า ไม่คุ้ม LOST เปล่า ๆ ถอดออกดีกว่า เหมาะกับมอเตอร์ที่ใช้กับรถscooter มากกว่า มอเตอร์แบบที่ผมใช้ คาดหวังอะไรไม่ได้ Avalanche Current ก็ร่วม ๆ 1000 Amp แล้วหากมอเตอร์ไม่หมุน
-----------------------
ถ้าจะทำเป็นรูปธรรมจริงๆ ตามที่ผมคิดๆ ไว้คือ มีทุนซัก 10 ล้านบาท จากการเล่นหุ้นหรือทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่
หาทีมงาน (อันนี้สำคัญมาก) ที่เราจะปรึกษาหารือได้ ให้ครบทุกด้าน หารถดีๆ มาหนึ่งคัน เพื่อมาก๊อปปี้ก่อน
อาจจะเอาส่วนประกอบที่ชอบจากหลายๆ รุ่นมารวมกันก็ได้ ภายในห้องโดยสาร ยี่ห้อ A ช่วงล่างยี่ห้อ B เป็นต้น
ที่ต้องเตรียมไว้ 10 ล้าน เพราะต้องมีต้นทุนค่าทำ mould สำหรับ part plastic บางส่วน ส่วน part เหล็ก ตัวถัง ใช้เคาะขึ้น
รูปเอา หรือจะใช้วัสดุอื่นๆ ทดแทนก็ได้ ตัวเครื่องยนต์กับเกียร์ เลือกเอารุ่นที่ชอบ (อนาคตค่อยคิดต่อเรื่องทำเครื่องยนต์/เกียร์)
ถ้าร่วมมือกันทำหลายๆ คนน่าจะออกมาเหมือนรถที่ขายได้จริงๆ ซักคันแน่ แต่ก็เป็นแค่ prototype เท่านั้น ซึ่งส่วนที่ลำบาก
คือการแกะ drawing part ทั้งหมด ที่ต้องใช้ปริมาณคนมากมายมหาศาล ตรงจุดนี้จะเป็นจุดที่ยากที่สุด และถ้าทำไม่
ละเอียดเรียบร้อยดี ก็จะออกมาแบบรถจีนก๊องแก๊งอย่างที่เห็น แต่ไปขอซื้อ drawing จากบริษัทรถต่างๆ คงทำไม่ได้ง่ายๆ
เหมือน Proton ไปซื้อของ Mitsu จะโจรกรรมมาแบบที่บริษัทรถจีนทำก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง ถึงแม้ว่า หลายๆ คนในเวปนี้
จะมีเพื่อนที่สามารถเอา drawing ออกมาจากบริษัทรถได้ก็ตาม ดังนั้น ก็คงต้องค่อยๆ ก๊อปชิ้นส่วนเพื่อทำ drawing ต่อไป
ปัญหาต่อมาคือ การหาเงินเพื่อมาจ้างคนเขียน drawing นี่แหล่ะ ดูๆ แล้ว 10 ล้านก็อาจจะเอาไม่อยู่ แต่ถ้าพยายามจริงๆ
อาจจะลวกๆ ไปบ้าง มันก็อาจทำออกมาได้ แต่คุณภาพจะได้แค่จีนๆ รึเปล่า ก็มีโอกาสสูง เมื่อทำรถต้นแบบออกมาได้ ก็
ลองไปออกบูธงานสำคัญๆ อย่าง motorshow ดู อาจจะมีเศรษฐีบางคนอยากเล่นกับเราด้วยก็ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดคือเราต้อง
มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ปั่นเงินมาลงทุนตรงนี้ได้เอง ส่วนจะมีใครมา join ก็ว่ากันอีกที ปรึกษากับทีมงานดีๆ ให้ออกแบบยังไง
ผลิตยังไงให้ประหยัดต้นทุนให้มากที่สุด
อันนี้คิดแบบเล่นๆ ดูนะครับ ประเด็นหลักๆ ที่ต้องมีคือ เงินและทีมงาน ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ซะทีเดียว คิด plan ไว้บ้างก็ไม่เสียหาย
ปัญหาใหญ่ถัดมาคือ ถ้าเราทำรถออกมาได้หนึ่งคัน ส่วนที่สำคัญมากๆ ก็คือ ตัวเครื่องยนต์ กับเกียร์ จะซื้อของบริษัทไหนมาใส่
ให้ได้ถูกไม่แพง แต่คุณภาพก็ต้องดีด้วย ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ควรจะซื้อของใคร ? แต่ถ้าทุนหนาๆ ก็ต้องเริ่มการค้นคว้า
ผลิตเครื่องยนต์และเกียร์ได้เลย ที่จริงมันไม่ยากเลย ยิ่งถ้ามีรัฐสนับสนุนด้วย คลิ๊กเดียวไม่เกิน ปีสองปี รถยนต์ก็ผลิตได้แล้วนะ
เริ่มแรกต้องก๊อป part component, assembly part ต่างๆ ไปก่อน แต่โครงตัวถัง รูปลักษณ์ภายนอก ก็ออกแบบกันเองให้ดู
แตกต่างเป็นของบริษัทเราเองมาได้
[/color]
:)
-
ถ้าจะทำเป็นรูปธรรมจริงๆ ตามที่ผมคิดๆ ไว้คือ มีทุนซัก 10 ล้านบาท จากการเล่นหุ้นหรือทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่
หาทีมงาน (อันนี้สำคัญมาก) ที่เราจะปรึกษาหารือได้ ให้ครบทุกด้าน หารถดีๆ มาหนึ่งคัน เพื่อมาก๊อปปี้ก่อน
อาจจะเอาส่วนประกอบที่ชอบจากหลายๆ รุ่นมารวมกันก็ได้ ภายในห้องโดยสาร ยี่ห้อ A ช่วงล่างยี่ห้อ B เป็นต้น
ที่ต้องเตรียมไว้ 10 ล้าน เพราะต้องมีต้นทุนค่าทำ mould สำหรับ part plastic บางส่วน ส่วน part เหล็ก ตัวถัง ใช้เคาะขึ้น
รูปเอา หรือจะใช้วัสดุอื่นๆ ทดแทนก็ได้ ตัวเครื่องยนต์กับเกียร์ เลือกเอารุ่นที่ชอบ (อนาคตค่อยคิดต่อเรื่องทำเครื่องยนต์/เกียร์)
ถ้าร่วมมือกันทำหลายๆ คนน่าจะออกมาเหมือนรถที่ขายได้จริงๆ ซักคันแน่ แต่ก็เป็นแค่ prototype เท่านั้น ซึ่งส่วนที่ลำบาก
คือการแกะ drawing part ทั้งหมด ที่ต้องใช้ปริมาณคนมากมายมหาศาล ตรงจุดนี้จะเป็นจุดที่ยากที่สุด และถ้าทำไม่
ละเอียดเรียบร้อยดี ก็จะออกมาแบบรถจีนก๊องแก๊งอย่างที่เห็น แต่ไปขอซื้อ drawing จากบริษัทรถต่างๆ คงทำไม่ได้ง่ายๆ
เหมือน Proton ไปซื้อของ Mitsu จะโจรกรรมมาแบบที่บริษัทรถจีนทำก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง ถึงแม้ว่า หลายๆ คนในเวปนี้
จะมีเพื่อนที่สามารถเอา drawing ออกมาจากบริษัทรถได้ก็ตาม ดังนั้น ก็คงต้องค่อยๆ ก๊อปชิ้นส่วนเพื่อทำ drawing ต่อไป
ปัญหาต่อมาคือ การหาเงินเพื่อมาจ้างคนเขียน drawing นี่แหล่ะ ดูๆ แล้ว 10 ล้านก็อาจจะเอาไม่อยู่ แต่ถ้าพยายามจริงๆ
อาจจะลวกๆ ไปบ้าง มันก็อาจทำออกมาได้ แต่คุณภาพจะได้แค่จีนๆ รึเปล่า ก็มีโอกาสสูง เมื่อทำรถต้นแบบออกมาได้ ก็
ลองไปออกบูธงานสำคัญๆ อย่าง motorshow ดู อาจจะมีเศรษฐีบางคนอยากเล่นกับเราด้วยก็ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดคือเราต้อง
มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ปั่นเงินมาลงทุนตรงนี้ได้เอง ส่วนจะมีใครมา join ก็ว่ากันอีกที ปรึกษากับทีมงานดีๆ ให้ออกแบบยังไง
ผลิตยังไงให้ประหยัดต้นทุนให้มากที่สุด
อันนี้คิดแบบเล่นๆ ดูนะครับ ประเด็นหลักๆ ที่ต้องมีคือ เงินและทีมงาน ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ซะทีเดียว คิด plan ไว้บ้างก็ไม่เสียหาย
ปัญหาใหญ่ถัดมาคือ ถ้าเราทำรถออกมาได้หนึ่งคัน ส่วนที่สำคัญมากๆ ก็คือ ตัวเครื่องยนต์ กับเกียร์ จะซื้อของบริษัทไหนมาใส่
ให้ได้ถูกไม่แพง แต่คุณภาพก็ต้องดีด้วย ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ควรจะซื้อของใคร ? แต่ถ้าทุนหนาๆ ก็ต้องเริ่มการค้นคว้า
ผลิตเครื่องยนต์และเกียร์ได้เลย ที่จริงมันไม่ยากเลย ยิ่งถ้ามีรัฐสนับสนุนด้วย คลิ๊กเดียวไม่เกิน ปีสองปี รถยนต์ก็ผลิตได้แล้วนะ
เริ่มแรกต้องก๊อป part component, assembly part ต่างๆ ไปก่อน แต่โครงตัวถัง รูปลักษณ์ภายนอก ก็ออกแบบกันเองให้ดู
แตกต่างเป็นของบริษัทเราเองมาได้
10 ล้าน ผมว่ามันน้อยไปอ่ะครับ คิดว่านะ แค่แม่พิมพ์ขึ้นรูป ก็เอาไม่อยู่แล้วครับ มือ 2 จากใต้หวัน 12 ล้าน แล้วอ่ะ
-
ถ้าจะทำเป็นรูปธรรมจริงๆ ตามที่ผมคิดๆ ไว้คือ มีทุนซัก 10 ล้านบาท จากการเล่นหุ้นหรือทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่
หาทีมงาน (อันนี้สำคัญมาก) ที่เราจะปรึกษาหารือได้ ให้ครบทุกด้าน หารถดีๆ มาหนึ่งคัน เพื่อมาก๊อปปี้ก่อน
อาจจะเอาส่วนประกอบที่ชอบจากหลายๆ รุ่นมารวมกันก็ได้ ภายในห้องโดยสาร ยี่ห้อ A ช่วงล่างยี่ห้อ B เป็นต้น
ที่ต้องเตรียมไว้ 10 ล้าน เพราะต้องมีต้นทุนค่าทำ mould สำหรับ part plastic บางส่วน ส่วน part เหล็ก ตัวถัง ใช้เคาะขึ้น
รูปเอา หรือจะใช้วัสดุอื่นๆ ทดแทนก็ได้ ตัวเครื่องยนต์กับเกียร์ เลือกเอารุ่นที่ชอบ (อนาคตค่อยคิดต่อเรื่องทำเครื่องยนต์/เกียร์)
ถ้าร่วมมือกันทำหลายๆ คนน่าจะออกมาเหมือนรถที่ขายได้จริงๆ ซักคันแน่ แต่ก็เป็นแค่ prototype เท่านั้น ซึ่งส่วนที่ลำบาก
คือการแกะ drawing part ทั้งหมด ที่ต้องใช้ปริมาณคนมากมายมหาศาล ตรงจุดนี้จะเป็นจุดที่ยากที่สุด และถ้าทำไม่
ละเอียดเรียบร้อยดี ก็จะออกมาแบบรถจีนก๊องแก๊งอย่างที่เห็น แต่ไปขอซื้อ drawing จากบริษัทรถต่างๆ คงทำไม่ได้ง่ายๆ
เหมือน Proton ไปซื้อของ Mitsu จะโจรกรรมมาแบบที่บริษัทรถจีนทำก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง ถึงแม้ว่า หลายๆ คนในเวปนี้
จะมีเพื่อนที่สามารถเอา drawing ออกมาจากบริษัทรถได้ก็ตาม ดังนั้น ก็คงต้องค่อยๆ ก๊อปชิ้นส่วนเพื่อทำ drawing ต่อไป
ปัญหาต่อมาคือ การหาเงินเพื่อมาจ้างคนเขียน drawing นี่แหล่ะ ดูๆ แล้ว 10 ล้านก็อาจจะเอาไม่อยู่ แต่ถ้าพยายามจริงๆ
อาจจะลวกๆ ไปบ้าง มันก็อาจทำออกมาได้ แต่คุณภาพจะได้แค่จีนๆ รึเปล่า ก็มีโอกาสสูง เมื่อทำรถต้นแบบออกมาได้ ก็
ลองไปออกบูธงานสำคัญๆ อย่าง motorshow ดู อาจจะมีเศรษฐีบางคนอยากเล่นกับเราด้วยก็ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดคือเราต้อง
มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ปั่นเงินมาลงทุนตรงนี้ได้เอง ส่วนจะมีใครมา join ก็ว่ากันอีกที ปรึกษากับทีมงานดีๆ ให้ออกแบบยังไง
ผลิตยังไงให้ประหยัดต้นทุนให้มากที่สุด
อันนี้คิดแบบเล่นๆ ดูนะครับ ประเด็นหลักๆ ที่ต้องมีคือ เงินและทีมงาน ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ซะทีเดียว คิด plan ไว้บ้างก็ไม่เสียหาย
ปัญหาใหญ่ถัดมาคือ ถ้าเราทำรถออกมาได้หนึ่งคัน ส่วนที่สำคัญมากๆ ก็คือ ตัวเครื่องยนต์ กับเกียร์ จะซื้อของบริษัทไหนมาใส่
ให้ได้ถูกไม่แพง แต่คุณภาพก็ต้องดีด้วย ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ควรจะซื้อของใคร ? แต่ถ้าทุนหนาๆ ก็ต้องเริ่มการค้นคว้า
ผลิตเครื่องยนต์และเกียร์ได้เลย ที่จริงมันไม่ยากเลย ยิ่งถ้ามีรัฐสนับสนุนด้วย คลิ๊กเดียวไม่เกิน ปีสองปี รถยนต์ก็ผลิตได้แล้วนะ
เริ่มแรกต้องก๊อป part component, assembly part ต่างๆ ไปก่อน แต่โครงตัวถัง รูปลักษณ์ภายนอก ก็ออกแบบกันเองให้ดู
แตกต่างเป็นของบริษัทเราเองมาได้
10 ล้าน ผมว่ามันน้อยไปอ่ะครับ คิดว่านะ แค่แม่พิมพ์ขึ้นรูป ก็เอาไม่อยู่แล้วครับ มือ 2 จากใต้หวัน 12 ล้าน แล้วอ่ะ
คุยกันยาวครับ
ถามว่าโรงงานประกอบรถ PV ในญี่ปุ่นเล็ก ๆ ก็ยังมีอยู่นะครับ ถ้าทำแบบโรงงานนั้น งบไม่เยอะครับ
แบบนี้ ทำได้แน่ ๆ ครับ ไม่เกิน 1 แสน ต่อคัน
http://www.flickr.com/photos/15498419@N05/2302333092# (http://www.flickr.com/photos/15498419@N05/2302333092#)
-
ยินดีด้วยครับ
เอาแค่ใช้วิ่งไปจ่ายกับข้าว ไปซื้อของปากซอย ก็เท่ห์แล้วครับ
นี่ถ้าได้วงจรควบคุมมอเตอร์แจ่มๆสักชุด ผมว่าจบละ คันนี้ ไม่ต้องคิดมากเรื่องช่วงล่างครับ ขนาดจักรยาน ยังไม่มีช็อค ไม่มีสปริง ยังขี่กันได้
ก็คิดซะว่าเจ้านี่เป็นจักรยานไปก็แล้วกัน :D
เห็นด้วยครับ วิ่งในซอย(ที่ไม่คับคั่ง) กับหมู่บ้าน นี่เวิร์คแน่ๆ
-
ถ้าจะทำเป็นรูปธรรมจริงๆ ตามที่ผมคิดๆ ไว้คือ มีทุนซัก 10 ล้านบาท จากการเล่นหุ้นหรือทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่
หาทีมงาน (อันนี้สำคัญมาก) ที่เราจะปรึกษาหารือได้ ให้ครบทุกด้าน หารถดีๆ มาหนึ่งคัน เพื่อมาก๊อปปี้ก่อน
อาจจะเอาส่วนประกอบที่ชอบจากหลายๆ รุ่นมารวมกันก็ได้ ภายในห้องโดยสาร ยี่ห้อ A ช่วงล่างยี่ห้อ B เป็นต้น
ที่ต้องเตรียมไว้ 10 ล้าน เพราะต้องมีต้นทุนค่าทำ mould สำหรับ part plastic บางส่วน ส่วน part เหล็ก ตัวถัง ใช้เคาะขึ้น
รูปเอา หรือจะใช้วัสดุอื่นๆ ทดแทนก็ได้ ตัวเครื่องยนต์กับเกียร์ เลือกเอารุ่นที่ชอบ (อนาคตค่อยคิดต่อเรื่องทำเครื่องยนต์/เกียร์)
ถ้าร่วมมือกันทำหลายๆ คนน่าจะออกมาเหมือนรถที่ขายได้จริงๆ ซักคันแน่ แต่ก็เป็นแค่ prototype เท่านั้น ซึ่งส่วนที่ลำบาก
คือการแกะ drawing part ทั้งหมด ที่ต้องใช้ปริมาณคนมากมายมหาศาล ตรงจุดนี้จะเป็นจุดที่ยากที่สุด และถ้าทำไม่
ละเอียดเรียบร้อยดี ก็จะออกมาแบบรถจีนก๊องแก๊งอย่างที่เห็น แต่ไปขอซื้อ drawing จากบริษัทรถต่างๆ คงทำไม่ได้ง่ายๆ
เหมือน Proton ไปซื้อของ Mitsu จะโจรกรรมมาแบบที่บริษัทรถจีนทำก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง ถึงแม้ว่า หลายๆ คนในเวปนี้
จะมีเพื่อนที่สามารถเอา drawing ออกมาจากบริษัทรถได้ก็ตาม ดังนั้น ก็คงต้องค่อยๆ ก๊อปชิ้นส่วนเพื่อทำ drawing ต่อไป
ปัญหาต่อมาคือ การหาเงินเพื่อมาจ้างคนเขียน drawing นี่แหล่ะ ดูๆ แล้ว 10 ล้านก็อาจจะเอาไม่อยู่ แต่ถ้าพยายามจริงๆ
อาจจะลวกๆ ไปบ้าง มันก็อาจทำออกมาได้ แต่คุณภาพจะได้แค่จีนๆ รึเปล่า ก็มีโอกาสสูง เมื่อทำรถต้นแบบออกมาได้ ก็
ลองไปออกบูธงานสำคัญๆ อย่าง motorshow ดู อาจจะมีเศรษฐีบางคนอยากเล่นกับเราด้วยก็ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดคือเราต้อง
มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ปั่นเงินมาลงทุนตรงนี้ได้เอง ส่วนจะมีใครมา join ก็ว่ากันอีกที ปรึกษากับทีมงานดีๆ ให้ออกแบบยังไง
ผลิตยังไงให้ประหยัดต้นทุนให้มากที่สุด
อันนี้คิดแบบเล่นๆ ดูนะครับ ประเด็นหลักๆ ที่ต้องมีคือ เงินและทีมงาน ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ซะทีเดียว คิด plan ไว้บ้างก็ไม่เสียหาย
ปัญหาใหญ่ถัดมาคือ ถ้าเราทำรถออกมาได้หนึ่งคัน ส่วนที่สำคัญมากๆ ก็คือ ตัวเครื่องยนต์ กับเกียร์ จะซื้อของบริษัทไหนมาใส่
ให้ได้ถูกไม่แพง แต่คุณภาพก็ต้องดีด้วย ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ควรจะซื้อของใคร ? แต่ถ้าทุนหนาๆ ก็ต้องเริ่มการค้นคว้า
ผลิตเครื่องยนต์และเกียร์ได้เลย ที่จริงมันไม่ยากเลย ยิ่งถ้ามีรัฐสนับสนุนด้วย คลิ๊กเดียวไม่เกิน ปีสองปี รถยนต์ก็ผลิตได้แล้วนะ
เริ่มแรกต้องก๊อป part component, assembly part ต่างๆ ไปก่อน แต่โครงตัวถัง รูปลักษณ์ภายนอก ก็ออกแบบกันเองให้ดู
แตกต่างเป็นของบริษัทเราเองมาได้
10 ล้าน ผมว่ามันน้อยไปอ่ะครับ คิดว่านะ แค่แม่พิมพ์ขึ้นรูป ก็เอาไม่อยู่แล้วครับ มือ 2 จากใต้หวัน 12 ล้าน แล้วอ่ะ
ความหมายของผมคือ ทำรถตัวอย่างออกมาในงบจำกัดครับ คือทำออกมาหนึ่งคัน ทิ้งไปเลย 10 ล้าน ไม่ได้หมายความ
ว่าเปิดโรงงานผลิตครับ ทำรถออกมาให้น่าสนใจในวงกว้าง ต้องพยายามทำออกมาให้ได้เห็นเป็นรูปธรรมที่สุด รวมไปถึง
การถอดแบบ drawing ทั้งหมด ทำออกมาแค่ prototype 1 คัน ซึ่งที่จริงบริษัทใหญ่เค้าทำกันต้องลงทุนเป็น 100 ล้าน
แต่เราเอาแบบประหยัด อันไหนทำ manual ได้ก็ทำครับ ส่วนที่ต้องขึ้นรูปใหม่ก็จะมี console หน้า แผงประตู พวงมาลัย
นอกนั้น ชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ carry over จากรถรุ่นอะไรก็ใส่ไปเลยครับ ไม่ต้องไปปั้มหรือฉีดใหม่ แล้วก็มีโคมไฟหน้า หลัง
ซื้อเครื่อง/เกียร์รถรุ่นอื่นมาลง ตีแผ่นเหล็ก หรือจะหล่อไฟเบอร์ อะไรก็แล้วแต่สำหรับรูปร่างภายนอก เสร็จแล้ว ก็เอาไปโชว์
ได้ ผลิตรถออกมาหนึ่งคันได้นี้เหมือนเป็นการ PR ตัวบริษัทไปในตัวละ ต้องมีคนมาถ่ายทำ สัมภาษณ์ รวมไปถึงได้ออกในสื่อ
ทาง internet ไม่ก็ได้ออกทีวี ด้วยการ PR แบบนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น่าสนใจมากๆ จนไปถึงอาจจะมีคนอยากร่วม project
นี้ด้วยก็ได้ โดยที่เรายังไม่มีเงินเปิดโรงงานผลิตอะไรหรอกครับ แค่ีได้รถต้นแบบมาหนึ่งคัน อาจจะทำอยู่ในโรงจอดรถที่บ้าน
หรือที่โกดัง อู่ที่ไหนก็ได้ แต่แน่นอน พวก part ฉีดต่างๆ ต้องไปติดต่อโรงงานให้เค้า ทำ mould ทำบล็อกอะไรให้เรียบร้อย
ซึ่งโรงงานนั้นมีมากมายก่ายกองอยู่ทั่วไปหมด เมื่อได้ part มาครบก็ประกอบให้เรียบร้อย ต้องทำถึงขนาดนี้ครับถึงจะมีคนสน
แต่ถ้าทำออกมาครึ่งๆ กลางๆ แบบรถที่ผลิตจากฝีมือนักเรียนนักศึกษา หรือมือสมัครเล่นต่างๆ มันมองไม่เห็นภาพ มันไม่ค่อย
น่าสนใจครับ ซึ่งที่ผ่านมามีคนทำแบบนี้อยู่เต็มไปหมด ซึ่งก็ยังได้ออกทีวีเช่นกัน
-
ถ้าจะทำเป็นรูปธรรมจริงๆ ตามที่ผมคิดๆ ไว้คือ มีทุนซัก 10 ล้านบาท จากการเล่นหุ้นหรือทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่
หาทีมงาน (อันนี้สำคัญมาก) ที่เราจะปรึกษาหารือได้ ให้ครบทุกด้าน หารถดีๆ มาหนึ่งคัน เพื่อมาก๊อปปี้ก่อน
อาจจะเอาส่วนประกอบที่ชอบจากหลายๆ รุ่นมารวมกันก็ได้ ภายในห้องโดยสาร ยี่ห้อ A ช่วงล่างยี่ห้อ B เป็นต้น
ที่ต้องเตรียมไว้ 10 ล้าน เพราะต้องมีต้นทุนค่าทำ mould สำหรับ part plastic บางส่วน ส่วน part เหล็ก ตัวถัง ใช้เคาะขึ้น
รูปเอา หรือจะใช้วัสดุอื่นๆ ทดแทนก็ได้ ตัวเครื่องยนต์กับเกียร์ เลือกเอารุ่นที่ชอบ (อนาคตค่อยคิดต่อเรื่องทำเครื่องยนต์/เกียร์)
ถ้าร่วมมือกันทำหลายๆ คนน่าจะออกมาเหมือนรถที่ขายได้จริงๆ ซักคันแน่ แต่ก็เป็นแค่ prototype เท่านั้น ซึ่งส่วนที่ลำบาก
คือการแกะ drawing part ทั้งหมด ที่ต้องใช้ปริมาณคนมากมายมหาศาล ตรงจุดนี้จะเป็นจุดที่ยากที่สุด และถ้าทำไม่
ละเอียดเรียบร้อยดี ก็จะออกมาแบบรถจีนก๊องแก๊งอย่างที่เห็น แต่ไปขอซื้อ drawing จากบริษัทรถต่างๆ คงทำไม่ได้ง่ายๆ
เหมือน Proton ไปซื้อของ Mitsu จะโจรกรรมมาแบบที่บริษัทรถจีนทำก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง ถึงแม้ว่า หลายๆ คนในเวปนี้
จะมีเพื่อนที่สามารถเอา drawing ออกมาจากบริษัทรถได้ก็ตาม ดังนั้น ก็คงต้องค่อยๆ ก๊อปชิ้นส่วนเพื่อทำ drawing ต่อไป
ปัญหาต่อมาคือ การหาเงินเพื่อมาจ้างคนเขียน drawing นี่แหล่ะ ดูๆ แล้ว 10 ล้านก็อาจจะเอาไม่อยู่ แต่ถ้าพยายามจริงๆ
อาจจะลวกๆ ไปบ้าง มันก็อาจทำออกมาได้ แต่คุณภาพจะได้แค่จีนๆ รึเปล่า ก็มีโอกาสสูง เมื่อทำรถต้นแบบออกมาได้ ก็
ลองไปออกบูธงานสำคัญๆ อย่าง motorshow ดู อาจจะมีเศรษฐีบางคนอยากเล่นกับเราด้วยก็ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดคือเราต้อง
มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ปั่นเงินมาลงทุนตรงนี้ได้เอง ส่วนจะมีใครมา join ก็ว่ากันอีกที ปรึกษากับทีมงานดีๆ ให้ออกแบบยังไง
ผลิตยังไงให้ประหยัดต้นทุนให้มากที่สุด
อันนี้คิดแบบเล่นๆ ดูนะครับ ประเด็นหลักๆ ที่ต้องมีคือ เงินและทีมงาน ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ซะทีเดียว คิด plan ไว้บ้างก็ไม่เสียหาย
ปัญหาใหญ่ถัดมาคือ ถ้าเราทำรถออกมาได้หนึ่งคัน ส่วนที่สำคัญมากๆ ก็คือ ตัวเครื่องยนต์ กับเกียร์ จะซื้อของบริษัทไหนมาใส่
ให้ได้ถูกไม่แพง แต่คุณภาพก็ต้องดีด้วย ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ควรจะซื้อของใคร ? แต่ถ้าทุนหนาๆ ก็ต้องเริ่มการค้นคว้า
ผลิตเครื่องยนต์และเกียร์ได้เลย ที่จริงมันไม่ยากเลย ยิ่งถ้ามีรัฐสนับสนุนด้วย คลิ๊กเดียวไม่เกิน ปีสองปี รถยนต์ก็ผลิตได้แล้วนะ
เริ่มแรกต้องก๊อป part component, assembly part ต่างๆ ไปก่อน แต่โครงตัวถัง รูปลักษณ์ภายนอก ก็ออกแบบกันเองให้ดู
แตกต่างเป็นของบริษัทเราเองมาได้
10 ล้าน ผมว่ามันน้อยไปอ่ะครับ คิดว่านะ แค่แม่พิมพ์ขึ้นรูป ก็เอาไม่อยู่แล้วครับ มือ 2 จากใต้หวัน 12 ล้าน แล้วอ่ะ
ความหมายของผมคือ ทำรถตัวอย่างออกมาในงบจำกัดครับ คือทำออกมาหนึ่งคัน ทิ้งไปเลย 10 ล้าน ไม่ได้หมายความ
ว่าเปิดโรงงานผลิตครับ ทำรถออกมาให้น่าสนใจในวงกว้าง ต้องพยายามทำออกมาให้ได้เห็นเป็นรูปธรรมที่สุด รวมไปถึง
การถอดแบบ drawing ทั้งหมด ทำออกมาแค่ prototype 1 คัน ซึ่งที่จริงบริษัทใหญ่เค้าทำกันต้องลงทุนเป็น 100 ล้าน
แต่เราเอาแบบประหยัด อันไหนทำ manual ได้ก็ทำครับ ส่วนที่ต้องขึ้นรูปใหม่ก็จะมี console หน้า แผงประตู พวงมาลัย
นอกนั้น ชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ carry over จากรถรุ่นอะไรก็ใส่ไปเลยครับ ไม่ต้องไปปั้มหรือฉีดใหม่ แล้วก็มีโคมไฟหน้า หลัง
ซื้อเครื่อง/เกียร์รถรุ่นอื่นมาลง ตีแผ่นเหล็ก หรือจะหล่อไฟเบอร์ อะไรก็แล้วแต่สำหรับรูปร่างภายนอก เสร็จแล้ว ก็เอาไปโชว์
ได้ ผลิตรถออกมาหนึ่งคันได้นี้เหมือนเป็นการ PR ตัวบริษัทไปในตัวละ ต้องมีคนมาถ่ายทำ สัมภาษณ์ รวมไปถึงได้ออกในสื่อ
ทาง internet ไม่ก็ได้ออกทีวี ด้วยการ PR แบบนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น่าสนใจมากๆ จนไปถึงอาจจะมีคนอยากร่วม project
นี้ด้วยก็ได้ โดยที่เรายังไม่มีเงินเปิดโรงงานผลิตอะไรหรอกครับ แค่ีได้รถต้นแบบมาหนึ่งคัน อาจจะทำอยู่ในโรงจอดรถที่บ้าน
หรือที่โกดัง อู่ที่ไหนก็ได้ แต่แน่นอน พวก part ฉีดต่างๆ ต้องไปติดต่อโรงงานให้เค้า ทำ mould ทำบล็อกอะไรให้เรียบร้อย
ซึ่งโรงงานนั้นมีมากมายก่ายกองอยู่ทั่วไปหมด เมื่อได้ part มาครบก็ประกอบให้เรียบร้อย ต้องทำถึงขนาดนี้ครับถึงจะมีคนสน
แต่ถ้าทำออกมาครึ่งๆ กลางๆ แบบรถที่ผลิตจากฝีมือนักเรียนนักศึกษา หรือมือสมัครเล่นต่างๆ มันมองไม่เห็นภาพ มันไม่ค่อย
น่าสนใจครับ ซึ่งที่ผ่านมามีคนทำแบบนี้อยู่เต็มไปหมด ซึ่งก็ยังได้ออกทีวีเช่นกัน
อ๋อ Ok ครับ ประมาณรถต้นแบบใช่มั้ย
-
สุดๆไปเลยครับ
อย่าลืมจับ0-100ด้วยนะครับ
-
ผมชอบไอเดียคุณ jaesz นะคับ ถ้าคนอยากทำรถมารวมกลุ่มกันเยอะๆ
ต้องสร้างสรรค์อะไรสุดยอดออกมาได้แน่ๆ เลยครับ
-
สุดๆไปเลยครับ
อย่าลืมจับ0-100ด้วยนะครับ
ไ่ม่ต้องจับแล้วครับ 0-100Km/Hr วิ่งไม่ได้หรอก
แต่ถ้า 0-100cm/hr พอได้อยู่ครับ ;D
-
เจ๋งดีครับ
-
ความหมายของผมคือ ทำรถตัวอย่างออกมาในงบจำกัดครับ คือทำออกมาหนึ่งคัน ทิ้งไปเลย 10 ล้าน ไม่ได้หมายความ
ว่าเปิดโรงงานผลิตครับ ทำรถออกมาให้น่าสนใจในวงกว้าง ต้องพยายามทำออกมาให้ได้เห็นเป็นรูปธรรมที่สุด รวมไปถึง
การถอดแบบ drawing ทั้งหมด ทำออกมาแค่ prototype 1 คัน ซึ่งที่จริงบริษัทใหญ่เค้าทำกันต้องลงทุนเป็น 100 ล้าน
แต่เราเอาแบบประหยัด อันไหนทำ manual ได้ก็ทำครับ ส่วนที่ต้องขึ้นรูปใหม่ก็จะมี console หน้า แผงประตู พวงมาลัย
นอกนั้น ชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ carry over จากรถรุ่นอะไรก็ใส่ไปเลยครับ ไม่ต้องไปปั้มหรือฉีดใหม่ แล้วก็มีโคมไฟหน้า หลัง
ซื้อเครื่อง/เกียร์รถรุ่นอื่นมาลง ตีแผ่นเหล็ก หรือจะหล่อไฟเบอร์ อะไรก็แล้วแต่สำหรับรูปร่างภายนอก เสร็จแล้ว ก็เอาไปโชว์
ได้ ผลิตรถออกมาหนึ่งคันได้นี้เหมือนเป็นการ PR ตัวบริษัทไปในตัวละ ต้องมีคนมาถ่ายทำ สัมภาษณ์ รวมไปถึงได้ออกในสื่อ
ทาง internet ไม่ก็ได้ออกทีวี ด้วยการ PR แบบนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น่าสนใจมากๆ จนไปถึงอาจจะมีคนอยากร่วม project
นี้ด้วยก็ได้ โดยที่เรายังไม่มีเงินเปิดโรงงานผลิตอะไรหรอกครับ แค่ีได้รถต้นแบบมาหนึ่งคัน อาจจะทำอยู่ในโรงจอดรถที่บ้าน
หรือที่โกดัง อู่ที่ไหนก็ได้ แต่แน่นอน พวก part ฉีดต่างๆ ต้องไปติดต่อโรงงานให้เค้า ทำ mould ทำบล็อกอะไรให้เรียบร้อย
ซึ่งโรงงานนั้นมีมากมายก่ายกองอยู่ทั่วไปหมด เมื่อได้ part มาครบก็ประกอบให้เรียบร้อย ต้องทำถึงขนาดนี้ครับถึงจะมีคนสน
แต่ถ้าทำออกมาครึ่งๆ กลางๆ แบบรถที่ผลิตจากฝีมือนักเรียนนักศึกษา หรือมือสมัครเล่นต่างๆ มันมองไม่เห็นภาพ มันไม่ค่อย
น่าสนใจครับ ซึ่งที่ผ่านมามีคนทำแบบนี้อยู่เต็มไปหมด ซึ่งก็ยังได้ออกทีวีเช่นกัน
ผมว่า10ล้านจะได้แค่รถตัวอย่าง ที่มีแต่รูปร่าง แต่วัดข้อมูลอากาศพลศาสตร์อะไรไม่ได้เลย ถึงจะมีคนสน แต่ถ้ามองไปที่การผลิตจริง ต้องแก้จนรูปร่างจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ไม่รู้ ผมว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มนะครับ ถึงจะเรียกเสียงฮือฮาได้บ้าง แต่มันก็จะเงียบหายไปในที่สุด ดูจากหลายๆเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา - -
เพราะรถจริงๆกว่าจะพอใจกับการไหลเวียนอากาศได้ สร้างPrototype เป็นสิบเลย
แต่ถ้าจะทำเป็นรถแหวกแนว แบบแข่งประหยัดน้ำมัน หรือใช้เพื่อจุดประสงค์เฉพาะนี่น่าสนครับ
ป.ล. จขกท. ถ่ายคลิปมาให้ชมเลยครับ ผมว่ามันน่าดูมาก อยากเห็นตอนวิ่งจังครับ *-*
-
อย่างนี้สิ คนไทย!!!!
น่ายกย่อง และน่าอิจฉาในฝีมืออย่างยิ่งครับ ถ้าสามารถต่อยอดให้ใช้บนถนนได้จริงคงจะเยี่ยม
ตอนนี้ที่เมืองนอก เริ่มมีคนเอารถเก่ามาทดลองแปลงเป็น EV กันมากขึ้นนะครับ แต่ก็ยังเป็นช่วงทดลอง วิ่งเร็วไม่ได้เหมือนกัน ผมว่าถ้าเราทำได้เร็ว เราอาจจะแสดงให้เห็นว่าคนไทยก็ทำได้
ผมว่าไม่ต้องสนใจหรอกครับว่าทำแล้วจะสำเร็จหรือเปล่า แค่เราทำมันเป็น Hobby แล้วมีความสุขก็พอแล้ว แต่ขอให้ไปอวดความสามารถกันบ้างก็พอครับ
เรื่องที่จะทำเป็นการค้าเลยนี่ ผมว่าคงต้องไปสำรวจตลาด และหางบสนับสนุนเยอะพอสมควรครับ เพราะเมืองไทยเรารัฐบาลไม่ค่อยสนใจด้วย ทำไปอาจจะเข้าเนื้อได้ง่ายๆ
-
ถ้าการทำขายจริงจะเป็นไปได้ง่ายกว่าก็ จักรยานหรือจักรยานยนต์ไฟฟ้าล่ะมั้งครับ
-
ขอชมว่าเก่งมากครับ
ผมแนะนำในฐานะเคยทำมาก่อนครับ แต่ไม่ได้มีความรู้มากกมายอะไรหรอกครับ
1 เปลี่ยนมอเตอร์เป็น 500W ที่มีขายตามคลองถมลูกละไม่ถึงพัน ผมซื้อนานแล้ว จำราคาไม่แน่ชัด แต่คิดว่าไม่เกิน 1500 ครับ
จะหมดปัญหาเรื่องความร้อนไปได้ มอเตอร์สตาร์ทเป็นมอเตอร์ทำงานระยะสั้นๆ ครับ
2 ปรับมุมล้อหน้า ให้มีโทอิน โทเอ้า จะช่วยให้รถมีสเถียรภาพเวลาวิ่งเยอะกว่าเดิมมากครับ
เรื่องอื่นๆ ค่อยๆ ปรับแก้ได้ ไม่ยากครับ
เรื่องวงจร ถือว่าไม่สำคัญเท่าใหร่ ผมเคยทำเองสุดท้ายไม่คุ้ม ค่า IGBT และ MOSFET หมดไปเป็นพัน
สุดท้ายระเบิดหมดครับ ไม่สู้ที่ซื้อ 1800 ได้
แต่ถ้าจะพัฒนาใว้ใช้จริงๆ ต้องปรึกษาผู้รู้หลายๆ ท่าน น่าจะได้ผลครับ
-
ความหมายของผมคือ ทำรถตัวอย่างออกมาในงบจำกัดครับ คือทำออกมาหนึ่งคัน ทิ้งไปเลย 10 ล้าน ไม่ได้หมายความ
ว่าเปิดโรงงานผลิตครับ ทำรถออกมาให้น่าสนใจในวงกว้าง ต้องพยายามทำออกมาให้ได้เห็นเป็นรูปธรรมที่สุด รวมไปถึง
การถอดแบบ drawing ทั้งหมด ทำออกมาแค่ prototype 1 คัน ซึ่งที่จริงบริษัทใหญ่เค้าทำกันต้องลงทุนเป็น 100 ล้าน
แต่เราเอาแบบประหยัด อันไหนทำ manual ได้ก็ทำครับ ส่วนที่ต้องขึ้นรูปใหม่ก็จะมี console หน้า แผงประตู พวงมาลัย
นอกนั้น ชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ carry over จากรถรุ่นอะไรก็ใส่ไปเลยครับ ไม่ต้องไปปั้มหรือฉีดใหม่ แล้วก็มีโคมไฟหน้า หลัง
ซื้อเครื่อง/เกียร์รถรุ่นอื่นมาลง ตีแผ่นเหล็ก หรือจะหล่อไฟเบอร์ อะไรก็แล้วแต่สำหรับรูปร่างภายนอก เสร็จแล้ว ก็เอาไปโชว์
ได้ ผลิตรถออกมาหนึ่งคันได้นี้เหมือนเป็นการ PR ตัวบริษัทไปในตัวละ ต้องมีคนมาถ่ายทำ สัมภาษณ์ รวมไปถึงได้ออกในสื่อ
ทาง internet ไม่ก็ได้ออกทีวี ด้วยการ PR แบบนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น่าสนใจมากๆ จนไปถึงอาจจะมีคนอยากร่วม project
นี้ด้วยก็ได้ โดยที่เรายังไม่มีเงินเปิดโรงงานผลิตอะไรหรอกครับ แค่ีได้รถต้นแบบมาหนึ่งคัน อาจจะทำอยู่ในโรงจอดรถที่บ้าน
หรือที่โกดัง อู่ที่ไหนก็ได้ แต่แน่นอน พวก part ฉีดต่างๆ ต้องไปติดต่อโรงงานให้เค้า ทำ mould ทำบล็อกอะไรให้เรียบร้อย
ซึ่งโรงงานนั้นมีมากมายก่ายกองอยู่ทั่วไปหมด เมื่อได้ part มาครบก็ประกอบให้เรียบร้อย ต้องทำถึงขนาดนี้ครับถึงจะมีคนสน
แต่ถ้าทำออกมาครึ่งๆ กลางๆ แบบรถที่ผลิตจากฝีมือนักเรียนนักศึกษา หรือมือสมัครเล่นต่างๆ มันมองไม่เห็นภาพ มันไม่ค่อย
น่าสนใจครับ ซึ่งที่ผ่านมามีคนทำแบบนี้อยู่เต็มไปหมด ซึ่งก็ยังได้ออกทีวีเช่นกัน
ผมว่า10ล้านจะได้แค่รถตัวอย่าง ที่มีแต่รูปร่าง แต่วัดข้อมูลอากาศพลศาสตร์อะไรไม่ได้เลย ถึงจะมีคนสน แต่ถ้ามองไปที่การผลิตจริง ต้องแก้จนรูปร่างจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ไม่รู้ ผมว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มนะครับ ถึงจะเรียกเสียงฮือฮาได้บ้าง แต่มันก็จะเงียบหายไปในที่สุด ดูจากหลายๆเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา - -
เพราะรถจริงๆกว่าจะพอใจกับการไหลเวียนอากาศได้ สร้างPrototype เป็นสิบเลย
แต่ถ้าจะทำเป็นรถแหวกแนว แบบแข่งประหยัดน้ำมัน หรือใช้เพื่อจุดประสงค์เฉพาะนี่น่าสนครับ
ป.ล. จขกท. ถ่ายคลิปมาให้ชมเลยครับ ผมว่ามันน่าดูมาก อยากเห็นตอนวิ่งจังครับ *-*
วัดข้อมูลอากาศพลศาสตร์ ------> คืออะไรครับ เวลาเราตะลึงกับรถ concept ที่ทำออกมาได้สวยงาม เราอยากเข้าไปวัดข้อมูลอากาศพลศาสตร์ด้วยงั้นหรือ ???
แต่ถ้ามองไปที่การผลิตจริง ต้องแก้จนรูปร่างจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ไม่รู้ ------> ทำรูปร่างที่เราอยากทำที่สุดก่อนซิครับ
ผมว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มนะครับ ------> ก็บอกว่า ทำสิบล้านทิ้งไงครับ ทำต่อได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่ได้ มันยังกระตุ้นจิตใจของคนไทยให้ตื่นตัวได้ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าเอาเงินไปซื้อ GT-R ขับเล่น
ถึงจะเรียกเสียงฮือฮาได้บ้าง แต่มันก็จะเงียบหายไปในที่สุด ดูจากหลายๆเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา --------> เคยมีคนทำแล้วรึครับ แล้วรถแบบแข่งประหยัดน้ำมันที่คุณ6162002 บอกว่าน่าสน ไม่เคยมีคนทำรึครับ ผมเห็นอยู่แทบทุกเดือน
เพราะรถจริงๆกว่าจะพอใจกับการไหลเวียนอากาศได้ สร้างPrototype เป็นสิบเลย ------> นั่นเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว ขั้นเริ่มต้นมัวแต่กังวลจะได้ทำอะไรครับ
แต่ถ้าจะทำเป็นรถแหวกแนว แบบแข่งประหยัดน้ำมัน หรือใช้เพื่อจุดประสงค์เฉพาะนี่น่าสนครับ -------> อันนี้แหล่ะที่ผมบอกว่าเคยเห็นมาโคตรเยอะเลยทั่วโลก แล้วบอกตามตรงน่าเบื่อ และผมไม่สนครับ
ถ้าเราทำรถจริงๆ เน้นว่าจริงๆ นะครับ เป็น prototype ซักคัน หรือเป็นแค่ concept car ที่เป็นรูปธรรมจริงๆ ไม่ใช่ทำแบบผักชีโรยหน้า ผมยังไม่เคยเห็นใครในเมืองไทยทำนะ และมันน่าสนใจ
มากมาย ทำแบบไร้ที่ติไปเลย เพราะของมันต้องทำแบบ manual แทบทั้งหมดอยู่แล้ว ที่ผ่านมาอาจจะมีคนทำรถ แต่ก็ทำแบบง่ายๆ ผักชีโรยหน้า เน้นให้ขับได้ วิ่งได้ประหยัด อะไรทำนองนั้น
ซึ่งน่าเบื่อมาก มันไม่ได้โชว์ศักยภาพของการออกแบบรถที่สวยงามอย่างเป็นรูปธรรมเลย สักแต่ว่าทำแบบขอผ่านไปที มันอาจจะเป็นการลงทุนที่ไร้ความหมาย แต่ผมคิดว่ามันมีคุณค่าทางจิตใจมาก
และกว่าจะทำเสร็จเราจะได้ข้อมูลอีกมากมาย
-
แปดปีแล้ว !
เดี๋ยวต้องรื้อมาอัพเกรดสักหน่อย ตอนนี้ถอดเป็นชิ้นๆครับ