Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: YenChar ที่ กันยายน 19, 2015, 11:44:41
-
เหมือนจะเป็นกระทู้ที่ตั้งกันบ่อยๆ
แต่อันนี้ขอมีเงื่อนไขนะครับ ว่า...
ดีเซลเทอร์โบ "บล๊อคเล็ก"
VS
เบนซิน หายใจธรรมดา
.... เช่น
CX3 : 1.5 ดีเซล VS 2.0 เบนซินฉีดตรง
Fortuner : 2.4 ดีเซล VS 2.7 Dual vvti
CX5 : 2.2 VS 2.5
สังเกตุว่า เบนซินความจุเครื่องยนต์มากกว่า มีระบบช่วยเหลือเป็นน้ำจิ้ม แต่ไม่มีเทอร์โบ
ในขณะที่ดีเซลความจุน้อยกว่าแต่มีเทอร์โบ
ทุกท่าน ชอบฟิลลิ่งแบบไหนมากกว่ากันครับ??
มีประเด็นสงสัยในแง่การทำตลาด CX3 นิดหน่อย
คือ อาจจะไม่ได้ชัวร์ 100% ต้องรอ Official อีกที แต่ก็ลองตั้งสมมุติฐานขึ้นมาว่า
ถ้าเอาเบนซิน 2.0 มาขายคู่กับดีเซล 1.5 พิกัดไหนควรจะราคาสูงกว่ากัน สมรรถนะดีกว่ากัน
เพราะส่วนตัวมองว่าเครื่อง 1.5 ดีเซลในมาสด้า2 มันยังเหนียมๆกำลังไว้อยู่
เหมือนว่าไอ้เจ้าเครื่องบล๊อคนี้มันน่าจะแรงได้มากกว่านี้ แต่ต้องทอนกำลังลง เพื่อความประหยัด
เลยสงสัยเล็กๆกับการทำตลาดว่า ตัวไหนควรแพงกว่ากัน
อีกประเด็นคือ FTN
ส่วนตัวจองรุ่น 2.4 ดีเซลไปแล้ว แต่ก็แอบสงสัยในสมรรถนะของ 2.7 ที่ปรับปรุงใหม่เหมือนกัน
เคยจำได้ว่า สมัยอัลติส เครื่อง vvti เปลี่ยนเป็น dual เปลี่ยนรหัสเครื่องไป แรงขึ้นผิดหูผิดตา
ในขณะที่แคมรี่ จาก 1az vvti เก่าๆ มาเป็น vvti w แล้วแรงขึ้นมาพอสมควร
เลยสงสัยในสมรรถนะของ 2.7 ที่ปรับปรุงใหม่เหมือนกันว่าจะดีขึ้นแค่ไหน
ปกติขับแต่รถเบนซิน ระหว่างดึงเบาๆแต่ดึงนานๆ กับ ดึงสั้นๆแต่ดึงแรง
ทุกท่านชอบฟิลลิ่งแบบไหนครับ??
ขอบคุณครับ
-
ดีเซลสิครับ
-
มันดูแรงม้าและแรงบิดครับ ร่วมกันครับ
หลังๆรถเบนซินฉีดตรง แรงขึ้นผิดหูผิดตาครับ
แต่ผมก็ ชอบ ดัีเซล มากกกว่า เพราะมันมี turbo นี่ละ ถ้ารถมันไม่กั๊กความแรงไว้นะ
-
ส่วนตัวผมเป็นคนไม่กล้าขับเกิน 160km/h
ผมจึงชอบดีเซลเทอร์โบที่ตอบสนองในช่วงกระทันหัน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้เร็วทันใจกว่าครับ
เคยขับโฟกัสดีเซลของเพื่อน เกียร์ธรรมดาด้วย รู้สึกดีมากในด้านการขับขี่ และการตอบสนองของเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนที่พอดีกับลักษณะ และทักษาการขับของเรามากๆครับ
-
เท่าทีขับมาดีเซลเทอโบหรือเครื่องCommonrail(เรียกถูกป่าวเนี่ย) จะได้แรงกระชากตอนต้นพอปลายแล้วจะเหี่ยวหลัง 120-140+ มันก็พอสำหรับใช้งานทั่วไปเพราะไม่ได้จะเยียบอะไรขนาดนั้น(ยกเว้นผมน่ะ อิอิ) ส่วนเบนซิน NA ต้องใช้รอบสูงๆแรงถึงจะมาประมาณ4พันรอบแต่จะได้ความเร็วปลาย ขับสนุกกว่าเมื่อเทียบกับดีเซลแล้ว
สรุปคือ
1.ขับใช้งานปกติทางไกลไม่เกิน 120 และ save cost เลือกดีเซล
2.ขับสนุกปลายอยากไหลยาวๆเลือกเบนซิน
-
ถ้าขับในเมือง ใช้ความเร็วระหว่าง 60 - 100 กม/ชมบ่อยๆ ผมไปดีเซลครับ
มีแรงบิดมหาศาลมากองที่เท้า เหยียบนิดเดียวรถก็พุ่ง แถมได้เรื่องประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก
แต่ถ้าขับความเร็วสูงเกิน 150 กม/ชม บ่อยๆ คงต้องเลือกเบนซินครับ
-
ชอบเบนซิน NA มากกว่า แต่ขอccเยอะหน่อย3,000cc up ถ้าน้อยกว่านั้นขอเบนซินturbo
-
Benzine เพราะ ได้ 2.0L ok ใช้งานคล่องตัว มีกำลังดี
-
ส่วนตัวผมชอบเบนซินมากกว่าดีเซลครับ มันนุ่ม เงียบ ลื่นกว่า
-
ผมดูเป็นเคสๆไป ถ้า cx3 ผมไปเบนซิน fortuner ผมไปดีเซล cx5 ผมไปดีเซล
แต่ถ้าให้เลือกจริงๆ เบนซินเทอร์โบ จบ
-
ต้องดูที่การขับขี่ครับ ถ้าเป็นคนที่ชอบขับรถลากรอบไปขับเบนซินจะเหมาะกว่า เพราะเบนซินส่วนใหญ่ม้าและแรงบิดจะมาเมื่อเกิน 4000รอบไปแล้ว ส่วนถ้าชอบขับแบบสบายอัตราเร่งดี แตะคันเร่งเป็นมาไม่ลากรอบ ดีเซลเทอร์โบครับ ม้าและแรงบิดแค่ 1800รอบก็มาให้ขย่มแล้ว แต่ถ้าเป็นเบนซิลเทอร์โบและดีเซลเทอร์โบ เบนซิลเทอร์โบดึงแรงตั้งแต่ต้นยันจบครับ
-
ผมยังว่า CX3 เครื่องเบนซินน่าจะแรงกว่าและถ้าอยากชนกับ HRV ตรงๆก็ต้อง 2.0 ให้เป็นตัวท๊อป ส่วนดีเซล 1.5 เดิมของน้อง 2 ถ้าไม่ไปเพาะกล้ามเพิ่มคงกิน HRV ยากครับ
-
cx-3 แพงกว่าเบนซินในทุกรุ่นย่อย ถ้ามันไม่มีอะไรดีจะแพงกว่าทำไม
http://www.themotorreport.com.au/61366/2015-mazda-cx-3-akari-review-awd-petrol-or-diesel-which-is-for-you
ลอง search อ่านรีวิวของเมืองนอกที่เค้ามีทั้ง 2.0 เบนซิน กับ 1.5D turbo เทียบกัน ส่วนใหญ่บอกว่าดีเซลดีกว่า (ความแรงพอกัน แต่ดีเซลประหยัดกว่ามาก รอบเครื่องก็ต่ำกว่า ความเร็ว 110 กม./ชม. รอบอยู่ที่ 1800 รอบ)
ความเชื่อเดิมที่คิดว่าเบนซิน 2.0 ย่อมแรงกว่าดีเซล 1.5 แต่ที่เอามาคงเพื่อประหยัดน้ำมัน อันนี้ต้องลบไปก่อนครับ เพราะรีวิวเมืองนอกบอกแรงเหมือนกันทั้งตีนต้นตีนปลาย (บางรีวิวบอกขับยาวๆดีเซลดีกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ) เค้าบอกว่าเครื่องดีเซลตัวนี้ดีพอๆกับรถยุโรปคันละหลายล้าน (จะเอามาเทียบกับกระบะดีเซลเสียงดัง สั่นแรงไม่ได้)
ถ้าดูแรงม้าอาจเห็นว่าน้อยกว่า แต่ดูแรงบิดสิครับ เทียบเท่ากับเครื่องเบนซิน 2.5 (cx-3 เบนซินมี sport mode ด้วย อาจเพื่อให้เกิดความสนุกไม่ให้แพ้ตัวดีเซล)
สรุป - ความสนุก ความแรง พอๆกัน(ทั้งทางเรียบและขึ้นเขา) บางรีวิวก็ไม่ชอบเรื่อง turbo lag, ดีเซลจะช่วยประหยัดน้ำมันกว่า และรอบต่ำเครื่องไม่ต้องทำงานหนัก ไม่ต้องเค้นแรงมาก ส่วนเรื่องความคุ้มค่าก็ต้องมาเทียบกับราคาค่าตัวว่าต่างกันแค่ไหน เงินส่วนต่างคุ้มกับค่าน้ำมันที่ลดลงมั้ย
ปล. ส่วนเบนซิน 1.5 เทอร์โบ ของ civic ใหม่ก็น่าสนใจ เห็นแรงม้าแรงบิด อัตราเร่ง สุดยอดมาก
ปล.2 มีรีวิวนึงของอังกฤษบอกว่าเครื่อง 2.0 มีกำลังฉุดลากมากกว่า ไม่ใช่เพราะดีเซลไม่มีแรง แต่เพราะระบบระบายความร้อนดีเซลสู้เบนซินไม่ได้ เลยจำกัดนน.การลากไว้น้อยกว่า
ปล.3 ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับแต่ละประเทศว่าชอบรถสไตล์ไหน การเซ็ตเครื่องยนต์ก็แตกต่างกันไป บางประเทศก็นิยมเบนซิน บางประเทศก็ชอบดีเซล แต่ทุกประเทศค่าตัว cx-3 ดีเซลแพงกว่าเบนซินหมด
-
ส่วนตัวผมนะ ยังไงก็ชอบฟิลของเบนซิลมากกว่าพอสมควร
แต่ถ้าในชีวิตจริง แบบไหนก็ได้ครับไม่ซีเรียส
ถ้าใน3รุ่นที่กล่าวมา ผมเลือกเบนซินทั้งหมดยกเว้นฟอร์จูน
-
ผมชอบดีเซลเทอโบ เนื่องจากเปนคนขับรถไม่เร็ว 130 - 140 ก้อผ่อนแล้ว
ดีเซล รอบมาไว แรงต้นดี ไม่ต้องรอรอบสูงๆแบบพวก n/a
-
ถ้าไม่ซีเรียส กับราคาน้ำมัน ปัจจุบันหรือแนวโน้ม4-5ปี หน้า
ไปเบนซินเครื่องใหญ่เถอะ หอม หวาน กว่าแน่ๆ แต่ถ้าเลือกได้ เบนซินผูกโบ ครับ
จากคนใช้ ดีเซลผูกโบ...
-
ชอบเบนซินมากกว่าครับ ขับมันทุกช่วง ดีเซลแรงดึงมีแต่ต้นๆแต่ถ้าขับเวลาเลนสวนมีประโยชน์คับ จริงๆผมนับเปนรุ่นๆไป อย่าง3คู่ที่ว่ามา Cx3 ผมเอาเบนซินแน่นอนคับ Fortuner เอาดีเซล 2.4 ดีกว่าไม่กินเท่าแน่ๆ ส่วน Cx5 แน่นอนคับต้องเปน 2.5 2WD
-
ชอบแรงบิดสูงรอบต่ำ
-
ถ้าเทียบตรงๆ CX5 2.5 Benzin vs 2.2 Diesel
ผมชอบเบนซินครับ ลากรอบได้สูง แรงดึงไม่รีบมาแต่มาต่อเนื่องและยาว ยิ่งเหยียบยิ่งมา
เสียงเครื่องไพเราะกว่า
ขับดีเซลแล้วมันอั้นๆ แรงดึงมาไวกว่าจริงแต่มาได้แป็บแปบเดียว เปลี่ยนเกียร์รอบตัด เริ่มดึงใหม่
เสียงเครื่องก็ดังแถมไม่เพราะสู้เบนซิน
สำหรับคู่นี้ไม่แปลกใจทำไม CX5 2.5 ได้ Bestdrive ปีที่แล้ว
แต่ถ้า FTN ผมเลือกดีเซลครับ
-
ผมรู้สึกแบบนี้ครับ
เรื่องอัตราสิ้นเปลือง ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ดีเซลเหนือกว่าในทุกกรณี
แต่ถ้าเรื่องสมรรถนะ อัตราเร่ง ผมมองว่า
ถ้าอยู่ในรถเล็ก น.น ตัวน้อยๆ เครื่องเบนซิลดูจะได้เปรียบกว่าดีเซลนะครับ
ต้นกับปลายเหนือกว่า กลางก็สูสี
ถ้าเป็นรถขนาดกลางๆ ก็จะสูสีกันทั้ง ต้นทั้งกลาง แต่ดีเซลปลายก็ยังเหร่ยวกว่านะ
แต่ถ้าเป็นรถขนาดใหญ่ๆ น.น ตัวมากขึ้นเท่าไหร่ เครื่องดีเซลก็จะได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น ทั้งต้น ทั้งกลาง และปลาย
-
ส่วนตัวชอบเบนซีนครับ ไม่ชอบแรงสั่นของดีเซล แล้วก็ชอบการลากรอบของเบนซีนมากกว่า
-
จากประสบการณ์ส่วนตัวผม ที่ขับรถมาหลายรุ่นมากในช่วงชีวิตอายุ 17-25
ตั้งแต่กระบะตัวล่างสุด ไปจนถึงยุโรปกลาง (MB E300)
- ผมเป็นคนเท้าหนัก สแตนดาร์ด 140 ถ้ารีบก็ 160+ ตลอดทาง (สายเอเชีย)
- เป็นคนโรคจิต(มาก) หางตาจะดูกระจกหลังเรียลทาม โดนใครจี้ตูดไม่ได้ ถ้ารู้ว่าสู้ไหว กดถึง 230 (เอาให้หายไปเลย)
ผมว่าขับเบนซิน NA นี่เหนื่อยมากกกกกกกกกกกกก ต้องลากรอบสูงทุกครั้งเวลาแว๊นส์ๆ
ปกติผมขับ Accord 2.4 ชิลๆที่ 140 พอเห็นกระบะเริ่มจี้เข้ามาๆ ก็กดลึกไปอีกนิด ความเร็วก็ค่อยๆไต่ไป แต่ดูแล้วไม่ไหวหนีไม่ออก ก็ต้องจิ้มมิดคันเร่งทุกที พอไปติดคันหน้าก็ต้องเบรค แล้วก็ต้องจิ้มมิดคันเร่งทุกทีเพื่อไม่ให้คันหลังรำคาญ ถ้าจะค่อยๆกด นี่ต้องไม่มองกระจกหลังเลย ไม่งั้นเกรงใจคันหลังที่ขับมาไวแล้วต้องมาติดตูดเรา เวลาขับแบบนี้แล้วเหนื่อยมาก รู้สึกสงสารรถก็สงสาร มันส์ก็มันส์ 555+
แต่เวลาขับ ดีเซล+หอย ทีไร ขับสบายมากกกกกกก แทบไม่ต้องเค้นคันเร่ง รู้สึกสบายกว่า เบนซิน NA มากๆ
ขนาดผมขับ ไทรตัน 2.4 ผมว่าคันเร่งยังเหยียบสบายกว่า Accord 2.4 มาก ขับ พิษณุโลก- กทม แทบไม่ต้องขยี้คันเร่งเลย ไม่เคยเหนื่อยกับคันเร่งเลย
หรือถ้ายิ่งควบ 320d นี่ไม่ต้องพูดเลย คันเร่งสวรรค์มากๆ สวรรค์จนไม่อยากกลับไปขับ เบนซิน NA อย่าง Accord2.4 หรือ Camry 2.5 เลย
ถ้ารถที่ผมจะซื้อมีตัวเลือก ดีเซล ขอเลือกก่อนเลยครับ
ผมชอบสเน่ห์ของดีเซลที่อยู่ในร่างเก๋งมากๆ ผมว่าเสียงเครื่องดีเซลในรถเก๋งมันแปลกดีครับ ไปสตาร์ทแถวบ้านนอกที คนมองกันพรึบ นึกว่ารถไถนา 555+
-
หลังจากไปเทส 520d กับ 528i ผมได้คำตอบเลยว่า ดีเซลพ่วงหอยไม่ใช่คำตอบสำหรับผม จริงอยู่แรงบิดมาไว ขับในเมืองจี๊ดจ๊าด แต่พอขึ้นไฮเวย์ปลายเหี่ยวลีบในบัดดลเช่นกัน อย่างว่าจะมาเทียบกับ 528i ก็กระไรอยู่ เพราะมันพ่วงโบ
เอาเป็นว่าผมชอบฟีลเบนซินหายใจเองมากกว่า แต่ต้องบล็อคใหญ่หน่อย พวก 6 สูบ v6 v8 ได้หมด แรงบิดมาเร็วกลางๆ แต่มานาน มาทน ตีนปลายมาพร้อมม้าที่แน่นคอกนั่นแหละ ที่สำคัญเสียงของม้าหวานซะด้วยสิ แผดรอบมันเข้าไป 8)
-
เบนซินครับ NA แล้วยิ่งถ้า MT ด้วยนะ ใครแรงกว่า แซงไปเลยครับ ผมสนุกของผมเองได้
-
เห็นด้วย ดีเซลเทอโบ กดสบายกว่าเยอะ เบรคแล้วเร่งต่อไม่ต้องมาเหยียบมิดรอรอบแบบ เบนซิน
จากประสบการณ์ส่วนตัวผม ที่ขับรถมาหลายรุ่นมากในช่วงชีวิตอายุ 17-25
ตั้งแต่กระบะตัวล่างสุด ไปจนถึงยุโรปกลาง (MB E300)
- ผมเป็นคนเท้าหนัก สแตนดาร์ด 140 ถ้ารีบก็ 160+ ตลอดทาง (สายเอเชีย)
- เป็นคนโรคจิต(มาก) หางตาจะดูกระจกหลังเรียลทาม โดนใครจี้ตูดไม่ได้ ถ้ารู้ว่าสู้ไหว กดถึง 230 (เอาให้หายไปเลย)
ผมว่าขับเบนซิน NA นี่เหนื่อยมากกกกกกกกกกกกก ต้องลากรอบสูงทุกครั้งเวลาแว๊นส์ๆ
ปกติผมขับ Accord 2.4 ชิลๆที่ 140 พอเห็นกระบะเริ่มจี้เข้ามาๆ ก็กดลึกไปอีกนิด ความเร็วก็ค่อยๆไต่ไป แต่ดูแล้วไม่ไหวหนีไม่ออก ก็ต้องจิ้มมิดคันเร่งทุกที พอไปติดคันหน้าก็ต้องเบรค แล้วก็ต้องจิ้มมิดคันเร่งทุกทีเพื่อไม่ให้คันหลังรำคาญ ถ้าจะค่อยๆกด นี่ต้องไม่มองกระจกหลังเลย ไม่งั้นเกรงใจคันหลังที่ขับมาไวแล้วต้องมาติดตูดเรา เวลาขับแบบนี้แล้วเหนื่อยมาก รู้สึกสงสารรถก็สงสาร มันส์ก็มันส์ 555+
แต่เวลาขับ ดีเซล+หอย ทีไร ขับสบายมากกกกกกก แทบไม่ต้องเค้นคันเร่ง รู้สึกสบายกว่า เบนซิน NA มากๆ
ขนาดผมขับ ไทรตัน 2.4 ผมว่าคันเร่งยังเหยียบสบายกว่า Accord 2.4 มาก ขับ พิษณุโลก- กทม แทบไม่ต้องขยี้คันเร่งเลย ไม่เคยเหนื่อยกับคันเร่งเลย
หรือถ้ายิ่งควบ 320d นี่ไม่ต้องพูดเลย คันเร่งสวรรค์มากๆ สวรรค์จนไม่อยากกลับไปขับ เบนซิน NA อย่าง Accord2.4 หรือ Camry 2.5 เลย
ถ้ารถที่ผมจะซื้อมีตัวเลือก ดีเซล ขอเลือกก่อนเลยครับ
ผมชอบสเน่ห์ของดีเซลที่อยู่ในร่างเก๋งมากๆ ผมว่าเสียงเครื่องดีเซลในรถเก๋งมันแปลกดีครับ ไปสตาร์ทแถวบ้านนอกที คนมองกันพรึบ นึกว่ารถไถนา 555+
-
เบนซินเทอร์โบครับ ลากดึงๆ ยาวๆ